หญิงสาวผู้นี้มีนามว่า'เมิ่งเหยียนซิน' นักเขียนนิยายจากยุคสองพัน เมิ่งเหยียนซินจำได้ว่าตนกำลังนอนอ่านนิยายเรื่องหนึ่งเพลิน ๆ บรรยากาศโดยรอบของที่แห่งนี้คล้ายบทบรรยายบางส่วนของนิยายเรื่องนั้นเสียด้วย เหตุใดลักษณะจึงตรงกับจินตนาการของตนได้ถึงเพียงนี้
เมิ่งเหยียนซินรู้เพียงว่าตัวเองติดนิยายเรื่องนั้นเอามาก ๆ กระทั่งอ่านไปถึงหน้าสุดท้ายก็เกิดขัดใจกับบทสรุปคุณหนูตัวประกอบที่มีชื่อแซ่เหมือนตนไม่ผิดเพี้ยนราวถูกจับวาง
เพราะนักเขียนจงใจบอกเล่าชีวิตคุณหนูรองเมิ่งเพื่อเรียกน้ำตาของคนอ่าน ชีวิตตัวประกอบผู้นี้จึงแสนบัดซบยิ่ง แล้วเหตุใดตอนนี้เมิ่งเหยียนซินจึงรู้สึกเจ็บอกซ้ายแปลก ๆ ราวกับเป็นความเจ็บปวดของใครบางคน
"ไม่จริงมั้ง อยู่ ๆ จะมาโผล่ที่ประหลาดตาแบบนี้ได้ไง นั่นก็แค่เรื่องแต่งในจินตนาการ เรื่องเกิดใหม่ทะลุมิติคงมีแต่ในนิยายนั่นล่ะ สงบใจไว้ สงบใจก่อน"
เมิ่งเหยียนซินปลอบใจตนเอง ทั้งที่รู้สึกว่ายามนี้มันคล้ายความจริงมาก คล้ายจนอดยอมรับไม่ได้ว่าจิตวิญญาณของนางกำลังมาอยู่สถานที่ซึ่งเคยจินตนาการนึกถึง
กระทั่งเอื้อมมือทั้งสองปัดผมที่ระใบหน้าของตนออก เมิ่งเหยียนซินก็ต้องร้องเสียงหลงขึ้นอีกครั้ง "โอ๊ย!" เพราะผมเพ้ายามนี้มันช่างยุ่งเหยิงพันกันเสียจนนิ้วทั้งห้าไม่อาจแทรกผ่าน
"...เจ็บจัง ผมหรือไม้กวาด หวีขนหมูป่าต้องเข้าแล้วปะ"
แอ๊ด....
เสียงบานประตูแง้มออกแช่มช้า เมิ่งเหยียนซินละความสนใจจากเรือนผมของตนชั่วครู่
ดูเหมือนว่าสตรีห่มขาวกำลังเดินมุ่งหน้ามาหาเมิ่งเหยียนซิน ร่างบอบบางเดินดุ่ม ๆ เข้ามาคล้ายกับคุ้นชินสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
โคมไฟในมือถูกยื่นมายังเบื้องหน้า เมิ่งเหยียนซินจำต้องหรี่นัยน์ตาลงพลางยกมือป้องแสงเพราะรู้สึกว่ามันจ้าเกินไปหน่อย
"คุณหนูรอง! นี่ท่านหรอกหรือ ไยมีสภาพเช่นนี้กันเล่า"
เมิ่งเหยียนซินกะพริบเปลือกตาถี่ "เอ่อ..." นัยน์ตากลมเหลือบซ้ายแลขวา
สตรีห่มขาวเห็นอาการงุนงงของเมิ่งเหยียนซินก็ไม่คิดซักไซ้ต่อ เพราะนางทราบดีว่าคุณหนูรองผู้นี้สติไม่เต็มเต็งนัก ซ้ำยังไม่สามารถพูดได้
