Главная / รักโบราณ / บ่าวหญิงของศิษย์รัก / บทที่ 4 : นางยัดเยียดชีวิตใหม่ให้อาจารย์

Share

บทที่ 4 : นางยัดเยียดชีวิตใหม่ให้อาจารย์

last update Последнее обновление: 2025-06-09 18:37:24

โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นยามค่ำคืนนี้เงียบสงัดกว่าทุกวัน หลังจากแขกเหรื่อทยอยกันเข้านอน และเสียงจานชามในครัวก็เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมโชยเบาใต้ชายคาเท่านั้น

ซูหรงนั่งอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวของตนเอง ไฟตะเกียงบนโต๊ะส่องสว่างพอให้เห็นใบหน้าของนางซึ่งสงบเยือกเย็น แต่แววตานั้นกลับมีร่องรอยของบางสิ่งที่คล้ายความตั้งใจแน่วแน่ ประเภทที่เตรียมใจสำหรับการกระทำที่ไม่อาจหวนคืนกลับไปได้อีก

บนโต๊ะของนางตอนนี้มีแผ่นยันต์ผืนบาง วัตถุดิบที่นางนำติดตัวมาจากตำหนักบนภูเขาเซียน และน้ำหมึกผสมผงหยก ซึ่งแม้จะเจือจาง แต่ก็ยังเป็นของที่ใช้ในพิธีเฉพาะทางของผู้ฝึกตนขั้นสูงที่อาจารย์เคยสอนนางมาแต่เล็ก

“ข้าคงต้องเลือกทางนี้แล้ว…” นางพึมพำกับตัวเอง พลางวางปลายนิ้วลงบนยันต์ และเริ่มวาดอักขระด้วยปลายพู่กันที่สั่นน้อย ๆ แม้ภายนอกจะสงบ แต่ภายในของนางเต็มไปด้วยหลากความรู้สึกโหมกระหน่ำอยู่ภายในคล้ายพายุ

เมื่อยันต์เสร็จสิ้นก็เป็นเวลาสองยามพอดี นางจึงตัดสินใจจะออกไปตามเสี่ยวซุ่ย แต่เมื่อเปิดประตูออกไป ก็พบว่า เสี่ยวซุ่ยยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว เด็กสาวย่อกายลงโค้งศีรษะให้นายหญิงแห่งโรงเตี๊ยมอย่างนอบน้อม ท่าทางสงบนิ่งและมั่นคง ก่อนที่ซูหรงจะเชิญเข้ามาในห้องส่วนตัว

“ตามสบายเถิดท่านอาจารย์” ซูหรงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้ายิ้มอ่อน แต่ในแววตามีบางอย่างที่แม้แต่ลั่วชิงในคราบเสี่ยวซุ่ยยังรู้สึกผิดสังเกต “ท่านอาจารย์คงจะสงสัยไม่น้อยว่าข้าอยากจะเจรจากับท่านด้วยเรื่องใด เพราะท่านเองก็ดูเหมือนจะสะกดพลังเอาไว้หลายส่วน ไม่ให้กระทบกระเทือนมนุษย์บนโลก คงจะใช้วิชาอ่านจิตไม่ได้เท่าไรนัก”

“เป็นเช่นนั้น” เสี่ยวซุ่ยตอบเบา ๆ “เจ้าต้องการเจรจาการใดกับข้าก็บอกมาเถอะ ข้ายินดีรับฟังเสมอ”

“นั่งก่อนเถิด” ซูหรงชี้ที่เบาะตรงข้าม ลั่วชิงนั่งลงอย่างสุภาพ สายตาจับจ้องนายหญิงของโรงเตี๊ยมอย่างใจเย็น ซูหรงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเรียบ ๆ

“ชื่อเสี่ยวซุ่ย เกิดปีเถาะ มาจากภูเขาทางใต้ เคยทำงานในโรงเรียนบนเขาแต่ไม่ได้เรียนหนังสือ ทำได้แค่ล้างชาม จัดของ และไม่รู้หนังสือ... นั่นคือประวัติที่ท่านบอกตอนมาพบข้าเพื่อของานทำ ใช่หรือไม่?”

