ตอนที่ 74 ก่อกบฏตำหนักจื่อหลัว ห้องรอประสูติ ยามสายบรรยากาศภายในห้องสงบนิ่ง ทุกสายตากำลังจับจ้องที่ประตูด้านในเสียงของทารกยังไม่ดังขึ้น แต่สายลมเย็นแปลกประหลาดกลับไหลเข้ามาผ่านบานหน้าต่างที่เปิดไว้ฮ่องเต้กู้เสียนหรง ประทับอยู่เงียบ ๆ เบื้องหน้าพระโต๊ะชาซูเยียนฮองเฮา และ พระสนมสองนาง นั่งสงบเรียบร้อยเคียงข้าง ทุกคนต่างจับตาเวลานาทีสำคัญที่กำลังจะมาถึง เสียงร้องของทารกน้อยก็ดังขึ้นจากห้องด้านใน สักพักหมอหลวงก็เปิดประตูออกก้มศีรษะลงลึกแล้วเอ่ยเสียงดังชัด “ทรงประสูติพระโอรสพ่ะย่ะค่ะ!” ซูเยียนกำลังจะลุกขึ้นกล่าวคำแสดงความยินดีทว่า เสียงฝีเท้าหนัก และเสียงเปิดประตูอย่างไร้มารยาท ก็ดังขึ้นจากภายนอกประตูตำหนักเปิดผาง ดึงดูดความสนใจนางไปก่อนจะปรากฏร่างสูงในอาภรณ์ตะวันออกเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน เบื้องหลังคือกำลังองครักษ์ติดตามนับสิบองค์รัชทายาท กู้ซ่งหยวน เดินตรงเข้ามากลางตำหนักแล้วทรุดกายคำนับแต่ท่าทีกลับไม่แฝงความเคารพแม้แต่น้อย“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกมาเยี่ยมกุ้ยเฟยที่คลอดบุตรในวันนี้”น้ำเสียงของเขานุ่มนวล หากแฝงความเย้ยหยันเจืออยู่ลึก ๆ อย่างไม่ปิดบังฮองเฮ
ตอนที่ 73 กลิ่นคาวเลือดตำหนักเสวียนหยาง ห้องทรงอักษรยามค่ำ “ฝ่าบาท...ผู้บัญชาการเหลียนเหวินจื่อ ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋อี้กล่าวรายงานเสียงแผ่วเบา ฮ่องเต้ละสายพระเนตรจากเอกสารกล่าว “ให้เข้ามา” ร่างสูงในชุดดำก้าวเข้ามาอย่างเงียบงัน ก่อนจะคุกเข่าลงด้วยความเคารพ“ฝ่าบาท...กระหม่อมมีเรื่องเร่งด่วนต้องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ” พระขนงขมวดเพียงเล็กน้อยเป็นเชิงอนุญาตให้พูดต่อเหลียนเหวินจื่อ ก้มหน้าก่อนเอ่ยเสียงนิ่งเรียบ “ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา...มีการเคลื่อนไหวผิดปกติขององค์รักษ์บางส่วนภายในวังหลวงพ่ะย่ะค่ะเส้นทางลาดตระเวนมีการสลับกำลังโดยไม่ผ่านคำสั่งตรง และบางคนมีติดต่อบุคคลนอกวังในยามวิกาล”ฮ่องเต้ทรงนิ่งฟังโดยไม่แทรก เหลียนเหวินจื่อกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม “กระหม่อมเห็นว่าป้องกันไว้ดีแก้ เมื่อสักครู่จึงได้เรียกหน่วยเสริมจากหน่วยเงานอกเมืองเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ”บรรยากาศในห้องทรงอักษรเยียบลงอย่างชัดเจนแสงคบเพลิงยังคงไหวอยู่ข้างฝา แต่พระเนตรของฮ่องเต้กลับนิ่งลึกดั่งทะเลไร้คลื่น กล่าวมาถึงนี้ เหลือเพียงคำว่า มีคนคิดก่อกบฏเท่านั้นที่เหลียนเ
