Share

บทที่ 14

Author: จี้เวยเวย
ไต้ซือเทียนสุ่ยมองซ่งรั่วเจินนิ่งๆ “แม่นางซ่ง หลายวันก่อนอาตมาไปดูฮวงจุ้ยที่จวนตระกูลซ่ง หมู่นี้จวนตระกูลซ่งเกิดเรื่องติดต่อกัน ใช่ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเลยเสียทีเดียว”

“อ้อ? ไหนท่านลองพูดให้ฟังที ว่าเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไรบ้าง?”

ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน มองคนตรงหน้าด้วยความสงบเยือกเย็น นางอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะแต่งเรื่องอย่างไรออกมา!

“ข้าเคยดูเวลาตกฟากของเจ้ามาก่อน เจ้าชะตาอาภัพมีดวงพิฆาต หลินโหวเป็นดาวนำโชคในชีวิตเจ้า มีเพียงต้องออกเรือนให้เขาจึงจะสามารถคลี่คลายได้”

“เดิมทีหลินโหวไม่มีทางแต่งเจ้า หากไม่ใช่เพราะข้าใช้วิธีการบางอย่าง แม้แต่ภรรยาหลวงเจ้าก็คงไม่ได้เป็น วันนี้เจ้าอยากอยู่อย่างสงบก็มีแต่ต้องเดินทางนี้เท่านั้น มิเช่นนั้น ดวงพิฆาตของเจ้ายังจะทำให้คนอื่นเคราะห์ร้ายไปด้วย”

ได้ยินเช่นนั้น คนที่เดินตามไต้ซือเทียนสุ่ยออกมาล้วนเผยสีหน้าตื่นตกใจ

ดวงพิฆาต นี่เป็นชะตาชีวิตที่ทุกคนหวาดกลัวที่สุด เดิมนึกว่าหลินโหวทอดทิ้งซ่งรั่วเจินเป็นการปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม แต่ดูจากตอนนี้ หลินโหวเป็นดาวช่วยชีวิตนาง นางกลับไม่รู้ดีชั่ว!

“มิน่าเล่า หมู่นี้ตระกูลซ่งถึงได้เกิดเรื่องไม่หยุดหย่อน ที่แท้ก็เคราะห์ร้ายเพราะซ่งรั่วเจินหรือนี่?”

“ไต้ซือเทียนสุ่ยเคยทำนายดวงชะตาให้นาง นางรู้ดีว่าจะเดือดร้อนถึงคนในครอบครัวแต่ก็ยังถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัล นี่ไม่ใช่แค่ไม่รู้ความแล้ว แต่เรียกว่าจิตใจชั่วช้าอำมหิตมากกว่า!”

“นั่นน่ะสิ ข้าได้ยินมาว่าคืนวาน ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหลินกับหลินโหวไปขอโทษแล้ว แต่กลับถูกไล่ออกมา ไม่รู้จริงๆ ว่านางยังไม่พอใจอะไรอีก?

“ผู้ชายมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ดีชั่วอย่างไรก็เป็นคุณหนูผู้ดี ความใจกว้างแค่นี้ก็ยังไม่มี ข้ากลับคิดว่าแม่นางฉินที่หลินโหวแต่งเป็นภรรยาวันนั้นดีกว่ามาก”

“ซ่งรั่วเจินน่ะหรือ ไม่คู่ควรเป็นฮูหยินของจวนโหวเลยสักนิด!”

“สามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ท่านเต็มใจแต่งก็ไปแต่งเองสิ พ่อแม่ข้ายังไม่คัดค้าน ท่านมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษวิจารณ์อยู่ตรงนี้?”

ซ่งรั่วเจินปรายตามองฝ่ายตรงข้ามอย่างเย็นชา แววตาลึกล้ำดุจบ่อลึกฉายประกายเย็นเยียบ ไอสังหารที่กดดันผู้คนแผ่ซ่านออกมาอย่างโจ่งแจ้ง

หญิงผู้นั้นรู้ว่าซ่งรั่วเจินมีนิสัยหัวอ่อนถึงได้กล้าเอ่ยปากอย่างเหิมเกริม จู่ๆ ถูกสายตาคู่นั้นจับจ้องก็รู้สึกหนาววาบในใจ เงียบเสียงไปโดยไม่รู้ตัว

