ยามเหม่า (05:00-06:59) สองสามีภรรยาตื่นขึ้นมาเตรียมตัวเข้าป่าทั้งสองถือตระกร้าขึ้นสะพายหลังคนละอัน
"อย่าอยู่ห่างจากข้า เจ้าอย่าลืม" หวังลี่หมิงเอ่ยย้ำกับภรรยาอีกครั้ง
"ขอรับ ข้าจะไม่อยู่ห่างท่านแม้แต่ก้าวเดียว" หลี่เฟินหนิงพยักหน้ารับสามี
สองสามีเดินทางเข้าป่า โดนเข้าไปลึกหน่อยเขตป่าบริเวณนี้ไม่มีชาวบ้านเข้ามาเพราะค่อนข้างลึกและอันตราย ในหมู่บ้านที่ทั้งสองอาศัยอยู่ไม่มีคนล่าสัตว์ส่วนมากไปทำงานรับจ้างมากกว่าส่วนหวังลี่หมิงนั้นมักจะเข้ามาล่าสัตว์ออกไปขายที่เหลาอาหารไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรับจ้างเพียงแต่ไม่มีใครจ้างเพียงเพราะเขามีหน้าตาอัปลักษณ์ ไอ้คนพวกนี้ช่างมีทัศนคติติดลบนัก หลี่เฟินหนิงได้แต่คิดในใจ
ระหว่างเดินสองสามีภรรยาก็กวาดตามองหาของที่จะสามารถนำไปกินได้ ตอนนี้ในตะกร้าของหลี่เฟินหนิงเต็มไปด้วยพริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว น่าแปลกที่มันมีวัตถุดิบประกอบอาหารไทยแต่ก็ช่างเถอะคงไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายมากกว่าเขาได้มาเกิดในร่างนี้ ณ ที่แห่งนี้แล้วล่ะ ตอนแรกหวังลี่หมิงก็บอกว่าวัตถุดิบที่เขาเก็บไปนั้นกินไม่ได้เถียงกันอยู่นานสุดท้ายหลี่เฟินหนิงก็ชนะ
"ท่านพี่ นั่นหมูป่านี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงชี้ไปที่สัตว์ตัวสีดำตัวค่อนข้างใหญ่ที่กำลังดมไปตามพื้นดิน
"เจ้าเงียบๆนะ" หวังลี่หมิงบอกกับภรรยาพร้อมกับตั้งหน้าไม้ยกขึ้นเล็ง
พรึบ!
อี๊ดด!
ลูกดอกปักที่คอของหมูป่าพอดีมันวิ่งชนต้นไม้อย่างตกใจสักพักก็ล้มลง หวังลี่หมิงเดินเข้าไปดูเมื่อเห็นว่าหมูป่าตายสนิทแล้วจึงกวักมือเรียกภรรยาเข้ามาดู
"ตัวใหญ่อยู่นะขอรับ" หลี่เฟินหนิงบอกกับสามี
"อืม น่าจะได้หลายจิน" หวังลี่หมิงตอบภรรยา จากนั้นก็ลากหมูป่ามาชำแหละที่ลำธาร ขณะที่หวังลี่หมิงชำแหละหมูป่าหลี่เฟินหนิงก็นั่งรอตรงบริเวณขอนไม้พลางกวาดตาไปมา พลันสายตาไปสะดุดกับสิ่งหนึ่งที่แอบอยู่ตรงโคนต้นไม้ มีบริเวณนั้นมีหญ้าปกคลุมอยู่ถ้าไม่สังเกตุดีๆก็ไม่เห็น หลี่เฟินหนิงจึงเดินไปดูด้วยความสงสัย
"นะ นี่มัน" หลี่เฟินหนิงเบิกตากว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่เจอ เห็ดหลินจือ! เห็ดหลินจือแดงที่แสนหายากราคาแพง หลี่เฟินหนิงค่อยๆเก็บเห็ดหลินจือมาวางไว้บนใบไม้ที่เด็ดมาอย่างระมัดระวัง
"ท่านพี่ ดูสิขอรับข้าเจออะไร" หลี่เฟินหนิงเดินไปหาหวังลี่หมิงที่แล่เนื้อหมูป่าเสร็จแล้ว แล้วนำสิ่งที่ตนได้มาให้สามีดู
"นะ นี่มันเห็ด เห็ดหลินจือแดง เจ้าไปเจอมันมาจากที่ใด" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยาด้วยความตื่นเต้น เห็ดหลินจือที่แสนหายากอยู่ตรงหน้าเขาถึง 6 ดอก
"ข้าเจออยู่ใต้ต้นไม้ระหว่างนั่งรอท่านพี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบสามี
"หนิงเอ๋อร์ เจ้าช่างโชคดียิ่งนักเห็ดหลินจือนี่ทั้งหายากและราคาแพง" หวังลี่หมิงบอกกับภรรยา เขาเข้าป่ามาตั้งหลายคราไม่เคยเจอแต่พอหลี่เฟินหนิงเข้าป่ามาครั้งแรกกลับเจอโดยง่าย
