Accueil / รักโบราณ / นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี / ตอนที่7 เลือดของนางเป็นยา

Share

ตอนที่7 เลือดของนางเป็นยา

last update Dernière mise à jour: 2025-09-18 14:03:04

 หลังจากเหว่ยอ๋องสงบสติอารมณ์ลงบ้างแล้ว เขาก็นึกโทษตนเองที่บันดาลโทสะใส่นาง จนเกือบจะฆ่านางไปแล้ว ในเวลานั้นเขาเพียงคิดว่า สิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องไร้สาระเพราะหมอหลวงยังตรวจไม่พบ แล้วนางเอาอะไรมาพูด ที่จริงเป็นเพราะเขาไม่อยากเชื่อว่า คนสนิทใกล้ตัวจะกล้าลงมือกับเสด็จพ่อ จึงบันดาลโทสะใส่นาง ท่าทางของนางหวาดกลัวเขามาก เขานั่งมองนางพูดคุยกับเจินซีห่าวและจับมือเขาหนึ่งข้าง พวกเขาคงกำลังพูดคุยอยู่กับมารดาของเขาสินะ ท่าทางของนางดูผ่อนคลายมากกว่าอยู่กับเขาเสียอีก นางก็แค่สตรีวัยเยาว์ผู้หนึ่ง เขาคงทำให้นางกลัวไปแล้ว 

 ว่านชิงอีพอได้พูดคุยกับเจินซีห่าวถึงรู้ว่าที่จริงแล้ว เขาเป็นคนคุยสนุกคนหนึ่งเลยทีเดียวเลย เขาเป็นบุตรของนางสนมขั้นผินกับฝ่าบาท แต่เพราะนางเสียชีวิตจากไป พระสนมกุ้ยเฟยจึงนำเขามาดูแลเลี้ยงดูพร้อมกันกับเหว่ยอ๋อง เขาจึงนับถือพระสนมเป็นเสมือนมารดา แต่พระสนมกุ้ยเฟยก็อายุสั้นล้มป่วยและเสียชีวิตเช่นกัน เวลานี้มีว่านชิงอีเป็นตัวเชื่อมเขาจึงมองเห็นพระสนมกุ้ยเฟยอีกครั้ง 

 “คุณหนูว่านพอจะมีวิธีช่วยเหลือฝ่าบาทหรือไม่?” เจินซีห่าวคิดว่าต้องลองถามนางดู เขาเชื่อว่านางต้องมีวิธี

 “นั่นสิคุณหนูว่านหากเจ้าช่วยฝ่าบาทได้ เจ้าอยากได้อะไรข้าให้เจ้าหมดเลย” ว่านชิงอีพอได้ยินพระสนมเอ่ยเช่นนี้ใจก็เต้นระริกด้วยความดีใจ สกุลว่านของนางรอดแล้ว หากช่วยฝ่าบาทได้นางจะขอตั๋วเงินสักหมื่นตำลึง แต่ว่านางจะช่วยฝ่าบาทอย่างไร อยู่ๆ ความฝันที่ว่ามีเงินหมื่นตำลึงมาอยู่ตรงหน้าก็หายวับไป ว่านชิงอีจึงส่งจิตไปคุยกับปิงปิง “เจ้ามีวิธีหรือไม่ช่วยข้าคิดหน่อย” ไม่นานปิงปิงกตอบกลับมา “ข้าก็ไม่รู้เจ้าค่ะ”

 “หม่อมฉันจะลองคิดหาวิธีช่วยเพคะ แต่ว่าหม่อมฉันไม่รับปากนะเพคะว่าช่วยได้หรือไม่ เพราะว่าพิษนี้ขนานหมอหลวงยังตรวจสอบไม่พบ หม่อมฉันเกรงว่าความสามารถของหม่อมฉันอาจมีไม่มากพอ” คราวนี้ว่านชิงเริ่มระวังคำพูดมากขึ้น เพราะกลัวว่าดาบจะมาจ่อที่ลำคออีกครั้ง

