ฮ่าวอี้ขู่เขาแรง ๆ “แล้วก็ เรื่องในวันนี้มีคนรู้แค่ห้าคนเท่านั้น!”เขาทำท่าปาดคอ“หลูหมิงจะปิดปากเอาได้!”หวังเสี่ยวเฉิงรีบพยักหน้า “ผมรู้แล้วครับพี่ พวกเขาไม่ใช่แค่ปิดปากเท่านั้น ยังจะกำจัดเราทิ้งไม่เหลือซากด้วยดอกบัวเพลิงขนาดใหญ่ด้วย!”ฮ่าวอี้จ้องเขาเขม็งทีหนึ่ง “ดอกบัวเพลิงขนาดใหญ่อะไร นั่นมีแต่ในนิยายแฟนตาซีเท่านั้นแหละ”หวังเสี่ยวเฉิงเกาท้ายทอยอย่างอิหลักอิเหลื่อ “พี่ ผมจำผิดแล้ว! ที่ผู้บำเพ็ญเซียนใช้กันคือแหล่งกำเนิดเพลิงหนึ่งรอบนักษัตร แต่ก็แผดเผาจนเราไม่เหลือแม้แต่ขนเส้นเดียวได้เหมือนกัน!”“เมฆฝนสลายไปหมดแล้ว ไม่มีเสียงลมฝน หลูหมิงจะเห็นพวกเราได้ รีบลงเขาเร็วเข้า!”“ครับ!”ทั้งสองคนขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าลงจากเขาไปหลูหมิงมองไปยังทิศทางที่พวกเขาจากไปอย่างสงบทีหนึ่ง*ตงโจวหลังพูดคุยกันยาว ๆ มาทั้งคืน ทีแรกกองกำลังรักษาพระองค์และขันทีจะออกไปแล้วในจังหวะนี้เอง จู่ ๆ เผ่าหมานก็แสดงศักยภาพด้วยการบุกเข้ามา นอกรัศมีห้าสิบลี้ ค่อย ๆ เข้ามาใกล้ ๆผู้บัญชาการลั่วและหวงกงกงไม่สามารถออกไปได้เพื่อให้กองทัพตระกูลจ้านแทรกซึมเข้าไปในวัง แล้วช่วยบิดามารดา พี่ใหญ่ ครอบครัวพี่รอง แ
พวกเขาจับชาวบ้านหลานหมื่นคนมาทำเป็นอาหาร ยังกินได้อีกระยะหนึ่งทว่า~พวกเขาไม่มีแหล่งน้ำ ทำสงครามยืดเยื้อกับกองทัพตระกูลจ้านมาเป็นเวลานาน และไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบการโต้กลับของพวกเขาในครั้งนี้ เป็นเพราะจวนตัวและกำลังจะหาทางรอดให้ได้หากไม่ตายในสนามรบ!ก็ต้องแย่งแผ่นดินต้าฉี่มาให้ได้!จ้านเฉิงอิ้นเปิดแผนที่ที่จวงเหลียงใช้อากาศยานไร้คนขับสร้างขึ้นเขากล่าวว่า “เฉินอู่ เจ้าพาคนขับรถบรรทุกไปหนึ่งร้อยคัน อ้อมด้านหลังแล้วตัดเข้าด้านข้าง บดขยี้ตายได้เท่าไรก็เท่านั้น!”“ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและแตกตื่นก็ใช้ได้แล้ว!”“รถทุกคันเว้นระยะห่างกันหน่อย บนรถจัดแจงทหารผ่านศึกไปสามสิบ เอาหน้าไม้ราชวงศ์ฉินและธนูทดกำลังไปด้วย!”“แล้วก็ จำเอาไว้ว่าต้องระวังวัตถุระเบิดด้วย!”เผ่าหมานเองก็ฝังวัตถุระเบิดเช่นกัน เพียงแต่ที่ฝังลึกลับเป็นอย่างมากเฉินอู่กึ่งคุกเข่าคารวะ “ข้าจะสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาเอง ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ วันนี้ข้าพาทหารผ่านศึกออกไปเท่าไร ก็จะพากลับมาเท่านั้น!”“ดี ไปเถอะ!”เฉินอู่ไปเตรียมตัวก่อนแล้ว“มั่วฝาน เตรียมอากาศยานไร้คนขับและวัตถุระเบิด...”มั่วฝานลุกขึ้นยืน สายตาของเขาเป็น
