Beranda / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่51คลื่นใต้น้ำ

Share

ตอนที่51คลื่นใต้น้ำ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-28 20:55:08

ภายในห้องคุมขังอับชื้น กลิ่นสนิมของโซ่เหล็กและคราบเลือดคละคลุ้งอยู่โดยรอบ ร่างของเซิ่งซื่อซูบเซียวลงจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ซ่อนความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ไม่เคยสมาน แผลที่แผ่นหลังของนางเริ่มเน่าเปื่อย แม้จะมีการทำแผลอย่างลวกๆ แต่พิษไข้ก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง นางนอนซูบซีดบนฟางเก่า เสียงหายใจขาดห้วงราวเปลวเทียนใกล้ดับ

ดวงตาของนางพร่ามัว น้ำตาเอ่อรื้น เมื่อนึกถึงบุตรชายบุตรสาวที่ไม่อาจกอดเป็นครั้งสุดท้าย ความเจ็บปวดในกายคล้ายถูกกลืนหายไป เหลือเพียงความขมขื่นที่ตรึงอยู่กลางใจ

ในห้วงสุดท้าย คล้ายถูกดึงวิญญาณไปทีละน้อย สายตาพร่ามัวค่อยๆ จับภาพตรงหน้า แล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นราวกับฝัน

ไป๋ซูเหยา ฮูหยินเอกผู้ล่วงลับ ภรรยาคนแรกของอวี้จิ้ง ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยชุดผ้าแพรสีอ่อนงดงาม ดวงหน้าสงบหากแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

เซิ่งซื่อสะดุ้งเฮือก หัวใจสั่นสะท้าน นางพึมพำเสียงแผ่วเหมือนเพ้อ

"ไป๋ซูเหยา เจ้า…เจ้าใช่หรือไม่"

ภาพตรงหน้านั้นเหมือนจริงเหลือเกิน ริมฝีปากของไป๋ซูเหยาขยับเอื้อนเอ่ย แต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงผู้สิ้นใจด้วยพิษที่นางเป็นคนมอบให้ ความทรมานนั้นราวกับยังสะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาท

"เซิ่งซื่อ เจ้าแย่งทุกอย่างไปจากข้า แม้แต่ชีวิตของข้า เจ้าก็ไม่เว้น แล้วยังคิดจะสังหารลูกของข้าอีก"

เสียงนั้นเสียดแทงหัวใจ เซิ่งซื่อเบิกตากว้าง น้ำตารินไหลอาบแก้ม นางพยายามเอื้อมมือออกไป แต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ภาพหลอนนั้นพลันเลือนราง ทิ้งไว้แต่ความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ

"ไม่ ข้า...ข้าเพียงแค่อยากปกป้องตนเอง อยากให้ลูกของข้ามีที่ยืน"

นางพร่ำราวกับจะขออภัย แต่เสียงนั้นก็จมหายไปในความเงียบ

ดวงตาของเซิ่งซื่อพร่ามัวลงเรื่อยๆ ลมหายใจขาดห้วง สุดท้ายเปลือกตาปิดสนิท น้ำตาหยดสุดท้ายรินลดลงข้างแก้ม ราวกับคำสารภาพที่ไม่เคยพูดออกมา

ร่างของเซิ่งซื่อแน่นิ่งไปในความมืดมิด เสียงหยดน้ำจากเพดานคุกตกกระทบพื้นหินเย็นยะเยือกดัง ติ๋ง… ติ๋ง… คล้ายเคาะรับรู้การสิ้นลมของสตรีผู้เคยสูงศักดิ์

ยามรุ่งเช้า เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป อวี้เหมยและอวี้คุณที่ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในเรือนของตนรู้ข่าวว่ามารดาสิ้นใจแล้วถึงกับทรุดฮวบลงกับพื้น ร้องไห้ปานหัวใจจะแหลกสลาย แต่ไม่มีใครคิดจะปลอบโยน บ่าวไพร่ที่เคยรองมือรองเท้าต่างหนีห่าง เสียงสะอื้นจึงยิ่งฟังเวทนาในความเงียบ

