“ ท่านทำบ้าอะไร เห็นไหมแขกของหม่อมฉันกลับไปแล้ว เขายังไม่ทานอะไรเลย เนื้อย่างนี่ข้าทำให้เขาลองชิมดูเขายังไม่ได้ลองชิมดูสักคำเลย ” ซิ่วอิงหันไปเอ็ดชินอ๋อง
“ เปิ่นหวางทำอะไรผิดก็เจ้าเป็นเมียเปิ่นหวาง เมื่อเจ้ามีแขกมาเยี่ยมในตำหนักเปิ่นหวางก็ต้องมาช่วยเจ้ารับแขกก็ถูกต้องแล้ว ส่วนเนื้อย่างแสนอร่อยนี้ เปิ่นหวางเป็นสวามีของเจ้า ปกติแล้วเจ้าก็ทำอาหารมาให้เปิ่นหวางชิมอยู่บ่อยๆ เมื่อแขกกลับไปแล้วเราก็มานั่งทานเนื้อย่างกันสองคนเถอะนะเมียจ๋า ”
ชินอ๋องพูดพร้อมกับโอบกอดนางอีกครั้งและก้มใบหน้าหล่อคมของเขาดอมดมและซุกไซร้แถวซอกคอของนางอีกด้วย เหม่ยเอ๋อตาค้างแล้วก็ค่อยๆถอยออกไปจากตรงบริเวณนั้นทันที
ซิ่วอิงตีแขนแกร่งเบาๆ “ ท่านอ๋องจะบ้าหรือไง ใครเป็นเมียท่านกัน อย่ามาพูดซี้ซั้วนะ ผู้อื่นได้ยิน เข้าใจผิดเลยเห็นไหม อีกไม่นานเราจะหย่าขาดจากกันแล้ว ท่านก็อดทนรอหน่อยก็แล้วกัน หรือจะแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาเลยก็ได้ หม่อมฉันไม่ได้ว่าอะไรเพราะอีกหน่อยหม่อมฉันก็จะย้ายกลับจวนของท่านพ่อแล้ว ”
ชินอ๋องตะลึงค้างนางคิดจะหย่าจากเขาอย่างนั้นหรือ แถมบอกให้เขาแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาอีกด้วย แสดงว่านางคิดจะหย่าจากเขาจริงๆ หนอย !! มันไม่ง่ายดังเช่นที่นางคิดหรอก
เมื่อมีที่หมายใหม่ก็คิดจะหย่ากับผัว คอยไปเถอะเขาไม่ยอมหย่าหรอก จะอยู่กันไปแบบนี้แหละจะคอยดูสิ เจ้าแม่ทัพนั่นจะกล้าเป็นชู้กับเมียของอ๋องอย่างเขาไหม
“ เปิ่นหวางไม่หย่า เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นหรือ เปิ่นหวางคงจะปล่อยเจ้าไว้คนเดียวนานเกินไป ถ้าอย่างนั้นเรามารำลึกความหลังกันตอนนี้เลยดีกว่า ”
พูดจบเขาก็ช้อนตัวซิ่วอิงขึ้นแนบอก แล้วพาเดินเข้าไปในเรือนตรงไปที่ห้องนอนของนาง ใช้ไหล่หนาของเขาผลักประตูเข้าไปวางนางลงบนเตียงแล้วลงนอนคร่อมนางไว้อย่างรวดเร็็ว ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปประกบปากนาง
ซิ่วอิงเม้มปากแน่นไม่ยอมให้ลิ้นร้ายนั่นเข้ามาเด็ดขาด แต่เขาใช้ฟันขบริมฝีปากล่างนาง ทำให้ต้องซิ่วอิงต้องเผยอปากออกจากกัน เพราะความตกใจ ทำให้ลิ้นสากนั่นเข้าไปควานหาความหวานในปากจิ้มลิ้มของนางจนได้
ลิ้นสากนั่นลุกไล่ลิ้นเล็กจนพบและตรงเข้าเกี่ยวพันมันอย่างดูดดื่ม สลับกับดูดลิ้นเล็กที่แสนจะนุ่มนิ่มอย่างยาวนาน จนกระทั่งร่างอวบอ่อนระทวยเอนกายลงนอนทอดร่างบนฟูกหนานุ่ม และยอมจูบตอบคนบนร่าง
เมื่อจูบจนพอใจแล้ว เขาก็เลื่อนริมฝีปากไปตามแก้มนวลหอมกรุ่นนั้น พรมจูบไปทั่วอย่างแสนจะชื่นใจนัก เขาไม่น่าปล่อยนางเอาไว้นานเช่นนี้เลย อ๋องหนุ่มขบเม้มไล้เลียใบหูเล็กจนร่างอวบครางเบาๆ จากนั้นไล้เลียลงไปตามซอกคอขาวจนมาถึงร่องอกอวบที่มองเห็นอยู่รำไร มือหนาแหวกสาปเสื้อของนางออกจนหลุดไปจากไหล่มน
เมื่อเห็นตูโต้วผืนบางๆ นั้นมีผลอิงเถาเล็กๆสองผลดุนดันออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาก็อ้าปากครอบลงไปทันที แล้วดูดผลอิงเถานั้นดังจ๊วบๆ เหมือนทารกดูดนมมารดาก็มิปานร่างอวบอัดดิ้นพล่าน
