หน้าหลัก / โรแมนติก / จะรักหรือจะร้าย / จะรักหรือจะร้าย | บทนำ

แชร์

จะรักหรือจะร้าย
จะรักหรือจะร้าย
ผู้แต่ง: ACHICHI

จะรักหรือจะร้าย | บทนำ

ผู้เขียน: ACHICHI
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-14 20:05:22

PROLOGUE

สองเดือนก่อนหน้า

            “ที่นี่แน่?”

            “ในกลุ่มที่เขามูกันก็บอกว่าที่นี่แหละได้แน่”

            “กลุ่มที่แกว่านี่เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน?”

            “จำพี่ดาได้ไหม?”

            “ดาไหน?”

            “ก็ดาที่เพิ่งแต่งงานกับแฟนฝรั่งไปไง”

            “อ๋อ… นึกออกแล้ว”

            “อย่าพูดไปล่ะ… ปีที่แล้วพี่ดาก็มาขอจากเจ้าแม่นี่แหละ”

            “…”

            คนที่ยืนอยู่ข้างกันไม่ขยายความอะไรต่อแต่เดินสาวเท้าเข้าไปในประตูไม้สีแดงบานคู่สูงเกือบสามเมตรเหมือนกันกับคนอื่น เพราะตั้งใจที่จะมาอยู่แล้วถึงจะแปลกใจกับสถานที่อยู่ไม่น้อย แต่ท้ายที่สุดฉันก็เดินตามเพื่อนเข้าไปอีกคน

            น่าแปลก… อากาศด้านนอกร้อนอย่างกับเตาอบแต่พอก้าวพ้นธรณีประตูเข้ามาด้านในกลับรู้สึกเย็นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ทั้งที่มันเป็นพื้นที่เปิดโล่งเป็นลานปูนขัดมันแบบไม่มีหลังคาใด ๆ จะมีหลังคาสูงก็แค่ตรงรูปสลักที่พอจะมองออกว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิ ใบหน้าของรูปปั้นปูนหล่อนั้นผุดยิ้มพราย มีผ้าสักหลาดสีแดงพาดอยู่ระหว่างช่วงไหล่กับอกประดับประดาด้วยเครื่องเงินเงาวับ

            ดู… น่าเกรงขาม…

            ขนาดเป็นวันธรรมดายังมีผู้คนหลั่งไหลตบเท้าเดินเข้ามาไม่ขาดสาย ทุกคนล้วนเป็นเพศเดียวกับฉัน ส่วนมากเป็นสาว ๆ แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกันที่อายุอานามเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ที่ลานปูนโล่ง ๆ ผู้คนที่เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมากกำลังถือธูปเทียนพนมมือขอพรในสิ่งที่ ‘เจ้าแม่’ ท่านเลื่องชื่อลือนามเป็นไวรัลเฟซบุ๊กในช่วงเดือนที่ผ่านมา

            เดาสิว่าเรื่องอะไร…

            สาวมากันเพียบขนาดนี้… ไม่ต้องบอกก็น่าจะพอเดากันได้ว่าเป็นเรื่อง ‘ความรัก’ นั่นเอง

            “หยี”

            “…”

            “หยี…”

            “อือ”

            “อย่ามัวแต่มอง เดี๋ยวคนอื่นแซงคิวไปไกลหรอก”

            “บ้า…”

            ฉันหัวเราะออกมาพร้อมทั้งรับธูปเทียนมาจาก ‘ลูกกวาด’ เพื่อนสนิทในชีวิตเพียงคนเดียว ดวงหน้าสดใสยิ้มแย้มตามลักษณะนิสัยของเจ้าตัว ก่อนจะฉุดมือฉันให้ทิ้งตัวลงนั่งขอพรด้วยกัน

            มันก็คงจริงอย่างเพื่อนว่า ถ้ามัวแต่ชักช้ามากไปกว่านี้คงต้องต่อคิวอีกหลายร้อย คนไม่รู้จักรอบตัวกำลังขยับปากพึมพำขอพรกันด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ กระทั่งคนข้าง ๆ ฉันเองก็ไม่ต่างกัน ในขณะที่ฉันกำลังสำรวจมองไปรอบ ๆ เพื่อเก็บข้อมูล กวาดก็ตั้งจิตอธิษฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

