ตอนเย็น จ้านเฉิงอิ้นออกจากค่ายทหารกลับมายังจวนแม่ทัพตลอดทางไม่ปรากฏชาวบ้านร่างผ่ายผอมนอนรอความตายอยู่ข้างทางให้เห็นอีกแล้วบางครั้งก็จะเห็นแม่ม่ายตัวคนเดียวบางคนเดินไม่ไหว แต่ก็จะมีเพื่อนบ้านมาช่วยประคองพาไปต่อแถวรับโจ๊กอาหลี่จิตใจเอื้อเฟื้อ เขาจัดการให้คนแจกจ่ายโจ๊ก มีโจ๊กสองหม้อที่นำมาแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่หิวโหยจนรอไม่ไหวโดยเฉพาะพอพวกเขามาถึงก็จะได้รับประทานทันทีแจกจ่ายโจ๊กสองวัน คนทั้งเมืองล้วนได้กินกันหมดแล้ววันนี้ ชาวบ้านไม่เพียงแต่ได้รับโจ๊กหนึ่งถ้วย แต่ยังได้รับแตงโมคนละชิ้นอีกด้วยแตงโมที่เย่มู่มู่ส่งมามีจำนวนมากเกินไป ยามนี้ขุดหลุมเก็บไว้ในห้องใต้ดินแล้วเก็บไว้ในห้องใต้ดินไม่รู้ว่าจะสามารถเก็บไว้ได้นานเท่าไรจึงนำออกมาแจกจ่ายให้ทุกคนกินชาวบ้านเห็นแล้วก็คิดว่าท่านแม่ทัพแจกจ่ายโจ๊กแล้วยังแถมแตงโมให้อีกด้วย!คนที่ฉลาดหน่อยล้วนดูออกแล้วว่าด่านเจิ้นกวนไม่ขาดแคลนเสบียงอีกต่อไปแล้ว ท่านแม่ทัพจึงสามารถแจกจ่ายแตงโมให้ชาวบ้านในเมืองเช่นนี้ประกาศรับสมัครคนเข้ากองทัพเพิ่งเอาไปติดเมื่อวานนี้ก็มีคนมาสมัครถึงสองพันคนภายในวันเดียวคนเหล่านี้มาเพราะอยากลองดูว่าจะได้รับจัดสรรข
“ฉันยังต้องการเข็มและด้ายหลายชนิดสำหรับเย็บผ้า ต้องการในปริมาณมาก!”“ได้ค่ะ งานถนัดของฉันเลยค่ะคุณเย่ เรื่องนี้ไว้ใจฉันได้เลย”หัวหน้าฝ่ายขายกล่าวต่อว่า “โรงงานของเรายังมีคลังเก็บผ้าที่มีตำหนิเล็กน้อย ขายลดราคาที่เมตรละสองบาทห้าสิบสตางค์ คุณโอเคไหมคะ?”เย่มู่มู่พยักหน้า “ตกลง!”หัวหน้าฝ่ายขายดีใจมากและเรียกฝ่ายการเงินมาคำนวณเพราะจำนวนสินค้านั้นมากมายมหาศาล เกรงว่าคลังสินค้าทั้งสี่แห่งในเขตชานเมืองของเย่มู่มู่อาจไม่พอเก็บเย่มู่มู่จึงกล่าวว่า “ทยอยส่งมาในสามวันนะคะ คลังสินค้าของฉันเก็บไม่หมด!”“ตกลง ไม่มีปัญหาค่ะ”หลังจากฝ่ายการเงินคำนวณแล้ว พบว่ารวมทั้งผ้าและเข็มด้าย... คิดเป็นเงินทั้งหมดสามร้อยล้านบาทเย่มู่มู่ชำระเงินงวดแรก ส่วนที่เหลือจะชำระหลังของถูกส่งมาครบทั้งหมดหัวหน้าฝ่ายขายส่งเธอขึ้นรถด้วยรอยยิ้ม พร้อมยื่นนามบัตรให้ “คุณเย่คะ ถ้าต้องการวัสดุผ้าอีกเมื่อไหร่ โทรหาฉันได้เลยนะคะ”“เราไม่ได้มีแค่ผ้าสำหรับทำเสื้อผ้าเท่านั้น เรายังมีโรงงานย่อยที่ผลิตผ้าสำหรับทำเต็นท์ ผ้าเดนิม...”เย่มู่มู่คิดขึ้นมาได้ทันที “ผ้าลายพรางสำหรับทะเลทรายทำได้ไหมคะ?”“ทำได้ค่ะ หากคุณต้องการ เ
มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาว่าจวนแม่ทัพมีเสบียงอาหารจำนวนมาก วันนี้ผู้ที่มาต่อแถวรับข้าวต้มยังได้รับแตงโมหวานฉ่ำคนละชิ้นจ้าวโหย่วไฉยิ่งมั่นใจว่าจวนแม่ทัพต้องมีเสบียงอาหารมหาศาล!