“เขาแต่งงานกับคุณ ต้องควักเงินทุนมากกว่าหมื่นล้าน แถมยังต้องสั่งออเดอร์ เพื่อแต่งงานกับคุณ ราคามากเกินไปหน่อย แล้วเขาจะได้ประโยชน์อะไร?”นี่ต่างหากถึงเป็นความคิดของผู้ชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วเย่มู่มู่เองก็เคยคิดถึงปัญหานี้เช่นกัน“แม่ของฉันเคยให้หุ้นของหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปกับเขาห้าเปอร์เซ็นต์ ตามมูลค่าหลายแสนล้านของหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปในอตนนี้ ราคาหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์มีมูลค่าหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งหมื่นห้าพันล้าน!”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ยังจะให้ฉันเอาเปรียบ เขาแต่งงานกับภรรยาที่เหมาะสมกัน และมีกำลังช่วยเขาได้ดีกว่า!”“เพราะงั้น ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมเขาจะต้องยืนกรานแต่งงานกับฉันให้ได้ด้วย!”ฮ่าวอี้เอ่ย “ผู้ชายคนนี้ดูเพอร์เฟกต์เกินไป!”อะไรก็ตามแต่ที่เพอร์เฟกต์เกินไป ล้วนอันตรายทั้งสิ้น*ภายในรถของลู่ฉิงยวน สายตาลึกและขรึมกำลังอ่านข้อมูลของเย่มู่มู่ก่อนหน้านี้เย่มู่มู่ซื้อขายวัตถุโบราณกับผู้อาวุโสทั้งสามท่าน ส่งออกสินค้าโดยมีหลายสาขา ส่วนใหญ่จะจัดหาสินค้าให้สามท่านนั้นฉะนั้น ลู่ฉิงยวนจึงไม่แน่ใจว่าเย่มู่มู่ทำเงินได้มากน้อยแค่ไหน!ทว่าเมื่อวาน วัตถุโบราณของเถ้าแก่หลี่ที่เซิ่นอันขา
ลู่ฉิงยวนยื่นมือที่เห็นกระดูกข้อชัดเจนออกมา แล้วลูบผมที่ยุ่งเหยิงของเย่มู่มู่เบา ๆเขามองใบหน้าสะสวยของเย่มู่มู่ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเบา ๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำ“เพราะว่า ผมชอบคุณไงล่ะ!”เย่มู่มู่มองลู่ฉิงยวนอย่างตกตะลึงในแววตาของเธอเผยความไม่เชื่อออกมา!ลู่ฉิงยวนมองนัยน์ตาอันงดงามทั้งคู่ของเธอ แล้วสารภาพด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า“ที่จริงผมเคยเห็นคุณตั้งแต่ยังเด็กมาก ๆ แถมยังเคยกอดคุณด้วย! ตอนนั้นแม่บอกว่า คุณคือภรรยาของผม ให้ผมทะนุถนอมคุณ ปกป้องคุณให้ดี!”“แต่น่าเสียดายที่หลังจากแม่ผมเสียไป ผมก็ไม่เคยเจอคุณอีก!”“แต่คำพูดของเธอ อยู่ในใจผมมาตลอด!”“ก่อนหน้านี้ผมไม่มีความสามารถ แย่งชิงอำนาจควบคุมหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปกับพวกเขามาตลอด ตอนนี้ผมมีความสามารถแล้ว!”เย่มู่มู่ขมวดคิ้วมองลู่ฉิงยวนอยู่นานสองนาน ก่อนจะส่ายศีรษะ“คุณไม่ได้ชอบฉัน แต่เก็บคำพูดของคุณน้ามาถือเป็นสัจจะที่ต้องทำให้ได้!”เย่มู่มู่ยังคิดจะพูดอะไรอีก ทว่าลู่ฉิงยวนรีบพูดแทรกเธอริมฝีปากบางของเขายังแฝงไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ น้ำเสียงอบอุ่น“มู่มู่ ตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการให้คุณตอบรับทันที ผมแค่อยากให้คุณพิจารณาดู!”“ถ้าพ่อแม่ของเราสอง