ภายในพิธีศพที่เงียบสงัด กลิ่นธูปคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นเย็นชื้นของยามเช้า อวี้คุนก้าวช้าๆ เข้ามา ดวงตาที่เคยสดใสกลับหม่นหมอง น้ำตาไหลพรากลงอาบแก้ม เขาทรุดกายลงคุกเข่าหน้าโลงศพ ริมฝีปากสั่นพร่าเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว

"ท่านแม่"

ส่วนอวี้เหมยยืนนิ่งอยู่ไม่ห่าง แววตาแดงช้ำบ่งบอกว่านางร้องไห้มานาน แต่ในความหม่นเศร้ากลับแฝงความคุกรุ่น นางคุกเข่าลงเคียงข้างน้องชาย กัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซึม สายตาที่เงยขึ้นมองไปรอบลานพิธีกลับเต็มไปด้วยความชิงชัง โดยเฉพาะเมื่อแวบไปเห็นเงาร่างของอวี้หลันที่ยืนสงบอยู่เบื้องหลัง

หัวใจของอวี้เหมยพลันพลุ่งพล่าน 

หากไม่ใช่นาง…มารดาของข้าคงไม่ตายเช่นนี้

ความเคียดแค้นพลันฝังรากลึกลงไปแทนที่ความโศกเศร้า

เสียงสะอื้นของสองพี่น้องดังสะท้อนในลานพิธีเงียบงัน ทว่าอวี้หลันกลับยังยืนนิ่งเฉย ใบหน้าเรียบสงบประหนึ่งไม่สะทกสะท้านต่อสายตาเคียดแค้นนั้นแม้แต่น้อย

เรื่องราวที่เซิ่งกงซุนถูกคุมขังและการตายของเซิ่งซื่อในครั้งนี้ ส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เปรียบเสมือนก้อนหินใหญ่ที่ถูกโยนลงกลางบ่อน้ำ ผู้ที่คอยชักใยอยู่เงียบๆ ให้รู้สึกร้อนรน และไม่เพียงเท่านั้น 

หลังจากพิธีศพของเซิ่งซื่อเสร็จสิ้น บรรยากาศยังอบอวลด้วยกลิ่นธูปและความเศร้าปนเคียดแค้นที่ยังไม่ทันจางหาย กระดานหมากกลับถูกพลิกอีกครั้ง

ราชโองการจากเบื้องบนถูกประกาศก้องไปทั่วเมืองหลวง ว่าองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงจะทรงอภิเษกกับคุณหนูรองอวี้หลัน บุตรีอัครเสนาบดีอวี้จิ้ง

ราชโองการนี้เปรียบประดุจสายฟ้าฟาดกลางท้องฟ้าใส แพร่สะพัดราวไฟลามทุ่ง เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนระลอกแล้วระลอกเล่า มีผู้คนไม่น้อยที่ใจสั่นสะท้าน เพราะต่างรู้ดีว่าการเชื่อมโยงระหว่างองค์ชายใหญ่กับจวนอัครเสนาบดีครั้งนี้ จะเปลี่ยนสมดุลแห่งอำนาจไปโดยสิ้นเชิง

ในขณะที่ผู้คนกำลังกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างอื้ออึง ผู้ที่เคยหวังจะใช้ตระกูลอวี้เป็นหมากในมือ กลับต้องกัดฟันจนแทบแตก เลือดลมตีขึ้นหน้าเพราะนี่หมายความว่าหมากสำคัญหลุดลอยไปแล้ว

ยามนี้ในวังหลวงหาได้เงียบสงบเช่นวันก่อนๆ อีกต่อไป หลังราชโองการอภิเษกสมรสถูกประกาศออกมา ข่าวคราวแพร่ไปทุกทิศ ผู้คนทั้งในและนอกวังล้วนซุบซิบไม่หยุดว่า จวนอวี้กลายเป็นฝ่ายเดียวกับองค์ชายใหญ่

พระตำหนักกลางซึ่งเคยอบอวลด้วยกลิ่นบุปผาหอมและเสียงดนตรี ยามนี้กลับคล้ายถูกปกคลุมด้วยหมอกควันอึมครึม ทุกย่างก้าวของขันทีนางกำนัลเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ไม่มีใครกล้าเอ่ยวาจาเกินเลยสักคำ