ตอนที่ 72 รอลมบูรพาสารชัยชนะจากชายแดนตะวันออกระบุชัดเจนว่า ทั้งแคว้นเฟิงเหลียนและแคว้นหลงซีส่งทูตมอบตัว ยอมจำนน พร้อมบรรณาการล้ำค่าบรรยากาศในท้องพระโรงไม่เคร่งขรึมดังเช่นเคย เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ยืนเรียงกันอย่างมีระเบียบ แววตาหลายคู่เปล่งประกายด้วยความยินดีกล่าวพูดคุยกันอย่างสนิทสนม หลังจากเสด็จออกจากท้องพระโรง ฮ่องเต้ก็บอกกับขันทีข้างกาย “ไปตำหนักจื่อหลัวก่อน”ตำหนักจื่อหลัว เวินกุ้ยเฟยประทับอยู่บนตั่งไม้แกะลาย ลูบถ้วยชาร้อนเบา ๆ พลางทอดพระเนตรไปยังสวนด้านนอกอย่างสงบเมื่อเสียงขันทีหน้าตำหนักเอ่ยรายงานว่า ฮ่องเต้เสด็จมา นางก็กำลังขยับพระวรกายหมายจะลุกขึ้นทำความเคารพโดยพลันแต่ยังไม่ทันลุกเต็มที่ ฮ่องเต้กู้เสียนหรงก็เสด็จเข้ามาด้วยพระพักตร์แจ่มใส พระหัตถ์ยกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงห้าม“ช่วงนี้เจ้าไม่ต้องทำความเคารพแล้ว”เวินกุ้ยเฟยชะงัก แล้วรีบโน้มพระวรกายเล็กน้อย“หม่อมฉันขอบพระทัยในพระเมตตาเพคะ”น้ำเสียงอ่อนน้อมของนางเต็มไปด้วยความสำนึกในพระกรุณา ฮ่องเต้ทรงก้าวเข้าไปประคองพระนางให้ประทับลงอย่างอ่อนโยน“ช่วงนี้เจ้าควรพักมากกว่าเคลื่อนไหว”พระสุร
ตอนที่ 71 ยอมจำนนตำหนักรัชทายาท ยามค่ำแสงโคมส่องใบหน้าของรัชทายาทกู้ซ่งหยวน ที่กำลังทอดพระเนตรสารจากชายแดนตะวันออกพระขนงขมวดแน่นขณะอ่านจบนิ้วเรียวยาวบีบกระดาษในมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว“เมืองซือกวงตกภายในวันเดียว…”พระสุรเสียงทุ้มต่ำคล้ายรำพึง หากในนัยน์ตากลับมีแต่ความร้อนรนไม่ใช่เพราะความยินดี แต่เพราะความหวั่นไหว“...ตำแหน่งของข้า คงไม่มั่นคงอีกต่อไปแล้ว”ครั้งนี้ รัชทายาทไม่เร่งเสด็จไปตำหนักของฮองเฮาเฉกเช่นเคย พระองค์ลุกขึ้นยืนช้า ๆ พระวรกายสูงโปร่งเคลื่อนไปยังหน้าต่าง มือประสานหลังแน่นราวกดกลั้นบางอย่างไว้ในอกพระเนตรทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเพียงความมืดที่ล้อมรอบตำหนักครู่หนึ่ง พระองค์หันกลับมาสายตาคมวาบไปยังองครักษ์ลับที่ยืนเงียบอยู่มุมห้อง“จัดการแผนที่เตรียมไว้ได้เลย”องครักษ์โค้งศีรษะรับคำ ก่อนจะหายไปในความเงียบของเงามืดชายแดนตะวันออก ค่ายบัญชาการใหญ่ของทัพเยี่ยนโจว ภายในกระโจมบัญชาการอันสงบงัน แสงคบเพลิงส่องสว่างรอบด้าน เงาทหารยามยืนตรงแน่นิ่งหน้าทางเข้าชินอ๋องกู้เซียวอวิ้นประทับอยู่บนตั่งไม้สูง สีหน้าเรียบเฉยขณะทอดพระเนตรไปยังแขกรับเชิญสองกลุ่มต