ดูเหมือนคุณหนูรองเมิ่งคงถูกพี่สาวต่างมารดากลั่นแกล้งและทารุณอย่างหนักจนต้องหอบสังขารหนีออกจากบ้านเพื่อมาพึ่งพิงวัดเจาเจินอีกตามเคย
เพียงแต่นางได้หายออกจากจวนมาตั้งห้าวันแล้วไม่ใช่หรือ ซ้ำยังไม่มีผู้ใดพบเห็น และในทุกวันที่นี่ก็มีการตรวจตราทำความสะอาดอยู่เสมอ ไฉนอยู่ ๆ คุณหนูรองจึงมาโผล่ที่โถงกราบไหว้ได้กัน
"คุณหนูรอง ไปเจ้าค่ะ ข้าจะพาไปหาอะไรกิน จากนั้นค่อยส่งท่านกลับจวนสกุลเมิ่ง"
ข้อมือเล็กถูกสตรีห่มขาวคว้าเอาไว้ หญิงสาวขืนกายไม่ยอมขยับ
"หา...เดี๋ยวสิคะ หมายความว่ายังไง จวนสกุลเมิ่ง"
เมิ่งเหยียนซินเริ่มใจเสีย นี่คงไม่ใช่สกุลหญิงสาวตัวประกอบในนิยายที่ตนเพิ่งอ่านจบใช่หรือไม่ นางเองก็ชื่อเหมือนกันกับเมิ่งเหยียนซินเสียด้วย
หากเมิ่งเหยียนซินสามารถทะลุมิติเข้ามาจริง เหตุใดไม่ใช่นางเอกเฉกเช่นนิยายที่ตัวเองเขียนหรือบทนิยายทั่วไป เพราะชื่อที่เหมือนกันราวกับแกะทุกอย่างจึงผิดพลาดงั้นหรือ
ต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหน เราก็ไม่ได้เลือดกรุปบีสักหน่อย..
เมิ่งเหยียนซินยังจำขึ้นใจยามที่บทบาทครอบครัวสกุลเมิ่งออกมาคราใด จำต้องสบถก่นด่า สาปส่งพี่สาวต่างมารดาของคุณหนูรองเมิ่งด้วยความโมโห
บางทีเราอาจฝันอยู่ คงไม่โชคร้ายขนาดมาเป็นเพียงตัวประกอบที่ต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่องหรอกมั้ง
"คุณหนูนี่ท่านพูดได้แล้วงั้นหรือ"
ทั้งสองจ้องมองกันพลันกะพริบตาถี่ เมิ่งเหยียนซินพยักหน้าหงึกหงักด้วยจิตใจล่องลอยเพราะสมองกำลังประมวลผลตบตีกันจ้าละหวั่น
"แล้วนี่ท่านไปเจออะไรมาบ้าง อยู่ ๆ ก็พูดได้เสียอย่างนั้น อีกอย่างท่านหนีออกจากจวนตั้งห้าวันแล้ว ยามนี้ใต้เท้าเมิ่งร้อนใจมาก หากท่านถูกคุณหนูใหญ่ข่มเหงก็ฟ้องบิดาท่านเสียสิ แม้ท่านสติไม่ดี เอ่อ...ไม่ใช่สิ แม้ท่านพูดไม่ได้ แต่บิดาของท่านก็รักคุณหนูมากนะเจ้าคะ"
เมิ่งเหยียนซินรู้สึกว่าหูกำลังอื้ออึง ร่างกายอ่อนระโหยโรยแรงคล้ายโลกกำลังหมุนวนกลับด้าน เมิ่งเหยียนซินค่อย ๆ ควบคุมจิตใจพลางย้ายสายตาเพื่อเมียงมองแผ่นป้ายบนธรณีทางเข้า
วัดเจาเจิน!
ริมฝีปากซีดขาวขบเม้มเป็นเส้นตรง ลำคอเกิดแห้งผากดุจขาดน้ำมาหลายชั่วยาม คำพูดเมื่อครู่คุ้นหูทีเดียว คล้ายกับ....
