สองสามีภรรยาเดินจับจ่ายซื้อของในตลาดก่อนที่หลี่เฟินหนิงจะนึกบางอย่างได้
"ท่านพี่ขอรับ เราซื้อเกวียนดีหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามผู้เป็นสามี
"อืม พี่ก็ว่าดี งั้นเราไปที่ตลาดค้าวัวกัน" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบจากนั้นทั้งสองคนจึงเดินไปที่ตลาดค้าวัว
"นายท่านต้องการรับอะไรหรือขอรับ"
"ข้าต้องการวัวสำหรับลากเกวียน" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบ
"นี่เลยขอรับ วัวสองตัวนี้เป็นวัวหนุ่มแข็งแรงยิ่งนัก" เถ้าแก่ร้านพลางเอ่ยแนะนำวัวพันธุ์ดี
"งั้นข้าเอาสองตัวนี้ ไม่ทราบว่าร้านท่านรับทำเกวียนหรือไม่" หวังลี่หมิงลี่หมิงเอ่ยถาม
"รับขอรับ มีทั้งแบบรับทำและเกวียนทำเสร็จแล้ว" เถ้าแก่ร้านเอ่ยตอบอย่างใจดีไม่ได้ดูถูกแม้ว่าทั้งสองจะแต่งตัวด้วยผ้าเนื้อหยาบปะชุนหลายจุดก็ตาม
"ข้าขอดูเกวียนทำเสร็จแล้วได้หรือไม่" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม
"ได้ขอรับฮูหยินน้อย เชิญทางนี้" จากนั้นเถ้าแก่ร้านก็พามาดูเกวียนที่ทำเสร็จแล้วมีหลายขนาดตั้งแต่เล็ก กลาง ใหญ่
"ท่านพี่ เราเอาเกวียนใหญ่เลยดีหรือไม่ขอรับจะได้ใส่ของได้เยอะ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามความเห็นของสามี ในอนาคตเขาคิดว่าจะค้าขายจึงอยากได้เกวียนที่กว้างพอใส่ของ
"ตามใจเจ้า" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยา หากหลี่เฟินหนิงต้องการเขาก็ไม่ขัด
"เถ้าแก่ ข้าเอาเกวียนเล่มนี้ขอรับแล้วขอเป็นเบาะรองนั่งอย่างดีนะขอรับ" หลี่่เฟินหนิงเอ่ยบอกกับเถ้าแก่ร้าน
"ได้ๆ ฮูหยินโปรดรอสักประเดี๋ยวข้าจะต่อเกวียนกับวัวให้" เถ้าแก่ร้านเอ่ยตอบอย่างดีใจ ช่วงนี้ร้านเขาซบเซานักพอขายเกวียนเล่มใหญ่ได้จึงรู้สึกยินดียิ่งนักรีบสั่งให้ลูกน้องต่อเกวียนทันที
"เกวียนกับวัวทั้งหมดข้าคิด 30 ตำลึงทองขอรับ" เถ้าแก่ร้านเอ่ยบอกราคา เพราะมีเบาะรองชั้นดี ตัวเกวียนก็เป็นเกวียนอย่างดีราวกับเกวียนคุณหนูคุณชายทำให้ราคาค่อนข้างสูง
"นี่ขอรับเถ้าแก่" หลี่เฟินหนิงจ่ายเงินเถ้าแก่ร้านก่อนจะขนของและขึ้นไปนั่งบนเกวียนโดยมีหวังลี่หมิงเป็นผู้บังคับม้า
"หนิงเอ๋อร์ เจ้าอยากได้ผ้าตัดชุดใหม่หรือไม่" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยาเมื่อเห็นว่าชุดที่ภรรยาใส่นั้นเก่ามากแล้วอีกทั้งยังมีรอยปะชุนเต็มไปหมด
"เอ่อท่านพี่ขอรับ ข้าเย็บชุดไม่เป็นน่ะขอรับ" หลี่เฟินหนิงยิ้มแห้งให้กับสามี
"งั้นเราซื้อชุดสำเร็จก็ได้" หวังลี่หมิงเอ่ยบอกภรรยา
"ขอรับ" จากนั้นทั้งสองจึงมาที่ร้านขายผ้าใกล้ตลาด
"คุณชายทั้งสองต้องการรับผ้าแบบใดขอรับ ร้านเรามีตั้งแต่ผ้าเนื้อหยาบ ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด และผ้าไหมชั้นดีขอรับ" เสี่ยวเอ้อร์ร้านรีบออกมาต้อนรับทันที
"มีชุดสำเร็จหรือไม่"หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม
"มีขอรับ คุณชายต้องการแบบใดขอรับ"
"สำหรับข้าและสามี " หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบ
"รอสักครู่ขอรับ" จากนั้นเสี่ยวเอ้อร์ก็เดินเข้าไปในร้านนำชุดมาให้ทั้งสองเลือก สองสามีภรรยาจึงเลือกชุดผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดคนละ 5 ชุด และชุดผ้าไหมชั้นดีอีกคนละ 5 ชุด รวมกันเป็น 20 ชุด
"ทั้งหมดราคา 5 ตำลึงทองขอรับ" เสี่ยวเอ้อร์ร้านแจ้งราคาค่าสินค้าหลังจากที่พวกเขาทั้งสองเลือกเสร็จ
"นี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงจ่ายเงินให้แก่เสี่ยวเอ้อร์ก่อนทั้งสองจะพากันกลับขึ้นเกวียนเพื่อเดินทางกลับบ้าน
ยามอู่ (11:00-12:59) หวังลี่หมิงและหลี่เฟินหนิงขับเกวียนเข้ามาในหมู่บ้านสร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ต่างพากันสงสัยว่าเกวียนขนาดใหญ่นั้นเป็นของผู้ใด เมื่อเห็นเกวียนขับเข้าไปในบ้านของหวังลี่หมิงชายอัปลักษณ์ที่แสนยากจนในหมู่บ้านก็ยิ่งสร้างความแปลกใจ หลายคนจึงจับกลุ่มพูดคุยกัน สองสามีภรรยาไม่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าสนทนาของชาวบ้านทั้งสองต่างช่วยกันยกของที่ซื้อมาเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน จากนั้นหลี่เฟินหนิงก็มาเตรียมทำอาหาร วันนี้เขาจะทำอาหารง่ายๆอย่าง ไข่เจียว กับ ต้มจืดหมูสับ หลี่เฟินหนิงตั้งหมอรอให้น้ำเดือดจากนั้นใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ทุบพอหยาบๆลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เกลือ และน้ำตาล จากนั้นนำหมูสับมาปั้นเป็นก้อนกลมใส่ลงไปรอจนหมูเริ่มสุกจึงใส่ผักกาดขาวและเห็ดหอมลงไปเมื่อทุกอย่างสุกก็ทำไข่เจียวต่อ
"นี่คืออันใดหรือหนิงเอ๋อร์ กลิ่นหอมยิ่งนัก" หวังลี่หมิงมองอาหารที่ไม่เคยพบเห็นพลางลอบกลืนน้ำลาย
"สิ่งนี้เรียกว่าต้มจืดหมูสับขอรับ ส่วนอันนี้เรียกว่าไข่เจียว ท่านพี่ลองชิมดูว่าถูกปากหรือไม่" หลี่เฟินหนิงบอกผู้เป็นสามี
"อร่อย! เจ้าช่างรสมือดีนัก" หวังลี่หมิงเมื่อได้ลองตักน้ำแกงชิมก็ถึงกับเบิกตากว้าง เขาไม่เคยได้กินอาหารอร่อยๆแบบนี้มาก่อน
"งั้นท่านพี่ก็กินเยอะๆนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงบอกคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
"น้องเองก็ต้องกินเยอะนะหนิงเอ๋อร์ ร่างกายเจ้าเพิ่งหายป่วย" หวังลี่หมิงเอ่ยบอกภรรยา ตอนนี้เขามีความสุขมากที่คนตรงหน้าไม่รังเกียจกันเช่นเมื่อก่อน
"ขอรับ" สองสามีนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง
หลังกินข้าวเสร็จหวังลี่หมิงก็อาสาล้างจานส่วนหลี่เฟินหนิงก็เข้ามาในห้องพลางคิดว่าจะทำอะไรดี
"เอะ มีตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" หลี่เฟินหนิงมองดูข้อมือตัวเองอย่างสงสัย ปานรูปดอกไม้สีแดงเล็กๆ ปรากฏอยู่บนข้อมือเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมันมาก่อน หลี่เฟินหนิงใช้มือแตะไปที่ปานรูปดอกไม้ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกดูดเข้าไป
"เหวอ อะไรวะเนี่ย" หลี่เฟินหนิงถึงกับตะลึงกับทัศนียภาพที่เปลี่ยนไปแปลงผัก ผลไม้และสัตว์เลี้ยงมากมายตรงหน้า หลี่เฟินหนิงเดินสำรวจไปเรื่อยๆพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ตำราโบราณ
หรือว่านี่คือ....