“ อย่านะ อย่านะ ท่านอ๋อง อ๊าย อ๊ะ” มือเล็กทุบเบาๆบนไหล่หนาของเขา ชินอ๋องไม่สนใจจะรับฟังเสียงร้องเหมือนแมวขู่นั่น เขาทั้งไล้เลียผลอิงเถาจนมันแข็งเป็นไต และดูดอย่างแรงจนร่างอวบแอ่นหลังโค้งขึ้นตามริมฝีปากเขา นางร้องครวญครางเสียงกระเส่าปานจะขาดใจ “อ๊ะ อ๊ะ อู๊ยยย อู๊ยยยย อย่า อู๊ยยย ”
ปฏิกิริยาเกิดไปทั่วกายสาว เนินอวบด้านล่างตอดลมเบาๆ จากนั้นสะโพกผายก็กระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที เพราะเสียวซ่านจนถึงขีดสุด ร่างหนายอมปล่อยปากจากผลอิงเถาที่แข็งเป็นไตนั้น แล้วไล้เลียลงไปด้านล่างเรื่อยๆไปจนถึงสะดือบุ่มน่ารักนั่น
เขาไล้เลียมันเบาๆ และลากลิ้นลงไปบนหน้าท้องขาวผ่องที่น่าฟัดนัก เขาจูบมันเบาๆ สองมือหนาเลื่อนต่ำลงไป แล้วแหวกร่องอวบออกไล้เลียลงไปตรงกลางร่องนั้นอย่างเมามัน เมื่อพบเมล็ดดอกไม้เล็กนั่นก็ดูดดึงมันเบาๆ
จนร่างอวบแอ่นสะโพกส่ายไปมาอย่างร่านร้อน “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอ๋องเพคะ ท่านอ๋อง ” เมื่อร่างอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปอีกครั้งนั้น ชินอ๋องลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออกจนหมดสิ้น แล้วโยนมันทิ้งลงไปบนพื้นอย่างไม่อินังขังขอบหลายวันต่อมา ท่านราชครูมาบอกเรื่องจะต้องไปงานเลี้ยงฉลองยศของขุนนางใหม่่ในอีกสามวัน ขุนนางทั้งหมดทั้งใหม่และเก่าต้องไปร่วมฉลองงานนี้กันรวมถึงครอบครัวด้วย ท่านราชครูถามบุตรสาวว่า " เจ้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาในงานเลี้ยงนี้ไหมดูไหม จะได้สดชื่นขึ้น " ซิ่วอิงสนใจทันที " ไปเจ้าค่ะ " นางอยากไปเพราะอยากไปเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงในวังหลวง ซิ่วอิงเตรียมตัวที่จะไปงานและออกไปซื้อหาชุดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงในวังนางรื้อค้นเครื่องประดับที่จะใส่ให้เข้ากับชุดใหม่ เช้าวันงานนางลุกขึ้นอาบน้ำอย่างพิถีพิถันจนเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดใหม่ที่เตรียมไว้และให้เหม่ยเอ๋อทำผมให้ นางเลือกใช้ปิ่นที่นางซื้อมาใหม่และไม่ต้องใส่เครื่องประดับให้มากจนเกินไปและแต่งหน้าแบบสมัยใหม่ที่นางชำนาญจนเหม่ยเอ๋อตกตะลึงถึงกับเอ่ยว่า " วันนี้คุณหนูของบ่าวงามเหลือเกินเจ้าคะ "เมื่อเสร็จแล้วทั้งสองรีบเดินออกไปหาท่านพ่อที่รออยู่ที่รถม้าหน้าจวน จากนั้นทั้งสองพ่อลูกก็ขึ้นรถม้าเพื่อตรงไปยังงานที่วังหลวงเมื่อไปถึงหน้างานขันทีขานชื่อท่านราชครูและบุตรสาวคืออย่างซิ่วอิ่งมาถึงแล้วจากนั้นทั้งสองเดินตรงเข้าไปในงานสายตาหล