...คล้ายกับนิยายที่เพิ่งอ่านจบจริง ๆ แต่หลังจากบทนี้คุณหนูรองก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว นอนตายที่วัดเจาเจินอย่างน่าเวทนา
ม่านตากลมขยายกว้าง "เมื่อครู่เรียกหนูว่าคุณหนูรองเหรอคะ"
"คุณหนู ท่านก็พูดรู้เรื่องแล้ว แต่ไยภาษาออกจะประหลาดไปหน่อย"
เมิ่งเหยียนซินยังเบิกตาค้าง ยืนตัวแข็งทื่อ
"ท่านก็คือคุณหนูรองสกุลเมิ่ง นามว่าเมิ่งเหยียนซินเจ้าค่ะ"
"คุณหนูรองเมิ่ง!!" เสียงเล็กแผดขึ้นด้วยอาการพรึงเพริด
"คุณหนู นี่ท่าน ท่านเป็นอะไร อาการกำเริบงั้นหรือ"
โอ้...แย่แล้ว ๆ คุณหนูรองเมิ่งชะตาอาภัพเสียด้วย ชีวิต!...
[ค่าความโปรดปรานถูกเติมเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ยินดีด้วยคุณหนูรอง รางวัลของท่านก็คือรักนิจนิรันดร์ตราบนานเท่านาน]พรึบ!เฮือก..."ท่านพี่!!"เมิ่งเหยียนซินเหลียวมองบรรยากาศโดยรอบ ศีรษะก็เริ่มปวดหนึบ"นี่มัน นี่มันอะไรกัน ไม่นะ ท่านพี่ ท่านพี่ ฮื่อ..."ตอนนี้เมิ่งเหยียนซินได้กลับมาแล้ว แต่เมิ่งเหยียนซินยังไม่อยากกลับตอนนี้ นี่หรือรางวัลที่มอบให้ คนกำลังมีความสุขก็มาพรากไปอย่างหน้าตาเฉย"เสี่ยวทู่จื่อคืนท่านพี่มาให้ข้า!""..."“เสี่ยวทู่จื่อ! ระบบหลอกลวง ไหนว่าจะได้รับความรักนิจนิรันดร์ แล้วนี่ข้าออกมาแล้ว เขาเล่า เขาอยู่ที่ไหน ฮื่อ…. คืนเขามาให้ข้านะ ข้าจะไปหาเขาได้ยังไง”เมิ่งเหยียนซินเหลือบมองมือถือทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น จากนั้นก็ปาดน้ำตาบนใบหน้าออกลวก ๆ มือเรียวสั่นเทาเมื่อพบว่าหน้าจอยังแสดงบทนิยายเรื่องนั้น เรื่องที่เมิ่งเหยียนซินเพิ่งได้กลับออกมา คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดก็เพียงแค่ฝันตื่นหนึ่ง"ฮื่อ...ท่านพี่ เราคงไม่ได้พบกันอีกแล้วใช่หรือไม่" เมิ่งเหยียนซินซุกหน้าลงบนฝ่ามือพร้อมกับร่ำไห้เสีย
พิธีแต่งงานของกั๋วกงกับคุณหนูรองเมิ่งถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้คนล้วนงุนงงว่าเมื่อก่อนหลิวกั๋วกงเป็นคู่หมั้นพี่สาว เหตุใดจึงได้แต่งงานกับน้องสาวแทน กลับกลายเป็นว่าเกิดข้อพิพาทระหว่างเรื่องนี้ขึ้นจนได้"เดิมทีคู่หมั้นของท่านกั๋วกงก็คือบุตรสาวคนรองของข้าอยู่แล้ว" เมิ่งเว่ยประกาศก้อง เมื่อเขาได้ยินคำนินทาแตกออกเป็นสองฝั่ง จากนั้นเอ่ยต่อ "เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นกับนางทำให้ป่วยหนักเช่นที่ทุกคนทราบ ข้าเลยจงใจสลับตัวคู่หมั้นของท่านกั๋วกง เรื่องนี้เป็นความผิดข้าเอง" ผู้คนต่างฮือฮาอีกระลอก ครั้นเสียงเบาลงแล้ว เมิ่งเว่ยจึงเอ่ยต่อ "ส่วนสกุลฟู่..."