"มิติ!"
อีกด้าน
"ท่านแม่ขอรับ ข้าได้ยินว่าไอ้ลี่หมิงไปนำเนื้อไปขายที่ตลาดเยอะมากเลยขอรับ" หวังม่งสือ รีบนำความที่ได้ยินมาบอกแก่มารดา
"จริงรึอาสือ" นางหลินเจียเอ่ยถามบุตรชายทันที
"จริงขอรับท่านแม่ มีชาวบ้านเห็นไอ้อัปลักษณ์นั่นแบกเนื้อไปขายในเมือง เมื่อกลับมามันยังซื้อเกวียนหลังใหญ่งดงามเลยทีเดียวขอรับ" หวังม่งสือรีบเอ่ยฟ้องมารดาด้วยความอิจฉาไม่พอใจที่ไอ้น้องชายอัปลักษณ์นั่นจะมีสิ่งของดีมากกว่าตน ไหนมันจะได้ หลี่เฟินหนิง เกอที่งดงามที่เขาถูกใจไว้อีกแม้หลี่เฟินหนิงจะไม่ถูกยอมรับในครอบครัวและตัวเขาเองก็มีภรรยาอยู่แล้วแต่ถ้าแต่งเป็นเมียรองให้อยู่แต่ในเรือนจะมีปัญหาอะไร ไม่รู้ว่าไอ้น้องชายอัปลักษณ์ไปหลอกล่ออย่างไรถึงได้เกอคนงามไปครอบครอง
"เพ้ย ไอ้ลูกเนรคุณนี่ได้เงินมาแทนที่จะเอามาให้ข้าแต่กลับเก็บไว้เอง ข้าไม่น่าให้มันเกิดมาเลยจริงๆ" นางหลินเจียพูดออกมาด้วยความโมโห นางรังเกียจบุตรชายอัปลักษณ์ผู้นี้ยิ่งนัก ตั้งแต่ให้กำเนิดมันมานางก็อยากจัดการมันทิ้งเสีย คิดแล้วน่าโมโหยิ่งนัก
"นั่นสิเจ้าคะ เงินที่มันได้มาควรจะเป็นของท่านแม่" นางซิงอีรีบเอ่ยยุแยงแม่สามีทันที
"แต่เราตัดมันออกจากตระกูลแล้วมันจะยอมให้เงินเรารึ" นางหลินเจียนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็รู้สึกลังเล
"โถ่ ท่านแม่ขอรับ บุตรเยี่ยงไรก็คือบุตรแม้ตัดขาดไปแล้วก็ต้องตอบแทนบิดามารดาผู้ให้กำเนิด อีกอย่างไอ้อัปลักษณ์นั่นก็ต้องการความรักจากท่านพ่อท่านแม่อยู่แล้วหากท่านทั้งสองพูดดีกับมันหน่อยมีรึมันจะไม่ใจอ่อน" ได้ยินดังนั้นทุกคนก็มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนจะพากันวางแผนเพื่อที่จะเอาเงินจากไอ้คนอัปลักษณ์นั่น
เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงถูกพามาที่ตำหนักเยว่ซินที่ฮ่องเต้ได้พระราชทานให้ ตัวตำหนักค่อนข้างกว้างขวางกว่าตำหนักของเหล่าสนมเสียอีก ภายในประดับด้วยของล้ำค่างดงามวิจิตร ภายนอกร่มรื่นด้วยไม้นานาพันธุ์และหลากสีสันด้วยดอกไม้หากยาก อีกทั้งมีลำธารน้ำจำลองพร้อมกับสะพานข้ามเล็กๆอยู่ นับว่าเป็นตำหนักที่งดงามมากเลยทีเดียว หน้าตำหนักมีนางกำนัลที่รอรับใช้อยู่"ถึงแล้วพะยะค่ะ" หลีกงกงเอ่ยบอก"ขอบใจหลีกงกง" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอก"เป็นหน้าที่ของกะหม่อม พวกเจ้าดูแลองค์ชายและท่านชายให้ดี" หลีกงกงหันไปสั่งนางกำนัลทั้งสองคน"เจ้าค่ะ""องค์ชายหก ท่านชายเฝิง กระหม่อมขอตัวลา" หลีกงกงคำนับก่อนจะเดินออกไปจากตำหนัก"ถวายพระพรองค์ชายหก ท่านชายเฝิงเพคะ" นางกำนัลทั้งสองคนย่อคุกเข่าหนึ่งข้างเป็นการเคารพเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์"พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอก"ขอบพระทัยองค์ชายหก" นางกำนัลทั้งสองคนยืนขึ้นประสานมือไว้ด้านหน้าและก้มหน้าเล็กน้อย"พวกเจ้ามีชื่อว่าอันใดหรือ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถาม"ทูลองค์ชาย หม่อมฉันเจียวหลินเพคะ""หม่อมฉัน เจียวเจียวเพคะ""อ้อ" เซียวเฟินหนิงมองหน้าสามีเพราะไม่รู้ว่าต้องทำ