“รายงาน...”มีม้าเร็วห้อตะบึงมา เหล่าทหารของเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยรีบเปิดทางให้ทันทีทหารเผ่าหมานลงจากม้า คุกเข่าลงตรงหน้าหลัวซู่ และล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอก“ท่านอ๋อง ลู่หลางส่งจดหมายมาขอรับ!”“เอามา!”นายทหารส่งจดหมายให้หลัวซู่ เขาคลี่จดหมายออกเห็นเพียงด้านในเขียนว่า “จะฆ่าจะห้ำหั่น ก็แล้วแต่เจ้า แต่จะให้ข้าผู้แซ่ลู่ร่วมหัวจมท้ายกับเผ่าหมาย ไม่มีทางเป็นอันขาด!”หลัวซู่ยกจดหมายขึ้นอย่างเดือดดาล ก่อนจะฟันขาดออกจากกัน เศษกระดาษกระจัดกระจายร่วงหล่นลงไปเขาก่นด่าอย่างเดือดดาล“ลู่หลางดื้อด้าน เขาไม่สนลูกทั้งสองแล้วหรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทหาร เผาเด็กสองคนนี้เสีย!”แม่ทัพคนอื่นต่างพากันคล้อยตามศึกที่ภูเขาเหมืองจ้านเฉิงอิ้นปล่อยลู่หลางไป ไม่ได้ตามฆ่าเขาทว่าลู่หลางกลับลอบติดตามเผ่าหมานกับกองทัพธงเหลืองมาตลอดทาง ประมาณหนึ่งถึงสองร้อยลี้ คอยตามอยู่ไม่ใกล้และไม่ไกล!เขารู้ว่าคนของแม่ทัพลู่อยู่ใกล้ ๆบอกว่าเขาขี้ขลาดก็ได้!ตอนแรกฮ่องเต้ต้าฉี่เชิญเขากับฮ่องเต้แคว้นเยี่ยน ไปล้อมปราบกองทัพตระกูลจ้านที่ภูเขาเหมืองด้วยกันเขานำทหารไปถึงตามที่คาดเอาไว้!บอกว่าเขาขี้ขลาดก็ได้~
อีกฝั่งหนึ่ง ขณะเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของมู่ฉีซิว พวกเขาเคยเห็นมาก่อนว่าเผ่าหมานโหดเหี้ยมอำมหิตแค่ไหนพวกเขาไม่มีผู้ใดทนดูได้เลยแม้แต่คนเดียว ต่างคิดว่าที่เผ่าหมานเผาฆ่าปล้นจี้ในดินแดนต้าฉี่ ช่างชั่วช้าต่ำตมยิ่งนัก!ในใจของทุกคนอดกลั้นความเดือดดาลเอาไว้สายหนึ่ง!ตอนนี้ ในที่สุดก็สามารถฆ่าเผ่าหมานอย่างเปิดเผยได้แล้วทุกคนมีขวัญกำลังใจล้นเปี่ยม คันไม้คันมืออยากต่อสู้ กำลังเตรียมพร้อมจะรบ หลังทุกคนมารวมตัวกันเสร็จ...รอเพียงท่านแม่ทัพใหญ่สั่งลงมาคำเดียวเท่านั้น พวกเขาก็จะพุ่งไปฆ่าเผ่าหมานทันทีแย่งศีรษะคนกันอย่างบ้าคลั่ง!ในวินาทีนี้ จู่ ๆ ก็มีคนมารายงานว่า “ท่านแม่ทัพ จดหมายด่วนของท่านแม่ทัพขอรับ!”มีทหารชั้นผู้น้อยจากศาลาพักม้าขี่ม้าเร็ว บุกเข้ามาในค่ายพักของกองทัพตระกูลจ้านทหารชั้นผู้น้อยคนนี้ไม่ใช่คนของกองทัพตระกูลจ้าน เขาสวมเสื้อเกราะ แบกอาวุธไว้บนหลัง แค่มองก็รู้ว่าเป็นทหารของต้าฉี่จ้านเฉิงอิ้นโบกมือให้ทุกคนเปิดทางทหารชั้นผู้น้อยขี่มาเร็วมาตรงหน้าจ้านเฉิงอิ้น เนื่องจากเหน็ดเหนื่อย จึงพลัดตกลงมาจากหลังม้าเถียรฉินและสวี่หมิงรีบประคองเขาขึ้นมาหวังเซิ่งตักน้ำให้ทหารช
จ้านเฉิงอิ้นอ่านสารลับจบ ก็ส่งให้เฉินขุยเฉินอู่เวียนกันอ่านหลังพวกเขาอ่านจบ ก็ส่งให้มั่วฝาน จวงเหลียงและซ่งตั๋วหยางชิงเหอเองก็ได้อ่านเช่นกันหยางชิงเหอเอ่ย “ช่วย!”“แม้จะช่วยออกมาไม่ได้ ก็ได้พยายามแล้ว เมื่อแม่ทัพลู่เห็นความจริงใจของเรา เขาไม่มีทางร่วมหัวจมท้ายกับเผ่าหมานแน่นอน”เฉินอู่กล่าว “แม่ทัพลู่เกลียดเผ่าหมาน!”