ก่อนที่กองทัพชนเผ่าหมานจะบุกลงใต้ เว่ยกวงเคยเป็นหัวโจกนักเลงที่มีชื่อเสียงในด่านเจิ้นกวน เขามีพี่น้องที่เคยเสี่ยงชีวิตร่วมกันในหน่วยลาดตระเวนบนถนนในด่านเจิ้นกวน เว่ยกวงถือว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลทั้งในด้านมืดและด้านสว่างปกติเวลาไปกินอาหารตามร้านค้าก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินร้านค้าที่มีกิจการดี ๆ ยินดีจ่ายค่าคุ้มครองให้โดยสมัครใจ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกอันธพาลเข้ามาก่อกวนในร้านเมื่อเว่ยกวงรับเงินไปแล้ว เขาย่อมทำงานแน่นอน หากมีใครมากินอาหารแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน เขาจะให้คนของเขาลากตัวออกไปแล้วซ้อมสั่งสอนแม้ว่าเขาจะเป็นนักเลง แต่ก็ยังถือว่ามีคุณธรรมเหตุผลที่จ้าวโหย่วไฉเลือกเว่ยกวงก็เพราะเว่ยกวงเคยถูกทหารประจำด่านเจิ้นกวนออกหมายจับมาก่อนเขารู้เส้นทางลับที่เชื่อมต่อระหว่างด่านเจิ้นกวนและโลกภายนอก ทำให้ไม่เคยถูกจับได้จ้าวโหย่วไฉต้องการส่งข่าวออกไปข้างนอก โดยวางแผนให้เผ่าหมานเข้ามาในด่านเจิ้นกวนผ่านเส้นทางลับ โจมตี
พวกเขาได้รับข่าวเลยรีบวางงานในมือ รุดมายังจวนแม่ทัพโดยทันที!เรื่องที่ด่านเจิ้นกวนมีเสบียงอาหารนั้นไม่อาจปกปิดได้อีกต่อไปพรุ่งนี้หรืออาจจะในกลางดึก กองทัพชนเผ่าหมานอาจบุกชายแดนมาถึงหน้ากำแพงเมืองตอนนี้ถ้ำธรรมชาติที่เป็นทางลับก็เป็นภัยคุกคามอีกจ้านเฉิงอิ้นจึงสั่งให้ทหารหนึ่งร้อยนายเฝ้าทางเข้าถ้ำแต่กองทัพชนเผ่าหมานสามแสนนาย ทหารเพียงหนึ่งร้อยนายย่อมไม่อาจต้านทานได้ก่อนหน้านี้ พวกเขาเพียงแค่ต้องปกป้องประตูเมืองเท่านั้น แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าต้องสู้รบทั้งสองด้าน ทหารตระกูลจ้านซึ่งมีกำลังพลน้อยอยู่แล้ว จะต้านทานการโจมตีของชนเผ่าหมานที่มาจากทั้งสองทิศทางได้อย่างไรทุกคนต่างมีสีหน้าตึงเครียดขณะนั้นเอง ทหารเข้ามารายงานข่าวที่หน้าประตูว่า “ท่านแม่ทัพ กองทัพชนเผ่าหมานบุกเข้ามาแล้วขอรับ”“เดิมทีพวกเขาตั้งค่ายห่างจากประตูเมืองสามสิบลี้ ตอนนี้กำลังเคลื่อนทัพเข้าใกล้ประตูเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ”เฉินขุยได้ยินเช่นนั้นก็ยกดาบใหญ่ขึ้นมาพลางตวาดลั่นอย่างโกรธแค้น “ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยขอนำทหารออกไปรับศึก!”จ้านเฉิงอิ้นออกคำสั่งว่า “ทหารทุกนายฟังคำสั่ง เตรียมพร้อมรับศึก!”“ขอรับ!”“เฉินอู่ นำทห
ตอนยังมีชีวิตอยู่พ่อของเย่มู่มู่พอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง ซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทระเบิดเธอใช้โทรศัพท์เครื่องเก่าของพ่อ และหาหมายเลขของผู้บริหารคนนั้นตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า เธอโทรหาผู้บริหาร ปลายสายรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย“มู่มู่...ทำไมถึงมีเวลามาโทรหาอาได้ล่ะ?”“อาเซียวคะ หนูอยากจะซื้อระเบิดจำนวนมาก คุณอาขายให้หนูได้ไหมคะ?”