"ท่านเจ้าเมืองมาพอดี สามีภรรยาสองคนนี้มาขัดขวางไม่ให้ข้านำบุตรสาวไปให้ท่านขอรับ" ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างนอบน้อม ท่านเจ้าเมืองหันไปมองทางด้านสองสามีภรรยาก็ต้องตกตะลึง ใบหน้างดงามนี่คืออันใดกัน เทพเซียนมาลงมาจากสวรรค์หรือ"เจ้าสนใจมาเป็นฮูหยินรองของข้าหรือไม่" เจ้าเมืองซานหลีใช้สายตาแทะโลมอย่างไม่ปิดปัง เฝิงลี่หมิงถึงกับกัดฟันกรอด"อย่ามายุ่งกับภรรยาข้า!" เฝิงลี่หมิงดึงภรรยามาหลบด้านหลังก่อนจะตวาดลั่นดวงตาจ้องเขม็งไปที่ชายตรงหน้าราวกับจะฆ่าทิ้งเสีย"เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้างั้นรึ! พวกเจ้าสั่งสอนมันเสียแล้วนำเกอผู้นั้นมาให้ข้า" เจ้าเมืองซานหลีหันไปสั่งมือปราบ เซียวเฟินหนิงถึงกับขมวดคิ้ว ไอ้แก่บ้ากามนี่มันถึงกับกล้าคิดจะฉุดภรรยาผู้อื่นต่อหน้าคนมากมายเชียวหรือ"หยุด! ท่านเจ้าเมือง นั่นภรรยาผู้อื่นนะขอรับ ท่านจะฉุดพรากภรรยาผู้อื่นเช่นนี้ไม่ได้!" นายอำเภอที่เหมือนจะหมดความอดทนกับเหตุการณ์เหล่านี้เอ่ยขึ้น"เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า! จัดการมัน" เจ้าเมืองซานหลีเอ่ยเหล่ามือปราบก็ตรงมาหาสองสามีภรรยาทันที"ท่านพี่ ดูเหมือนว่าเมืองซานหลีต้องการเจ้าเมืองใหม่เสียแล้ว" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอกสามี"พี่ก็ค
เพราะต้องอัญเชิญป้ายวิญญาณของมารดาและบิดาของเซียวเฟินหนิงไปที่เมืองหลวงสองสามีภรรยาจึงต้องจัดแบ่งงานให้กับคนงานอย่างชัดเจน ตอนนี้พวกเขารับคนในหมู่บ้านให้มาทำงานเพิ่มแล้วรวมถึงบิดาบุญธรรมอย่างท่านเจ้าเมืองก็สั่งให้คนมาคอยดูแลระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่"ระหว่างที่พวกข้าไม่อยู่ก็ให้พวกท่านก็ทำตามที่ข้าแบ่งหน้าที่ไว้ให้นะขอรับ" เฝิงลี่หมิงแม้จะได้รับบรรดาศักดิ์เป็นองค์ชายแต่เขาก็ยังคงพูดจานอบน้อมเช่นเดิม"การไปเมืองหลวงครั้งนี้อาจใช้เวลาร่วมเดือนหากพวกท่านมีปัญหาอันใดให้แจ้งกับท่านลุงเมิ่งได้เลยนะขอรับ เขาจะเป็นผู้ดูแลพวกท่านระหว่างที่ข้ากับท่านพี่ไม่อยู่" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอกแก่คนงาน "พะยะค่ะ" เหล่าคนงานเอ่ยรับมองดูเจ้านายทั้งสองด้วยสายตาที่ชื่นชม ดูสิจากเด็กน้อยที่ถูกครอบครัวขับไล่ออกจากตระกูลมาวันนี้ได้เป็นท่านชายองค์ชายเสียแล้ว ณ จวนเจ้าเมืองซานหลางเฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงอยู่ในชุดสีขาวจากผ้าไหมชั้นดีดูงดงามและสูงศักดิ์ปักลวดลายด้วยดิ้นเงิน เฝิงลี่หมิงสวมใส่หน้ากากครึ่งใบหน้าสีเงินที่ชินอ๋องประทานให้ยิ่งทำให้ดูสง่างามลึกลับน่าค้นหา ทั้งสองแม้อยากจะคุกเข่าคำนับลาบิดามารดาบุญธรรมเม