“ใช่แล้ว ฮ่องเต้น้อยอยากขอให้เขาไปภูเขาเหมือง ล้อมปราบกองทัพตระกูลจ้านร่วมกับกองทัพธงเหลือง แคว้นเยี่ยนและเผ่าหมาน เขาคือผู้ที่ไม่กระตือรือร้นที่สุด เพียงแค่ไปตามน้ำเท่านั้น”“ตอนที่มู่ฉีซิวถอยทัพ เขาวิ่งเร็วที่สุด ท่านแม่ทัพใหญ่เองก็ไม่อยากทำให้เขาลำบาก!”“เช่นนั้นตอนนี้จะทำเช่นไรดี? หากสู้รบกันขึ้นมา เผ่าหมานเอาตัวเองยังไม่รอด เด็กสองคนนั้นอาจถูกพวกเขาพลอยฆ่าไปด้วย!”ทันใดนั้น หน่วยกล้าตายของมั่วฝานก็หยิบโทรศัพท์สังเกตการณ์มาข้างกายเขาครั้นมั่วฝานเห็นภาพบนหน้าจอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขาส่งหน้าจอให้จ้านเฉิงอิ้นดูจ้านเฉิงอิ้นเห็นว่าตรงหน้าหลัวซู่แห่งเผ่าหมาน มีกองฟืนกองใหญ่กองอยู่และข้าง ๆ กองฟืนเป็นเด็กที่อยู่ในชุดผ้าฝ้าย เด็กสองคนนั้น อายุแปดขวบคนหนึ่ง สิ
นายทหารทุกนายกึ่งคุกเข่าลง “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”มั่วฝานชี้ตัวเอง แล้วสลับไปชี้จ้านเฉิงอิ้น“แล้วพวกเราล่ะ?”“ช่วยเด็ก!”“จะช่วยอย่างไร?”“ให้หน่วยกล้าตายของเจ้าขับรถ ภายใต้การคุ้มกันของเฉินขุยและซ่งตั๋ว บุกโจมตีเข้าไปโดยตรงแล้วชิงตัวเด็กขึ้นรถ จากนั้นก็ขับรถออกมา...”“ขับรถบรรทุกสองสามคันไปรั้งท้ายขบวนคอยคุ้มกันด้านหลัง!”“แบบนี้จะได้ผลจริง ๆ หรือ?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “ได้ผล เจ้าไปเลือกหน่วยกล้าตายมา เอาคนที่ขับรถเก่ง ฝีมือคล่องแคล่วปราดเปรียว”“จัดแจงคนโยนระเบิดไปในรถบรรทุกด้วย หากเผ่าหมานกล้าตาม ก็ระเบิดเลย!!”มั่วฝานพยักหน้า “ขอรับ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”“เดี๋ยวก่อน เอาอากาศยานไร้คนขับ วิทยุสื่อสารให้พวกเขาไปด้วย หากช่วยคนออกมาได้ หน่วยกล้าตายทั้งหมดจะเป็นอิสระจากบัญชีทาส และให้ตำแหน่งยศนายกองขึ้นไป!”“ทุกคนจะได้รถบ้านเป็นรางวัลคนละหนึ่งคัน!”หน่วยกล้าตายที่อยู่เบื้องหลังมั่วฝาน ต่างดีใจกับสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายแม้ช่วยเด็กจะอันตราย ทว่าแม่ทัพเฉินและแม่ทัพซ่งตั๋วจะเป็นผู้คุ้มกันให้พวกเขาพวกเขายังจะได้รถบ้านเป็นรางวัลอีกนี่เป็นรถบ้านเชียวนะ ต่อไปไม่ได้เป็นหน
แม้แต่กองกำลังรักษาพระองค์ภายใต้การนำของผู้บัญชาการลั่ว ก็ล้วนถูกบรรยากาศ ณ ตรงนั้นดูดกลืนไปด้วยกองกำลังรักษาพระองค์จำนวนสองร้ายนายติดอาวุธครบมือ อยากที่จะเข้าสู่สนามรบเพื่อสังหารศัตรูแน่นอนว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดก็คือศีรษะมนุษย์ ถึงอย่างไรศีรษะมนุษย์หนึ่งหัว ก็มีค่าเท่ากับข้าวสารสิบชั่ง แป้งสาลีห้าชั่ง ขอเพียงสังหารเผ่าหมานได้สามคน ก็จะสามารถนำธัญพืชกลับมาได้สี่สิบห้าชั่งแล้ว!ภายในสองเดือนนี้ครอบครัวก็จะไม่อดตาย เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว“ผู้บัญชาการ พวกเราก็ออกรบด้วยเถิดขอรับ! เผ่าหมานบุกรุกดินแดนต้าฉี่ สังหารราษฎรแคว้นต้าฉี่ของพวกเรา ถึงแม้พวกเราจะเป็นกองกำลังรักษาพระองค์ แต่ก็ต้องคิดเพื่อแคว้นต้าฉี่อย่างเต็มกำลัง!”