“ไต้ซือเทียนสุ่ย ท่านพูดว่าข้ามีดวงพิฆาต แต่ดวงชะตาที่ข้าดูมาตั้งเด็กล้วนดีเลิศมาโดยตลอด”

“นอกจากนี้ หลายวันก่อน แม่ข้าเชิญท่านมาดูฮวงจุ้ยที่จวน ท่านรับเงินหนึ่งแสนตำลึงไปแล้ว บอกว่าแค่ต้องถมสระบัว อีกทั้งในร้อยปีนี้ห้ามไปแตะต้อง เช่นนี้จึงจะสามารถแก้ไขชะตาของตระกูลซ่งได้”

“แต่ท่านพูดเช่นนั้นได้ไม่ทันไร พี่รองของข้าก็ตาบอดสองข้าง งานวิวาห์ของข้าก็เกิดเรื่อง วันนี้ท่านเห็นว่าเรื่องราวไม่อาจคลี่คลายได้ก็หันมาพูดว่าข้ามีดวงพิฆาต ช่างพูดจากลอกกลับดีเสียจริง คำพูดแบบใดล้วนถูกท่านพูดออกมาจนหมดแล้ว!”

ซ่งรั่วเจินมองไต้ซือเทียนสุ่ยอย่างเย็นชา สายตาไปหยุดลงบนเงาดำกลุ่มหนึ่งด้านหลังเขา

ชั่วขณะที่คนผู้นี้ปรากฏตัว นางก็สังเกตเห็นแล้ว ต้องยอมรับว่าคนผู้นี้มีความสามารถ ถึงกับเลี้ยงผีน้อยเอาไว้ด้วยตนหนึ่ง

จะว่าไปก็น่าขัน นักพรตหรือภิกษุทั่วไปล้วนบำเพ็ญตนเพื่อละวางกิเลส โปรดสรรพสัตว์ คนตรงหน้ากลับประเสริฐนัก เลี้ยงผีน้อยตนหนึ่งไว้ข้างกาย อาศัยผีน้อยตนนี้จนได้ชื่อว่าเป็นไต้ซือ

แต่พลังของผีน้อยมีจำกัด ต่อให้สามารถมองทะลุสิ่งของบางอย่างได้ แต่ไม่มีความสามารถส่งวิญญาณไปสู่สุคติ

“อาตมาจัดการทุกอย่างไว้ดีแล้ว ถ้าแม่นางซ่งยอมออกเรือนไปแต่โดยดี ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปเอง แต่เจ้าไม่ยินยอม ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวันนี้ จะมาโทษอาตมาได้อย่างไร?”

ไต้ซือเทียนสุ่ยแค่นเสียง สีหน้าเย็นชาถึงที่สุด “อาตมาเห็นแก่หน้าฮูหยินตระกูลซุนจึงได้คิดจะช่วยเหลือเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าไม่รับน้ำใจ อาตมาก็จะไม่ช่วยอีกแล้ว!”

“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? แม่ข้าทุ่มเทเพียงใดเพื่อช่วยเหลือเจ้า แต่เจ้านอกจากจะไม่รับน้ำใจแล้วยังมาล่วงเกินไต้ซือเทียนสุ่ยอีก เกรงว่าตระกูลซ่งคงต้องเคราะห์ร้ายหมดบ้านเพราะเจ้าคนเดียว!”

ซุนฮั่นเฟยสุดจะระงับความพลุ่งพล่าน มารดากับท่านป้าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ออกเรือนให้ตระกูลสูงศักดิ์เหมือนท่านป้า กอปรกับพี่น้องตระกูลซ่งล้วนมีชื่อเสียงอยู่ข้างนอก เหนือกว่าเขาไปเสียทุกอย่าง เวลาปกติถึงออกไปไหนด้วยกัน เขาก็เป็นได้แค่ตัวประกอบมาตลอด

ยามนี้ตระกูลซ่งเสื่อมถอย คนเหล่านั้นทยอยเกิดเรื่องไปทีละคน ไม่ต้องบอกเลยว่าในใจเขารู้สึกปลอดโปร่งมากแค่ไหน!

“อาศัยแค่คำโกหกพกลมของพวกสิบแปดมงกุฎอย่างท่าน ก็คิดจะมาตัดสินชะตาตระกูลซ่ง ท่านคู่ควรด้วยรึ?”