"บังอาจ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาชี้หน้าชินอ๋อง!! " เสียงขององครักษ์ประจำตัวชินอ๋องประกาศกร้าวสร้างความตกใจให้กับทุกคนที่พากันมาชมเหตุการณ์เมื่อรู้ว่าบุรุษที่มากับท่านเจ้าเมืองนั้นเป็นผู้ใด"กะ โกหก ชินอ๋องจะมาทำอะไรที่นี่และคงไม่แต่งงานธรรมดาเช่นนี้ เจ้าอย่ามาแอบบอ้าง" หลี่อู๋เจี๋ยพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อแม่ว่าชาสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้วก็ตาม ชินอ๋องยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกับม้วนกระดาษที่มีตรามังกรปิดผนึกอยู่"ฝ่าบาทมีราชโองการ พวกเจ้าคุกเข่าลง! " ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นก็พากันคุกเข่าลงทั้งสองข้าง"หลี่เฟินหนิงรับราชโองการ ทางราชสำนักสืบทราบมาว่า ฮูหยินน้อยเฝิง หลี่เฟินหนิง เป็นบุตรขององค์ชายรอง เซียวเฟยเยี่ยน ที่หายสาบสูญไปจึงนับว่ามีสายเลือดราชวงศ์ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งแต่งตั้งหลี่เฟินหนิงเป็น องค์ชายหกหลี่เฟินหนิง สามารถใช้แซ่เซียวได้ตามมารดาโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากสกุลเดิม พระราชทานผ้าไหมชั้นดี 20 หีบ ผ้าไหมปักดิ้นทอง 10 หีบ ไข่มุก สวรรค์ 10 หีบ ไข่มุกนิลกาฬ 20 หีบ เครื่องเพชร 5 หีบ ปิ่นทองคำแท้ 5 หีบ ปิ่นทองคำแท้ลวดลายหงส์ 1 หีบ เงินจำนวน 100,000 ตำลึงทอง คุณชายเฝ
ตำหนักชินอ๋องย้อนกลับไปก่อนฤดูหนาวจะมาเยือนจดหมายถึง ชินอ๋องเซียวเฟยเทียนถวายพระพรชินอ๋อง กระหม่อมได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าเมืองซานหลางให้เขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพระองค์ เมื่อไม่นานมานี้ท่านเจ้าเมืองได้ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีลอบทำร้ายแต่ได้มีบุรุษผู้หนึ่งให้ความช่วยเหลือ บุรุษผู้นั้นมีจุดเด่นคือปานสีดำขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าด้านขวาคราแรกท่านเจ้าเมืองเพียงรู้สึกซาบซึ้งใจจึงเชิญให้ชายผู้นั้นมาพบที่จวนเพื่อตอบแทนแต่ภายหลังฮูหยินเฝิงรู้สึกถูกชะตาทั้งยังเห็นใจที่สองสามีภรรยาถูกครอบครัวรังแกจึงรับชายผู้นั้นเป็นบุตรบุญธรรม ชายผู้นั้นมีภรรยาเป็นเกอคราเเรกที่ท่านเจ้าเมืองและฮูหยินได้พบใบหน้าของภรรยาชายผู้นั้นทั้งสองรู้สึกคุ้นเคยใบหน้านั้นจึงรีบให้กระหม่อมเขียนจดหมายฉบับนี้ส่งถึงพระองค์ เกอผู้นั้นมีนามว่า หลี่เฟินหนิง บิดามีนามว่า หลี่อู๋ซิน ส่วนมารดามีนามว่า เซียวเฟยเยี่ยน เกอผู้นั้นบอกว่าบิดามารดาของตนได้เสียชีวิตลงตั้งแต่ตนเพิ่งมีอายุเพียงเก้าหนาว ที่สำคัญคือเกอผู้นั้นมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับองค์ชายรองถึงแปดส่วน ท่านเจ้าเมืองให้กระหม่อมบอกแก่ท่านอ๋องว่าหากต้องการมาพบเกอผู้นี้ก็ให้รอฤดูหนาวผ่านพ้