“ใช่แล้วขอรับ ในครอบครัวของเหล่าสหายต่างก็ขาดแคลนเสบียงอาหาร ตอนนี้มีโอกาสรับรางวัลเป็นเสบียงอาหารแล้ว ผู้บัญชาการ ให้ทุกคนเข้าสู่สนามรบเถิดขอรับ!”“ผู้บัญชาการ ตอนนี้มีโอกาสได้รับเสบียงอาหารแล้ว พวกเราก็อยากไปลองดูเช่นกันขอรับ!"ลั่วปินรู้จักฐานะทางบ้านของเหล่าสหายทุกคนดี มีคนที่ต้องอดตายแทบจะทุกครอบครัวตอนนี้เมื่อมีโอกาสได้รับรางวัลเป็นเสบียงอาหารแล้ว จ
หากว่าถูกเผ่าหมานเผาจนตาย หรือแม้กระทั่งโดนกิน มั่วฝานคงจะรับไม่ได้!นี่ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นบุตรของแม่ทัพลู่หรือไม่ แต่ว่าทุกการกระทำของเผ่าหมาน ล้วนมาถึงจุดที่แม้แต่สวรรค์หรือมนุษย์ต่างก็พากันแค้นคืองแล้วเขาทำได้เพียงจงเกลียดจงชังตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเด็กได้เท่านั้นจ้านเฉิงอิ้นให้จวงเหลียงหยุดรถจวงเหลียงหยุดรถ พลางหันไปมองจ้านเฉิงอิ้น“เกิดอันใดขึ้นขอรับ? ท่านแม่ทัพ!”หากขับรถไล่ตามให้เร็วขึ้น อาจจะยังทันแต่ถ้าหยุดอยู่กลางทาง จะต้องไม่ทันกาลเป็นแน่!จ้านเฉิงอิ้นเปิดวิทยุสื่อสาร กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เฉินขุย เฉินอู่ ประเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง!”ในวิทยุสื่อสาร มีเสียงของทั้งสองคนดังออกมา “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”“ซ่งตั๋ว ต้องสอดประสานกับเฉินขุยให้ดี!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”จ้านเฉิงอิ้นลงจากรถมั่วฝานได้ตามลงมาจากรถด้วยหน้าจอของอากาศยานไร้คนขับที่อยู่ในมือของเขา กำลังแสดงภาพของแม่ทัพภายใต้การบัญชาการของหลัวซู่กำลังถือคบเพลิง และจุดกองฟืน... ฝืนนั้นแห้งเกินไป ไฟจึงลุกไหม้ในทันทีเด็กทั้งสองร้องไห้อย่างน่าเวทนามากยิ่งขึ้น!จ้านเฉิงอิ้นวาง
“นี่ตั้งห้าร้อยล้านเชียวนะ!”“คุณชายจาง จะโอนให้เถ้าแก่คุณภายในสามวัน ผมขอกลับไปรวบรวมเงินก่อน!”จางเฉินซีพยักหน้า “ได้ กลับไปเถอะ”เถ้าแก่อวี้เดือดดาล พลางเดินออกไปพร้อมก่นด่าผู้ปกครองคนอื่นอีกห้าคน คนที่ตื่นตาที่สุดก็ยังเป็นนายธนาคาร เขาบอกว่าจะกลับไปรวบรวมเงินผู้ปกครองที่เหลือเห็นดังนั้น ต่างก็ยินดีประนีประนอมเป็นการส่วนตัว และจะให้ค่าทำขวัญก้อนหนึ่งขอเพียงปล่อยลูกบ้านพวกเขาไปจางเฉินซีตอบตกลง ขอแค่เงินเข้าบัญชี เรื่องอื่นก็พูดง่ายอย่าคิดจะเบี้ยวหนี้เชียว!ถึงยังไงถ้าเบี้ยวหนี้จริง ๆ ล่วงเกินตระกูลจางแห่งโลกการลงทุนไม่ต้องพูดถึง ต่อไปหากลูกของพวกเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวแล้วสุดท้าย ผู้อำนวยการโรงเรียนฉีกยิ้มพลางส่งผู้ปกครองพวกนี้กลับไปเขารับรองกับเย่มู่มู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะเพิ่มความปลอดภัยของพวกเด็ก ๆ ในโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้นยังดีที่หลูซีเป็นนักเรียนที่มีจิตสำนึกของความยุติธรรมเขามีความสามารถทว่าไม่เคยรังแกเพื่อนนักเรียนเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียน จางเฉินซีก็ฉีกยิ้มพร้อมพูดกับหลูซีว่า “มองไม่ออกเลย ว่านายมีความสามารถแต