 พระสนมกุ้ยเฟยมองว่านชิงอีอย่างเอ็นดู เด็กสาวคนนี้แม้จะดูเยาว์วัยแต่ก็มีเค้าโครงความสวยงาม อีกปีสองปีนางคงงดมากเป็นแน่ ความสามารถพิเศษของนางใช่ว่าใครจะมีได้ ต่อไปบุรุษคงพากันอยากแย่งชิงนางมาเป็นของตนเป็นแน่ เสียดายที่บุตรชายของนางช่างเย็นชา และอารมณ์ร้อน ดุดันโหดเหี้ยม คงไม่มีสตรีใดอยากเข้าใกล้ ถึงแม้นางจะเอ็นดูว่านชิงอีมากเพียงใด นางก็ไม่อาจเอาความชอบส่วนตัว มาทำให้คนหนุ่มสาวเกิดความไม่สบายใจ

 ว่านชิงอีลุกขึ้นเดินไปที่เตียงที่มีฝ่าบาทนอนอยู่ ก่อนนางจะเรียกปิงปิงให้ไปช่วยอีกแรง ปิงปิงสัมผัสแขนของฝ่าบาทพร้อมกันกับว่านชิงอี ก่อนจะตั้งจิตสมาธิ “ข้าอยากได้ยาแก้พิษนี้” พอนางกล่าวจบ ย่ามสะพายที่ปิงปิงสวมอยู่ก็สั่นเบาๆ

 “คุณหนูย่ามสั่นมากเลยเจ้าค่ะท่านดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะว่าเป็นเพราะเหตุใด” ปิงปิงรีบส่งยามให้ว่านชิงอี นางจึงรับมาเปิดดู ก็เห็นห่อยาและกระดาษคล้ายจดหมาย นางจึงรีบเปิดอ่าน “เลือดของเจ้าพิเศษมาก ผสมกับยาตัวนี้ต้มดื่มจะได้ผลดี เลือดของเจ้ามีสรรพคุณแก้พิษและต้านพิษได้ดี”

 ว่านชิงอีอ่านเสร็จก็เนื้อตัวเย็นเฉียบ หากเลือดนางเป็นยา ต่อไปหากมีคนรู้ คงอยากฆ่านางเพื่อเอาเลือดนางเป็นแน่ เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้ ว่านชิงอีส่งกระดาษให้ปิงปิง พอนางอ่านเสร็จก็ทำหน้ายุ่งยากใจ มองว่านชิงอีด้วยความสงสาร 

 การช่วยเหลือผู้อื่นโดยใช้เลือดตน เป็นดั่งดาบสองคม เพราะทุกคนมีความโลภและความเห็นแก่ตัวอยู่ในตัวเอง หากรู้ว่าเลือดของนางมีความพิเศษ ทุกคนคงอยากแก่งแย่งมาเป็นของตน ว่านชิงอีรู้สึกว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับนาง นางไม่มีวรยุทธหรือวิชาป้องกันตัว หากมีคนคิดจะฆ่านาง นางก็คงจบชีวิตลงอย่างง่ายดาย พอนึกถึงตรงนี้ว่านชิงอีก็เศร้าใจอยากบอกไม่ถูก ปิงปิงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่านางรู้สึกเช่นไร จึงรีบเข้ามาสวมกอดนางแน่น

 พระสนมกุ้ยเฟยมองเด็กน้อยวัยห้าหนาว ที่เข้าไปสวมกอดว่านชิงอีอย่างแปลกใจ นางเป็นใครกัน? นางว่าจะถามว่านชิงอีตั้งแต่ตอนเข้ามา เพราะเด็กน้อยนางนี้มีใบหน้าที่น่ารักถูกใจนางเหลือเกิน แต่ทว่าเหตุใดว่านชิงอีถึงดูเศร้านัก เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ

 “พระสนม องค์ชายเจินซีห่าว หม่อมฉันอยากได้หม้อต้มยา และอยากปรุงยาในห้องนี้คนเดียวได้หรือไม่เพคะ?”

 “ได้สิ” ทุกคนรับปากและพากันออกไปจากห้อง ว่านชิงอีจึงเริ่มต้มยาและรีบกรีดนิ้วชี้ หยุดเลือดลงไปในหม้อ ผสมกับตัวยาในห่อจากนั้นก็ต้มไปสักพัก พอเสร็จนางก็ไปเปิดประตู 

