เฉินอิ้งถงเร่งจัดเตรียมวัตถุดิบอย่างขมีขมัน ทั้งยังจัดสรรผักลงไปทีละหยิบมือ มีทั้งกวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดหอม หัวไชเท้า เห็ด ขึ้นฉ่าย สาหร่าย ฟักทอง ต้นหอม เพราะวังหลวงวัตถุดิบมีมากจึงสามารถนำผักที่มีมาใช้ได้ไม่อั้น ฉินก่วงและเจี่ยงน่าคอยเป็นลูกมือให้เฉินอิ้งถง ขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด ทว่าทั้งสองกลับประหลาดใจที่เฉินอิ้งถงแบ่งผักเหล่านี้นับหลายสิบจาน
“แม่นางเฉิน เหตุใดเราต้องแยกผักทีละหยิบมือไว้ในถ้วยชามเช่นนี้ด้วยเล่า ข้าไม่เห็นเข้าใจว่านี่จะเป็นอาหารได้อย่างไร” ฉินก่วงสงสัย
เจี่ยงน่าเองก็เช่นกัน “นั่นสิ แล้วอย่างพวกเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อปลาพวกนี้ก็ต้องจัดออกเป็นคำ ๆ ข้าไม่ค่อยเข้าใจวิธีทำอาหารของเจ้าเท่าใด ทำเช่นนี้หออาหารล้างจานจนมือเปื่อยแน่”
เฉินอิ้งถงขบขัน มือเรียวเคี่ยวน้ำแกงในหม้อกลับไปมาถึงสามใบ “นี่เป็นอาหารที่ทุกคนสามารถเลือกกินในสิ่งที่ชอบได้ตามใจ อีกทั้งยังมีน้ำซุปถึงสามรสชาติให้เลือก ใครกินเผ็ดก็เลือกซุปหม่าล่ารสจัดจ้าน ใครชอบกลมกล่อมก็เลือกซุปน้ำดำ ส่วนใครชอบแบบเรียบง่ายรสอร่อยก็เลือกซุปน้ำใส อาหารแบบนี้ที่บ้านเกิดของข้าเรีย
เหลือเวลาอีกสามวันจะถึงงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันประสูติของไทเฮา เสียงเล่าลือว่าเฉินอิ้งถงตั้งใจลงไปช่วยท่านหญิงผิงอันเพราะโดนอุบายแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว“ผิงอันเจ้ารู้ความผิดหรือไม่” ไทเฮาสอบสวนหน้าขรึมผิงอันนั่งก้มหน้างุด สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะไทเฮา ต่อไปหม่อมฉันจะไม่ทำเช่นนี้อีก”ไท่เฟยหน้าบูดบึ้ง เพราะเฉินอิ้งถงเป็นคนของตำหนักไท่เฟยย่อมทำให้พระนางไม่พอใจเป็นเรื่องธรรมดา ไทเฮาเหลียวมองไท่เฟยจากนั้นถอนหายใจแผ่ว “น้องหญิงเจ้าก็อย่าตำหนินางนักเลย นางยังเด็กไม่รู้ความ”“นางเด็กหรือเพคะ อายุก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว นางคิดว่าตระกูลซ่งเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทก็คิดเหิมเกริมได้รึ ถงเอ๋อร์เป็นคนของข้า ข้าพานางมาทว่าปกป้องนางไม่ได้เช่นนั้นผู้คนจะครหาตำหนักไท่เฟยว่าอย่างไร”“ไท่เฟยอย่าทรงกริ้ว ผิงอันรู้ความผิด ทว่าเฉินอิ้งถงผู้นั้นก็เป็นเพียงสตรีไร้หัวนอนปลายเท้า นางมีคุณสมบัติใดคู่ควรให้ไท่เฟยต้องปกป้องเพคะ” ผิงอันนึกใจกล้า ถึงอย่างไรนางก็มีตำแหน่งถึงท่านหญิง เหตุใดไท่เฟยจะต้องเอาความกับนางให้ได้ไท่เฟยมือสั่นเทา “เหิมเกริมน