เมิ่งเว่ยหันไปสบตาคุณชายฟู่และพ่อแม่ของเขา "สกุลเมิ่งต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ที่ทำให้ท่านต้องเสียเวลา เราจะชดเชยให้ท่านเอง เพราะยามนี้ลูกสาวคนโตของข้า..."เมิ่งเว่ยดูลำบากใจ คุณชายฟู่เห็นว่าเขาอึดอัดจึงช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ ร่างสูงยืนขึ้นจากนั้นค้อมตัวลงแช่มช้า "ใต้เท้าเมิ่ง ไม่ต้องเกรงใจ"แท้จริงคุณชายฟู่ผู้นี้มีภรรยามาก่อนอยู่แล้ว เพียงแต่นางอาศัยอยู่ชานเมือง กิจการของตระกูลฟู่กำลังเข้าสู่ช่วงข้าวยากหมากแพง ดังนั้นจึ
กรี๊ด....เสียงกรีดร้องประหนึ่งคนเสียสติดังมาจากห้องนอนของเมิ่งลี่น่า บ่าวรับใช้ในเรือน ต่างกรูกันเข้ามาด้วยความแตกตื่น เสียงร่ำไห้ดังลอดออกมาเป็นระยะ"ฮื่อ...คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ เป็นอะไรไปเจ้าคะ"ประตูบานหนาเปิดออก เมิ่งเว่ยและเริ่นอี้หร่านรุดเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก"น่าเอ๋อร์ เป็นอะไรไปลูก"เริ่นอี้หร่านเดินเข้าไปสวมกอดพลางลูบศีรษะลูบเรือนร่างบุตรสาวเพื่อปลอบประโลม ยามนี้เสื้อผ้าของเมิ่งลี่น่าขาดวิ่นจนผิวกายผุดโผล่ ร่องรอยจ้ำสีเขียวสีแดงปรากฏเต็มลำคอและร่างกาย ผมเผ้าหลุดลุ่ยกระเซอะกระเซิงไม่ชวนอภิรมย์ บ่าวไพร่ที่เข้ามาเห็นก็ฮือฮากันยกใหญ่เกิดอะไรขึ้นเล่า อย่าบอกว่าคุณหนูรองหายป่วย คุณหนูใหญ่ก็เลยเป็นแทนนั่นน่ะสิ"หุบปาก! ไม่มีงานการทำหรืออย่างไร หากใครเอาเรื่องนี้ไปแพร่งพราย ข้าจะโบยให้หนัก" เริ่นอี้หร่านเดือดดาล เห็นบุตรสาวร้องไห้น้ำตานองหน้าทั้งยังเอาแต่พูดคำว่า อย่าทำข้า ๆ ข้าไม่ผิด ข้าไม่ได้วางยาใคร ใจของนางก็พลันกระตุกวูบ
เมื่อทุกอย่างถูกจัดการอย่างลงตัว เมิ่งเหยียนซินก็ให้เลี่ยงหรงกลับห้องของตนไปพักผ่อน เมิ่งเหยียนซินทราบอยู่แล้วว่าเมิ่งลี่น่าไม่มีทางลดราวาศอกแน่ นางจึงวางแผนตลบหลัง เข้าไปเจรจากับบรรดาคณิกาชายที่เมิ่งลี่น่ามักไปใช้บริการอยู่บ่อยครั้งมาเป็นพวกพ้อง คนเหล่านี้เห็นเงินก็ตาลุกวาวหลังจากพวกเขาถูกซื้อตัวด้วยเงินจำนวนมาก คณิกาชายเหล่านั้นก็มักจะแวะมาแจ้งความเคลื่อนไหวของเมิ่งลี่น่าให้เมิ่งเหยียนซินทราบเสมอ เป็นเหตุให้วันนี้นางไหวตัวทันการกระทำในครั้งนี้ถือเสียว่าเป็นการแก้แค้นให้แม่นมผู่เยว่และจิตวิญญาณคุณหนูรองเมิ่งซึ่งยามนี้ไม่รู้ล่องลอยไปอยู่ที่ใด บางทีนางอาจขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ได้เมิ่งเหยียนซินกลับไปนั่งชมจันทร์เพื่อสงบใจอีกครู่ นางแหงนมองเบื้องบนจากนั้นประสานฝ่ามือหลับดวงตาระลึกถึงบางสิ่ง โดยไม่ทันสังเกตเลยว่ามีเงาร่างสูงของใครบางคนอยู่เบื้องหลังริมฝีปากได้รูปขยับเอ่ยบางเบา "คุณหนูรองเมิ่ง ฮูหยินรองข้าไม่รู้ว่ายามนี้จิตวิญญาณของท่านทั้งสองล่องลอยไป ณ ที่ใด และข้าไม่รู้ว่าคุณหนูรองเมิ่งกับข้ามีสิ่งใดเกี่ยวพันกันมาก่อน แต่แค้นที่ฝังรากหยั่งลึ