 “องค์ชายยาต้มเสร็จแล้วเพคะ รอให้เย็นอีกหน่อยก็ให้ฝ่าบาทเสวยได้แล้วเพคะ” พระสนมกุ้ยเฟย เหว่ยอ๋อง เจินซีห่าว รีบพากันเข้าไปในห้องอีกครั้ง เหว่ยอ๋องรีบยกถ้วยมาเป่า เพื่อให้เย็นลงเร็วขึ้น ก่อนเจินซีห่าวจะเข้าไปประคองร่างของฝ่าบาทให้ลุกนั่งพิงตัวเข้า เหว่ยอ๋องค่อยๆ ป้อนยาอย่างช้าๆ ฝ่าบาทรู้สึกตัวอยู่บ้างจึงไม่ลำบากในการป้อนยามากนัก จนยาหมดถ้วยองค์ชายเจินซีห่าวก็ประคองให้ฝ่าบาทนอนลงอีกครั้ง 

 ผ่านไปสักพักฝ่าบาทก็ลุกพรวดขึ้นมาอาเจียนอย่างรุนแรง ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง หมอหลวงรีบเข้ามาจับชีพจรดูก็บอกให้ทุกคนเบาใจ ผ่านไปหนึ่งก้านธูปฝ่าบาทก็เริ่มขยับตัว ทุกคนที่เฝ้าดูอาการอยู่ก็ดีใจกันอย่างมาก มีเพียงว่านชิงอีที่พอเห็นว่าเลือดนางได้ผล ก็ยิ่งหวาดกลัวและกังวล 

 “องค์ชายให้ฝ่าบาทดื่มยาอีกเพคะ หม่อมฉันต้มไว้หลายถ้วย คิดว่าดื่มอีกสามสี่ถ้วยก็น่าจะดีขึ้นแล้วเพคะ” ว่านชิงอีเอ่ยบอกองค์ชายเจินซีห่าว โดยไม่มองเหว่ยอ๋องเลยสักนิดและไม่คิดจะพูดด้วย หากอาการของฝ่าบาทดีขึ้นนางจะขอตัวกลับ เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวใดๆ กับราชวงศ์ กลับไปนอนคิดหาวิธีหาเงินสบายใจกว่า หลังจากดื่มยาถ้วยที่สองฝ่าบาทก็อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

 พระสนมกุ้ยเฟยรีบดึงแขนว่านชิงอีมายืนข้างเตียง เหว่ยอ๋องพอเห็นว่านชิงอีขยับมายืนข้างเตียง ก็มองนางอย่างงงๆ ว่านางคิดจะทำอะไรเพราะเขามองไม่เห็นพระสนม แต่พอเห็นนางจับแขนฮ่องเต้ เขาจึงพอเดาออกว่ามารดาคงอยากพูดคุยกับเสด็จพ่อ ฮ่องเต้พอเห็นดรุณีน้อยมายืนข้างเตียงพร้อมจับแขนของเขา ก็มองอย่างไม่เข้าใจ แต่จู่ๆ เขาก็เริ่มมองเห็นสนมกุ้ยนั่งอยู่ข้างเตียง ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ 

 “ฝ่าบาทเป็นนางที่ทำให้หม่อมฉันได้พบพระองค์อีกครั้ง และเป็นนางอีกเช่นกันที่รักษาพระองค์จากพิษที่ขันทีชั่ววางยาพระองค์ เป็นเพราะฝ่าบาทถูกพิษพร่ำเพ้อพูดถึงหม่อมฉัน เหว่ยอ๋องจึงออกไปนอกวังเพื่อจะให้นักพรตมาดูว่า วิญญาณหม่อมฉันยังวนเวียนอยู่ที่นี่หรือไม่ แต่เขากลับพบแม่นางน้อยผู้นี้จึงพามาที่นี่ ฝ่าบาทนางเก่งมากจริงๆ เพคะ พวกเราเป็นหนี้บุญคุณนางแล้ว” พระสนมเอ่ยยื้ดยาวนำ้ตาไหลอาบใบหน้า ฮ่องเต้ฟังสนมรักเล่าเรื่องราวก็เริ่มปะติดปะต่อจนเข้าใจ ก่อนจะยกยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับว่านชิงอี

 “ขอบใจเจ้ามาก เจ้าเป็นบุตรสาวของผู้ใด?”