เซียวหัวได้ยินว่าเย่มู่มู่ต้องการซื้อวัตถุระเบิด จึงรู้สึกสงสัย “หนูจะรื้อถอนตึกอะไรล่ะ?”“พวกเราไม่ได้แค่ขายระเบิดเท่านั้น ต้องไปสำรวจและประเมินก่อน ถึงจะกำหนดปริมาณวัตถุระเบิดที่จะใช้ได้”“ระเบิดเป็นของอันตราย ทุกครั้งที่ขายต้องมีบันทึกไว้...”เย่มู่มู่ทนไม่ไหวจึงเอ่ยขัดอีกฝ่าย“คุณอาคะ หนูแค่ต้องการวัตถุระเบิด ต้องใช้เยอะด้วย เป็นชนิดที่เอาไประเบิดภูเขาได้น่ะค่ะ”“ไม่ได้ ยัยเด็กคนนี้จะหาเรื่องทำอะไรล่ะเนี่ย?”“คุณอาคะ หนูซื้อในราคาสามเท่าของตลาด!”เซียวหัวยังคงปฏิเสธ “ไม่ได้ อาไม่ยอมรับปากเรื่องแบบนี้หรอกนะ!”“ห้าเท่าค่ะ!”เสียงของเซียวหัวเริ่มไม่มั่นใจ “มู่มู่ อาไม่สามารถให้หนูซื้อไปทำเรื่องไม่ดีได้หรอกนะ”เย่มู่มู่พูดด้วยความร้อนใจ “
แม้ว่าจะเดินออกจากโกดังมาแล้ว เขาก็ยังไม่วางใจ ขับรถไปจอดในที่มืดและเฝ้ามองเย่มู่มู่ขนระเบิดออกไปเมื่อมีเงินมากขึ้น เขาก็ยิ่งห่วงชีวิตของตัวเอง และต้องปัดความรับผิดชอบให้หมดสิ้น*บนกำแพงเมือง จ้านเฉิงอิ้นยังคงตื่นตะลึงกับวิดีโอที่แสดงถึงพลังอันมหาศาลของระเบิดระเบิดสามารถทำลายตึกสูงเสียดฟ้าได้ตึกที่สูงใหญ่เหล่านั้น ตู้ม ๆ ๆ ระเบิดเป็นวงรอบ ๆ และภายในชั่วพริบตา ตึกก็ถูกทำลายเป็นผุยผงเขาและเหล่าแม่ทัพต่างพากันมุงดูหน้าจอแท็บเล็ต ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วย ตื่นตะลึงกับภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏเดิมทีพวกเขาคิดว่าสิ่งของอย่างเหล็กกล้า ดาบม่อเตา ชุดเกราะ และหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน...เป็นขีดสุดของอาวุธในโลกเทพเซียนแล้วจนกระทั่งได้เห็นในวิดีโอ อาคารสูงเสียดฟ้าพังทลายลงมา แหลกสลายเป็นผุยผงโลกเทพเซียนมีอาวุธเทพเช่นนี้ อย่าว่าแต่ทำให้ภูเขาราบเลย อาจจะกำราบชนเผ่าหมานจนสิ้นชื่อได้ด้วยซ้ำทันใดนั้น ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา“ท่านแม่ทัพ นี่คืออาวุธเทพ สิ่งนี้สามารถสังหารศัตรูได้นับหมื่นเลยนะขอรับ!”“ถ้าเรามีสิ่งนี้ จะกลัวอะไรกับกองทัพชนเผ่าหมานสามแสนนาย แค่ยิงระเบิดลูกใหญ่ก็ส่งวิญญาณพวกมันออก
กองทัพกว่าหมื่นนายของเผ่าหมานถืออาวุธบุกเข้าไปในปากถ้ำ ในคราแรกพวกเขาถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินสังหารจนไม่กล้าบุกเข้าไปทว่าหลัวเก๋อสั่งการให้โจมตีเมืองอย่างเต็มกำลังเมื่ออารมณ์คุกรุ่นได้ที่เผ่าหมานก็ต่างบุกเข้าไปในถ้ำอย่างดุดัน สาบานตนว่าจะฟาดฟันสังหารหนูแมลงสกปรกที่หลบซ่อนอยู่ในถ้ำให้จงได้เมื่อพวกเขาเห็นแสงไฟสว่างอยู่ในถ้ำ ก็เริ่มชะลอฝีเท้าลงอย่างระแวดระวังเมื่อเข้าไปใกล้กลับพบว่าบนพื้นมีเพียงกองฟืนกองโต กำลังลุกโชนเผาไหม้ ทว่ารอบข้างกระทั่งเงาผีสักตนยังไม่มีปรากฏให้เห็นพลันรู้ตัวขึ้นมาว่าติดกับเข้าให้แล้ว!นายทหารผู้ซึ่งเป็นผู้นำถึงกับโกรธจัด เท้าเตะเข้ากับกองฟืนที่กำลังโหมไหม้ ถ่านแดงคุร้อนตกลงบนสายชนวนดินระเบิดเข้าพอดิบพอดีตูม...