            ฉันพ่นลมหายใจออกทางปาก ก่อนจะเงยหน้ามองรูปสลักสูงกว่าห้าเมตรด้วยจิตใจตั้งมั่น ยกมือขึ้นพนม กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะ ‘ผู้ชาย’ แบบที่ตั้งใจจะขอนั้นอาจจะมีสเป็กสูงกว่ามาตรฐานไม่มากก็น้อย

            หลังจากตั้งจิตให้มั่นแล้วฉันก็ร่ายยาวถึงผู้ชายในฝันที่อยากได้ ไม่ใช่แค่เป็นใครก็ได้ แต่ต้องมีในหลายสิ่งที่ฉันต้องการเพราะ ‘ยาหยี’ คนนี้… ไม่ใช่ผู้หญิงง่าย ๆ อะไรก็ได้

            ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะเรื่องมากนิดหน่อย จริง ๆ ก็ไม่นิดหรอก เรื่องมากโคตร ๆ เลยก็แล้วกัน…

            หลังจากขอพรจนหนำใจให้คุ้มกับที่ ‘เขาว่ากันว่า’ ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงก็ได้ฤกษ์ลืมตาขึ้นมายกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเลียนแบบคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเยื้องกันทางด้านหน้าพร้อมทั้งพึมพำเบา ๆ ว่า

            “เพี้ยง”

            “ขอนานขนาดนี้เจ้าแม่ต้องให้แล้วไหมล่ะ” เสียงกลั้วหัวเราะของอีกคนทำให้ต้องหลุดขำออกมา

            “ขอให้ได้จริง”

            ฉันหันไปยักคิ้วให้กวาดที่คงขอพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว สังเกตได้จากที่เจ้าตัวยืนกอดอกรอโดยที่ไม่มีธูปไม่มีเทียนอยู่ในมือ

            หลังจากที่ปักธูปที่หน้าแท่นบูชาเสร็จเรียบร้อย ฉันก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าแม่อีกรอบพร้อมทั้งพึมพำย้ำในใจกลัวท่านจะลืมว่า ‘ขอคนหล่อ ๆ นะเจ้าแม่’

            เราสองคนพากันเดินออกจากลานสวนทางกับคนมาใหม่ที่กำลังเดินเข้าไป แค่พ้นธรณีประตูออกมา ลมเย็น ๆ ก็พัดมาปะทะใบหน้า แผ่นผ้าสีแดงหน้ากำแพงทางเข้าโบกสะบัดรุนแรงเพราะแรงลมอย่างกับในละครเวลาถึงฉากแสดงอภินิหาร ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าดำทะมึนด้วยจิตใจที่กระหน่ำเต้นแรง

            และจังหวะนั้นเองเสียงสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น…

            “ค่ะแม่”

            ‘หยีอยู่ไหนแล้วลูก?’

            “หยีกำลังจะกลับแล้วค่ะ”

            ‘รีบกลับมานะลูก แม่มีข่าวจะบอก’

            “อย่าบอกนะคะ…”

            ฉันกระตุกมือคนที่กำลังเดินนำอยู่ด้านหน้าเพื่อให้หยุดรอ ตะแคงหูรอฟังสิ่งที่แม่กำลังจะบอก เพราะช่วงนี้ครอบครัวเรามีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่กำลังตั้งตารอ

            ‘หนูจำเฮียครามได้ไหมลูก?’ เสียงปลายสายดูสดใสกว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมาทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมา

            “เฮียคราม?”

            ‘ก็ลูกชายป้าชิดจันทร์ไง… ที่เคยเล่นด้วยกันตอนเด็ก ๆ’

            “จำ… ได้ค่ะ…”

            ‘เขาเปลี่ยนใจตกลงจะแต่งกับหนูแล้วนะลูก’

            “หา?”