ซิ่วอิงเดินน้ำตาไหลรินผ่านสีหน้าตกใจของพ่อบ้านเกาไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ พ่อบ้านเกาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ซิ่วอิงเมื่อเดินไปถึงเรือนหลังเล็กก็บอกให้เหม่ยเอ๋อเก็บข้าวของทั้งหมด และให้ไปตามบ่าวมาช่วยเก็บและให้บ่าวชายช่วยกันขนของทั้งหมดที่เป็นของนางขึ้นรถม้าให้หมด หากรถม้าไม่พอให้ไปนำมาจากจวนของนางเหม่ยเอ๋อก็พอจะรู้เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้นางจะไม่เห็นภาพนั้นแต่นางได้ยินเสียงนั้นชัดเจนและมองเข้าไปในศาลาก็เห็นลางๆว่าเป็นชินอ๋องกับหลิวอี้เฟย นางจึงไม่กล้าซักถามอะไรพระชายาได้แต่รีบทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยไม่ให้หลงเหลือสิ่งใดที่เป็นของนางไว้ แล้วก็พากันขนขึ้นรถม้าตรงไปที่จวนท่านราชครูทันที เมื่อไปถึงท่านราชครูตื่นตกใจเมื่อเห็นบุตรสาวขนข้าวของกลับมาเป็นจำนวนมากแสดงว่าคงเก็บมาทั้งหมดแล้วรวมทั้งสินเดิมของเจ้าสาว จึงให้บ่าวขนของไปเก็บทั้งหมดและจูงมือบุตรีไปนั่งในห้องโถงกลาง พลางซักถามเรื่องราว ซิ่วอิงเล่าให้ฟังคร่าวๆ ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดแต่ท่านราชครูก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้ จึงบอกนางว่าตามใจนางว่าจะทำอย่างไรต่อจะหย่ากับชินอ๋องก็ได้ ท่านจะไปขอร้อ
บ่ายวันรุ่งขี้นหลิวอี้เฟยนำน้ำแกงสมุนไพรมาให้ท่านอ๋องลองชิมอีกนางบอกว่าเป็นสูตรที่ได้มาจากญาติทางฝ่ายมารดาของนาง จึงเพิ่งทดลองทำเป็นครั้งแรกและได้เอามาให้ท่านอ๋องลองชิมท่านอ๋อง ชวนนางไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัวเหมือนเดิมทั้งสองคุยกันปกติแต่นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องดูรักษาระยะห่างห่างกับนางมากกว่าทุกครั้งและไม่ค่อยพูดคุยหยอกเย้านางเหมือนเดิมและนัยน์ตาของเขาที่เคยกรุ้มกริ่มเวลามองนางนั้นตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาไม่ค่อยมองนาง อย่างพึงใจเช่นทุกครั้งระหว่างที่ท่านอ๋องเผลอนางสลับโถที่นางใช้ใส่น้ำแกงสมุนไพรนั้นเปลี่ยนเป็นอีกอันนึงให้ท่านอ๋องเมื่อท่านอ๋องยกขึ้นดื่มไปได้ซักครู่หนึ่งก็รู้สึกรุ่มร้อนแปลกๆเหงื่อกาฬไหล และรู้สึกว่ามีกำหนัดมากขึ้นผิดปกติ หันไปมองอี้เฟยรู้สึกต้องการนางขึ้นมาอย่างรุนแรงผิดปกติ เมื่อเห็นยาปลุกกำหนัดออกฤทธิ์แล้ว หลิวอี้เฟยลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งบนตักของท่านอ๋อง สองมือของนางโน้มศีรษะของท่านอ๋องลงมาประกบจูบปากจิ้มลิ้มของนางทันทีท่านอ๋องตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ลิ้นเล็กของนางก็สอดเข้าไปในปากของท่านอ๋องไม่ให้ทันได้ตั้งตัวทำให้ชินอ๋องทำอะไรไม่ถูก เหตุด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดชนิด
บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้วสอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลาวันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดูขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักคนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยเมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิง นางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป" พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนที่นี่สวยงามนัก จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ " ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลัง
ชินอ๋องชักรูดลำกายแกร่งสองสามครั้งจากนั้นสอดลำกายใหญ่นั้นเข้าไปที่ร่องอวบ ค่อยผลักดันมันเข้าไปจนสุด “อ๊าย อ๊าย อ๊ะ”สะโพกอวบสั่นกระตุกอีกครั้ง จากนั้นเขาค่อยๆขยับโยกลำกายแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ ค่อยเร่งความเร็วขึ้น ควงบั้นเอวเป็นวงกลมกดกระแทกตอกเข้าไปแรงขึ้นเรื่อยๆ ตับ ตับ ตับ ตับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง ชินอ๋องขย่มคนใต้ร่างจนเตียงสั่นไหว หัวเตียงกระทบผนังดังกึกๆ ทั้งสองร้องครวญครางประสานกันดังลั่นจนออกไปหน้าเรือนนอน เหม่ยเอ๋อที่นั่งอยู่หน้าเรือน ค่อยๆถอยออกไปจากบริเวณนี้ ใบหน้าแดงก่ำ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอ๋องแรงขึ้นอีกเพคะ อ๊าย อ๊าก อ๊าก” ร่างหนาขย่มโยกร่างอวบอย่างรุนแรง ส่วนคนใต้ร่างก็ไม่ยอมแพ้ร่อนสะโพกผายรับกายแกร่งเป็นจังหวะเดียวกัน สองแขนเรียวยกโอบลำคอหนา สองขาเรียวงามก็เกี่ยวรัดบั้นเอวหนาไว้แน่น ตับ ตับตับ ตับ ชินอ่องกระแทกลำกายแกร่งเข้าออกสุดแรงจนนางแทบจะจมไปกับเตียงอ๋องหนุ่มปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในร่องรักของชายาจนหมดทุกหยาดหยด ชินอ๋องหมดแรงลงนอนกอดชายารักแน่น หอมแก้มนวลดังฟอดใหญ่“ เมียจ๋า เมียรักของพี่ พี่ไม่ยอมให้เจ้าเป็นของผู้อื่นง่ายๆหรอก พี่จะไม่ยอมหย่าให้เจ้า
“ ท่านทำบ้าอะไร เห็นไหมแขกของหม่อมฉันกลับไปแล้ว เขายังไม่ทานอะไรเลย เนื้อย่างนี่ข้าทำให้เขาลองชิมดูเขายังไม่ได้ลองชิมดูสักคำเลย ” ซิ่วอิงหันไปเอ็ดชินอ๋อง “ เปิ่นหวางทำอะไรผิดก็เจ้าเป็นเมียเปิ่นหวาง เมื่อเจ้ามีแขกมาเยี่ยมในตำหนักเปิ่นหวางก็ต้องมาช่วยเจ้ารับแขกก็ถูกต้องแล้ว ส่วนเนื้อย่างแสนอร่อยนี้ เปิ่นหวางเป็นสวามีของเจ้า ปกติแล้วเจ้าก็ทำอาหารมาให้เปิ่นหวางชิมอยู่บ่อยๆ เมื่อแขกกลับไปแล้วเราก็มานั่งทานเนื้อย่างกันสองคนเถอะนะเมียจ๋า ” ชินอ๋องพูดพร้อมกับโอบกอดนางอีกครั้งและก้มใบหน้าหล่อคมของเขาดอมดมและซุกไซร้แถวซอกคอของนางอีกด้วย เหม่ยเอ๋อตาค้างแล้วก็ค่อยๆถอยออกไปจากตรงบริเวณนั้นทันที ซิ่วอิงตีแขนแกร่งเบาๆ “ ท่านอ๋องจะบ้าหรือไง ใครเป็นเมียท่านกัน อย่ามาพูดซี้ซั้วนะ ผู้อื่นได้ยิน เข้าใจผิดเลยเห็นไหม อีกไม่นานเราจะหย่าขาดจากกันแล้ว ท่านก็อดทนรอหน่อยก็แล้วกัน หรือจะแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาเลยก็ได้ หม่อมฉันไม่ได้ว่าอะไรเพราะอีกหน่อยหม่อมฉันก็จะย้ายกลับจวนของท่านพ่อแล้ว ” ชินอ๋องตะลึงค้างนางคิดจะหย่าจากเขาอย่างนั้นหรือ แถมบอกให้เขาแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาอีกด้วย แสดงว่านางคิดจะหย่าจ