ทุกคนถูกแรงระเบิดกระดอนไปคนละทิศละทาง*จ้านเฉิงอิ้นและพวก ถอยห่างออกไปสิบลี้เฉินอู่ยังคงพยายามโน้มน้าวจ้านเฉิงอิ้น ให้เขาอนุญาตให้ตนเป็นผู้เข้าไปจุดชนวนระเบิดเอง!ทันใดนั้น เสียงระเบิดก็ดังสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นควันนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าจ้านเฉิงอิ้นร้องตะโกนดังออกมาหนึ่งเสียง “หมอบลง!” ทุกคนหมอบลงกับพื้นภูเขาสั่นผืนดินสะเทือน เสียงระเบ
เขาไม่อาจกล้ำกลืนความแค้นที่จ้านเฉิงอิ้นผลาญล้างชีวิตคนหมื่นคนของเขาไปได้เขาจ้องมองที่กุนซืออย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าในเมืองมีทั้งน้ำและเสบียงอาหาร?”“หากมิอาจยึดด่านเจิ้นกวนได้ กองพลของเราก็มีแต่จะหิวตาย”“ในขณะที่กองพลของจ้านเฉิงอิ้น ได้พักผ่อนฟื้นฟู จนสมบูรณ์แข็งแรง!”"ข้ามิสนว่ามังกรจะพลิกมิพลิกกาย ในสามวันนี้ ข้าจะต้องยึดด่านเจิ้นกวนมาให้จงได้!”กุนซือหลิวหลิงใจเต้นแรงในเมืองด่านเจิ้นกวนมีเสบียงอาหารอยู่อย่างนั้นหรือ?จะเป็นไปได้อย่างไร?ด่านเจิ้นกวนถูกปิดล้อมมากว่าครึ่งปี จนกลายสภาพราวถังเหล็กก็ปาน แม้แต่วิหคสักตัวก็มิอาจบินพ้นผ่านเข้าไปได้ปากคอเขาแห้งผาก เพียงคิดถึงว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ ดวงตาก็ฉายแววหมายมาดในชัยชนะเขาโค้งตัวลงประสานมือคารวะ ท่าทีเปลี่ยนราวคนละคน"ท่านอ๋องน้อย ด้วยเหตุผลที่ว่าในเมืองมีน้ำ เราจึงจำเป็นยิ่งที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ มิอาจหุนหันพลันแล่นโจมตีเมืองได้"“เสบียงอาหารและน้ำของจ้านเฉิงอิ้นมาจากที่ใด? มีมากเท่าใด จัดเก็บไว้ที่แห่งใด?"“การโจมตีเมืองก็จำต้องมีแผนการ หากบุกจากประตูเมือง กำแพงเมืองก็สูงขึ้นแล้ว คันรถกระทุ้งกำแพง
ตอนนี้ในเมืองมีอยู่หลายล้านคนผู้ลี้ภัยที่ไปเมืองหลวงได้ต่างก็ไปกันหมดแล้วภายในเมืองขาดแคลนเสบียงอาหารอย่างหนัก ในวังก็ไม่เหลือเสบียงอาหารแล้วผู้ลี้ภัยยึดจวนไปไม่น้อย และเริ่มมีการฆ่าคน กินคนแล้วมิหนำซ้ำยังมีการเปิดแผงลอยขายเนื้อกันแล้ว เนื้อที่นำมาแขวนขายก็คือเนื้อคนเมื่อคนเราอดอยากขนถึงขั้นสุด ไม่มีเสบียงอาหารให้กินแล้ว ก็เริ่มขยายขอบเขตให้กว้างขึ้นอย่างกำเริบเสิบสานด้วยการจับคนมากินเป็นอาหารปราบปรามผู้ลี้ภัย ชักช้ารีรอไม่ได้หลี่กงกงเองก็เล่าถึงสถานการณ์ภายในเมือง ทว่าในช่วงเวลาไม่กี่วัน โกลาหลยิ่งกว่าตอนหวงกงกงออกนอกเมืองเสียอีกเมื่อครู่ขณะที่สวีอี้หัวเราะเยาะมั่วฝาน หวงกงกงได้บอกสถานการณ์ของค่ายพักแก่หลี่กงกงแล้วครั้นหลี่กงกงได้ยินว่าพวกเขามีเสบียงอาหาร มีน้ำ และยังมีเนื้อให้กินทุกวัน…เขาไม่อยากกลับวังแล้ว!วันนี้หลี่กงกงมาเพียงลำพัง ไม่ได้มีผู้ติดตามตามมาด้วยเขาหิวจนลมหายใจโรยริน เป็นผู้ติดตามทั้งสองคนของหวงกงกง คนหนึ่งตักน้ำให้เขา ส่วนอีกคนให้ขนมปังไส้เนื้อแก่เขาชิ้นหนึ่งเขาถึงมีชีวิตรอดมาได้เขาไม่อยากกลับเข้าวังอีกแล้ว!ครั้นหลี่กงกงเห็นแม่ทัพทุกท่านไม