ซูหรงถาม ลั่วชิงในคราบเสี่ยวซุ่ยก็พยักหน้าเบา ๆ ไม่พูดอะไร

“แล้วข้าก็ได้บันทึกเรื่องราวในของท่านที่แจ้งเอาไว้ เขียนมันไว้ในบัญชีทะเบียนบ่าวของโรงเตี๊ยม ว่าเสี่ยวซุ่ยคือสาวใช้คนหนึ่งที่ไม่เคยฝึกวิชา ไม่เคยอ่านเขียน ไม่เคยเรียนรู้วิชาจากสำนักใด”

“เจ้าต้องการอะไรต่องั้นหรือ?” เสี่ยวซุ่ยกล่าว พลางยิ้มบาง ๆ แต่ก็ยังไม่คิดว่าซูหรงจะกล้าทำอะไร ทว่าในวินาทีนั้นเอง ซูหรงก็ดึงผืนยันต์บางออกมาวางกลางโต๊ะ

เสี่ยวซุ่ยหรี่ตาในทันใด แผ่นยันต์นั้นมีลายผนึกบางประการที่นางเคยได้สอนซูหรงเมื่อครั้งอยู่บนเขา มันเป็นลวดลายของวิชาโบราณสำหรับรับมือกับพวกที่ใช้เวทมนตร์ปลอมแปลงร่างซึ่งพลังปราณน้อยกว่าตัวผู้ใช้ โดยจะทำให้ร่างที่จำแลงกลายเป็นร่างจริง ผนึกพลัง และบีบให้ความสามารถทุกด้าน ไม่ว่าจะพลังปราณ หรือการแสดงออกทางสติปัญญา ให้ตรงกับสิ่งที่แสดงออกมา นางเคยใช้มันผนึกปีศาจที่จำแลงเป็นอีกามาสืบข่าวของตำหนักเซียน ให้มันกลายเป็นดังอีกาโดยแท้จริง รวมถึงเคยผนึกปีศาจที่จำแลงเป็นมนุษย์เพื่อหวังจับชาวบ้านกิน ให้มันได้กลายเป็นมนุษย์ที่ไม่มีพลังพิเศษใด ๆ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์เยี่ยงคนสามัญ

ตอนนี้วิชานั้นกำลังถูกนำมาใช้กับตัวนางเอง! ที่ตอนนี้กำลังลดระดับพลังให้เทียบเท่าคนสามัญ ซึ่งน้อยกว่าศิษย์ของนาง!

“ซูหรง เจ้า…” ลั่วชิงเริ่มเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ แต่ช้าไปแล้ว

“ท่านก็คงรู้อยู่แล้วว่า พลังของข้าตอนนี้เหนือกว่าท่านที่อยู่ในร่างเสี่ยว” น้ำเสียงของซูหรงนิ่ง เรียบ และเย็น ฟังแล้วราวกับพายุหิมะที่กำลังโหมกระหน่ำ

“ซูหรง เจ้าไม่รู้ว่านี่คือวิชาอันตรายเพียงใด มันจะทำให้...”

“มันจะไม่เป็นอะไรหรอก หากท่านอยากอยู่ช่วยเหลือข้าจริง ๆ ข้าก็จะให้ท่านได้อยู่ช่วยข้าต่อไปนาน ๆ โดยไม่ต้องมาเสแสร้งอีกไงล่ะ...” ซูหรงกล่าวพลางวางยันต์ลงตรงหน้าผากของเสี่ยวซุ่ย พร้อมถ่ายทอดพลังปราณลงไปในยันต์นั้น มือของนางที่แตะยันต์รวมพลังมากเสียจนจนเกิดประกายแสงออกมา สว่างจ้ายิ่งกว่าแสงตะเกียงในห้อง “ถ้าท่านอยากเสแสร้งอยู่ในโลกสามัญนัก... ข้าก็จะให้ท่านเสแสร้งได้สมจริงไปตลอดชีวิต”

เสี่ยวซุ่ยร้องเบา ๆ ใบหน้าเจ็บปวดอย่างฉับพลัน มือเล็กสั่นระริก นัยน์ตากลมโตเต็มไปด้วยความตกใจ ร่างของนางไหววูบ เหมือนพลังงานทั้งหมดกำลังถูกดูดเข้าใบบริเวณหน้าผาก

“ซูหรง… เจ้าไม่…!”