เสิ่นฮองเฮาประทับอยู่บนบัลลังก์หยก ดวงพักตร์ที่เคยอ่อนช้อยบัดนี้ขาวซีดจนมองเห็นเส้นเลือดนูนชัด พระเนตรเรียวทอดมองไปยังดอกโบตั๋นเบื้องหน้าที่เคยบานสะพรั่ง แต่บัดนี้กลับกำลังร่วงโรยรา รัศมีเย็นเยียบแผ่กระจายออกมาจนผู้คนในตำหนักต่างหมอบต่ำ ไม่กล้าหายใจแรง

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้พระนางถึงกับพระพักตร์ซีดเผือด หัตถ์เรียวกำแน่นด้วยแรงโทสะ

นางสูญเสียหมากสำคัญไปแล้ว ตระกูลอวี้ที่คิดจะดึงเข้ามาอยู่ฝ่ายตน ได้หันเหไปยืนข้างองค์ชายใหญ่เสียสิ้น

โทสะและความหวาดกลัวผสมปนเปกันอยู่ในพระทัย เสิ่นฮองเฮาไม่อาจนิ่งเฉยอีกต่อไป หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ อำนาจของพระนางจะค่อยๆ ถูกบั่นทอนจนสิ้น

"อวี้จิ้ง"

พระนางเอ่ยเสียงแผ่วราวกับรำพัน แต่แฝงความคั่งแค้นลึกล้ำ

"คนผู้นี้ เขามิเพียงหันหลังให้ข้า แต่ยังประกาศศึกกับข้าโดยการยกบุตรีให้องค์ชายใหญ่"

ในห้องนั้นเงียบงันจนได้ยินเพียงเสียงลมพัดลอดหน้าต่าง ทุกถ้อยคำของพระนางจึงยิ่งดังก้องไปในใจคนฟัง นางกำนัลบางคนถึงกับตัวสั่น หัวใจเต้นโครมครามราวจะทะลุออกมา

ความเงียบยิ่งตอกย้ำให้เสิ่นฮองเฮาตระหนักว่า นางไม่อาจถอยอีกต่อไป 

ความกดดันในวังหลังจึงปะทุขึ้นอย่างเงียบเชียบ เหล่าขุนนางที่ยืนอยู่ฝั่งองค์ชายห้าถูกเรียกเข้าพบทีละคน ความเคลื่อนไหวเล็กน้อยทุกอย่างถูกซ่อนเร้นไว้ใต้ม่านความสงบ

แต่แท้จริงแล้ว วังหลังกำลังเดือดพล่านไม่ต่างจากหม้อต้มที่กำลังเดือดรอวันล้นออกมา

และในขณะเดียวกัน ภายในตำหนักโอ่อ่าเงียบสงัด อันเป็นที่พำนักขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน เจ้าของตำหนักยืนเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอก ดวงตาที่เคยเจือความอ่อนโยนบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความขุ่นมัวและเคียดแค้น

ราชโองการอภิเษกสมรสของคนทั้งสองประหนึ่งสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจ ความรู้สึกไม่ยินยอมตีตื้นขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด เขาไม่เคยคิดจะยกนางให้กับผู้ใด โดยเฉพาะพี่ชายต่างมารดาของตนผู้นั้น ต่อให้รู้ดีว่าตนไม่อาจมีสิทธิ์ แต่การถูกพรากไปเช่นนี้กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้

ฝ่ามือใหญ่กำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดค่อยๆ ไหลซึม แต่หลี่จื้อหยวนกลับไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย สิ่งที่ปะทุอยู่ในอกคือความเดือดดาลปนเจ็บปวด

"หลี่เหวินหลง"

เสียงทุ้มต่ำลอดออกจากลำคอราวกับคำราม

"เจ้าจะช่วงชิงสิ่งที่ข้าต้องการไปจนสิ้นหรืออย่างไร"