 “หม่อมฉันว่านชิงอีเป็นบุตรสาวของเสนาบดีว่านฝ่ายกรมพิธีการเพคะ”

 “บุตรสาวเสนาว่านเองหรอกรึ เขาเคยเล่าให้เราฟังเมื่อสิบสี่ปีก่อน ว่าเคยมีนักพรตได้ทำนายทายทักว่า บุตรสาวคนที่สามจะมีบุญญาธิการมากและผู้คนจะได้พึ่งพานาง เราพึ่งเขาใจก็วันนี้เอง” ฮ่องเต้หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เมื่อก่อนเขามองว่าเสนาบดีว่านช่างเหลวไหล เชื่อคำพูดของนักพรตอย่างงมงาย แต่มาวันนี้เขาถึงได้เห็นกับตาตนเองโดยไร้ข้อโต้แย้งใดๆ

 

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่17 ทดสอบสติปัญญาและความสามารถ

    เหล่าบรรดาขุนนางพากันปาดเหงื่อกับปริศนาคำทายของท่านหญิง เหล่าคุณหนูและฮูหยิน ต่างพากันขบคิดกับปริศนาคำทายกันอย่างขะมักเขม้น แม้แต่เหว่ยอ๋อง เจินซีห่าว และรัชทายาท ก็พากันขบคิดว่าปริศนาคำทายนี้หมายถึงสิ่งใด นางบอกเริ่มที่ง่ายๆ ก่อน อันนี้ง่ายสุดแล้วใช่หรือไม่ ฮ่องเต้แอบดูคำตอบที่นางให้มาก็แอบยิ้มด้วยความสะใจ คำตอบที่ส่งมาให้ฮ่องเต้ตรวจคำตอบยังไม่มีใครที่ตอบถูกเลยสักคน การสั่งสอนคนบางทีก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเสมอไป ธูปที่จุดบอกเวลาไหม้ลงเรื่อยๆ สร้างความกดดันให้กับเหล่าขุนนางเป็นอย่างมาก ก่อนขันทีจะประกาศหมดเวลา ทำเอาเหล่าขุนนางตกใจหน้าซีด เหตุใดเวลาถึงได้เดินเร็วนักเล่า “ทูลฝ่าบาทขอเวลาอีกสักครึ่งชั่วยามได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ฮ่องเต้หันไปมองว่านชิงอี ว่าจะเอาอย่างไร นางก็พยักหน้าให้โอกาสอีกครึ่งชั่วยาม “ได้เราจะให้เวลาอีกครึ่งชั่วยาม หากยังไม่ได้คำตอบก็ถือว่าไม่มีใครหาคำตอบได้ เราจะเก็บของรางวัล500ตำลึงเข้ากองคลัง” ไม่นานครึ่งชั่วยามก็มาถึงอีกครั้ง เหล่าขุนนางเหงื่อตก เพราะไม่สามารถคิดหาคำตอบได้ทันเวลา “เอาละหมดเวลาแล้ว วันนี้ท่านหญิงได้ทำให้เราได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย ขุนนางของเ

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่16 ปริศนาคำนาย

    หลังจากเรื่องราวคลี่คลาย ทุกอย่างก็กลับมาปกติอีกครั้ง วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลอง การแต่งตั้งท่านหญิงจวินจู่ ซึ่งฝ่าบาทจัดงานนี้เพื่อนางโดยเฉพาะ ตระกูลต่างๆ มาพร้อมฮูหยินและคนในครอบครัว แม้จะไม่ยินดีที่จะมาร่วมงาน แต่ก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ของฝ่าบาทได้ พองานใกล้เริ่มทุกคนก็พากันไปนั่งประจำที่ ที่ทางวังหลวงจัดเอาไว้ตามตำแหน่งของแต่ละคน วันนี้ท่านหญิงจวินจู่มาในชุดอาภรณ์สีขาวขลิบสีชมพูอ่อน ประดับด้วยปิ่นหยกสีขาวเข้าชุด นางไม่ได้ประโคมแต่งมากจนเกินไป ตั้งใจให้ดูเรียบๆ แต่ดูดี ถึงจะเป็นเจ้าของงาน แต่ก็ไม่อยากโดดเด่นจนเกินไป พอนางมาถึงบริเวณจัดงาน ก็เห็นวิญญาณของพระสนมกุ้ยเฟยยืนรออยู่ นางส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “วันนี้เจ้าดูงดงามมาก” “ขอบพระทัยเพคะ” ว่านชิงอียิ้มหวานให้พระสนม และก้าวเดินเข้างานไปพร้อมกับนาง ก่อนจะไปยอบกายถวายความเคารพฮ่องเต้ต่อหน้าพระที่นั่ง “ท่านหญิงวันนี้ท่านดูงดงามมากจริงๆ เอาละไปนั่งที่ของท่านเถิดงานจะเริ่มแล้ว” ฮ่องเต้เจินเฉินหลงกล่าวอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี พอนางนั่งลงดนตรีก็เริ่มบรรเลง เหล่านางกำนัลก็เริ่มทำหน้าที่ ยกอาหารและสุรามาวาง ว่านชิงอีมองอาหารอย่างสนใจ อาหารในว