“ลูกของพวกคุณไม่ได้ทำเรื่องพรรค์นี้เป็นครั้งแรก จะต้องมีบันทึกประวัติอาชญากรรมแน่นอน!”“การโต้แย้งในชั้นศาลจริง ๆ หลูซีสามารถแก้ตัวพ้นผิดได้ แต่บันทึกประวัติอาชญากรรมของลูกพวกคุณจะต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน!”“อ้อจริงสิ เถ้าแก่ของเราไม่ใช่คนธรรมดา เธอมีบริษัทไลฟ์สดที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ ยอดผู้ติดตามมากถึงสองร้อยล้าน ถ้าพูดถึงอิทธิพลที่มีต่อผู้คน พวกคุณรวมกัน ยังใช่ว่าจะสู้เธอได้!”“พูดถึงอำนาจเงิน ฉันแนะนำว่าพวกคุณอย่าเอาไข่ไปชนกับหินจะดีกว่า!”“พูดถึงภูมิหลัง พวกคุณมีแต่จะแพ้ราบคาบยิ่งขึ้นไปอีก”“ฉันหวังว่าหลังจากนี้จะไม่เห็นลูกของพวกคุณที่เมืองหลวงอีก เพราะฉันไม่กล้ารับรองว่า หลูซีเห็นพวกเขาครั้งหนึ่ง ก็จะซ้อมครั้งหนึ่ง”“พวกคุณก็รู้ดีว่า เด็กคนนี้ลงมือไม่รู้จักหนักเบา ถ้าซ้อมจนตายขึ้นมา! ก็อย่าโทษว่าฉันไม่เตือพวกคุณก็แล้วกัน!” เหวินเหลียนเยว่อยู่ในชุดชุดทำงานมาตรฐาน ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย วางมาดเลขามีความรู้ทว่าเมื่อกล่าวคำพูดดุเดือดรุนแรงออกมา ก็ทำเอาผู้ปกครองตำแหน่งสูงตัวสั่นเทิ้ม!พวกเขาล้วนเปลี่ยนสีหน้าอากาศเช่นฝุ่น ในห้องเงียบกริบ!หลูซีลงมือโหดเหี
“นายตายแน่!”“พวกนายกดเขาเอาไว้ จางเชา เอาไม้เบสบอลของนายมาให้ฉัน ให้ฉันตีขาเขาให้หักก่อน!”ผู้ชายร่างสูงใหญ่สี่คนเข้ามาก่อน ขณะเตรียมลงมือกดเขาเอาไว้ทันใดนั้น หลูซีที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกก็กระโดดเตะขึ้นมาเตะในคราเดียวกระเด็นไปสี่คนใช่แล้ว!เขาเตะทีเดียวกระเด็นไปทั้งสี่คน!สี่คนนั้นถูกเตะไปบนผนังก่อนจะกลิ้งลงมา เนื่องจากมีคนหนึ่งไปตกกระทบกับอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ล้มลงบนพื้นโครมคราม ๆหลังพวกเขากลิ้งไปรอบหนึ่ง ก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกสี่คน มีสามคนที่หมดสติไปคนหนึ่งนอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นผมเหลืองกับจางเชาที่เหลือเห็นอุบัติเหตุตรงหน้า ก็อึ้งกิมกี่ไปจางเชาที่ถือไม้เบสบอลอยู่ตาลายไปเลย เขากล่าวทั้งตัวสั่นเทิ้มว่า “อวี้เฟิง ไม่ถูกต้องสิ ไป...”อวี้เฟิงรั้งตัวจางเชาที่คิดจะหนีเอาไว้ ก่อนจะแย่งไม้เบสบอลมา“ตั้งแต่ฉันโตมาจนป่านนี้ ยังไม่ได้เคยกลัวใคร วันนี้เขาต้องตาย!”เขาถือไม้เบสบอลเดินเข้าไปไม้เบสบอลยังไม่ทันตีถูกหลูซี ก็ถูกเขาหักแขนในมุมที่แสนเจ้าเล่ห์ ด้วยความเร็วสูงสุดเคร้ง~ไม้เบสบอลหล่นลงมาอวี้เฟิงกอดแขนพลางถอยหลังหลายก้าว กำลังครวญครางด้วยความเจ็บปวด “