มั่วฝานกล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “คนไร้ประโยชน์เช่นเขา นอกจากปากสวะแล้วยังมีประโยชน์อะไรอีก?”หวงกงกงหัวเราะพลางตอบกลับ “ท่านอย่าเพิ่งโมโหไปเลย เมื่อครู่ทุกคนก็เห็นแล้ว กองกำลังรักษาพระองค์ไม่ฟังผู้บัญชาการลั่ว แต่ต้องฟังเขาอย่างแน่นอน”“ตอนนี้ทหารองครักษ์ในวังเหลือเพียงกองกำลังรักษาพระองค์ไม่กี่หมื่นคนนี่แล้ว หากเก็บคนผู้นี้เอาไว้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้ความลับภายในวังเป็นอย่างดีก็ได้”“ทำให้กองกำลังรักษาพระองค์หลายหมื่นนายเชื่อฟัง เขาคงทำได้แน่”“ตระกูลสวีเห็นเขาเป็นสมบัติล้ำค่า อยากได้อะไรได้ยิ่งกว่านั้นมาตั้งแต่เด็ก”“กระทั่งสวีกุ้ยเฟยยังปูทางให้เข้า ถึงได้ถูกส่งเข้าไปในวัง เขาต้องมีชีวิตอยู่ถึงจะบีบตระกูลสวีและสวีกุ้ยเฟยได้!”จ้านเฉิงอิ้นเอามือพ่ายหลังข้างหนึ่ง หลังเขาตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็กำชับซ่งอวิ๋นฮุยว่า“ยังช่วยชีวิตได้หรือไม่?”“ได้ขอรับ อยู่ในมือข้าไม่มีวันตายอยู่แล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยที เก็บเอาไว้ให้มั่วฝานค่อย ๆ...ระบายความโกรธ!”สีหน้าของมั่วฝานถึงดีขึ้นมาเล็กน้อยส่วนเหล่ากองกำลังรักษาพระองค์ที่ปกป้องสวีอี้อยู่เมื่อครู่ ทั้งหมดคุกเข่าลง ก้มหน้าแล้วส่งอาวุธ
เขาชี้ตนด้วยความจองหอง จากนั้นก็โพล่งหัวเราะฮ่า ๆ ออกมา“ฮ่า เจ้าคิดจะฆ่าข้า? เลิกไร้เดียงสาได้แล้ว!”“ข้าเป็นคนโปรดของฝ่าบาทในตอนนี้ เป็นน้องชายของสวีกุ้ยเฟย เป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของกองกำลังรักษาพระองค์ ไม่คิดเลยว่ารัฐทายาทที่ถูกแทนที่ได้ทุกเมื่อเช่นเจ้า คิดจะฆ่าข้า ไร้เดียง...”แม่ทัพคนอื่น ๆ เห็นหน้าปากแสนอัปลักษณ์ของเขาแล้ว สีหน้าก็ปั้นยากเป็นอย่างมากมั่วฝานผ่อนลมหายใจหนัก มือกำด้ามจับดาบม่อเตาไว้แน่น กำลังพยายามควบคุมไฟโทสะของตนเอาไว้สุดกำลังขณะที่สวีอี้หัวเราะอย่างยโสโอหังเป็นอย่างมาก...ฟิ้ว...ธนูทดกำลังในมือของหยางชิงเหอ ยิงเข้ากลางอกของสวีอวี้นางสะบัดมือ “ยิงครั้งแรกไม่มีประสบการณ์!”“ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดที่ยโสโอหังเช่นนี้มาก่อน! อดกลั้นไม่ไหวจริง ๆ ก็เลยลงมือ!”สวีอี้คิดไม่ถึงว่า จะมีคนกล้าฆ่าเขาจริง ๆดวงตาเขาเบิกกว้าง มองเลือดสดที่พุ่งออกมาจากหน้าอกของตนด้วยนัยน์ตาราวกับกลอง เลือดเปื้อนชุดแดงไปหมด“ไม่...ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าฆ่าข้า”“ข้าคือรองผู้บัญชาการของกองกำลังรักษาพระองค์ พวกเจ้าฆ่าข้า ไม่คิดจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่...”“ทะ ทหาร ฆ่าพวกเขาให้หมด!