คิดไม่ถึงเลยว่า ลู่ฉิงยวนจะได้ยินเย่มู่มู่ตอบกลับว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ เงินแค่นี้ฉันยังพอมีอยู่!”แววตาของลู่ฉิงยวนวาบความประหลาดใจออกมาสายหนึ่งเก้าพันล้านไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ อันที่จริง ลู่ฉิงยวนเคยคำนวณสินทรัพย์ที่อยู่ใต้ชื่อของเย่มู่มู่พ่อกับแม่ของเธอทิ้งตึกเก็บค่าเช่าไว้ให้เธอสองหลัง แต่ราคาแค่สองร้อยล้าน และนี่ยังเป็นการประมาณการในตอนที่ราคาห้องสูงที่สุดแล้วด้วยร้านรวงและอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆรวมกันแล้วก็หลายร้อยล้าน แต่ตอนนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลง ลงมือไม่ง่ายเลยเธอต้องลดราคาครึ่งหนึ่งถึงจะขายออกไปได้บริษัทไลฟ์สดที่มีมูลค่าที่สุดซึ่งอยู่ภายใต้ชื่อของเธอ ทว่าบริษัทไลฟ์สดขยายตัว สำนักงานใหญ่ย้ายไปอยู่เบื้องหลัง ลงสนามแข่งด้านความงามและด้านแม่และเด็กเซ็นสัญญากับบล็อกเกอร์ชื่อดังหลายคน และยังมีดาราที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไรอีกนอกเสียจากเธอจะขายบริษัทไลฟ์สดออกไป!แล้วเธอไปหาเงินเก้าพันกว่าล้านนี้มาจากที่ไหนกัน?หรือว่าจะหาเงินมาจากการขายวัตถุโบราณ?เย่มู่มู่ให้การ์ดใบหนึ่งกับเหวินเหลียนเยว่ แล้วพูดกับพวกเขาว่า “เก้าพันล้านในนี้ ชดเชยเงินเดือนให้พวกเขา!”เหวินเหลีย
เมื่อคุณหญิงจางหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่าเป็นลู่ฉิงยวนเธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือเย่มู่มู่เธอแสยะยิ้มพลางเอ่ย “คุณลู่ คุณไม่อยู่สบาย ๆ ที่เมืองหลวง แต่มาทำเสียเรื่องอยู่ที่นี่?”“ฉันแนะนำว่าเธออย่ายุ่งให้มากเรื่องจะดีกว่านะ!”เมื่อเย่มู่มู่หันหลังกลับไป ก็เห็นลู่ฉิงยวนที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำ เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชาเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเย่มู่มู่ ริมฝีปากบางของเขาก็คลี่ยิ้มเบา ๆ “มู่มู่ คุณกลับมาทำไมไม่บอกผมสักคำล่ะ?”“แม้เพื่อเรื่องของฟู่ลี่กรุ๊ป ผมเองก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเหมือนกันนะ...”เย่มู่มู่พยักหน้าให้เขา “อืม ฉันจะศาลสักหน่อย!”“โอเค ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณนะ!”หุ้นของทั้งสองคนรวมกันก็เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ทางศาลจะให้ความสำคัญมากขึ้น หนำซ้ำยังเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้นอีกด้วย!ขณะที่เย่มู่มู่และลู่ฉิงยวนเตรียมตัวจะออกไป คุณหญิงจางก็รีบขวางเย่มู่มู่เอาไว้เธอพูดโน้มน้าวอย่างสุดกำลังว่า “มู่มู่ เหล่าจางเองก็อยากกินข้าวกับเธอสักมื้อ!”“ไม่ต้องไปศาลแล้ว มีเรื่องอะไร ทุกคนมานั่งคุยกันดีกว่า เธอว่าใช่ไหม?”เย่มู่มู่ส่งสายตาให้หลูหมิงหลูหมิงผละ