เมิ่งลี่น่ารินน้ำชาลงถ้วยแช่มช้า กลิ่นหอมกรุ่นของชาใบอ่อนลอยฟุ้งกลางอากาศ มือเรียวเลื่อนชาถ้วยแรกส่งให้เมิ่งเหยียนซิน ริมฝีปากสีแดงเข้มขยับเอ่ยเสียงค่อย "น้องหญิง อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง""ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างชาที่เรือนเล็กก็มี ท่านไม่จำเป็นต้องแบกมาให้หนัก""ได้อย่างไร ชาที่เรือนเล็กมีแต่ชาไร้คุณภาพ"เมิ่งเหยียนซินเหยียดยิ้ม ก็รู้นี่ยังจะพูด สองมาตรฐาน รังแกแต่น้องสาวตัวเอง"ข้าจะเข้านอนแล้ว ไม่อยากจิบชาให้ต้องวิ่งไปทำธุระดึกดื่นเจ้าค่ะ""นิดเดียวเอง ชานี่ข้าตั้งใจนำมาเพื่อขอโทษเจ้า" เมิ่งลี่น่าคลี่ยิ้มละไมเมิ่งเหยียนซินมองถ้วยชาเบื้องหน้าอย่างไม่ไว้ใจ เมิ่งลี่น่าคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ริมฝีปากเรียวยกยิ้มจาง ๆ "ดูเหมือนเจ้ายังไม่วางใจ เช่นนั้นเรามาแลกถ้วยกัน"มุขเดิม ๆ"เอาสิเจ้าคะ"เมิ่งลี่น่ากระหยิ่มยิ้มย่อง จากนั้นจึงเปลี่ยนถ้วยชาของตนกับเมิ่งเหยียนซิน นางยกชาขึ้นจิบ ครั้นลดถ้วยชาลงก็ส่งยิ้มหวานอีกครั้ง ทว่าเมิ่งเหยียนซินกลับยังไม่แตะชาแม้เพียง
เมิ่งเหยียนซินทอดสายตามองบุหลันดวงโตบนท้องนภา พลางขบคิดบางสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในระบบเสี่ยวทู่จื่อไยจึงคล้ายคลึงความเป็นจริงนัก ตรึกตรองไปมาก็ต้องถอนหายใจแผ่ว สรุปแล้วหลิวซือเหว่ยกำลังมีใจให้นางหรือไม่ เหตุใดช่วงบ่ายเขาต้องยกเอาเรื่องแสนอดสูในวันนั้นขึ้นมาดันทุรังเพื่อแต่งงานกับนางให้ได้ หรือเขาต้องการกลั่นแกล้งนางเพียงเพื่อนึกสนุก[ค่าความโปรดปรานเพิ่มขึ้นแปดเท่า]เมิ่งเหยียนซินผงะ "เสี่ยวทู่จื่ออยากโผล่ก็พรวดพราดขึ้นมาเลยหรือไง"[เสี่ยวทู่จื่อจะออกมายามจำเป็นเท่านั้น และตอนนี้ภารกิจของท่านใกล้สำเร็จแล้วเจ้าค่ะ]เมิ่งเหยียนซินแนบแก้มซ้ายลงตรงขอบหน้าต่าง หวนนึกถึงแววตาของหลิวซือเหว่ยที่มองมายังตนด้วยอาการตื่นตระหนกรวมถึงท่าทีพยายามช่วยเหลือนางอย่างไม่คิดชีวิตในเทศกาลโคมไฟวันนั้นก็รู้สึกแปลกใจพิกล เมิ่งเหยียนซินกำลังแอบปันใจให้พระรองผู้รักมั่นต่อนางเอกในนิยายเข้าเสียแล้วมือสังหารคืนนั้นถูกหลิวซือเหว่ยนำตัวไปสอบสวน กระทั่งทราบว่าไม่ใช่ฝีมือใครอื่น เป็นกลุ่มนักต้มตุ๋นที่ปักใจแค้นเคืองเมิ่งเหยียนซิน เฝ้าสะกดรอยตามนางจนทราบทุก