            ‘ฟังไม่ผิดหรอกหยี… ครอบครัวเรารอดแล้วแน่นอน’

           

            สิบนาทีต่อมา

            ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถ… ในใจกำลังนึกถึงคนที่แม่พูดถึงอย่างคิดไม่ตก…

            ตอนนี้ครอบครัวฉันกำลังจะล้มละลายเพราะถังแตกไม่มีปัญญาใช้หนี้เกือบร้อยล้านเนื่องจากสถานการณ์ช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการขายของบริษัทลูกหลายบริษัทที่พ่อแม่เป็นเจ้าของอยู่ คุณป้าชิดจันทร์ไม่ใช่เพื่อนคนเดียวที่แม่ฉันกำลังทาบทามลูกชายมาให้ แลกกับการที่อีกฝ่ายต้องยื่นมือช่วยเหลือเรื่องการเงินที่หนักหนาสาหัสของครอบครัวฉัน แต่ยังมีอีกหลายคนที่กี่ที ๆ ก็แห้ว เพราะหนี้ของเรามันมหาศาลเกินกว่าใครจะอยากมายุ่งเกี่ยว

            ใช่… ฉันกำลังจะถูกจับคลุมถุงชนเหมือนในละครหลังข่าวที่เคยเห็นกันบ่อย ๆ นั่นแหละ ที่ต่างจากละครก็คือ ‘ฉันเต็มใจ’ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน…

            ที่มันคิดไม่ตกก็เป็นเพราะ ฉันจำเฮียครามอะไรนั่นได้ดี… เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสัมพันธ์แน่นแฟ้นของพวกผู้ใหญ่จะจืดจางลง แม่ฉันซี้กับป้าชิดจันทร์มากที่สุด ตอนแรกดูเหมือนลูกชายเขาจะปฏิเสธมา และไม่คิดเหมือนกันว่าตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นตกปากรับคำ

            เฮียคราม… เป็นผู้ชายเงียบ ๆ ท่าทางเบื่อโลก ไม่สนใจอะไรรอบตัว และนิสัยไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร… ถึงจะหน้าตาค่อนข้างดีแต่ก็ไม่ได้หล่อเลิศเท่ากับเทพบุตรที่ฉันขอพรกับเจ้าแม่ไปเมื่อครู่ก่อนนี้เลย

            อย่าถามล่ะว่าฉันขอให้หล่อเบอร์ไหน…

            แต่ฟังจากที่แม่โฆษณามา… ดูเหมือนคนที่ว่าจะหล่อขึ้นหลายขุม และตอนนี้ฉันก็ไม่มีแก่จิตแก่ใจจะขับรถเพราะอยากจะเห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตอันใกล้จนอดรนทนเจอหน้าวันที่นัดดูตัวกันไม่ได้ ต้องรีบให้แม่ไปขอรูปลูกชายเขามา

            อือฮึ… ถังแตกแล้วยังเรื่องมากก็นี่แหละ ยาหยีเอง…

            ติ๊ง

            และวินาทีที่รอคอยก็มาถึงเมื่อหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบเด้งการแจ้งเตือนขึ้นมาว่าแม่ได้ส่งรูปภาพที่ว่านั่นมาแล้ว หัวใจฉันเต้นแรงเพราะความตื่นเต้น ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวภาวนากับเจ้าแม่อีกครั้งก่อนจะปัดหน้าจอขึ้นเพื่อดู…

            ความตื่นเต้นเมื่อวินาทีก่อนเทียบไม่ได้เลยกับจังหวะหัวใจในตอนนี้ที่กำลังลงจังหวะหนัก ไต่ระดับความเร็วขึ้นทีละน้อย การได้พบกันสมัยยังเด็กมันนานมากจนจำใบหน้านิ่งสนิทเฉยชาของเฮียครามแทบไม่ได้

แต่ตอนนี้แค่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่กำลังแสดงสีหน้าแบบเดียวกันกับตอนก่อนนู้นราวกับโดนบังคับให้ถ่ายรูปทำให้รายละเอียดเมื่อช่วงเวลาเกือบสิบปีก่อนฉายชัดกลับเข้ามา

ฉันลากนิ้วผ่านหน้าจอซูมเข้าซูมออกอยู่หลายรอบก็ยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น ที่แม่บอกว่าลูกชายคุณป้าชิดจันทร์หล่อขึ้นเป็นกองน่าจะไม่ใช่เรื่องหลอกลวง