แสงสว่างจากยันต์แผ่กระจายทั่วห้อง ก่อนที่ยันต์จะแทรกเข้าไปกลางหน้าผากของเด็กสาว แล้วพลันสลายหายไปพร้อมกับแสงที่ดับลงทันที ทิ้งไว้เพียงกลิ่นธูปโบราณ และเสียงหอบหายใจของร่างเด็กสาวที่ซวนเซอยู่ตรงหน้า

ซูหรงลุกขึ้นยืน ก้าวเข้าไปหาเด็กสาวตรงหน้า แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบ

“เสี่ยวซุ่ย… ได้ยินข้าไหม?”

เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอย่างเงอะงะ แววตาเต็มไปด้วยความงุนงง และแววขลาด

“นายหญิง... เอ่อ... ข้า...”

เสียงนั้นไม่ใช่น้ำเสียงของลั่วชิง เซียนหญิงผู้ยิ่งใหญ่อีกต่อไป ตอนนี้มันเป็นเพียงเสียงของสาวใช้ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ขาดความรู้ ประสบการณ์ก็ไม่ได้มีมากมายอะไร เป็นดังคนธรรมดาสามัญโดยแท้จริง

ซูหรงขยับริมฝีปากเล็กน้อย ลมหายใจหนักขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามไปอีกประโยค

“ลำดับสมุนไพรที่เจ้าเรียงไว้ในห้องครัววันนี้คืออะไร? จำได้หรือไม่?”

“สมุน...ไพร?” เด็กสาวกะพริบตา “เอ่อ... ข้าไม่แน่ใจเจ้าค่ะ ข้าแค่... เห็นมันรก ๆ ก็เลยเรียงตามขนาด... ข้าทำผิดหรือเปล่าเจ้าคะ?”

ซูหรงเดินวนรอบนาง มองท่าทางของเด็กสาวอย่างถี่ถ้วน ตอนนี้นางไม่มีความสง่างามเลยแม้แต่น้อย ไหล่ตก เดินไม่มั่นคง สองมือกำเกาะชายผ้าตนเองแน่นด้วยความประหม่า หวาดเกรงว่าจะโดนตำหนิหรือลงโทษจากเจ้านาย

“เจ้าอ่านออกไหม?” ซูหรงหยิบกระดาษจดรายการสมุนไพรยื่นให้กับเด็กสาว

“เอ้อ... ตัวนี้... เป็นรูปอะไรเหรอเจ้าคะ?” เสี่ยวซุ่ยขมวดคิ้ว ก้มหน้าลงหลบตาต่ำ เหมือนละอายที่ตนเองไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งใดที่ปรากฏบนนั้นกระดาษ น้ำเสียงของนางเหมือนเด็กสาวผู้เขินกลัวจะถูกตี

“ไปพักก่อนเถิด พรุ่งนี้ข้าจะให้พี่หลินมาสอนงานเพิ่ม”

“เจ้าค่ะ...” เสี่ยวซุ่ยรับคำ เสียงสั่น ๆ ก่อนจะก้มตัวแล้วเดินออกจากห้องไป ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งมองยิ่งไม่เหมือนผู้บำเพ็ญเพียรเลยแม้แต่น้อย ซูหรงยืนพิงโต๊ะอย่างเงียบงัน มองตามนางเดินออกไปจากห้อง กลิ่นธูปผนึกยังหลงเหลืออยู่ในอากาศ นางมองลงมือของตัวเองที่สั่นเบา ๆ

ซูหรงหลับตาลงช้า ๆ ความรู้สึกสั่นไหวไหลท่วมอก ไม่แน่ใจว่าคือความเสียใจ หรือความสาแก่ใจ หรือความกลัวว่านางอาจทำลายบางสิ่งที่สำคัญไปตลอดกาล แต่นางพยายามหายใจออกยาว ๆ บอกกับตัวเองในใจว่าบัดนี้ไม่มีอาจารย์ลั่วชิงผู้ทำตัวเป็นเหมือนมารดาของนาง มาพยายามจะช่วยเหลือนางเพราะความไม่วางใจ เหมือนนางเป็นเด็กน้อยขาดประสบการณ์อีกต่อไป มีเพียงแต่บ่าวหญิงคนใหม่ให้นางต้องสอนงานเท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 10 : นางเริ่มคิดว่าข้าอาจจะถูก