เรื่องฝีมือการทำอาหารของเฉินอิ้งถงเป็นที่เล่าลือไปทั่ววังหลัง อีกไม่กี่วันจะถึงงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันประสูติของไทเฮา ครั้งก่อนทำไว้ประทับใจมากเกินไปเป็นเหตุให้ยามนี้ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นไปอีก“นี่ข้าคิดผิดหรือคิดถูกกันเนี่ยเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” เฉินอิ้งถงนั่งทุบคอนวดไหล่ สายตาทอดมองดอกบัวบานสะพรั่งท่ามกลางสระกลางสวนพฤกษาบรรยากาศบริเวณนี้เงียบสงบ อีกทั้งไม่มีทหารเวรยามหรือนางกำนัลเดินพลุกพล่าน เฉินอิ้งถงจึงมักมานั่งสงบใจผ่อนคลายอาการเหนื่อยล้าคนเดียวบ่อยครั้ง ตอนนี้นางก็อาศัยอยู่หลังกำแพงวังหลวงครบสัปดาห์แล้ว มาถึงวันแรกจวบจนบัดนี้ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจนแทบไม่กล้าขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้า “ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ช่วยท่านหญิงด้วย”เสียงร้องเอะอะเอ็ดตะโรของใครบางคนดังแว่วไม่ไกลนัก เฉินอิ้งถงลุกพรวดก็เห็นสาวรับใช้นางหนึ่งยกมือป้องปากพลางร้องตะโกนท่าทางร้อนรนอยู่ริมขอบสระเฉินอิ้งถงตรงไปหาอีกฝ่ายหน้าตื่น “เกิดอะไรขึ้น?”“ฮึก ฮือ ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ท่านหญิงผิงอันตกน้ำเจ้าค่ะ บ่าวว่ายน้ำไม่เป็น”เฉินอิ้งถงหน้านิ่วคิ้วขมวด “เจ้ารีบไปตามคนมาช่
เฉินอิ้งถงเร่งจัดเตรียมวัตถุดิบอย่างขมีขมัน ทั้งยังจัดสรรผักลงไปทีละหยิบมือ มีทั้งกวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดหอม หัวไชเท้า เห็ด ขึ้นฉ่าย สาหร่าย ฟักทอง ต้นหอม เพราะวังหลวงวัตถุดิบมีมากจึงสามารถนำผักที่มีมาใช้ได้ไม่อั้น ฉินก่วงและเจี่ยงน่าคอยเป็นลูกมือให้เฉินอิ้งถง ขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด ทว่าทั้งสองกลับประหลาดใจที่เฉินอิ้งถงแบ่งผักเหล่านี้นับหลายสิบจาน“แม่นางเฉิน เหตุใดเราต้องแยกผักทีละหยิบมือไว้ในถ้วยชามเช่นนี้ด้วยเล่า ข้าไม่เห็นเข้าใจว่านี่จะเป็นอาหารได้อย่างไร” ฉินก่วงสงสัยเจี่ยงน่าเองก็เช่นกัน “นั่นสิ แล้วอย่างพวกเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อปลาพวกนี้ก็ต้องจัดออกเป็นคำ ๆ ข้าไม่ค่อยเข้าใจวิธีทำอาหารของเจ้าเท่าใด ทำเช่นนี้หออาหารล้างจานจนมือเปื่อยแน่”เฉินอิ้งถงขบขัน มือเรียวเคี่ยวน้ำแกงในหม้อกลับไปมาถึงสามใบ “นี่เป็นอาหารที่ทุกคนสามารถเลือกกินในสิ่งที่ชอบได้ตามใจ อีกทั้งยังมีน้ำซุปถึงสามรสชาติให้เลือก ใครกินเผ็ดก็เลือกซุปหม่าล่ารสจัดจ้าน ใครชอบกลมกล่อมก็เลือกซุปน้ำดำ ส่วนใครชอบแบบเรียบง่ายรสอร่อยก็เลือกซุปน้ำใส อาหารแบบนี้ที่บ้านเกิดของข้าเรีย
เฉินอิ้งถงนั่งนึกรายการอาหารไปเรื่อยเปื่อย คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก พลางเคาะแก้มเคาะกระหม่อมอยู่พักใหญ่เสียงหาวหวอดก็แว่วขึ้นมา“ฮ่าว…นายท่าน กำลังคิดมากเรื่องใดหรือเจ้าคะ”“เจ้าหลับสบายเชียวนะ เวลาหลับปิดสวิตช์ตัวเองเลยว่างั้นเถอะ”เสี่ยวฮวายิ้มแหย “การพักผ่อนแบบปรับพลังงานต้องปิดการรับรู้ของทวารทั้งห้านี่เจ้าคะ ที่เสี่ยวฮวาตื่นเพราะสัมผัสได้ถึงความสับสนของนายท่านเจ้าค่ะ ปกติแล้วต้องพักให้ครบสิบสองชั่วยาม [1] พลังงานจะเพิ่มมากขึ้น”เฉินอิ้งถงทำแก้มป่อง นัยน์ตามองตรงเหม่อลอย “อ้อ…เข้าใจแล้ว” หญิงสาวถอนหายใจ มือเรียวตวัดพู่กันขีด ๆ เขียน ๆ ไปมาเพื่อระบายอารมณ์“นายท่าน เช่นนั้นกินลูกกวาดหน่อยนะเจ้าคะจะได้อารมณ์ดี”เฉินอิ้งถงพยักหน้าเสี่ยวฮวาเห็นอีกฝ่ายใจลอยไร้จิตวิญญาณจึงป้อนขนมหวานเข้าปาก ความหอมละมุนจากลูกกวาดทำให้อารมณ์เริ่มสงบ “ขอบคุณนะ”“เร็วเข้าระวังอย่าให้เหี่ยวเฉา อย่าทำช้ำด้วยล่ะ” เสียงนางกำนัลดังลอดเข้ามาที่ช่องหน้าต่างเฉินอิ้งถงมองตามสตรีที่แต่งกายคล้ายกันถือตะกร้าสานซึ่งด้านในเต็มไปด้วยผักใบเขียว คิ้ว
ผิงอันหน้าบูดบึ้ง “นี่คือเหตุผลที่ท่านพี่ชางหลงไม่ยอมแต่งงานกับหม่อมฉันหรือเพคะ”เฉินอิ้งถงกลอกตามองไปมาระหว่างสตรีที่มาเยือนกับชายหนุ่มที่ไม่ยอมถอยห่างจากตน มือเรียวสะกิดเบา ๆ “องค์ชาย องค์ชายเพคะ”จินชางหลงลดมือลง “ผิงอันเจ้ามาได้อย่างไร”“หากหม่อมฉันไม่มาจะได้เห็น…ได้เห็น หึ้ย!” ผิงอันสะบัดมือทิ้งอย่างหัวเสียผิงอันงั้นหรือ ชื่อนี้คุ้น ๆ แหะเฉินอิ้งถงพิจารณาสตรีเสียงแปดหลอด กระทั่งอีกฝ่ายเบนความสนใจกลับมาที่นาง “เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงกล้ามาให้ท่าท่านพี่ชางหลงของข้า”เฉินอิ้งถงเลิกคิ้ว “ของท่านหรือ เอ…” เฉินอิ้งถงกวาดสายตาสำรวจจินชางหลง ทั้งยังเดินไปมารอบกายของเขาคิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน ส่วนผิงอันโมโหจนอกแทบแตก “ทำอะไรของเจ้า!?”เฉินอิ้งถงละสายตาจากชายหนุ่ม “ข้าไม่เห็นว่าที่ตัวองค์ชายมีป้ายติดไว้ว่ามีเจ้าของเลยนะเจ้าคะ แล้วเช่นนี้จะบอกว่าเป็นของท่านได้อย่างไร”“บังอาจ! ท่านพี่ชางหลงไม่ใช่สิ่งของเสียหน่อย”“แต่เมื่อครู่คนที่บอกว่าเขาเป็นของท่านก็คือตัวท่านเองมิใช่หรือ” เฉินอิ้งถงโต้
เฉินอิ้งถงยืนตัวเกร็งท่ามกลางตำหนักรับรองขนาดกว้าง สตรีสูงวัยทว่างดงามน่าเกรงขามไม่ย่อหย่อนไปกว่าไท่เฟยกวาดสายตามองร่างระหงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“พี่หญิงท่านมองนางเช่นนั้นนางก็ทำตัวไม่ถูกสิเพคะ”ไทเฮาปรายตามองเจ้าของเสียง “เจ้าแน่ใจหรือว่านางทำอาหารอร่อยยิ่งกว่าห้องเครื่องของเรา”“เสด็จย่า ฝีมือของนางไม่เลวจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ” จินชางหลงโพล่งอย่างนึกลืมตัวเฉินอิ้งถงที่ยืนตัวเกร็งสะท้านเบนหน้ามองจินชางหลงด้วยแววตาคาดไม่ถึง“เจ้าก็เป็นไปกับเสด็จย่ารองของเจ้า สตรีไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างนี้ก็กล้าจะให้นางมาทำเครื่องเสวยในงานเฉลิมฉลองของข้า”จินชางหลงยิ้มขืน เพราะไม่อยากให้เฉินอิ้งถงต้องอึดอัดไปมากกว่านี้จึงเร่งออกตัวเฉินอิ้งถงก้มหน้างุด ผู้ใดจะคิดว่างานที่ต้องทำคือเครื่องเสวยสำหรับงานวันคล้ายวันประสูติของไทเฮา หากรู้แต่แรกนางไม่มีทางยอมตามไท่เฟยเข้าเมืองหลวงเป็นอันขาดรอยยิ้มบนใบหน้าของไท่เฟยอ่อนหวานมีเมตตานางยังพอรับมือไหว ทว่ายามนี้ต้องมาเผชิญหน้ากับไทเฮาผู้สูงศักดิ์หยิ่งทระนงเหงื่อเย็นก็พลันผุดซึมเต็มแผ่นหลังเฉินอิ้งถงขบคิ