เศรษฐินีคนหนึ่งเดือดดาลจนด่าทอเย่มู่มู่“ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าว่าลูกหลานตระกูลเราสมควรถูกตี เขาเป็นเด็กดีเชื่อฟังที่สุด ตอนนี้เขานอนอยู่ที่โรงพยาบาล เธอยังมาใส่ร้ายเขาอีก!”“ฉันจะบอกเธอให้นะ ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย เธอกับน้องชายเธอ อย่าคิดจะอยู่ที่เมืองหลวงเลย!”นายธนาคารผลักแว่นตรงหว่างคิ้ว มองประเมินใบหน้าและเรือนร่างของเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้ายสายตาตกไปบนขาเรียวยาวของเธอเขาเผยรอยยิ้มเย็นเยียบออกมา “คืนนี้เธอไปหาห้องรับรองมาห้องหนึ่ง ขอโทษขอโพยฉันอย่างจริงใจ บางทีฉันอาจจะปล่อยเธอกับน้องชายเธอไปก็ได้!”ทันใดนั้นหลูหมิงก็กระชากคอเสื้อของนายธนาคารขึ้นมา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างดุเดือดรุนแรงว่า “เจ้ามองอะไร มองตรงไหน?”เย่มู่มู่พูดห้าม “หลูหมิง ปล่อย…”สายตาของเขาพลันปรากฏเครื่องสังหารออกมา พร้อมปล่อยมือในทันใดเมื่อผู้ปกครองคนอื่น ๆ เห็นดังนั้น ผู้ที่ทำร้ายคนอื่นยังกล้าอวดดีแบบนี้อีก ช่างทำให้พวกเขาเปิดโลกจริง ๆแต่ไหนแต่ไรมามีแต่พวกเขาที่ข่มขู่คนอื่นมิหนำซ้ำยังไม่เคยถูกคนข่มขู่มาก่อนเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่าเป็นเพียงคนธรรมดาไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งทำเอาพวกเขาเดือดดาลจนควัน
นักเรียนทั้งหกคนไม่ได้อยู่ที่นี่ คาดว่าคงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว“แจ้งตำรวจ! เรื่องนี้ต้องแจ้งตำรวจ! นักเรียนแบบนี้โรงเรียนจะปล่อยไว้ไม่ได้!”“ใช่! กล้าดียังไงมาทำร้ายลูกฉันจนเข้าโรงพยาบาล แค่ติดคุกยังน้อยไป ต้องประหารชีวิต!”“แล้วผู้ปกครองของเด็กคนนั้นล่ะ? ทำไมยังไม่มา? ฉันสงสัยว่าโรงเรียนนี้กับผู้ปกครองของมันต้องมีตกลงอะไรกันลับหลังแน่ ๆ ไม่งั้นเด็กแบบนี้จะถูกส่งเข้ามาเรียนได้ยังไง!”เด็กสาวที่อยู่ข้าง ๆ หลูซีถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความร้อนใจ“หลูซี นายพูดอะไรหน่อยสิ มันไม่ใช่แบบนั้นนะ พวกนั้นเริ่มก่อนต่างหาก!”“เหวินเหลียนเยว่ ฉันขอเตือนเธอว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เด็กหกคนนั้นยังนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล ผลที่ตามมามันไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเหวินอย่างเธอจะรับไหวหรอกนะ!”ขณะที่เย่มู่มู่กำลังจะผลักประตูเข้าไป ก็พอดีกับที่จางเฉินซีโทรศัพท์เข้ามา“เจ้านาย แผนธุรกิจปล่อยจรวดนั่นดูไปถึงไหนแล้ว?”“ตอนนี้ฉันไม่มีเวลา หลูซีมีเรื่องที่โรงเรียน!”จางเฉินซีโพล่งขึ้นมาด้วยความโมโห “อะไรนะ! ใครมันกล้าทำร้ายน้องชายฉัน! เขาอยู่โรงเรียนไหนครับ ส่งที่อยู่มาเลย!”เย่มู่มู่ส่งที่อยู่ไปให้ วางสาย