ฉันวางโทรศัพท์ลงบนตัก ทิ้งแผ่นหลังพิงเบาะที่นั่งคนขับ สายตาชำเลืองมองออกไปนอกตัวรถ เพราะประตูลานเจ้าแม่ที่เพิ่งออกมาเมื่อสิบนาทีก่อนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ารูปสลักทำให้แม้มองจากตรงนี้ก็ยังเห็นใบหน้าที่กำลังยิ้มพรายได้อย่างชัดเจน

ท่าทางเจ้าแม่จะลัดคิวให้ยาหยีก่อนใครไม่ต้องสงสัยเลย…

ถึงแม้ใบหน้ามึนตึงของเฮียครามจะยังเหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้คนที่ไม่ได้เจอกันนานร่วมสิบปี…

            มีหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ยังกับไอดอลเกาหลีที่อีหยีฝันใฝ่ หล่อแบบวัวตายควายตะลึง…

            และใช่… หล่อแบบนี้เลยที่ยาหยีโอเค

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 3

    EPISODE 50ตอนพิเศษ 3 วันต่อมา ผมตื่นแล้ว… เพราะเสียงรัวกดกริ่งดังไม่หยุดที่หน้าบ้านนั่น ให้เดาก็คงเป็นไอ้พริกกับไอ้รามนั่นแหละ แต่ต่อให้เสียงกริ่งจะดังแค่ไหนก็ดูเหมือนคนข้าง ๆ จะไม่ได้ยิน รู้อีกทีผมก็อุ้มหลานพาดบ่า ถือตะกร้าขวดนมเดินลงมาข้างล่าง สภาพสะลึมสะลือขีดสุดเพราะแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน นัยน์ตาต้องหรี่ลงเพราะแสงอาทิตย์จ้าในช่วงสายของวัน “สภาพน่ารักแบบนี้กูต้องอัดรูปใส่กรอบแล้วมั้ง” เสียงร่าเริงของไอ้ห่ารามดังขึ้น พร้อมกันมันก็รีบยกโทรศัพท์รัวถ่ายรูปยกใหญ่ “ยิ้มเป็นไงบ้าง?” พอประตูเปิด คนเป็นแม่รีบรับลูกต่อไป ท่าทางเป็นห่วง ผมส่งต่อตะกร้านมให้ไอ้ราม ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน “ขี้ทั้งคืน มึงรีบพาไปหาหมอเลย” “โถ…” “แค่นี้นะ กูจะไปนอน” “ตอนเย็นมาแดกข้าวด้วย” เสียงไอ้รามยังคงดังต่อ ผมไม่ได้สนใจเพียงแค่หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน โบกมือให้มันนิดหน่อยเท่านั้น พอขึ้นมาถึงห้องนอนก็พบว่าหยีเหมือนจะเพิ่งตื่น หัวผงกขึ้นมองเล็กน้อย นัยน์ตาใสปรือมองก่อนจะตบที่นอน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 2

    EPISODE 49ตอนพิเศษ 2 หลายชั่วโมงต่อมา “เฮียชงนมเสร็จรึยัง?” “แป๊บ” “ยิ้มร้องไม่หยุดเลยทำไงดี?” “เดี๋ยวเฮียอุ้มเอง หยีไปอาบน้ำได้แล้ว” “ไม่เอาอะ” ผมเดินกลับมาหาคนที่กำลังยืนอุ้มหนูยิ้มพาดบ่า เสียงร้องไห้โยเยดังมาได้ร่วมชั่วโมงแล้วแบบไม่มีพัก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยิ้มถึงได้ร้องไม่หยุดแบบนี้ แต่จะให้โทรไปบอกให้พริกก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวแม่งไม่เป็นอันทำห่าอะไรกันพอดี หยีไม่ยอมให้เอายิ้มมา กลับเดินหนีไปอีกทาง วางร่างเล็กของหลานไว้บนเตียงก่อนจะป้อนนมเข้าปากเล็กนั่น และพอได้จับขวดนม นัยน์ตาใสแป๋วที่เมื่อครู่มีน้ำตาคลอก็ชะงักเงียบไป มืออ้วนป้อมจับขวดนมถือเอง พลิกตัวไปทางเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ผมเม้มปากกลั้นยิ้ม ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ แม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำแต่เพราะสถานการณ์เมื่อครู่ทำให้แอบเหนื่อยไม่น้อย ทั้งที่ปกติหนูยิ้มเป็นเด็กที่ไม่ค่อยร้อง แต่อาจจะเป็นเพราะห่างพ่อห่างแม่ทำให้เกิดอาการร้องไม่หยุดแบบนี้ ก็เด็กนั่นแหละ แถมเป็นหลานผมด้วย จะบอกว่ารักเหมือนลูกตัวเองก็คงไม่ผิดนัก