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่15 พระราชโองการ

    “ท่านอ๋องยามนี้ผู้คนร่ำลือถึงข่าวท่านหญิง ว่าคบบุรุษทีเดียวสามคน ซึ่งในข่าวลือมีท่านร่วมอยู่ด้วย” อู่ถงหลังจากออกไปทำธุระกลับมา ได้ยินข่าวลือเรื่องท่านหญิงจึงรีบมารายงาน “เล่ามาให้ละเอียด” อู่ถงจึงเริ่มเล่าเรื่องที่ได้ยินมาอย่างละเอียดให้เขาฟัง ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งไม่พอใจ ใครกันนะที่สร้างข่าวพวกนี้ขึ้น แล้วนางจะทนคำพูดเหล่านี้ได้หรือไม่? ช่วงนี้เขาต้องห่างจากนางออกมาหรือว่าเขาต้องทำตัวปกติดีนะ แต่ความคิดเขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อองครักษ์เข้ามารายงานว่า องค์ชายซีห่าวและรัชทายาทมาขอเข้าพบ เหว่ยอ๋องถอนใจ ดีเหมือนกันพวกเขามา จะได้ช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรดี เขารู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของนางจริงๆ “เสด็จพี่ท่านได้ข่าวหรือยัง?” องค์ชายซีห่าวร้อนใจร้องถามตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง “เหว่ยอ๋องเราจะทำอย่างไรกันดี นางต้องทุกข์ใจมากเป็นแน่ เรื่องนี้ข้าต้องหาต้นตอคนปล่อยข่าวให้ได้” รัชทายาทเอ่ยน้ำเสียงเจ็บแค้น กับคนสร้างข่าวลือที่ไม่เป็นจริง “เราจะโทษคนปล่อยข่าวก็ไม่ถูก พวกเราออกไปข้างนอกกับนางจริงมีคนเห็นมากมาย เราควรคิดหาวิธีดีกว่า ว่าต่อไปพวกเราจะไปมาหาสู่นางได้อย่างไร เพราะนางเหมือนจะอยากให้พวกเราช่

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่14 ข่าวลือ

    จางเจียอีพอกลับมาถึงจวน ก็รีบตรงไปหาฮูหยินจางทันที นางต้องพยายามข่มเก็บอาการเคืองขุ่นและน้อยใจรัชทายาทเอาไว้ ไม่ให้แสดงออกมา เขาปกป้องสตรีนางนั้นอย่างออกหน้า แม้เขาและนางจะยังไม่ได้หมั้นหมายแต่ แต่ก็ได้มีการพูดคุยถึงว่าจะให้หมั้นหมายกัน ตั้งแต่ตระกูลจางรับรู้ข่าวนั้น ก็ได้ให้นางเตรียมตัวฝึกฝนกิริยามารยาท เพราะหากหมั้นและแต่งกับรัชทายาท นั้นก็หมายถึงตำแหน่งฮองเฮาในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นนางจึงต้องฝึกฝนอย่างเข้มงวด แต่ว่าวันเวลาผ่านไปรัชทายาท ก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลจาง เจอกันในงานก็เพียงทักทาย ยามนี้ยังมาแสดงท่าทีแบบนี้ ใจของนางเหมือนแหลกสลาย พอมาถึงเรือนมารดา จางเจียอีก็โผเข้ากอดนางแน่นพร้อมกับร้องไห้อย่างอัดอั้น จากนั้นก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮูหยินจางฟัง ฮูหยินจางได้ฟังก็นึกขุ่นเคืองรัชทายาท และพาลโกรธไปถึงท่านหญิง เป็นท่านหญิงแล้วอย่างไร คิดจะแย่งบุรุษที่มีคู่หมายแล้วได้อย่างงั้นรึ แต่ว่าวันนี้บุตรสาวนางบอกมีเหว่ยอ๋อง องค์ชายซีห่าว และองค์รัชทายาท ฮึเรื่องนี้นางจะปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องเรียกอีกสามตระกูลมาคุยกัน “ท่านแม่ข้าไม่ยอม ข้าเตรียมตัวมาตั้งหลายปี หากข้าไม่ได้แต่งกับรั