“ข้าจะทำนายให้ท่านก็แล้วกัน ท่านหว่างคิ้วหม่นหมอง ขนคิ้วบางเบา ใบหน้ามีสีแดงเรื่อ ผีน้อยข้างกายเลี้ยงไว้นานไปจะต้องแว้งกัดแน่นอน อย่างมากไม่เกินสามวัน จะต้องประสบกับเคราะห์ร้ายเลือดตกยางออก!”

ซ่งรั่วเจินแววตาเฉยเมย วิญญาณอาฆาตข้างหลังคนผู้นี้ขยายใหญ่ขึ้นทุกที เงาดำนั้นแทบจะกลืนกินเขาหมดแล้ว

เลี้ยงผีน้อย ตนเองก็ต้องมีความสามารถข่มมันได้ หากไม่มีความสามารถนั้น ไม่เพียงแต่จะต้องสูญเสียสิ่งที่ได้มาเพราะอาศัยผีน้อย เจ้าตัวยังต้องประสบกับการแว้งกัด คนผู้นี้เห็นได้ชัดว่ากำลังจะรับมือไม่ไหวแล้ว

สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน คนรอบข้างก็พูดถากถางขึ้นมา

“นางพูดเหลวไหลอะไร? ทำนายดวงชะตาให้ไต้ซือเทียนสุ่ยเนี่ยนะ?”

“เกรงว่าซ่งรั่วเจินคงสะเทือนใจเกินไปจนเริ่มพูดจาเหลวไหลเลื่อนเปื้อนแล้วกระมัง?”

ไต้ซือเทียนสุ่ยมีสีหน้าเย้ยหยัน “แม้แต่ฮวงจุ้ยง่ายๆ เจ้ายังดูไม่เป็น ถึงกับกล้าพูดว่าข้าจะมีเคราะห์โชกเลือด ช่างเหลวไหลไร้สาระสิ้นดี!”

“ญาติผู้น้อง ข้าว่าเจ้ายอมรับผิดแต่โดยดีเถอะ ไยต้องปากแข็ง? ก่อเรื่องต่อไปไม่เป็นผลดีต่อเจ้าหรอกนะ”

ซุนฮั่นเฟยแสร้งเกลี้ยกล่อมด้วยความปรารถนาดี ในใจกลับอดหัวเราะเยาะเย้ยไม่ได้ ญาติผู้น้องคงสมองเลอะเลือนไปแล้ว ถึงกับกล้าสงสัยไต้ซือเทียนสุ่ยทั้งยังสาปแช่งเขาอีกด้วย!

“ไต้ซือเทียนสุ่ย ลูกสาวข้าหายตัวไปหลายปี ได้โปรดช่วยทำนายให้ข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะว่าชีวิตนี้ข้ายังมีโอกาสหาลูกสาวพบหรือไม่?”

ฮูหยินหน้าตางดงามนางหนึ่งที่อยู่ข้างๆ มองไต้ซือเทียนสุ่ยด้วยความร้อนใจ นางทุ่มเทไปมากกว่าจะได้พบไต้ซือเทียนสุ่ย เดิมนั้นตอนนี้ควรช่วยนางคลี่คลายปัญหาได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะถูกขัดจังหวะเพราะการปรากฏตัวขึ้นของซ่งรั่วเจิน

นางไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย จะต้องหาลูกสาวนางให้พบให้ได้

ซ่งรั่วเจินได้ยินแล้วก็หันไปมองผู้หญิงตรงหน้าคนนั้น นางแต่งกายเรียบร้อย สวมเครื่องประดับหรูหรา ทั้งยังดูคุ้นตาอย่างมาก เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

“ลูกสาวหายสาบสูญไปเมื่อหลายปีก่อน คงไม่ใช่ฮูหยินของราชครูสวีหรอกนะ?”

ในสมองปรากฏภาพคนผู้หนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเรื่องนี้โด่งดังไปทั่วเมืองหลวง ได้ยินว่าสวีฮูหยินพาลูกสาวไปเดินเล่นที่งานวัด แต่ลูกสาวกลับหายตัวไป ยังหาคนไม่พบจนถึงบัดนี้

ไต้ซือเทียนสุ่ยเหลือบมองสวีฮูหยินแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองซ่งรั่วเจิน ฉับพลันก็คิดแผนการขึ้นได้

“ในเมื่อเจ้าพูดเองว่าตัวเองมีความสามารถในการทำนายทายทัก มิสู้พวกเรามาประลองกันว่าใครทำนายได้แม่นยำกว่ากัน? ดูว่าใครจะสามารถตามหาลูกสาวให้ฮูหยินท่านนี้ได้ก่อน!”