    ค่ำคืนในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเงียบสงบอีกครั้ง หลังเหตุการณ์ความวุ่นวายผ่านไป ลูกค้าหลายคนพากันไปนอนพักตามแต่ละห้อง สายลมยามค่ำพัดเบา ๆ ผ่านม่านผ้าไหมสีฟ้าอ่อนของหน้าต่างห้องพักส่วนตัวเจ้าของโรงเตี๊ยมที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคาร กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องหอมราคาแพง ยังลอยอบอวลอยู่ในอากาศซูหรงยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องน้ำชา เส้นผมยาวถูกรวบเป็นมวยด้วยปิ่นหยก ร่างบางห่มคลุมด้วยเสื้อคลุมบางสีแดงตัวโปรด นางยังดูสง่างามเหมือนกับทุกครั้ง ทว่าในยามนี้ ขณะใช้ตะเกียบคีบใบชาหอมใส่ลงในปั้นชา มือเรียวกลับสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวนางรู้ดี ว่าร่างนางกำลังสั่นด้วยความกังวลจากภายในใจ ไม่ใช่เพียงเรื่องของอาจารย์ลั่วชิงที่นางผนึกเอาไว้ในร่างเด็กสาวไร้พิษภัยที่ไม่รู้ว่าผนึกจะเสื่อมลงเมื่อใดเท่านั้น แต่ยังมีอีกเรื่องที่ทำเอานางกังวลไม่แพ้กัน นั่นคือเรื่องของชายผู้ร่วมเตียงกับนางอยู่ทุกคืนนั่นอวี้ไป๋เฉิน สามีที่ทำเอานางเป็นกังวลอยู่ตอนนี้ กำลังนั่งอ่านบทกวีอยู่ลำพังบนเก้าอี้ของโต๊ะอ่านหนังสือ ราวกับไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรทั้งสิ้น ทั้งที่เพิ่งถูกคุกคามไปเมื่อวานแท้ ๆ“เจ้าดูสงบจังนะ” ซูหรงเอ่ยกับคู่สนทนา โดยไม่หันกลับไปมอ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 9 : นางเริ่มสงสัยว่าจะคุมข้าไม่ได้

    ค่ำคืนนั้น โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นไม่ได้เงียบสงบดังเคย แม้ดวงโคมจะถูกจุดสว่างไสว และเสียงหัวเราะในห้องโถงจะยังแว่วดังอย่างเป็นมิตร แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนที่นั่งอยู่โต๊ะมุมตะวันตก กลับเริ่มส่งเสียงดังเกินความเหมาะสมชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่ม สวมเสื้อคลุมเปิดอก เผยรอยสักพยัคฆ์คำรามที่ไหล่ข้างหนึ่ง เขาโบกจอกสุราเสียงดัง แล้วตะโกนลั่น“ของข้ามาแล้ว ใครจะกล้าแย่งไปบ้าง ไม่มีล่ะสิ ข้านี่แหละหนึ่งในใต้หล้า!” เขาตบโต๊ะดังปังด้วยฝ่ามือหนักแน่น จนขวดสุราที่เฉินอี้เพิ่งนำมาวางสั่นไหว หกเลอะโต๊ะไปเกือบครึ่ง“คุณชาย โปรดเบาเสียงด้วยขอรับ… ร้านของเรามีกฎไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนแขกท่านอื่น” เฉินอี้ค้อมศีรษะ กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทว่าหนักแน่นและชัดเจน“ข้าจ่ายเงินแล้ว จะกิน จะตะโกน จะเต้น จะปล้ำคน ก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้ารึ?” ชายคนนั้นหรี่ตามองเขา ก่อนจะยิ้มเยาะเขาง้างมือหมายจะตบเฉินอี้เล่น ทว่าเฉินอี้เพียงก้าวเท้า ขยับเพียงนิดเดียวเท่านั้น ร่างของเขาก็กลับเบี่ยงหลบการฟาดมืออย่างนุ่มนวล ไม่ใช่การโยกหลบธรรมดา แต่เป็นการก้าวเฉียงเบา ๆ ไปข้างหน้าแล้วหมุนตัวเพียงครึ่งรอบ ตามที่ได้ลองฝึกซ้อมจากคำแนะนำ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 8 : นางไม่รู้หรอกว่าข้ายังไม่สิ้นลาย