"นี่ใกล้จะยามอู่แล้วเรากลับกันดีหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามผู้เป็นสามี ตอนนี้ท้องของเขาเริ่มหิวแล้ว
สองสามีภรรยาเดินทางกลับมาที่บ้านเนื่องจากบ้านของหวังลี่หมิงอยู่ท้ายหมู่บ้านติดกับป่าพอดีจึงไม่ต้องเดินผ่านบ้านเรือนผู้คน เมื่อมาถึงบ้านทั้งคู่ก็นำของไปเก็บจากนั้นหลี่เฟินหนิงก็มาเตรียมของสำหรับทำกับข้าว
"มีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่" หวังลี่หมิงเอ่ยถามผู้เป็นภรรยา
"ท่านพี่ช่วยก่อไฟและหุงข้าวให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงหันไปบอกสามี
"ได้" หวังลี่หมิงรีบไปทำตามที่ภรรยาบอกทันที ส่วนหลี่เฟินหนิงก็หันมาเตรียมอาหารของตนเองต่อ เนื่องจากตอนนี้ปลายยามอู่แล้วหลี่เฟินหนิงจึงเลือกทำอาหารง่ายๆอย่างหมูคั่วพริกเกลือ หลี่เฟินหนิงหั่นหมูเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ซอยพริก กระเทียม และใบมะกรูด จากนั้นนำหมูลงกระทะใส่น้ำเปล่าเล็กน้อยเป็นการรวนหมูรวนไปสักพักน้ำมันในหมูก็เริ่มออกมารอจนหมูมีสีสวยแล้วจึงใส่พริก กระเทียม และใบมะกรูดที่ซอยไว้ลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ หวังลี่หมิงช่วยภรรยายกหม้อข้าวและชามมาที่โต๊ะกินข้าวเมื่อนั่งประจำที่กันแล้วชายหนุ่มก็ลงมือชิมฝีมือของภรรยาทันที
"รสชาติดียิ่งนัก! หนิงเอ๋อร์เจ้าช่างมีฝีมือจริงๆ" หวังลี่หมิงลี่หมิงชื่นชอบอาหารที่ภรรยาทำมากถึงกับเติมข้าวไปสองถ้วย
"เอ่อ ท่านพี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยเรียกผู้เป็นสามีที่กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
"มีอันใดหรือ" หวังลี่หมิงเอ่ยถามผู้เป็นภรรยา
"พรุ่งนี้ท่านพี่เข้าเมือง ข้าขอไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ"
"ย่อมได้ พรุ่งนี้เราเข้าไปในเมืองด้วยกัน"
"ขอบคุณขอรับ"
"เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า เจ้าต้องการสิ่งใดขอเพียงให้บอกข้ายินดีทำให้เจ้า"
"ท่านพี่ช่างดีกับข้าเหลือเกินขอรับ" หลี่เฟินหนิงพูดกับสามีด้วยรอยยิ้ม
"เจ้าเป็นภรรยาข้า ข้าดีกับเจ้านั้นถูกต้องแล้ว" หวังลี่หมิงมองภรรยาด้วยความเอ็นดู ดูเหมือนว่าวันนี้ทั้งสองจะอิ่มเอมทั้งกายและใจ
วันรุ่งขึ้นยามเฉิน (07:00-08:59) สองสามีภรรยาก็เดินเท้าเข้ามาในเมืองเพราะไม่อยากนั่งเกวียนร่วมกับพวกชาวบ้านปากมากหากนั่งไปมิวานโดนพูดแขวะหรือไม่ก็ขอแบ่งเนื้อที่จะนำมาขายเป็นแน่ กว่าทั้งสองจะเดินมาถึงในเมืองก็ปาไปหนึ่งชั่วยามแล้วเพราะเนื้อหมูป่าที่จะนำมาขายนั้นหนักถึง 70 กงจิน(70 กิโลกรัม)ทำให้ต้องเดินบ้างหยุดพักบ้างเพราะหลี่เฟินหนิงสงสารคนที่แบก หวังลี่หมิงพาภรรยามาขายอาหารที่เหลาอาหารที่ตนมาส่งประจำ ร้านนี้เป็นร้านเดียวที่ไม่รังเกียจคนหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเขาแถมยังไม่กดราคาอีกด้วย
"หลงจู๊ขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยเรียก
"อ้าวอาลี่หมิง วันนี้ได้มีอันใดมาขายให้ข้ารึ" หลงจู๊รีบเดินมาหาทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เรียกตน
"เนื้อหมูป่าขอรับ ท่านรับซื้อหรือไม่" หวังลี่หมิงเอ่ยถาม
"ไอหยา รับๆได้มาเยอะเชียวดูท่าหมูป่าที่เจ้าเจอจะตัวใหญ่มาก" หลงจู๊พูดอย่างอารมณ์ดี
"ขอรับ"
"โอ้เนื้อหมูป่าหนัก 70 กงจิน ข้าให้กงจินละ 18 อีแปะ ทั้งหมดก็ 1 ตำลึงเงินกับ 260 อีแปะ พวกเจ้าพอใจหรือไม่" หลงจู๊เอ่ยถาม
"พะ พอใจขอรับ" หวังลี่หมิงรีบเอ่ยตอบ
"เอ้านี่เงิน" หลงจู๊ยื่นเงินให้กับหวังลี่หมิงก่อนที่ทั้งสองจะขอตัวลา สองสามีภรรยาเดินมาที่ร้านขายยาเพื่อที่จะขายเห็ดหลินจือที่เก็บมาได้
"พวกเจ้าต้องการรับอะไร" หลงจู๊ของร้านมองสองสามีภรรยาตั้งแต่หัวจรดเท้าดูจากการแต่งตัวคงจะไม่มีเงิน
"ข้าสองคนต้องการขายสมุนไพร ร้านของท่านรับซื้อหรือไม่" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบแม้ไม่ชอบสายตาที่มองอย่างดูถูกของอีกฝ่าย
"ร้านนี้ไม่รับสมุนไพรกระจอกๆของพวกเจ้า ไสหัวไปซะ" หลงจู๊ของร้านยาเอ่ยไล่อย่างหยาบคายทั้งสองจึงเดินออกจากร้าน
"ไม่เป็นไร ยังมีอีกร้าน" หวังลี่หมิงบอกกับภรรยาแล้วพาเดินมาร้านขายยาอีกร้านซึ่งอยู่ไกลหน่อย
"สวัสดีขอรับ ต้องการซื้อยาหรือขายสมุนไพรขอรับ" หลงจู๊ของร้านเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง
"ข้าสองคนต้องการขายสมุนไพรขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบ
"ต้องการขายสมุนไพรชนิดใดข้าขอดูได้หรือไม่" หลงจู๊ถามขึ้น หลี่เฟินหนิงจึงหยิบเห็ดในตะกร้าที่มีผ้าปิดไว้ออกมาหนึ่งดอก
"สิ่งนี้ขอรับ" หลี่เฟินหนิงวางเห็ดหลินจือตรงหน้าของหลงจู๊
"ไอหยา สิ่งนี้ต้องให้เถ้าแก่เจ้าของร้านตีราคา เจ้าทั้งสองโปรดรอสักครู่" หลงจู๊พูดจบก็เดินหายไปหลังร้านสักพักก็เดินออกมาพร้อมมชายวัยกลางคน
"อาเฉินบอกว่าพวกเจ้าเอาเห็ดหลินจือมาขายรือ" เถ้าแก่เจ้าของร้านเอ่ยถาม
"ขอรับ"
"ไอหยา เห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่ขนาดนี้อายุน่าจะ 100 ปีได้ " เถ้าแก่ร้านยามองเห็ดตรงหน้าด้วยความพอใจ
"ไม่ทราบว่าท่านรับซื้อหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม
"ย่อมรับแน่นอน"
"เอ่อ เถ้าแก่รับซื้อจำนวนเท่าใดขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามอีกครั้ง
"ไอหยา ยังมีอีกรึ!" เถ้าแก่ถามด้วยความตื่นเต้น
"นี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงนำเห็ดหลินจือทั้งหมดออกมาวางตรงหน้าเถ้าแก่
"เจ้าสองคนช่างโชคดียิ่งนัก! บางคนหาแทบตายยังไม่เจอแต่พวกเจ้ากับมีมันถึง 6 ดอก บางดอกมีอายุ 3-400ปีเชียว ข้ารับซื้อทั้งหมดให้ราคาถึง 5000 ตำลึงทองเชียวนะ" เถ้าแก่เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ
"หะ ห้าพันตำลึงทองเลยรึขอรับ" หลี่เฟินหนิงและหวังลี่หมิงถึงกับตกใจกับราคาที่ขายได้
"แน่นอน เห็ดของพวกเจ้าทั้งสวยทั้งสมบูรณ์ข้าจะให้ราคาน้อยได้เยี่ยงไร" เถ้าแก่ตอบอย่างอารมณ์ดี