“รองผู้บัญชาการแซ่สวีนามอี้ เป็นน้องชายของสนมสวี!”“คนผู้นี้เป็นคนยโสโอหัง ผิวเผินกองกำลังรักษาพระองค์มีผู้บัญชาการลั่วคอยสั่งการ ทว่าผู้ที่กุมอำนาจจริง ๆ คือสวีอี้ ตอนที่เรากับผู้บัญชาการลั่วมา เพิ่งนำคนมาเพียงสองร้อยคน ทว่าครานี้ไม่คิดเลยว่าสวีอี้จะมาพร้อมกับคนสองพันคน”“ท่านแม่ทัพ บุญคุณความแค้นของท่านกับแม่ทัพสวี คนทั้งราชสำนักต่างรู้กันทั่ว ตอนนี้ลูกชายเขามา ไม่ได้มีเจตนาดีแน่!”จ้านเฉิงอิ้นไม่มีภาพจำดี ๆ กับตระกูลสวีเท่าไรนักไม่ว่าจะเป็นสวีหวยหรือสวีกุ้ยเฟย แม้แต่กองกำลังเก่าของสวีหวยที่บากหน้ามาพึ่งกองทัพตระกูลจ้าน คนพวกนี้ไม่มีผู้ใดเลยที่จิตใจสงบเถียนฉินที่อยู่เบื้องหลังจ้านเฉิงอิ้นอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นมาว่า “กงกง นี่เป็นกองทัพตระกูลจ้าน กองกำลังสองพันนายของเขานั่นยังจะต่อต้านได้อีกหรือ?”หวงกงกงสำลักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลันฉีกยิ้มพลางพูดคล้อยตามไปด้วย “ใช่ เราประมาทแล้ว”จ้านเฉินอิ้นพาหวงกงกง เถียนฉินและสวี่หมิงกลับไปพวกมั่วฝาน เฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋วและหยางชิงเหอรออยู่หน้าประตูแล้วภายในห้องโถงหารือ สวีอี้รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระองค์นั่งอยู่ในที่นั่งประทาน
ทำงานให้กองทัพตระกูลจ้านยังมีเสบียงอาหารให้อีกจะได้ข้าวสารหกชั่งทุกเดือน หากนำกลับไปต้มเป็นโจ๊ก บวกกับแผ่นแป้ง เสบียงอาหารหนึ่งเดือนของครอบครัวหนึ่งก็จะประหยัดเก็บไว้ได้เป็นกองทัพตระกูลจ้านที่ให้โอกาสพวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อชาวบ้านดีใจกันเป็นอย่างมาก!บุรุษกระโดดลงไปอาบน้ำในคูน้ำสตรีซักผ้า และล้างเนื้อล้างตัวอยู่ริมแม่น้ำผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า สบู่ ครีมอาบน้ำ ของเบ็ดเตล็ดเหล่านี้นำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งส่วนนายทหารที่ฆ่าคนได้เยอะของกองทัพธงเหลือง ไม่มัวแต่แลกข้าวสารอีกต่อไปทว่าเริ่มแลกเป็นพัดลม ไฟฉาย สบู่หอม ผ้าขนหนู...นายทหารของกองทัพธงเหลืองที่ได้พัดลมและของเล็ก ๆ น้อย ๆ ตื่นตะลึงเป็นอย่างมากเจ้าสิ่งนี้พัดลมเย็นออกมาได้ด้วยหรือ?ไฟฉาย ตอนกลางคืนส่องแสงสว่างได้ ไม่จำเป็นต้องจุดเทียนสบู่หอมและครีมอาบน้ำช่างเปิดโลกใหม่แก่พวกเขาจริง ๆผมที่แห้งและเป็นสังกะตัง สางไม่ออก ใช้แชมพูและครีมนวดผมคู่กัน ไม่คิดเลยว่าจะสางได้อย่างไหลลื่นแล้วหนำซ้ำยังมีกลิ่นหอมด้วยพวกเขาเข้าใจแล้วว่า เหตุใดทุกครั้งที่ลงสนามรบฆ่าศัตรู ทหารผ่านศึกของกองทัพตระกูลจ้านจะบุกรุดหน้าไปอย่างตื่นเต้