การแจกจ่ายอาหารจากสองสามีภรรยายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกว่าหิมะจะตกลงมาอีกครั้ง ซึ่งวันนี้เองก็เช่นกัน เพียงแต่วันนี้เขาเห็นว่าดูเหมือนจะมีชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่นมาด้วยหลี่เฟินหนิงจึงเดินเข้าไปสอบถามกลุ่มชาวบ้านที่เพิ่งลงมาจากเกวียน"พวกท่านมาทำอันใดกันหรือขอรับ" หลี่เฟินหนิงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ สายตากวาดดูชาวบ้านราวๆ 30 กว่าคนกับเกวียนสี่เล่มมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่"พวกเราได้ยินมาว่าหมู่บ้านนี้แจกจ่ายอาหาร พวกเราจึงรวมเงินกันจ้างเกวียนเพื่อมาดูเจ้าค่ะว่าพอจะมีอาหารปันให้พวกเราบ้างไหม" สตรีวัยกลางคนถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พวกเธอเป็นคนต่างหมู่บ้านไม่รู้ว่าจะได้รับอาหารที่แจกหรือไม่แต่นี่เป็นทางรอดระหว่างรอความช่วยเหลือจากทางการผู้ใหญ่นั้นยังพออดทนได้แต่เด็กและคนแก่นี่สิ"พวกท่านมาจากต่างหมู่บ้านกันหรือขอรับ แล้วเดินทางมาไกลหรือไม่" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม"ใช่เจ้าค่ะ หมู่บ้านของพวกเราอยู่ห่างไป 10 ลี้ลึกเข้าไปในหุบเขาทำให้การช่วยเหลือจากทางการมาช้ากว่าหมู่บ้านอื่น" สตรีวัยกลางคนอีกคนตอบ"ไกลอยู่นะขอรับ แล้วพวกท่านทราบได้อย่างไรขอรับว่าที่นี่มีอาหารแจกชาวบ้าน" "มีคนจากหมู่บ้านนี้นำอาหารไปให้ญาติที
เฝิงลี่หมิงกับหลี่เฟินหนิงพากันเดินเท้ามาที่บ้านของผู้นำหมู่บ้าน ระหว่างทางก็ได้เห็นชาวบ้านที่เริ่มออกมากวาดหิมะและพูดคุยกัน ชาวบ้านหลายคนต่างมองว่าสองสามีภรรยานั้นจะเดินไปที่ใด เมื่อเห็นว่าทั้งสองไปหยุดที่หน้าบ้านของผู้นำหมู่บ้านก็หันมาพูดคุยเรื่องอื่นต่อ ผู้ใดจะกล้าไปยุ่งเรื่องของบุตรบุญธรรมของท่านเจ้าเมืองกันเล่า"คาระวะท่านป้าจาง ท่านลุงจางอยู่หรือไม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามนางจางเหม่ยที่กำลังกวาดหิมะอยู่ลานหน้าบ้าน"อยู่ๆ เจ้าสองคนมีธุระอันใดเล่า" นางจางเหว่ยที่ตอนนี้เปลี่ยนท่าทีต่างจากเมื่อก่อนจนสองสามีภรรยาได้แต่แปลก"ข้ากับภรรยาจะมาพูดคุยเรื่องทำอาหารแจกชาวบ้านน่ะขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"เช่นนั้นพวกเจ้าก็เข้ามาพูดคุยกันในบ้านเถิด อากาศข้างนอกหนาวเย็นประเดี๋ยวจะไม่สบายเอา" นางจางเหว่ยรีบเชิญทั้งสองคนเข้ามาบ้านทันที"อ้าวลี่หมิง เฟินหนิง เจ้าสองคนมีอันใดหรือ" เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบกับจางเหว่ย"คาระวะท่านลุงจางขอรับ" สองสามีทำการคำนับผู้อาวุโสกว่าทันที"ที่ข้าสองคนมาวันนี้เพราะมีเรื่องให้ท่านลุงจางช่วยขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอก"เรื่องอันใดรึ" จางเหว่ยถามอย่างสงสัย ยังมีเรื่อง