เมื่อวาจานั้นดังขึ้น ทุกคนล้วนกวาดสายตามามองซ่งรั่วเจิน รู้สึกเพียงว่านางหาเรื่องใส่ตัว นางที่เป็นคุณหนูที่อยู่แต่ในเรือน จะไปรู้เรื่องพวกนั้นได้อย่างไร?

ทว่ามุมปากของซ่งรั่วเจินกลับหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มนึกสนุก “ตกลง!”

“ถ้าข้าชนะ ท่านจะต้องโขกศีรษะขอขมาข้า และสารภาพว่าใครเป็นคนบงการให้ท่านนำของสกปรกมาฝังไว้ในสระบัวบ้านข้า!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1546

    สองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับคดี แต่กลับปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน มิหนำซ้ำยังหาขี้เมางี่เง่าหยำเปคนหนึ่งมาทำนายชะตา อีกทั้งคำทำนายก็หาได้มีประโยชน์อะไร แต่เมื่อพวกฉู่อ๋องไปที่หมู่บ้านหมิงเยว่ กลับชี้นำให้เสนาบดีศาลต้าหลี่และผู้เกี่ยวข้องเร่งรีบตามไปด้วยเสนาบดีศาลต้าหลี่ครั้นได้ฟังถ้อยคำนี้ก็ทราบทันทีว่าฝ่าบาททรงสังเกตเห็นความผิดปกติในเรื่องนี้แล้ว ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาปราดเปรื่องตั้งเพียงใด เล่ห์เหลี่ยมเล็กจ้อยของพวกองค์ชายย่อมหนีไม่พ้นสายพระเนตรของฝ่าบาทเพียงแต่…หากว่าเหลียงอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับมือมืดเบื้องหลังผู้นั้นจริง เรื่องนี้ก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก…“ทูลเสด็จพ่อ พวกกระหม่อมเองก็ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ทว่าพระชายาเหลียงอ๋องและรั่วเจินเคยมีความขัดแย้งต่อกันมาก่อน และที่สำนักเทียนฉือครานี้ก็ยังปะทะกันอย่างไม่ยอมลดราวาศอกพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่จวินถิงกล่าวตามความจริง เขาย่อมเข้าใจดีด้วยพระปรีชาของเสด็จพ่อเกรงว่าเรื่องทั้งหมดคงถูกสืบรู้ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้ว กลอุบายเล็กน้อยของพวกเขาไม่มีทางปิดบังพระองค์ได้อยู่แล้วเซียวอ๋องเห็นฉู่จวินถิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ก็ยิ่งเข้าใจว่าที่เ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1545

    “พี่ชายสี่ ในเมื่อคุณหนูฉู่มีใจอยากพบท่าน ข้าคิดว่า มิสู้ใช้โอกาสนี้ไปพบนางสักครั้งเป็นอย่างไร”“ไม่ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นการเข้าใจผิดกันหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ควรจะต้องไปทำให้เรื่องราวกระจ่างชัดก่อนจะดีกว่า ท่านคิดว่าอย่างไรหรือ?”สายตาของซ่งรั่วเจินจริงจังยิ่งนัก พวกเขาเดาไปเดามาอยู่แบบนี้ก็ไร้ประโยชน์ มิสู้ทำให้เรื่องราวกระจ่างชัดก่อนแล้วค่อยว่ากันยังดีเสียกว่าหากคนที่ฉู่ชิงหลีชมชอบคือพี่ชายสามจริง เช่นนั้นก็นับเป็นเรื่องดีงามถ้วนหน้า หากมิใช่ พี่ชายสี่ก็ต้องพูดกับแม่นางผู้นั้นให้ชัดเจน เพื่อมู่เหยาจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิด“วันที่เลือกมิสู้วันที่เหมาะสม ก็เอาวันนี้ไปเลยเป็นอย่างไร!” ซ่งจิ่งเซินตบมือพลางเอ่ยซ่งรั่วเจินผงะไปเล็กน้อย “วันนี้? เร็วเพียงนี้เชียวหรือ?”“ไม่เร็วไปหรอก เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าหลายวันมานี้หลังจากข้ากลับมาก็ต้องมาเจอพี่ชายสามจับคู่ผูกสัมพันธ์ให้แบบนี้ มันน่าอึดอัดขนาดไหน!”“ข้าเองก็รอให้เจ้ากลับมาไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เจ้าเป็นสตรี หากไปพบแม่นางผู้นั้นกับข้าอย่างไรก็พูดคุยกันได้สะดวกกว่า หากวันนี้เจ้ายังไม่กลับมาอีก ข้าก็ตั้งใจเอาไว้แล้วนะว่าคืนนี้จะไปค้างแรมที่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1544