ดวงตาคมดุจเปลวเพลิงวูบไหว ความลังเลที่เคยมีพลันมลายหายไป เหลือเพียงความมืดมนและความเจ็บปวดที่โหมกระหน่ำ

หลี่จื้อหยวนเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนเอ่ยเสียงแหบต่ำชัดถ้อยชัดคำ แววตาลึกล้ำแฝงด้วยรอยยิ้มเย็นเฉียบ 

"ข้าไม่มีวันให้เจ้าสมหวัง ทั้งบัลลังก์และอวี้หลันจะต้องเป็นของข้า"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่51คลื่นใต้น้ำ

    ภายในห้องคุมขังอับชื้น กลิ่นสนิมของโซ่เหล็กและคราบเลือดคละคลุ้งอยู่โดยรอบ ร่างของเซิ่งซื่อซูบเซียวลงจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ซ่อนความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ไม่เคยสมาน แผลที่แผ่นหลังของนางเริ่มเน่าเปื่อย แม้จะมีการทำแผลอย่างลวกๆ แต่พิษไข้ก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง นางนอนซูบซีดบนฟางเก่า เสียงหายใจขาดห้วงราวเปลวเทียนใกล้ดับดวงตาของนางพร่ามัว น้ำตาเอ่อรื้น เมื่อนึกถึงบุตรชายบุตรสาวที่ไม่อาจกอดเป็นครั้งสุดท้าย ความเจ็บปวดในกายคล้ายถูกกลืนหายไป เหลือเพียงความขมขื่นที่ตรึงอยู่กลางใจในห้วงสุดท้าย คล้ายถูกดึงวิญญาณไปทีละน้อย สายตาพร่ามัวค่อยๆ จับภาพตรงหน้า แล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นราวกับฝันไป๋ซูเหยา ฮูหยินเอกผู้ล่วงลับ ภรรยาคนแรกของอวี้จิ้ง ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยชุดผ้าแพรสีอ่อนงดงาม ดวงหน้าสงบหากแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเซิ่งซื่อสะดุ้งเฮือก หัวใจสั่นสะท้าน นางพึมพำเสียงแผ่วเหมือนเพ้อ"ไป๋ซูเหยา เจ้า…เจ้าใช่หรือไม่"ภาพตรงหน้านั้นเหมือนจริงเหลือเกิน ริมฝีปากของไป๋ซูเหยาขยับเอื้อนเอ่ย แต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงผู้สิ้นใจด้วยพิษที่นางเป็นคนมอบให้ ค

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่50ลงดาบเซิ่งซื่อ

    "ไม่ใช่ว่าท่านมีจุดประสงค์อื่นหรอกหรือ"เสียงของอวี้หลันเอ่ยดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำ ทุกถ้อยคำหนักแน่นดุจคมดาบ นางก้าวออกมาหนึ่งก้าว ดวงตาคมกริบฉายแววกร้าว ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงเรียบเย็น"สิ่งที่ท่านทำไปทั้งหมด ก็เพื่อเปิดทางให้หลานชายของท่านย่ำยีข้า... คงไม่ต้องให้ข้าบอกกระมังว่าเพื่อสิ่งใด"สิ้นถ้อยคำนั้น บรรยากาศพลันเงียบงัน หนักหน่วงจนผู้ใดก็ไม่กล้าเอ่ยอันใด บ่าวไพร่ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างหน้าถอดสี ร่างสั่นระริก บางคนถึงกับหายใจติดขัดราวอกจะระเบิดดวงตาคมกริบของอวี้หลันสบกับผู้เป็นบิดา ก่อนจะตวัดไปยังร่างไร้สติของเซิ่งกงซุนที่ถูกองครักษ์คุมตัวลากเข้ามา ร่างนั้นนอนแน่นิ่งไร้เรี่ยวแรงบนพื้น ดูน่าสังเวชยิ่งนัก"นี่... นี่มันหมายความเช่นไร"อวี้จิ้งใบหน้าดำคล้ำ ตวัดสายตามองใบหน้าซีดเผือดของเซิ่งซื่ออย่างดุดันคำพูดนั้นของบุตรสาวที่ดังก้องกังวานในห้องหนังสือ ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจอวี้จิ้ง เขาคล้ายจะมองเห็นความผิดหวังวูบหนึ่งในดวงตาของนาง ใช่ เขาเกือบจะใจอ่อนเพียงคำพูดไม่กี่คำของเซิ่งซื่อดวงตาคมวาววับของอวี้จิ้งจ้องมองภรรยาที่เขาเคยไว้ใจมานาน ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำ ยาม