ฮ่าวอี้อัดบทสนทนาของพวกเขาเอาไว้เขาได้ยินเย่มู่มู่บอกว่า หลูซีซื้อของให้เพื่อนของเขาได้!เพื่อนของเขา?ตามที่พวกเขาสืบเจอ หลูซีไม่มีเพื่อนเลยสักคนคนสนิทเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในบัญชีเครือข่ายโซเชียลออกไลน์ ยิ่งไม่มีเพื่อนสนิทที่ติดตามกันคนที่เขาส่งของให้เป็นใครกันแน่?การค้นพบจุดนี้ ทำให้ฮ่าวตี้อดไม่ได้ที่จะตั้งใจฟังต่อไปทว่า เย่มู่มู่กับหลูซีกลับไม่ได้พูดคุยกันอีกหลังรถจากรถเมื่อมาถึงคฤหาสน์ จางเฉินซีก็อดรนทนไม่ไหวที่จะมาหาเย่มู่มู่“เถ้าแก่ คุณอ่านหนังสือแผนงานหรือยัง? เป็นยังไงบ้างครับ คิดจะลงทุนในบริษัทไหน?”“โปรเจกต์ยิงลูกศรเพลิงลงทุนได้ไหม?”“รอบแรกเดิมทีหนึ่งหมื่นล้าน แต่ผมกดมาได้ห้าพันล้าน ถ้าเรายิงสำเร็จ ต่อไปก็จะมีออเดอร์เข้ามาไม่ขาดสาย”เย่มู่มู่เลือกโปรเจกต์เครื่องจักรเอไอ และโปรเจกต์รถยนต์สะเทินอากาศสะเทินบกกำไรของโปรเจกต์ลูกศรเพลิงน้อยนิดยังไม่ชัดเจนพอต้องรอหารือกันทว่าหุ่นยนต์เอไอ และรถที่ใช้สะเทินอากาศสะเทินบก ขุดเงินเธอหนึ่งหมื่นล้านไปจนเกลี้ยงเธอไม่มีเงินอีกแล้วอ๊า ๆ ๆ...เย่มู่มู่ขาดเงินทุกวัน มักจะขาดเงินอยู่บ่
“นี่ตั้งห้าร้อยล้านเชียวนะ!”“คุณชายจาง จะโอนให้เถ้าแก่คุณภายในสามวัน ผมขอกลับไปรวบรวมเงินก่อน!”จางเฉินซีพยักหน้า “ได้ กลับไปเถอะ”เถ้าแก่อวี้เดือดดาล พลางเดินออกไปพร้อมก่นด่าผู้ปกครองคนอื่นอีกห้าคน คนที่ตื่นตาที่สุดก็ยังเป็นนายธนาคาร เขาบอกว่าจะกลับไปรวบรวมเงินผู้ปกครองที่เหลือเห็นดังนั้น ต่างก็ยินดีประนีประนอมเป็นการส่วนตัว และจะให้ค่าทำขวัญก้อนหนึ่งขอเพียงปล่อยลูกบ้านพวกเขาไปจางเฉินซีตอบตกลง ขอแค่เงินเข้าบัญชี เรื่องอื่นก็พูดง่ายอย่าคิดจะเบี้ยวหนี้เชียว!ถึงยังไงถ้าเบี้ยวหนี้จริง ๆ ล่วงเกินตระกูลจางแห่งโลกการลงทุนไม่ต้องพูดถึง ต่อไปหากลูกของพวกเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวแล้วสุดท้าย ผู้อำนวยการโรงเรียนฉีกยิ้มพลางส่งผู้ปกครองพวกนี้กลับไปเขารับรองกับเย่มู่มู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะเพิ่มความปลอดภัยของพวกเด็ก ๆ ในโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้นยังดีที่หลูซีเป็นนักเรียนที่มีจิตสำนึกของความยุติธรรมเขามีความสามารถทว่าไม่เคยรังแกเพื่อนนักเรียนเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียน จางเฉินซีก็ฉีกยิ้มพร้อมพูดกับหลูซีว่า “มองไม่ออกเลย ว่านายมีความสามารถแต