"ขอบคุณขอรับ" ทั้งสองคาระวะขอบคุณเถ้าแก่ร้านขายยา
"ไม่เป็นไรๆ เจ้าต้องการเป็นตั๋วเงินหรือเหรียญเล่า" เฒ่าแก่เจ้าของร้านเอ่ยถาม
"เอ่อ ข้าขอเป็นตั๋วเงิน 4449 ตำลึงทอง เป็นเหรียญ 500 ตำลึงทอง 9 ตำลึงเงิน กับ 1000 อีแปะได้หรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม
"ย่อมได้ เดี๋ยวข้าให้อาเฉินจัดการให้" เถ้าแก่ร้านขายยาตอบจากนั้นหลงจู๊ก็จัดการเรื่องเงินให้สองสามีภรรยา หวังลี่หมิงกับหลี่เฟินหหนิงจึงนำตั๋วเงินไปฝากไว้ที่ร้านฝากเงินใกล้ตลาด ก่อนที่ทั้งสองจะพากันไปซื้อสิ่งของต่างๆ
วันต่อมาเฝิงลี่หมิงก็ยังมีอาการเช่นเดิม แต่เซียวเฟินหนิงเองก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ปกติเขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนเพลียและง่วงงุนอยู่ตลอดเวลา จะว่าพักผ่อนน้อยก็ไม่น่าใช่เพราะเมื่อวานตนกับสามีก็พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ "ท่านพี่ไหวหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีที่มีใบหน้าซีดเซียวจากการลุกขึ้นมาอาเจียนตั้งแต่เช้า"หนิงเออร์~" เฝิงลี่หมิงรีบเข้าไปสวมกอดภรรยาอย่างออดอ้อนทันที"เป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ" "พี่รู้สึกพะอืดพะอมและเวียนหัว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยาพลางซุกไปที่ลำคอขาวเพื่อสูดดมกลิ่นกายของคนรัก"เช่นนั้นข้าจะพาท่านพี่ไปหาหมอดีหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีแต่อีกฝ่ายเอาแต่ส่ายหน้า"ไม่เอา แค่กอดเจ้าอยู่แบบนี้พี่ก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"ท่านพี่รอสักประเดี๋ยวนะขอรับ" เซียวเฟินหนิงคิดบางอย่างได้เกี่ยวกับอาการของผู้เป็นสามีประกอบกับอาการอ่อนเพลียและง่วงงุนของตนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที"เจ้าจะไปที่ใด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามพลางช้อนตามองภรรยา"ข้าจะเข้าไปในมิติท่านเทพขอรับ ข้าคิดว่าพอจะรู้สาเหตุการป่วยของท่านพี่แล้วเพียงแต่ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถ
เหลาอาหารซูเหอเปิดได้ไม่นานก็เต็มไปด้วยบรรดาลูกค้าเต็มร้านด้วยว่าราคาอาหารเป็นที่จับต้องได้ทุกชนชั้นและที่เหลาอาหารมีกฎสำคัญที่ว่าลูกค้าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง เศรษฐีหรือว่าคนธรรมดาก็คือลูกค้าเหมือนกันและจะต้องถูกปฏิบัติเหมือนกัน นั่นจึงทำให้เหลาอาหารแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกชนชั้นและสร้างความอิจฉาให้แก่คนที่ทำกิจการเดียวกัน"เสี่ยวเออร์ ข้าขอต้มยำกุ้ง กุ้งผัดพริกเกลือ ปลาผัดฉ่า" "ได้ขอรับ""เสี่ยวเออร์ ของข้าขอปลานึ่งมะนาว ปลา สามรส หมึกผัดไข่เค็ม""ได้ขอรับ""ข้าเอาต้มยำหัวปลา ต้มยำกุ้ง หมูมะนาว แล้วก็น้ำชา"เสียงสั่งอาหารเซ็งแซ่พร้อมกับบรรดาเสี่ยวเออร์ที่วิ่งสุ่นสร้างความคึกคักให้แก่เหลาอาหารซูเหอไม่น้อย