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่49เซิ่งซื่อจนมุม

    เซิ่งซื่อก้าวออกมาส่งแขกด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ยังคงรักษาท่วงท่าอันงดงามและคำพูดนอบน้อมอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นางเอ่ยขอบคุณเสียงนุ่ม เสมือนว่าเหตุการณ์ที่เจ้าของงานและบุตรทั้งสองหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรใส่ใจ แขกหลายคนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจที่งานเลี้ยงถูกยุติลงเร็วกว่ากำหนด ทั้งที่ยังไม่ทันได้กล่าวคำอำลาเจ้าของงานด้วยซ้ำ"วันนี้ท่านอัครเสนาบดีมีธุระด่วนกะทันหัน จึงต้องขออภัยทุกท่านด้วยเจ้าค่ะ"เซิ่งซื่อยิ้มกล่าวเสียงนุ่มนวล มือขาวเรียวผสานคำนับทุกผู้คนอย่างสง่างามแขกหลายคนแม้จะรู้สึกฉงน แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าตั้งคำถามให้เป็นเรื่องใหญ่ จะมีก็เพียงการลอบสบตากันและการกระซิบกระซาบเบาๆ ก่อนแยกย้ายกันกลับไป แต่ละคนเก็บความสงสัยไว้ในใจเพียงเท่านั้นเมื่อประตูใหญ่ค่อยๆ ปิดลง ความเงียบอึมครึมก็เข้าปกคลุมทั่วโถงเรือนรับรองทันที รอยยิ้มที่เคยแต้มอยู่บนใบหน้าเซิ่งซื่อพลันเลือนหาย นางยกพัดในมือขึ้นโบกเบาๆ แววตาฉายประกายเย่อหยิ่งและพึงพอใจในสายตาของนาง เหตุการณ์ในคืนนี้หาใช่ความน่าอับอายไม่ หากแต่เป็นหลักฐานว่าแผนการที่วางเอาไว้กำลังเดินหน้าไปตามครรลอง ทุกสิ่งทุกอย่า

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่48กำจัดเซิ่งซื่อ

    แสงจันทร์ส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาในเรือนด้านทิศตะวันออกอย่างเงียบสงัด แสงเงินบางเบานั้นทอดลงบนร่างของอวี้เฉินที่นอนขดอยู่บนตั่งไม้ ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด ดวงหน้าซีดเผือดราวกระดาษ เหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผากและขมับ มือหนึ่งกุมท้องแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น เขาขบกรามแน่นเพื่อกลั้นเสียง แต่สุดท้ายก็ยังเล็ดลอดเสียงครางต่ำออกมาอย่างน่าเวทนาเสียงนั้นแม้จะแผ่วเบา หากแต่กลับบาดลึกเข้าไปในอกของอวี้จิ้งผู้เป็นบิดา เขายืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของบุตรชายไม่ห่าง สายตาเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม ใบหน้าที่เคยสุขุมมั่นคงในยามว่าราชการ บัดนี้กลับฉายชัดถึงความทุกข์ระทมอย่างไม่อาจปิดบัง มือใหญ่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว ราวกับพยายามกักเก็บความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามิให้ปะทุออกมาหัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อเห็นบุตรชายนอนทุรนทุราย เหงื่อเม็ดเล็กไหลชุ่มเต็มแผ่นอกและหน้าผาก แต่ในขณะเดียวกันความคิดอีกด้านกลับพลุ่งพล่านไม่หยุด เมื่อหลักฐานทั้งหมดชี้ชัดไปยังภรรยาของตนความรู้สึกมากมายถาโถมกดทับอยู่ในอกของอวี้จิ้ง ราวกับมีหินหนักทับทวีอยู่ไม่สิ้นสุด ดวงตาที่ทอดมองบุตรชายบนเตียงเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ลึกลงไปในนั้นกลับแฝงด้วยคว