“ลูกของพวกคุณไม่ได้ทำเรื่องพรรค์นี้เป็นครั้งแรก จะต้องมีบันทึกประวัติอาชญากรรมแน่นอน!”“การโต้แย้งในชั้นศาลจริง ๆ หลูซีสามารถแก้ตัวพ้นผิดได้ แต่บันทึกประวัติอาชญากรรมของลูกพวกคุณจะต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน!”“อ้อจริงสิ เถ้าแก่ของเราไม่ใช่คนธรรมดา เธอมีบริษัทไลฟ์สดที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ ยอดผู้ติดตามมากถึงสองร้อยล้าน ถ้าพูดถึงอิทธิพลที่มีต่อผู้คน พวกคุณรวมกัน ยังใช่ว่าจะสู้เธอได้!”“พูดถึงอำนาจเงิน ฉันแนะนำว่าพวกคุณอย่าเอาไข่ไปชนกับหินจะดีกว่า!”“พูดถึงภูมิหลัง พวกคุณมีแต่จะแพ้ราบคาบยิ่งขึ้นไปอีก”“ฉันหวังว่าหลังจากนี้จะไม่เห็นลูกของพวกคุณที่เมืองหลวงอีก เพราะฉันไม่กล้ารับรองว่า หลูซีเห็นพวกเขาครั้งหนึ่ง ก็จะซ้อมครั้งหนึ่ง”“พวกคุณก็รู้ดีว่า เด็กคนนี้ลงมือไม่รู้จักหนักเบา ถ้าซ้อมจนตายขึ้นมา! ก็อย่าโทษว่าฉันไม่เตือพวกคุณก็แล้วกัน!” เหวินเหลียนเยว่อยู่ในชุดชุดทำงานมาตรฐาน ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย วางมาดเลขามีความรู้ทว่าเมื่อกล่าวคำพูดดุเดือดรุนแรงออกมา ก็ทำเอาผู้ปกครองตำแหน่งสูงตัวสั่นเทิ้ม!พวกเขาล้วนเปลี่ยนสีหน้าอากาศเช่นฝุ่น ในห้องเงียบกริบ!หลูซีลงมือโหดเหี
“นายตายแน่!”“พวกนายกดเขาเอาไว้ จางเชา เอาไม้เบสบอลของนายมาให้ฉัน ให้ฉันตีขาเขาให้หักก่อน!”ผู้ชายร่างสูงใหญ่สี่คนเข้ามาก่อน ขณะเตรียมลงมือกดเขาเอาไว้ทันใดนั้น หลูซีที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกก็กระโดดเตะขึ้นมาเตะในคราเดียวกระเด็นไปสี่คนใช่แล้ว!เขาเตะทีเดียวกระเด็นไปทั้งสี่คน!สี่คนนั้นถูกเตะไปบนผนังก่อนจะกลิ้งลงมา เนื่องจากมีคนหนึ่งไปตกกระทบกับอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ล้มลงบนพื้นโครมคราม ๆหลังพวกเขากลิ้งไปรอบหนึ่ง ก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกสี่คน มีสามคนที่หมดสติไปคนหนึ่งนอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นผมเหลืองกับจางเชาที่เหลือเห็นอุบัติเหตุตรงหน้า ก็อึ้งกิมกี่ไปจางเชาที่ถือไม้เบสบอลอยู่ตาลายไปเลย เขากล่าวทั้งตัวสั่นเทิ้มว่า “อวี้เฟิง ไม่ถูกต้องสิ ไป...”อวี้เฟิงรั้งตัวจางเชาที่คิดจะหนีเอาไว้ ก่อนจะแย่งไม้เบสบอลมา“ตั้งแต่ฉันโตมาจนป่านนี้ ยังไม่ได้เคยกลัวใคร วันนี้เขาต้องตาย!”เขาถือไม้เบสบอลเดินเข้าไปไม้เบสบอลยังไม่ทันตีถูกหลูซี ก็ถูกเขาหักแขนในมุมที่แสนเจ้าเล่ห์ ด้วยความเร็วสูงสุดเคร้ง~ไม้เบสบอลหล่นลงมาอวี้เฟิงกอดแขนพลางถอยหลังหลายก้าว กำลังครวญครางด้วยความเจ็บปวด “