    แสงอาทิตย์ยามสายส่องผ่านช่องไม้ระแนงของรั้วหลังโรงเตี๊ยม ตกกระทบลานดินซึ่งแห้งสะอาด เสี่ยวซุ่ยนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ หลังจากทำงานซักผ้าช่วงเช้าเสร็จ ดวงตากลมโตของนางทอดมองเฉินอี้ที่กำลังกวาดใบไม้ด้วยท่าทีจริงจังเขาขยับไม้กวาดอย่างมั่นคง ร่างกายของเขายังคงบาดเจ็บที่ช่วงไหล่ ทำให้ยกของได้ไม่ถนัดนัก แม้ซูหรงจะปฐมพยาบาลด้วยโอสถขนานเอกของตำหนักเซียนให้แล้วก็จริง แต่ก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกสักพัก ถึงกระนั้นเขาก็ดึงดันจะทำงานต่อ อวี้ไป๋เฉินจึงได้มอบหมายให้เขาทำงานที่ไม่ต้องยกของ คืองานกวาดลานแทนนางเห็นสภาพบาดเจ็บของเขาก็รู้สึกอนาถใจที่ตัวเองไร้พลัง และสงสารที่คนจิตใจอารีเช่นเขา กลับไม่มีวิชายุทธ์ใดที่พอป้องกันตัวได้เลย ถึงกระนั้นลั่วชิงในร่างเสี่ยวซุ่ยก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถเอ่ยอะไรตรง ๆ ออกมาเพื่อเป็นการชี้แนะให้เขาพัฒนาฝีมือได้ ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงวิชายุทธ์หรือแสดงตัวตนที่แท้จริง ล้วนถูกยันต์ผนึกไว้หมดสิ้น คำพูดของนางในตอนนี้ทำได้เพียงเจรจาอย่างเด็กสาวไร้การศึกษาที่พูดคุยตามประสาเท่านั้นแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น… ก็ใช่ว่าจะสอนใครไม่ได้เสียทีเดียว นางใช้เวลาครุ่นคิดทั้งคืนแล้วว่าจะช่วยเหลือเขาอย่าง

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 7: นางเกรี้ยวกราดที่โรงเตี๊ยมถูกบุกรุก

    ค่ำวันนั้น โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นถูกแต่งแต้มด้วยแสงโคมแดงและกลิ่นอาหารหอมฉุย และบริเวณที่กลิ่นอาหารอบอวลมากที่สุดก็เห็นจะเป็นโต๊ะสำหรับรับรองแขกพิเศษของโรงเตี๊ยมในคืนนี้เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสะอาดเรียบร้อย เดินถือถาดอาหารเดินวนไปมา คอยเติมชาให้ผู้คน แม้จะยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ไม่ทำถ้วยตก นางรู้สึกปลาบปลื้มกับพัฒนาการในการคุมร่างกายของตัวเองที่ทำได้ดีขึ้น แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตามขณะทำงาน นางก็ลอบชำเลืองไปยังห้องรับรองหลัก ก็พบว่าแขกในคืนนั้นคือชายฉกรรจ์สี่คนที่แต่งกายคล้ายจอมยุทธ์ต่างสำนัก เสื้อลมผ้าหนา ปักสัญลักษณ์ประหลาดบนอกเสื้อ และแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึมเกินกว่าผู้มาเยี่ยมเยียนโดยไมตรี ในโต๊ะเดียวกันนั้น อวี้ไป๋เฉินนั่งอยู่หัวโต๊ะเพื่อเผชิญหน้ากับแขกทั้งสี่ เสี่ยวซุ่ยเพิ่งได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขามีเส้นผมสีดำสนิทราวขนนกอีกา ปล่อยยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวงามได้รูป ผิวราวกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในร่มมาเนิ่นนาน ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน ๆ คิ้วของเขาเรียวยาว ดวงตาสีน้ำตาลก็เรียวเฉียงชี้ขึ้นเล็กน้อย จมูกของเขาโด่ง รับกับใบหน้าทั้งหมดอย่างน่าพึงพอใจ เสื้อผ้าของเขาเป็นช

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 6 : นางกลั่นแกล้งข้า!