“ถึงเวลานั้นให้ท่าน...มั่วฝานหาผู้ที่ฝีมือดีมาสักสองสามคน!”เย่มู่มู่ปวดหัว นี่ใช่สิ่งที่คิดจะหาก็จะหาได้เสียที่ไหนกันมาคนหนึ่ง ก็ต้องทำบัตรประชาชนทีหนึ่งถึงเวลานั้นคนที่มาเยอะขึ้น หากเบื้องบนตรวจสอบลงมา เวลานั้นจะอธิบายว่ายังไงเมื่อหยางชิงเหอเห็นดังนั้น ก็รีบลากเฉินขุยไปที่มุม“แม่ทัพเฉิน ไม่ใช่ว่าท่านเทพไม่ยอมรับ แต่มาที่นี่ต้องทำสำมะโนครัว ทำบัตรประชาชน...ซึ่งก็คือสำมะโนครัวกับใบผ่านทางของต้าฉี่นั่นแหละ!”เฉินขุยเข้าใจขึ้นมาในฉับพลัน “อ้อ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย!”“ข้าออกใหม่ได้ เพราะข้ามีพ่อแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่ว่าการอำเภอสืบสำมะโนครัวต้นฉบับของข้าได้!”“แต่ท่านไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ ไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ต้องให้ท่านเทพไปจัดการเรื่องสำมะโนครัวที่หน่วยงานราชการ”“คนสองคนก็ยังพอไหว แต่ถ้าคนมากเกินไป ต้องดึงดูดความสนใจของหน่วยงานราชการแน่!”“ขืนปิดเรื่องแจกันต่อไปไม่อยู่ ท่านแม่ทัพใหญ่เองก็รับของที่ท่านเทพหย่อนลงไปเลี้ยงอย่างไม่ขาดสายไม่ได้!”“เช่นนี้ได้ไม่คุ้มเสียเป็นแน่!”เฉินขุยตบศีรษะทีหนึ่ง “ดูสมองข้านี่สิ ก็ยังเป็นแม่ทัพหยางที่พูดมีเหตุผล!”ที่
มือที่หยาบกร้านของเฉินขุยเต็มไปด้วยหนังด้านพลันปัดป้องขึ้นมา จากนั้นก็ปล่อยหมัดไปบนหน้าฮ่าวอี้ด้วยความรวดเร็วฮ่าวอี้หลบ และรีบถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างหมัดของเขาเมื่อครู่ใช้กำลังแปดส่วน เขาถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก พลันมองไปที่เฉินขุยหมัดของเขาหนักมาก ไม่ได้เร็วเหมือนกับหลูซีและหลูหมิงแต่เขาฝึกมวยสานต่ามาตั้งแต่เด็กถึงหลบได้ขอเพียงเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาเผชิญหน้ากับเฉินขุย เกรงว่าได้เห็นเลือดเป็นแน่เฉินขุยรับหมัดนั่นของฮ่าวอี้ ก็รู้แล้วว่าเขามีความสามารถแค่ไหนเขากล่าว “หมัดของเจ้ายังไม่เหี้ยมพอ คนเดียวไม่พอ พวกเจ้าแปดคนเข้ามาพร้อมกันเลยเถอะ!”ในเมื่อล้วนเป็นองครักษ์ของท่านเทพ เขาก็ต้องรู้ว่า ฝีมือของคนเหล่านี้เป็นยังไงหากฝึกวิชาหมัดมวยได้ไม่ดีพอ ยังต้องให้ท่านแม่ทัพใหญ่เลือกพวกคนที่ฝีมือดีออกมาจากในกองทัพตระกูลจ้านหรือให้มั่วฝานส่งหน่วยกล้าตายมาสักสองสามนายหน่วยกล้าตายที่ตระกูลมั่วเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก จงรักภักดีกับเจ้านาย และฝีมือยังไม่เลวอีกด้วยครั้นฮ่าวอี้ได้ยินเขาพูดแบบนี้ สีหน้าก็ปั้นยากขึ้นทันใดและเหล่าบอดี้การ์ดก็ได้ยินเช่นกันหวังเสี่ยวเฉิงถอดชุดสูทออกสลัดลง