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่47ตลบหลัง

    หลังจากหลี่เหวินหลงก้าวออกจากงานเลี้ยงได้ไม่นาน อวี้หลันที่เพิ่งจิบชาหมดถ้วยก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ความวิงเวียนแล่นเข้ามาอย่างฉับพลัน จนภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน ร่างกายร้อนผ่าวราวกับมีไฟซ่อนอยู่ใต้ผิว นางขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามฝืนเก็บสีหน้าให้ดูปกติ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับฉิงหว่านเสียงแผ่ว"หวานหว่าน…พาข้ากลับเรือนที"ฉิงหว่านหน้าถอดสีเล็กน้อย รีบเข้ามาประคองผู้เป็นนายออกจากห้องจัดเลี้ยงอย่างระมัดระวัง เสียงเครื่องสายและเสียงพูดคุยของผู้คนในห้องโถงจัดเลี้ยงค่อยๆ เลือนหายไปตามทางเดินยาว จนถึงเรือนนอนของคุณหนูรองของจวนทันทีที่ประตูเลื่อนปิดลง อวี้หลันก็พิงกายกับเสาไม้ หอบหายใจแผ่วๆ ความร้อนผ่าวแล่นไปทั่วทั้งร่างจนแทบทนไม่ไหว เสียงของนางสั่นเล็กน้อยยามออกคำสั่ง "เตรียมน้ำให้ข้าอาบที ข้ารู้สึกร้อนไปหมดแล้ว""เจ้าค่ะคุณหนู"ฉิงหว่านรีบโค้งตัวรับคำ ก่อนจะหมุนตัวออกไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้อวี้หลันทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงไม้แกะสลัก ปลายนิ้วเรียวจิกกับผ้าปูสีอ่อน ความรู้สึกแปลกประหลาดในร่างกายยิ่งชัดเจนขึ้นทุกทีอวี้หลันรอคอยด้วยใจจดจ่อ เวลาค่อยๆ ผ่านไปโดยไร้เสียงฝีเท้าของฉิงหว่านกลับมา ความเงีย

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่46อัครเสนาบดีอวี้จิ้ง

    ในที่สุดก็เป็นดังที่หลายคนคาดเดาเอาไว้ อวี้จิ้งได้รับการแต่งตั้งเป็น อัครเสนาบดีกรมพิธีการ อย่างเป็นทางการข่าวประกาศแต่งตั้งแพร่สะพัดออกไปทั่วเมืองหลวงเพียงชั่วข้ามคืน แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ว่า อวี้จิ้งเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ยิ่ง ทั้งด้วยคุณงามความดีและสติปัญญาที่แสดงให้เห็นมาตลอดหลายปีวันประกาศราชโองการ ท้องพระโรงคลาคล่ำด้วยขุนนางผู้ใหญ่ ขณะที่อวี้จิ้งสวมอาภรณ์เต็มยศก้าวออกมาคำนับรับพระราชโองการด้วยท่วงท่าสง่างาม สายตาหลายคู่จับจ้องด้วยความยินดีและความอิจฉาขุนนางในราชสำนักต่างก็เริ่มจับตามองบทบาทใหม่ของอวี้จิ้ง ขณะที่บรรดาขุนนางบางกลุ่มที่เคยคิดว่าตระกูลอวี้จะโรยราไปพร้อมกับการล่มสลายของตระกูลไป๋ กลับต้องเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่จากวันนี้ไป ตระกูลอวี้ย่อมก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในราชสำนักอย่างสมบูรณ์แบบ และชื่อของอวี้จิ้งจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในอัครเสนาบดีที่เปี่ยมด้วยบารมีที่สุดแห่งยุคราชสำนักที่เคยสงบเงียบพลันเต็มไปด้วยกระแสใต้น้ำที่กำลังปะทุเพราะอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้คนจับตามองมากที่สุด คือคนผู้นี้เลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งใดในศึกแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทหากเป็นก่อนหน้านี้ การที

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status