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 1

    EPISODE 48ตอนพิเศษ 1 KRAM TALKS เวลาผ่านเลยไปก็หลายเดือน ทุกอย่างดูสงบสุขดี เว้นก็แต่… หยีไม่ยอมกินข้าวเลย เอาแต่ทำงาน ซ้ำยังไม่มีเวลาให้คนเป็นสามีแบบผมด้วย และใช่… มันน่าหงุดหงิด อยากจะจับมาฟัดสักทีสองที บรรยากาศในบ้านช่วงบ่ายอ่อน ๆ ที่แสนจะเงียบเชียบ มีเสียง ‘ต๊อกแต๊ก ๆ’ ดังอยู่เหมือนเช่นทุกวัน ต่อให้ผมเดินผ่าน หรือเปิดประตูบ้านเข้ามา คนที่กำลังนั่งห่อตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ใส่แว่นตาทรงโต ในรูจมูกข้างหนึ่งมียาดมเสียบเอาไว้ ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจกันเลยแม้แต่นิด ช่วงนี้หยีจริงจังกับการเขียนนิยายมากจนผมไม่อยากจะไปกวน แต่บางทีมันก็แอบอยากอยู่ด้วย อยากชวนไปข้างนอก ไม่ก็ชวนหาอะไรทำ… เราไม่ได้เข้านอนพร้อมกันมาร่วมเดือนแล้ว และเรื่องพวกนั้นก็แทบไม่ได้ทำกันเลย เพราะน้องมันเอาแต่ทำงาน พอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับเป็นตาย ใครแม่งจะไปกล้ากวน แต่เพราะระยะนี้เจ้าตัวออกจะอาการหนักเกินไปสักหน่อย ถึงขั้นไม่กินข้าวกินปลาเหมือนตอนก่อนนู้นสมัยที่เราย้ายมาอยู่ด้วยกันแรก ๆ ผมเลยตั้งใจว่าอาจจะต้องบังคับให้เมียหยุดทำงาน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 47 | ก้าวไปข้างหน้า

    EPISODE 47ก้าวไปข้างหน้า หลายเดือนต่อมา “กรี๊ด!!!!!!” “อะไร…” “เฮีย! ตื่นมาดูนี่เร็ว!” “…” คนข้าง ๆ ยกหัวขึ้นมามองในตอนที่ฉันกำลังส่องหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู มือไม้สั่นหนักจนเฮียครามต้องดึงไปดูเอาเอง คิ้วหนาเลื่อนเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจจนฉันต้องดึงมันกลับมาดูอีกครั้ง ส่งเสียงวี้ดว้ายไปมาอย่างหยุดไม่อยู่ “เฮีย! นิยายของหยี… ได้ขึ้นหน้าหนึ่งขายดีแล้วนะ!!!” “อืม…” “เฮียอะ!! ไม่ดีใจหน่อยเหรอ?” “ดีใจดิ” “เฮียดูสิ ๆ ๆ หยีตื่นเต้นอะ!” “ใจเย็น” คนข้าง ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหัวเราะออกมาเบา ๆ ดึงเอาตัวฉันไปกอดจูบลงบนเรือนผมกันสองสามที ถึงจะไม่ได้แสดงอาการดีอกดีใจได้มากไปกว่านี้ แต่แค่นี้สำหรับคนแบบเฮียแล้วก็ถือว่าโอเค… และใช่… หลังจากที่ฉันตั้งอกตั้งใจเขียนนิยายต่อเนื่องกันอยู่หลายเดือนแบบที่เรียกได้ว่าข้าวปลาไม่สนใจจะกิน ตอนนี้ก็ราวกับว่าความพยายามนั้นสัมฤทธิ์ผลเข้าให้แล้ว การตั้งตารอให้นิยายที่ตัวเองเขียนขึ้นหน้าขายดีของ