วันรุ่งขึ้น เย่มู่มู่ออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปรับรถบ้านมือสอง แต่เพิ่งลงมาชั้นล่างก็ถูกจางเฉินซีขวางทางไว้เขายังอยู่ในชุดนอน หาวหวอด ๆ พลางยื่นเอกสารแผนธุรกิจของบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสองสามแห่งให้เย่มู่มู่ดูเขาบอกว่ามองเห็นศักยภาพของบริษัทเหล่านี้มากแต่ในช่วงแรกจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเย่มู่มู่ลองพลิกดูแผนของบริษัทหนึ่งผ่าน ๆ... โครงการปล่อยจรวด...เธอทำหน้าสุดจะเอือมระอา ชี้มาที่ตัวเอง “นายดูฉันเหมือนคนที่มีปัญญาจะลงทุนกับจรวดส่วนตัวหรือไง?”“บริษัทนี้ไม่แพงจริง ๆ นะ รอบแรกใช้เงินแค่หนึ่งหมื่นล้านเอง!”น้ำเต้าหู้ที่เย่มู่มู่เพิ่งดื่มเข้าไปแทบจะพุ่งออกมาจางเฉินซีพยายามโน้มน้าวต่อ “ผมมองเห็นอนาคตของโครงการนี้จริง ๆ นะ คุณลองคิดถึงอีลอน มัสก์ดูสิ โครงการดาวเทียมสตาร์ลิงก์ของเขาประสบความสำเร็จขนาดไหน ตอนนี้เขาเริ่มเดินหน้าโครงการย้ายถิ่นฐานไปดาวอังคารแล้วด้วยซ้ำ ถ้าคุณยังไม่รีบเข้ามาในแวดวงนี้ตอนนี้ มีหวังตามเขาไม่ทันแน่ ๆ!”ในบัญชีของเย่มู่มู่ตอนนี้มีเงินอยู่แค่หนึ่งหมื่นห้าพันล้านเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเงินที่ได้จากการขายของเก่าให้ผู้อาวุโสสามท่านเมื่อสองวันก่อนส่วนเงินที
ส่วนหวงกงกงซึ่งเป็นหัวหน้าของขันทีน้อยทั้งสองนั้น ได้รับปันส่วนข้าวสารถึงสิบชั่ง แป้งสาลีห้าชั่ง น้ำมันหนึ่งถัง เกลือสองห่อ และผักแห้งอีกหนึ่งชั่ง... ทั้งสามคนดีใจจนออกนอกหน้า รีบก้มคำนับขอบคุณซ้ำ ๆพวกเขาเดินออกจากห้องหนังสืออย่างมีความสุข ไปเข้าแถวเพื่อรอรับข้าวสารวันนี้มีผู้มาแลกข้าวสารจากการสังหารศัตรูจำนวนมาก แถวยาวเหยียดออกไปหลายลี้เหล่าทหารกองทัพธงเหลืองแต่ละคนล้วนตื่นเต้นยินดี พวกเขาเพิ่งจะรู้ว่า การติดตามกองทัพตระกูลจ้านนั้นทำให้ไม่อดอยากจริง ๆรางวัลที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้เช่นนี้ ดีกว่าการฟังมู่ฉีซิวขายฝันในทุก ๆ วันเป็นไหน ๆแต่ทหารเก่าของกองทัพตระกูลจ้านกลับไม่สนใจการรับข้าวสารอีกต่อไปแล้วพวกเขาต่างนำไปแลกเป็นสบู่หอม รองเท้า พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ แผงไฟโซลาร์เซลล์...และของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใช้งานได้จริงเหล่านี้!ขณะที่จ้านเฉิงอิ้นกำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือ เถียนฉินก็เดินเข้ามา ประสานมือคารวะแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ซาเทียนอี้ยินยอมสวามิภักดิ์แล้ว ไม่ทราบว่าท่านจะจัดการเขาอย่างไรดีขอรับ?”ซาเทียนอี้คนผู้นี้ นับว่ามีความกล้าหาญและยังซื่อสัตย์จ้านเฉิงอิ้นม