    ซ่งจิ่งเซินพูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเองก็น่าจะรู้จักคุณธรรมของพวกคนในเมืองหลวงเหล่านี้ดี แต่ไหนแต่ไรขึ้นชื่อว่าทำศึก ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าจะเสียชีวิตได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“แต่พวกเขากลับชอบโยนความรับผิดชอบให้สตรีเสมอ บอกว่านางเป็นสตรีบ่อเกิดแห่งหายนะ ทำให้คู่หมั้นต้องตายก่อนวัยอันควร เจ้าว่ามันไม่เกินไปหน่อยหรือ?”“ข้าเข้าใจ” ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “โลกนี้ไม่ยุติธรรมกับสตรี เพราะเหตุนี้ภายหลังต่อมาฉู่ชิงหลีจึงปรากฏหน้าสู่สังคมน้อยลงใช่หรือไม่?”“ไม่ผิด หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้ยินข่าวคราวของนางอีกเลย จนบัดนี้ก็ยังมิได้ออกเรือน”“เช่นนั้นแล้ว นางก็เป็นดรุณีแสนดีเพียบพร้อมคนหนึ่งจริง เพียงแต่โชคร้าย เจอเรื่องไม่ดีเช่นนี้เข้าก็เท่านั้นเอง”ซ่งรั่วเจินขมวดหัวคิ้วแน่น ดรุณีผู้นั้นก็แค่เกิดมามีรูปโฉมงดงามมากไปสักหน่อย กลับต้องถูกยัดเยียดชื่อเสียงให้ว่าเป็นตัวนำภัยสังหารบุรุษ น่าจะเอายาใบ้จับกรอกปากเจ้าพวกปากพล่อยกลุ่มนี้ให้เป็นใบไปเสียให้เข็ด!“ว่าไปก็แปลก หลายปีที่ผ่านมาฉู่ชิงหลีแทบไม่ปรากฏตัวต่อสังคม ส่วนพี่ชายสามก็เหมือนกันหากมิได้เข้าวังไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติก็จะไปที

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1543

    ซ่งรั่วเจินมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของพี่ชายสาม ก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่ชายสาม เรื่องนี้ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตอนนี้ ไว้ข้าทำความเข้าใจสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”ซ่งจืออวี้พยักหน้า “ได้ ข้าจะทำตามเจ้าว่า”ซ่งรั่วเจินโค้งมุมปากเล็กน้อย ตั้งแต่เด็กจนโตพี่ชายสามล้วนเชื่อใจนางเสมอ ทั้ง ๆ ที่อายุมากกว่านาง แต่ก็เชื่อฟังทำตามนางทุกอย่างจนติดเป็นนิสัยไปแล้วหากสมรสภรรยา จะต้องเชื่อฟังฮูหยินของตนเองมากแน่ ความจริงในสายตาของนาง หากอีกฝ่ายชอบบุรุษแข็งแรงกำยำออกแนวซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยมแล้วล่ะก็ พี่ชายสามของนางนับว่าเป็นชายในอุดมคติเลยทีเดียว“เช่นนั้นท่านรออย่างสบายใจไปก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบร้อนชักใยสานสัมพันธ์ให้พี่ชายสี่ตอนนี้เลย หากเป็นการเข้าใจผิดขึ้นมาจริง ๆ พอเรื่องบานปลายจะกลายเป็นความกระอักกระอ่วนไปได้”“ข้าเข้าใจแล้ว”ซ่งจืออวี้มองว่าน้องหญิงห้าของตนเองฉลาดปราดเปรื่องเป็นที่สุด พูดถูกเผงไม่ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว แต่พอคิดว่าคนที่คุณหนูฉู่ชมชอบอาจจะเป็นตัวเขาเองขึ้นมา หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ทว่า เพียงความนี้ผุดขึ้นมา เขาก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว ไหนเ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1542