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 46 | งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา

    EPISODE 46งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ฉันยังคงนั่งนิ่ง พยายามเก็บอาการตระหนกตกใจเอาไว้ไม่ให้ผิดสังเกต คนข้าง ๆ กำลังทำเป็นส่งยิ้มให้คนอื่น ๆ แบบที่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเฮียจะฝืนใจตัวเองทำแบบนี้ได้ลง แต่ก็อย่างที่เห็นว่าเขากำลังทำ “เฮียทำไรอะ?” พอเห็นว่าอีกสามคนไม่ได้มองอยู่ ฉันก็รีบกระซิบถามทันที เฮียครามไหวไหล่เล็กน้อยราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “แค่มาอยู่เป็นเพื่อนหยีไง” “ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” “บอกแล้วไงว่าเป็นของขวัญ” “แต่…” “ไม่เป็นไร… เฮียตั้งใจจะช่วยเด็ก ๆ อยู่แล้ว” คนข้าง ๆ ยิ้มใจดี เลื่อนมือมากุมมือฉันไว้เมื่อเห็นว่าฉันผู้ซึ่งได้รับความช่วยเหลือแบบที่ว่านี้ไม่ได้ยินดีอะไรนัก ดูก็รู้ว่าเฮียคงอยากจะช่วยทำให้ฉันหายเป็นกังวลในเรื่องสังคมป่วย ๆ นี่ และใช่… ฉันไม่เห็นด้วยที่เฮียจะทำถึงขนาดนี้ แต่ถ้าเขาพูดมางั้นว่าอยากช่วยน้อง ๆ ฉันจะไปทำอะไรได้ ก็แค่… ไม่คิดว่าเฮียจะเต็มใจมาจนถึงขั้นแต่งองค์ทรงเครื่องเบอร์นี้ “เอ… จริง ๆ ยิหวาคุ้นหน้าเฮียครามมากเลยนะคะ” เสียงคนตรงหน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 45 | ครบรอบ

    EPISODE 45ครบรอบ หลายวันต่อมา ฉันกำลังแต่งตัวเตรียมไปงานเปิดตัวกระเป๋าอะไรสักอย่างนั่นของคุณส้มที่ลิลลี่พูดถึง ถึงใจจะไม่อยากไป แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะเป็นคนเดียวที่ถูกนินทาก็เลยจำใจต้องไป เฮียครามเพิ่งกลับมาจากข้างนอก กำลังถอดเสื้อเชิ้ตโยนใส่ตะกร้า เท้าสะเอวมองมาเงียบ ๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้เฮียฟังอีก ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาไม่ชอบที่จะให้ฉันไปปั้นหน้าเข้าสังคมแบบนั้น แต่ถึงงั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่แน่นอนว่าก็ไม่ยอมไปด้วยอยู่ดี “หยีน่าจะกลับดึก ๆ หน่อย”ฉันว่าพลางใส่ต่างหูที่กลั้นใจซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่บอกว่ากลั้นใจซื้อเพราะว่าระยะหลังมานี้ฉันไม่ได้มีเงินให้ใช้ฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน ถึงสถานการณ์ที่บ้านกำลังอยู่ในช่วงที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ฉันก็ไม่อยากจะไปรบกวนอะไรให้มากนัก อีกทั้งเฮียเองก็บังคับให้ใช้เงินเขา เพราะงั้นไอ้ของฟุ่มเฟือยนี่ก็คือเงินเก็บของฉันเองที่ได้จากการขายงานนั่นแหละ“สวยไหม?”หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็หันกลับไปหมุนตัวให้คนเป็นสามีดู เฮียที่ยังคงอยู่ในสภาวะหน้านิ่งชำเลืองข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status