จ้านเฉิงอิ้นอ่านสาส์นลับจบแล้วก็เผามันทิ้งอาจเป็นเพราะเคยอ่านสาส์นลับที่ฮ่องเต้น้อยมีพระประสงค์จะลอบสังหารเขามานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จิตใจของเขาจึงสงบนิ่งราวกับผิวน้ำ ไม่ไหวติงแม้แต่น้อยหลังจากเผาทำลายแล้ว เขาก็เอ่ยถามคนทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“บัดนี้เผ่าหมานสิ้นซากไปแล้ว ทั้งสองท่านจะกลับไปถวายรายงานที่วังหลวงเมื่อใดหรือ?”ทันใดนั้น หวงกงกงก็ทรุดกายลงคุกเข่า โขกศีรษะคำนับจ้านเฉิงอิ้นทันที“ท่านแม่ทัพใหญ่ บ่าวกลับไปไม่ได้อีกแล้วขอรับ! ขอท่านโปรดเมตตารับบ่าวไว้ด้วยเถิด ต่อให้ต้องเป็นข้ารับใช้ปรนนิบัติท่าน บ่าวก็ยอมขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้วถาม “ฝ่าบาทก็ไม่ได้ทรงเอาความอันใดกับท่านหวงกงกง ท่านกลับไปถวายรายงานในวังได้ตามสบายเถิด”“ไม่ได้ขอรับ ไม่ได้เลย! ท่านแม่ทัพไม่ทราบว่าในเมืองหลวงตอนนี้วุ่นวายเพียงใด แม้ปัญหาเผ่าหมานจะคลี่คลายแล้ว และเมืองตงโจวจะว่างลง แต่ระยะทางสองร้อยลี้จากตงโจวไปยังเมืองหลวงนั้น ตลอดเส้นทางล้วนเต็มไปด้วยโจรผู้ร้ายที่ปล้นชิงเพื่อความอยู่รอดเต็มไปหมดขอรับ!”“เมื่อกลับถึงเมืองหลวงก็ยังมีกลุ่มผู้ก่อจลาจลอีกมากมาย พวกบ่าวที่เป็นเพียงขันทีสามคน จะไปต้านทานได้อย่างไร
ทำได้เพียงนำเข้าจากประเทศรอบ ๆ ไม่กี่แห่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ สิ่งของที่ปล้นชิงมาได้จึงมีความหลากหลายปะปนกันไป แต่กลับเป็นของที่ใช้งานได้จริง ทว่าสิ่งของเหล่านี้กลับกลายเป็นโบราณวัตถุของเย่มู่มู่ไปเสียทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น!เสบียงที่ได้มาครั้งนี้ไม่เพียงแต่มีทองคำ เงิน และของมีค่ามากมายเท่านั้น แต่ยังมีของประดับตกแต่งสวยงามต่าง ๆ เครื่องสัมฤทธิ์ และของประดับที่ทำจากไม้ มีครบครันทุกอย่าง!เมื่อเห็นโบราณวัตถุจำนวนมหาศาลเช่นนี้ เธอก็อดประหลาดใจไม่ได้!มีจำนวนราว ๆ ห้าร้อยหีบเห็นจะได้มากเกินไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าพวกคนเถื่อนจะปล้นชิงของในแคว้นต้าฉี่ไปได้มากมายถึงเพียงนี้จากนั้น เย่มู่มู่ก็ได้ยินเสียงจากฝั่งของจ้านเฉิงอิ้นเป็นเสียงแหลมเล็กคล้ายขันที “ขอแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพใหญ่ บัดนี้เผ่าหมานถูกปราบจนราบคาบแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถคุกคามดินแดนต้าฉี่ของเราได้อีกต่อไป นี่นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง บ่าวจะรีบนำความกลับไปทูลรายงานฝ่าบาท พระองค์จะต้องทรงพระเกษมสำราญเป็นแน่!”“ท่านแม่ทัพใหญ่รอฟังข่าวดีเรื่องการเลื่อนยศศักดิ์ได้เลยขอรับ!”ผู้บัญชาการลั่วเองก็ดีใจจนออกนอกหน้า นี่เป็นครั้งแร