"ไอ้ลูกอกตัญญู หากเจ้าไม่ยอมให้เงินและสะเบียงกับพวกข้าเช่นนั้นเจ้าก็มิต้องใช้แซ่หวังอีก" หวังหยวนคุนพูดอย่างโมโห"บุตรชายของข้าคงไม่กล้าใช้แซ่หวังอันสูงส่งของเจ้าหรอก" เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองพบเป็นบุรุษวัยกลางคนแต่งกายด้วยผ้าไหมชั้นดีดูภูมิฐาน เมื่อผู้นำหมู่บ้านเห็นว่าเป็นผู้ใดก็รีบทำการคำนับทันที"ข้าน้อย จางเหว่ย ผู้นำหมู่บ้านเซียนซาน คาระวะท่านเจ้าเมืองขอรับ" "ตามสบายเถิดท่านผู้นำจาง" เฝิงคงหรันพูดอย่างเป็นกันเอง เหล่าชาวบ้านเมื่อทราบว่าผู้ที่มาเป็นใครก็ต่างพากันตกใจและสงสัยว่าเหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงมาอยู่ที่นี่"คาระวะท่านพ่อขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับหลี่เฟินหนิงทำการคำนับบุรุษผู้น่าเกรงขาม คำที่ใช้เรียกยิ่งสร้างความตกใจตะลึงให้แก่ชาวบ้านและครอบครัสตระกูลหวัง"ท่านพ่องั้นหรือ""เหตุใดทั้งสองถึงเรียกท่านเจ้าเมืองว่าท่านพ่อเล่า""ท่านพ่อมีธุระอันใดหรือขอรับถึงได้มาถึงที่นี่" เฝิงลี่หมิงไม่ได้สนใจเสียงซุบซิบของชาวบ้านแต่อย่างใด เขาเอ่ยถามธุระของพ่อบุญธรรมทันที"มารดาของเจ้าให้พ่อมาดูว่าบ้านของเจ้าเป็นเช่นไร ฤดูหนาวนี้จะอยู่ได้หรือไม่นางเป็นห่วงเกรงว่าเจ้ากับสะใภ้จะลำบาก" เ
เมื่อฤดูหนาวมาถึงการเก็บเกี่ยวก็เสร็จสิ้นพอดีตอนนี้สองสามีภรรยากำลังจ่ายค่าแรงวันสุดท้ายให้กับเหล่าคนงานก่อนที่หิมะเเรกจะมาเยือน เหล่าคนงานต่างพากันเหงาหงอยเพราะคิดว่าพวกเขาจะไม่ถูกจ้างอีกเลยแต่ก็เข้าใจเพราะที่ผ่านมารายได้จากการทำงานที่นี่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้ลำบาก"ท่านใดรับเงินไปแล้วรอสักครู่นะขอรับ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับพวกท่าน" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกคนงานก่อนที่พวกเขาจะเดินกลับไป คนงานจึงอยู่รอฟังและได้แต่หวังว่าสองสามีภรรยาจะบอกว่าจะจ้างพวกเขาหลังจากฤดูหนาวผ่านพ้นไป เพื่อจ่ายค่าแรงให้คนงานครบทุกคนเฝิงลี่หมิงจึงพูดขึ้น"ทุกท่านครับ ข้ารู้ว่าทุกท่านกำลังกังวลว่าข้ากับภรรยาจะเลิกจ้างพวกท่านข้าจึงอยากอธิบายว่าข้าจะหยุดจ้างงานแค่ช่วงฤดูหนาวเท่านั้นขอรับ เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไปข้าจะให้ทุกท่านกลับมาทำงานอีกครั้ง" สิ้นประโยคเหล่าคนงานก็ต่างส่งเสียงเฮด้วยความดีใจที่พวกเขายังจะได้ทำงานกับนายจ้างดีๆเช่นนี้"เรื่องต่อไปคือข้าอยากจะขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจทำงานให้ข้า""เจ้าไม่ต้องขอบใจพวกข้าหรอกหวังลี่หมิง ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกเจ้าสองคนที่ให้งานพวกข้าอีกทั้งยังเลี้ยงอาหารดีๆให้พวกข้าไ