ตอนที่ 70 ตีเมืองชายแดนตะวันออก นอกเขตเมืองซือกวงเสียงโลหะปะทะดังกระหึ่มทั่วสนามรบธงรบของแคว้นเยี่ยนโจวโบกสะบัดอยู่กลางกลุ่มควันฝุ่นคลุ้งเสียงฝีเท้าทหารกระทืบพื้นพร้อมเสียงโห่ร้องแผดลั่นเสียงตะโกนของทหารจากแคว้นเฟิงเหลียนดังลอดควันไฟ สายตาแตกตื่นจับจ้องกองกำลังที่เคลื่อนทัพอย่างเป็นระเบียบ ราวกับไม่เหน็ดเหนื่อยแม้ผ่านศึกหนักการเคลื่อนไหวของทัพเยี่ยนโจวรวดเร็ว ประสานกันอย่างแม่นยำ ราวกับมองเห็นการเคลื่อนทัพของศัตรูล่วงหน้าทหารบางนายจากแคว้นหลงซียังไม่ทันตั้งโล่ก็ถูกซัดล้มราวถูกมืออสูรตวัดใส่“พวกมันคือกองทัพปีศาจ...ของชินอ๋อง!”ภายในเวลาไม่นาน ศึกแนวหน้าก็แตกพ่ายแตรศึกของแคว้นเฟิงเหลียนดังขึ้นเป็นสัญญาณถอยแต่ก็สายเกินไปทั้งที่เป็นกับดักของแคว้นเฟิงเหลียนกับแคว้นหลงซี ทั้งที่รวมมือกัน แต่ก็ไม่อาจจะต้านกองทัพเยี่ยนโจวและในเช้าวันถัดมากองทัพของชินอ๋องก็บุกเข้าประชิดประตูเมืองซือกวงเสียงค้อนเหล็กกระแทกประตูเมืองดังระลอกแล้วระลอกเล่าก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงโซ่เหล็กขาดสะบั้นทัพปีกซ้ายของเจาอวี๋พุ่งทะลวงเข้าด้านข้างขณะที่ชินอ๋องนำกองหน้าตรงบุกเข้าใจกลางประตูทหารบนกำแพง
ตอนที่ 69 ศิษย์รุ่นที่สาม เรือนสมุนไพร ยามสาย เว่ยเยว่ซินนั่งอยู่หลังโต๊ะเตี้ยที่มีต้นโบ๋วย่อม ๆ อ่านบัญชีของร้านขายยาในสำนักเว่ยหลง นางก้มอ่านเพียงครู่เดียวก็ปิดบัญชีลงแล้วพูด “ข้าเหนื่อย...อ่านแล้วปวดหัวยิ่งนัก ท่านจัดการเถอะ” จากนั้นก็ยื่นสมุดบัญชีคืนซูหยวน ชายหนุ่มยิ้มรับมาแล้วเอ่ย “เรียนพระชายา ข้าได้จัดการเรื่องเตรียมรับศิษย์รุ่นที่สามไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ...เราจะรับได้อีกสามสิบคน” เว่ยเยว่ซินเลิกคิ้วขึ้น “เรามีอาจารย์เพียงพอหรือ?” “อาจารย์เหยียนชิง เห็นว่าศิษย์รุ่นที่สองมีพื้นฐานแน่นแล้ว สามารถรับการสอนในวิชาแยกย่อยได้โดยไม่ต้องพึ่งท่านตลอดเวลา” เว่ยเยว่ซินยิ้ม นับว่าการขยายสำนักเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่น้อย ซูหยวนยิ้มแห้งกล่าว “ความจริงแล้ว...พระชายาไม่ต้องลงมือสอนเองก็ได้ขอรับ”เว่ยเยว่ซินปรายตาไปอย่างเรียบเฉียบ นางเอ่ยเสียงเบา “ชินอ๋องบอกข้าว่า ให้ข้าดูแลที่นี่...ไม่จำเป็นต้องติดตามออกรบไปด้วย”นางเว้นไปเล็กน้อย คล้ายจะพูดต่อ แต่กลับเพียงส่ายหน้าน้อย ๆ“ช่างเถอะ...เจ้าไปจัดตารางสอนมาใหม