    ซ่งจืออวี้นิ่งไปนานครู่ใหญ่กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้ง “อะไรนะ?”“แม้ข้าจะเป็นคนเสนอ แต่เหตุผลที่ท่านได้เป็นองครักษ์หน้าพระที่นั่ง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความสามารถของท่านเองต่างหาก!”“ภาระหน้าที่ขององครักษ์หน้าพระที่นั่งมิใช่เรื่องง่าย คนที่ไม่มีฝีมือย่อมมิอาจดำรงตำแหน่งนี้ได้ราบรื่น ยิ่งไม่ต้องหวังเลยว่าเพิ่งได้รับตำแหน่งมาก็ได้เป็นองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสองทันที”“ข้าได้ยินท่านพ่อพูดว่า ในช่วงเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งก็ทำผลงานได้ดีเสมอมา มิเพียงได้รับคำชื่นชมบ่อยครั้ง ยังได้รับการเลื่อนขั้นด้วย”“ท่านคิดดูสิตำแหน่งองครักษ์หน้าพระที่นั่งมีตั้งมากมายเพียงนั้น แต่ท่านกลับสามารถเลื่อนขั้นได้อย่างราบรื่น สิ่งนี้มิใช่เพราะความสัมพันธ์ของท่านกับข้า”ซ่งรั่วเจินแววตาเจือรอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านพ่อท่านแม่พูดทุกวันก็แค่จะเย้าหยอกท่านก็เท่านั้น ขนาดพี่รองฉลาดปราดเปรื่องปานนั้น มิหนำซ้ำสอบขึ้นถึงขั้นจอหงวนได้ ก็ยังถูกท่านพ่อท่านแม่บ่นว่ามีตาหามีแววไม่อยู่ประจำมิใช่หรือ?”“ท่านมิได้เดินในเส้นทางบัณฑิตมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หากมิใช่เพราะบัดนี้บ้านเมืองไร้ศึกให้สู้รบแล้ว ท่านต้องได้เป็นแม่ทัพผู้เกร

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1541

    “ในเมื่อท่านรู้จักฉู่ชิงหลี เหตุใดถึงได้แนะนำให้ท่านพี่ชายสี่รู้จักเล่า?”ซ่งรั่วเจินมองซ่งจืออวี้ด้วยความสงสัย นางรู้จักนิสัยของพี่ชายสามของตนเองดีเกินไป ลำพังมองจากสีหน้าท่าทางของเขาก็ทราบแล้วว่าความรู้สึกที่เขามีต่อฉู่ชิงหลีนั้นไม่ธรรมดา และนั่นยิ่งทำให้น่าแปลกใจเข้าไปใหญ่“หากท่านชมชอบ ท่านก็ควรพยายามเพื่อตัวท่านเองสิ ไยจึงแนะนำให้พี่ชายสี่แทนซะเล่า?”ซ่งจืออวี้ถึงกับสะอึกไป ทั้งใบหน้าพลันขึ้นสีแดงก่ำทันใด รีบพูดว่า “น้องหญิงห้า เจ้าอย่าได้พูดจาส่งเดช ข้าเปล่า!”“ท่านเปล่าอะไร?” ซ่งรั่วเจินยกมือชี้หน้าเขา พร้อมเอ่ยว่า “ข้าน่าจะหยิบคันฉ่องสักบานมาให้ท่านใช้ส่องจริง ๆ เลยเชียว ลำพังท่านปิดบังคนอื่นยังไม่รอด ยังคิดจะปิดบังข้า นั่นยิ่งไม่มีทาง”เอ่ยพลาง ซ่งรั่วเจินก็วางมือบนตัวเขา สีหน้าพิกลทีเดียว คล้ายว่าอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี จึงได้แต่ฝืนกลั้นความรังเกียจไว้และเอ่ยออกมาว่า“พี่ชายสาม ท่านอายุก็ไม่น้อยแล้ว ควรจะคิดเผื่ออนาคตของตนเองเอาไว้บ้าง”“ยิ่งไปกว่านั้น แม่นางที่ท่านชมชอบกลับแนะนำให้คนอื่น หากนางได้เป็นน้องสะใภ้ของท่านขึ้นมาจริง ๆ ท่านต้องเห็นนางท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status