    แสงแดดยามเช้าที่สาดทอลงมาในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นวันนี้ ดูแทบไม่ต่างจากทุกวัน แต่สำหรับเสี่ยวซุ่ยแล้ว เช้านี้มีบางอย่างผิดปกติ เพราะทันทีที่นางเดินมาถึงลานซักผ้าใต้ร่มไม้หลังโรงเตี๊ยม ก็พบกับซูหรง ในชุดเสื้อผ้าสีแดงสด กำลังยืนกอดอก รออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนจะสงบนิ่ง แต่สายตานั้นแฝงความน่าหวาดหวั่นใจบางอย่าง ทำเอาร่างกายที่ถูกทำให้มีอาการอย่างเด็กสาวทั่วไปต้องอดสั่นน้อย ๆ ไม่ได้“เสี่ยวซุ่ย วันนี้เจ้าจะต้องทำงานเพิ่ม” ซูหรงเอ่ยขึ้น ด้วยท่าทีทรงอำนาจ “เริ่มจากไปซักผ้าปูโต๊ะทั้งหมดในร้าน ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนด้วย ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว เจ้าต้องทำคนเดียวนะ วันนี้คนอื่นน่าจะยุ่ง ๆ กับการเตรียมตัวต้อนรับแขกพิเศษ เห็นว่าสหายเก่าของท่านอวี้ไป๋เฉินจะมาเยี่ยมเยือน”เสี่ยวซุ่ยชะงักเล็กน้อย นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ปกติของสาวใช้ฝึกหัดทั่วไป งานเหล่านี้รวมทุกอย่างแล้ว ต้องใช้แรงกายมาก และใช้เวลาทั้งวัน หากไม่ใช่เพราะซูหรงตั้งใจสั่งเอง สาวใช้ฝึกหัดไม่น่าจะได้ทำด้วยซ้ำ“เจ้าค่ะ ข้าจะทำให้เสร็จ…” เด็กสาวพยักหน้าเบา ๆ สีหน้าเจือความลังเล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้แต่เพียงรับคำสั่งเท่านั้น“เช่นนั

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 5 : นางทำให้ข้าจำต้องเริ่มใหม่

    เช้าวันใหม่ในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นด้วยเสียงเก็บถาด ล้างหม้อ และกลิ่นหอมของข้าวร้อนผสมกลิ่นซุปสมุนไพรอ่อน ๆ ดังลอยปะปนกับเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เดินขวักไขว่ เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าหม่น เดินอยู่ท่ามกลางนั้นอย่างเงียบ ๆ มือขาวนวลของนางถือตะกร้าผักแนบอก ท่าทางไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่น ทว่าในแววตายังเจือร่องรอยของความอึดอัดบางประการเมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว นางเห็นพี่หลินกำลังสั่งให้สาวใช้อีกคนปอกขิง เตรียมพริกแห้ง และล้างชามดินเผา“เสี่ยวซุ่ย” พี่หลินเรียกเสียงนิ่งตามเคย “วันนี้เจ้าช่วยต้มถั่วเขียวในหม้อใหญ่นั่น ข้าจะทำข้าวต้มถั่วเป็นมื้อเช้า”“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยตอบเรียบ ก่อนจะเดินไปที่หม้อขนาดใหญ่ ตั้งน้ำ ตวงถั่วตามที่คิดว่าเคยเห็นคนทำมาก่อน ทว่าขณะจะจุดไฟ นางกลับจ้องไม้ฟืนอยู่นานอย่างประหลาด“ไม่น่าจะยาก...” เซียนอายุนับพันในร่างเด็กสาวคิดในใจ ก่อนจะพยายามจุดไฟโดยใช้หินเหล็กและฟืนแบบชาวบ้าน แต่หลังพยายามอยู่ครู่ใหญ่ เปลวไฟกลับยังไม่ติดดีนัก ควันกลับฟุ้งขึ้นเต็มหน้า และเมื่อนางพยายามเติมถั่วในน้ำต้ม ก็พลาดทำตกกระเด็นครึ่งถุงจนกลิ้งเต็มพื้นหิน“อ๊ะ…” นางอุทานเบา ๆ พลางก้มลงเก็บ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status