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่13 วิญญาณอยากเป็นผู้ช่วย

    “ถวายบังคมรัชทายาท ท่านอ๋อง องค์ชาย สตรีสามนางยอบกายถวายความเคารพอย่างงดงาม ตามแบบฉบับคุณหนูที่เพียบพร้อม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรัชทายาทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เหตุใดไม่ทำความเคารพท่านหญิง หรือว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าสตรีที่เพียบพร้อมเขาปฎิบัติกับคนที่สูงกว่าหรือ?” สตรีสามนางหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าพวกนางจะพลาดในสิ่งที่ไม่ควรพลาดเช่นนี้ “ถวายบังคมท่านหญิงจวินจู่ ขอประทานอภัยที่หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดท่านหญิงอย่าถือสา” จางเจียอีเอ่ยออกมาอย่างอ่อนหวาน แม้ภายนอกจะแสดงออกมาว่ารู้สึกผิด แต่ภายในใจนั้นกลับสุ่มไปด้วยเพลิงโทสะจางเจียอีจิกเล็บลงไปบนฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ เพื่อระงับอารมณ์และความรู้สึกภายในใจ เหว่ยอ๋องยืนอยู่ด้านหลังของว่านชิงอี มีองค์ชายซีห่าวและรัชทายาทยืนประกบซ้ายขวาคล้ายดั่งองครักษ์ ยิ่งทำให้สตรีสามนางแทบอยากกรีดร้องออกมา จึงได้แต่ขอตัวและจากไปด้วยความแค้นเคือง หลังจากพวกนางไปแล้วว่านชิงอีก็หมุนกายเดินเข้าไปในร้านบะหมี่ ก่อนจะสั่งอย่างละเอียดว่าชามไหนใส่อะไรไม่ใส่อะไร ทำเอาสามบุรุษหนุ่มยกยิ้มด้วยความพอใจที่นางให้ความใส่ใจกับพวกเขา พอชามบะหมี่ถูกยกมาวางบนโต๊ะ ว่านชิงอี

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่12 บุรุษที่หมายตา

    จวนสกุลว่าน เสนาบดีว่านพอกลับมาถึงจวนก็รีบตรงดิ่งไปหามารดา วันนี้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยากจะบรรยาย เขารอแทบไม่ไหวที่จะเล่าเรื่องราวที่รับรู้ในท้องพระโรงให้ผู้เป็นมารดาฟัง แต่ก็ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นมารดาอยู่ที่เรือน พอสอบถามบ่าวรับใช้ก็ได้ความว่านางไปที่เรือนใหญ่ได้สักพักแล้ว เขาจึงเปลี่ยนเส้นทางไปที่เรือนใหญ่ทันที พอมาถึงก็เห็นทุกคนนั่งกันอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เขาจึงคิดว่าเป็นการดีที่จะได้เล่าทีเดียว แต่พอเขาเล่าจบทุกคนกลับนั่งนิ่งไม่มีอาการดีใจเลยสักนิด เขารู้สึกผิดหวังที่ทุกคนไม่ให้ความสำคัญกับข่าวนี้ “เหตุใดไม่มีใครดีใจกับข่าวนี้เลย” ? “จื่อหยวนข่าวเจ้านะพวกข้ารู้ตั้งนานแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยยิ้มๆ นึกขำบุตรชายที่รีบรุดมาแจ้งข่าว แต่ที่ไหนได้ข่าวนี้กระจายออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ออกมากระพือข่าวนอกวัง “พวกข้าดีใจก่อนเจ้าจะมาแล้ว แต่ว่ามีข่าวใหม่ที่เจ้ายังไม่รู้อีกนะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นแล้วยกชาขึ้นจิบอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อนที่จะเล่าออกไป ทำให้เสนาว่านร้อนใจอยากรู้มากขึ้น “ท่านแม่ท่านรีบเล่ามาเถิดข้ารอไม่ไหวแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นกระดาษปกแข็งมาให้เขาตรงหน้า

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status