ลูกค้าหลายคนต่างตื่นตาตื่นใจกับอาหารของร้านที่ไม่เคยเห็นอีกทั้งรสชาติยังอร่อยจัดจ้านทำให้แต่ละวันเหลาอาหารซูเหอทำกำไรได้หลายร้อนตำลึงเลยทีเดียว"ลูกค้ามีการตำหนิอันใดมาบ้างหรือไม่" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามหลงจู๊ร้าน"ไม่มีขอรับ ลูกค้าต่างชื่นชมว่าเหลาอาหารของเรารสชาติดียิ่งนักขอรับ" หลงจู๊ร้านเอ่ยตอบ"ดี หากลูกค้ามีสิ่งใดต้องการให้ปรับปรุงต้องรีบแจ้งข้าหรือฮูหยิน
เมืองหลวงแคว้นเป่ยหลี่"หนิงเออร์ส่งจดหมายมาว่าเยี่ยงไรบ้าง" โอรสสวรรค์ตรัสถามพระอนุชาร่วมอุทร"ทูลฝ่าบาท หนิงเออร์บอกว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการปล้นเสบียงเกิดขึ้นที่เมืองซานหลาง ตอนนี้ทางฝั่งหนิงเออร์จับโจรเหล่านั้นได้แล้วเจ้าเมืองเฝิงคงหรันได้ทำการไต่สวนพวกโจรต่างสารภาพว่าถูกจ้างและข่มขู่มาจากบุคคลนิรนามให้ออกปล้นชาวเมืองเพื่อสร้างความปั่นป่วนและลอบสังหารองค์ชายหกและท่านชายเฝิงเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าทั้งสองสิ้นพระชนม์จากการถูกปล้นพะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลรายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ทางนั้นคงเริ่มแล้ว" โอรสสวรรค์ตรัสพลางถอนหายใจ"กระหม่อมคาดว่าพวกเขาจะลงมือในงานเทศกาลล่าสัตว์ที่จะถึงนี้พะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลสิ่งที่ตนเองคิด"เจิ้นก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น" โอรสสวรรค์ตรัสอย่างเห็นด้วย งานเทศกาลล่าสัตว์เป็นช่วงที่มือสังหารแฝงตัวมาได้ง่ายเพราะต่างก็มีหลายคนเข้าร่วม"กระหม่อมจะเพิ่มจำนวนองครักษ์เงาให้เฝ้าระวังพะยะค่ะ" "อืม อย่าลืมส่งไปอารักขาไทเฮาและฮองเฮา" "พะยะค่ะ เอ่อ หนิงเออร์ส่งของมาให้ฝั่งเราด้วยพะยะค่ะ" ชินอ๋องเอ่ยทูลเมื่อนึกขึ้นได้ว่านอกจากจดหมายแล้วยังมีหีบขนาดใหญ่หลายหีบ"คือสิ่งใดหรือ" ฮ
กลางดึกสงัดท่ามกลางความเงียบในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนซึ่งแต่งกายมิดชิดปกปิดใบหน้าย่องมาที่บ้านหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบเพียงแต่ไม่ได้ทำอะไรก็ล่าถอยไปรุ่งเช้าวันใหม่สองสามีภรรยาตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วสองสามีภรรยาก็พากันเดินขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปยังตัวเมือง รถม้าคันงามมาจอดที่หน้าจวนของท่านเจ้าเมืองบ่าวเฝ้าประตูก็รีบเปิดให้เข้าไปทันที"คาระวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงคำนับ"ได้ยินว่าพวกเจ้าสองคนสามารถหาแหล่งน้ำได้" เฝิงคงหรันเอ่ยถาม"ขอรับ ข้าสองคนได้ซื้อเครื่องมือจากชาวตาสีฟ้ามันสามารถหาแหล่งน้ำใต้ดินได้ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเลือกที่จะโกหกออกไปเช่นนั้น เพราะคนในยุคนี้มักจะตื่นตาตื่นใจกับสินค้าของชาวต่างชาติอยู่แล้ว"ข้าเคยได้ยินว่าพวกชาวตาสีฟ้ามักจะมีของแปลกประหลาดมาขายและใช้งานได้ดี เห็นทีคงจะเป็นเรื่องจริง" เฝิงคงหรันพูดอย่างตื่นเต้น"อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องเครื่องมือนี้นะขอรับ ให้คนของเราที่ไว้ใจได้เป็นผู้ที่ใช้สิ่งนี้หาแหล่งน้ำโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้ หลังจากที่หาแหล่งน้ำให้ชาวเมือ
หลังจากพูดคุยกับชาวบ้านเสร็จสองสามีภรรยาก็พากันเดินกลับมาที่บ้านของตน ดูเหมือนว่าปัญหาครั้งนี้ใหญ่เกินไปยากที่จะแก้ไข เขาไม่สามารถทำฝนเทียมได้เหมือนยุคที่เขากลับมา เฮ้อ~"อย่ากังวล" เฝิงลี่หมิงลูบหัวภรรยาที่นั่งถอนหายใจ"ข้าไม่รู้ว่าช่วยพวกเขาอย่างไรดี" เซียวเฟินหนิงเอ่ย ไม่รู้ว่าในมิติจะมีของที่ช่วยแก้ปัญหาได้หรือเปล่า"ช่วยเท่าที่ช่วยได้ก็พอแล้ว มันมิใช่หน้าที่ของเจ้าด้วยซ้ำที่ต้องแก้ปัญหา" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกภรรยา เขาไม่ชอบที่ภรรยาของเขามีเรื่องกังวลใจ"ปัญหาครั้งนี้หนักหนานัก ท่านพ่อคงกังวลใจไม่น้อย ทางวังหลวงเองก็มีเรื่องวุ่นวายข้าเกรงว่าหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น" หากขาดแคลนน้ำและอาหารผู้คนคงล้มตายเป็นจำนวนมากแน่"เราไม่สามารถช่วยได้ทุกคนหรอกนะหนิงเออร์ หากว่ามีการสูญเสียเกอดขึ้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้า" เฝิงลี่หมิงกุมมือคนรัก"ข้ารู้ขอรับ เพียงแต่ข้านั้นมีมิติวิเศษติดตัวข้าคิดว่าในมิติอาจจะมีของวิเศษที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้" เซียวเฟินหนิงเอ่ยกับสามี"ปล่อยให้ทางการแก้ปัญหาก่อนเถิด หากพวกเขาทำไม่ได้จริงๆเราค่อยหาวิธีช่วยเหลือ บอกตามตรงว่า
"องค์ชายหก ท่านชาย ได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ""ท่านพ่อ อย่าทำเยี่ยงนี้ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงรีบเข้าไปพยุงเฝิงคงหรันให้ลุกขึ้น"พ่อละเลยหน้าที่ปล่อยให้นายอำเภอยักยอกเสบียง หากเจ้าสองคนไม่ไปเจอเหล่าผู้อพยพคงพากันอดตายเป็นแน่" เฝิงคงหรันพูดอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านพ่อนะขอรับ เราทุกคนต่างรู้ว่าท่านพ่อทำงานหนักทุกวันออกหาซื้อเสบียงมาช่วยเหลือทุกคน หากจะมีคนผิดก็คือนายอำเภอที่โลภมากผู้นั้น" เซียวเฟินหนิงเอ่ย"หนิงเออร์พูดถูกขอรับ คนชั่วช้าผู้นั้นต่างหากที่ผิด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบ้าง"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่หากว่าพ่อตรวจสอบให้ดีกว่านี้..." "มิมีผู้ใดไม่เคยผิดพลาดขอรับ ตอนนี้ท่านพ่อได้สั่งลงโทษคนผิดแล้วตอนนี้เราควรเอาเวลาไปคิดว่าจะช่วยเหลือผู้อพยพอย่างไรต่อดีกว่าขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยตัดบท ตอนนี้ชีวิตของผู้คนย่อมมาก่อน"เช่นนั้นเราก็ไปคุยกันที่จวนเถิด" เฝิงคงหรันเอ่ยบอก ทั้งสามคนจึงเดินทางไปที่จวนเพื่อพูดคุยหารือกันจวนท่านเจ้าเมือง"ตอนนี้เสบียงของพวกเจ้ามีมากน้อยเพียงใด" เฝิงคงหรันเอ่ยถามบุตรชายและลูกสะใภ้"มีมากพอจะให้ผู้อพยพได้กิน 3-4 เดือนขอรับ แต่