ลู่หงปินกลับจากวังหลวงก็รู้ข่าวการถูกลงโทษของมารดา เขาก้าวฉับ ๆ ไปที่ลานลงโทษอย่างรวดเร็ว เสียงไม้กระทบผิวหนังดังเสียดแทงแก้วหู
ระยะไกลเขาเห็นมารดานอนไร้สติ อาภรณ์สีขาวบนแผนหลังอาบย้อมไปด้วยของเหลวสีแดง มองดูไม้ตะบองทุบไปบนหลังมารดาหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้งเขากำหมัดแน่น
ทว่าเขาช่วยอะไรไม่ได้ ยามเขาเดินเข้าไปใกล้ไม้สุดท้ายก็ทุบลงไปที่หลังมารดาอย่างไร้ความปรานี
ลู่หงปินส่งสายตาอำมหิตให้ผู้ลงมือ เขาก้มลงอุ้มร่างไร้สติของมารดาพาไปห้องนอนของตัวเอง แล้วเรียกหมอมาตรวจอาการ
ทางด้านลู่ไป๋อิงฮัมเพลงเข้าจวนมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้นางมีความสุขมาก ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าห้อง ก็ถูกพี่ชายคว้าข้อมือแล้วดึงไปที่ห้องของเขา
“พี่รอง...จะพาข้าไปไหน” พี่ชายไม่ตอบ ทว่าดวงตาของเขาดูดุร้าย ข้อมือของนางถูกบีบจนเจ็บระบม นี่พี่รองเป็นอะไรไป
ในห้องของพี่รองอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ลู่ไป๋อิงขมวดคิ้ว กวาดสายตามองรอบห้องชะงักสายตาแน่นิ่งอยู่บนเตียง มารดาของนางนอนคว่ำหน้าอยู่ แผ่นหลังมีแผลเหวอะหวะที่ใส่ยาแล้ว แต่ยังมีเลือดซึมออกมา
ลู่ไป๋อิงหันไปหาพี่ชาย “ใครลงมือกัน”
ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบออกจากจวนอ๋อง ต้องตามไปเตือนเขาถึงอันตรายสักหน่อย หากรออยู่แบบนี้คงอกแตกตายไปก่อนเขาอีกลู่ผิงถิงกลับมาที่เรือนหลังเล็กของมารดา เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วให้มารดาพาคนไปช่วยบิดา ส่วนนางจะตามสามีไปสนามรบกำลังจะออกเดินทางก็มีบุรุษคนหนึ่งมาขวางไว้ซึ่งนางไม่คุ้นหน้าคุ้นตาสักนิด “พระชายากระหม่อมเป็นองค์รักเงา ที่ท่านอ๋องทิ้งไว้ให้ติดตามพระชายา นามว่าจ้าวเฉินพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าจะไปหาเขาที่สนามรบ”“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ที่นั่นอันตรายมาก”“เพราะอันตรายอย่างไรเล่าข้าถึงต้องไป เจ้าอย่าขวางข้า”“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมฟังเพียงท่านอ๋องเท่านั้น...”ลู่ผิงถิงสาดผงสลบใส่จ้าวเฉิน “ขอโทษด้วยข้ารีบ เจ้านอนไปก่อนสักสองวัน ค่อยตามข้าไป”บุรุษร่างกำยำหลับกลางอากาศไปอย่างไม่ตั้งตัวรถม้าคันเล็กกะทัดรัด ไม่มีสัมภาระให้ขน มีเพียงสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน และคนบังคับรถม้าซึ่งเป็นยอดฝีมือที่มารดาจ้างมาคุ้มกันตำราแพทย์ที่ท่านย่าให้ไว้มีประโยชน์มาก ยามนี้มารดาของนางสนุกกับการทดลองปรุงยาซึ่งยาสลบที่นางใช้กับองค
ณ จวนอ๋อง“ท่านอ๋องฝ่าบาทมีราชโองการมาถึงท่าน”มู่เซียวเซ่อที่เคยมีใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ส่งสายตามาดร้ายไปให้กงกง “รอไปก่อน” เขาไม่สนใจราชโองการอะไรนั่น พระชายาของเขาบาดเจ็บอยู่“ท่านอ๋องเรื่องเร่งด่วนมากพ่ะย่ะค่ะ”“ด่วนมากเจ้าก็รับไว้เอง ไม่เห็นรึว่าข้ายุ่งอยู่” มู่เซียวเซ่อสะบัดอาภรณ์ เดินไปตามหมอหลวง มาดูอาการให้พระชายาตัวน้อยของเขาหมอหลวงคนนี้ไม่เคยออกมารับแสงแดด คนทั้งจวนอ๋องไม่รู้ถึงการมีอยู่ของคนผู้นี้ เพราะเขาไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้เห็นกงกงเดินตามไป “ท่านอ๋องครั้งนี้ เกี่ยวกับบ้านเมือง ถึงอย่างไรท่านก็ขัดราชโองการไม่ได้ รับไว้เถอะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าท่านอ๋องไม่รับถือว่าขัดราชโองการ พระชายาก็จะเดือดร้อนไปด้วย”มู่เซียวเซ่อใจเย็นลงแล้วหยุดฝีเท้า ครุ่นคิดเพียงครู่ก็คุกเข่าลงกงกงจึงประกาศราชโองการ “เนื่องจากศัตรูบุกรุกเข้ามาตีด่านจงชุนแตก เหลือปราการด่านจงหนานด่านสุดท้าย หากตีแตกอีกก็จะบุกเข้ามาถึงเมืองหลวง ทำให้ปวงประชาต้องยากแค้น เราจึงออกราชโองการคืนตราบัญชาการทหารให้ชินอ๋องมู่เซียวเซ่อ ออกรบกำจัดศัตรูให้สิ้น”มู่เซ
น่าเหลือเชื่อเขากระโดดตามนางมา เลือกที่จะช่วยสตรีอีกคนแต่พร้อมที่จะตายไปกับนาง หัวใจเต้นแรงอีกครั้งด้วยความหวัง “ท่านรักข้าหรือไม่” กระโดดตามาขนาดนี้ขอคำตอบดี ๆ ให้ชื่นใจหน่อยเถอะมู่เซียวเซ่อ ก้มลงจุมพิตสตรีที่เขารักแทนคำตอบ“ออบ อ้า อ่อนอาย อ้าอากอู้” (ตอบ ข้า ก่อนตาย ข้าอยากรู้) จะตายอยู่รอมร่อยังคาดคั้นเอาคำตอบจากเขา ทั้งที่ริมฝีปากนั้นถูกเขาครอบครองอยู่ยังไม่ทันได้คำตอบที่พอใจ ร่างของทั้งสองก็พุ่งลงมาบนต้นไม้ใหญ่ ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่ชั้นลึกสุดของหน้าผา กิ่งไม้ขูดขีดแผ่นหลังเจ็บจนน้ำตาไหล ศีรษะกระแทกไปกับกิ่งไม้สติดับวูบลง“ถิงเอ๋อร์” มู่เซียวเซ่อหลังกระแทกกิ่งไม้เช่นกัน ใบหน้าแสบร้อนเพราะโดมกิ่งไม้ใบไม้ขูด เขาเกาะกิ่งไม้กิ่งหนึ่งไว้ได้ ทว่าร่างบอบบางหลุดออกจากลำแขนแกร่งไปแล้วกิ่งไม้เกี่ยวอาภรณ์ของคนตัวเล็กห้อยต่องแต่งอยู่ หน้าผากของนางมีโลหิตไหลเยิ้มออกมา เขาพยายามขยับไปใกล้เพื่อจะดึงร่างบางขึ้นมา แต่จนใจที่กิ่งไม้กิ่งนั้นไม่สามารถรับน้ำหนักสองคนได้มู่เซียวเซ่อแกว่งตัวไปเหยียบกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ แหงนหน้าขึ้นมองไปบนปากเหว คาดเดาจากตรงนี้น่
ถูกโยนลงพื้นจนจุก ด้านข้างมีสตรีอีกคนนั่งอยู่ รูปร่างหน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่ใครจะสนใจเล่าร้อนจะตายอยู่แล้วแสงแดดแจ่มจ้าสาดลงบนผิวหนัง ลู่ผิงถิงยันกายลุกขึ้น ร้อนแบบนี้ใครจะบ้านั่งอยู่กัน ไปหลบแดดใต้ต้นไม้ดีกว่าไหล่ถูกกดลงให้นั่งตามเดิม เป็นเพราะน้องสาวตัวดีที่ยืนกางร่มอยู่ใต้ต้นไม้ ส่งสายตาให้ชายฉกรรจ์สองคนนั้น พวกเขาจึงมายืนคุมเชิงอย่างประชิด กดไหล่นางนั่งบนหินที่ร้อนระอุ แผดเผ่าก้นจนสุกเลยก็ว่าได้โอกาสหนีไม่มีเลยด้วยซ้ำ จะเอาโอกาสที่ไหนไปหลบแดด“ข้าได้ข่าวมาว่าสามีท่านพาสตรีเข้าจวนรึพี่หญิง วันนี้ข้าจะช่วยไขข้อข้องใจให้ท่าน อยากรู้ไม่ใช่หรือว่าจอมเสเพลคนนั้นรักท่านหรือไม่ ข้าจะช่วยสนองความอยากรู้ของท่าน ขอบคุณข้าสิ”หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่าสตรีที่ถูกจับมาอีกคนคือซู่เหยา ลู่ผิงถิงเหลือบไปมองสตรีที่นั่งน้ำตาคลออยู่ด้านข้าง งดงามราวเทพเซียนเพียงนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงสู้ไม่ได้แต่สตรีคนนี้ตั้งครรภ์อยู่นะ น้องสาวของนางก็ทำเกินไป จับสตรีไม่รู้อีโหน่อีเหน่คนหนึ่งมา เพียงเพราะอยากให้นางเจ็บปวดเสียใจถึงกับทำให้คนอื่นเดือดร้อน
“แต่เขาเป็นพ่อเจ้าเหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้” ลู่ผิงถิงเอ่ยลู่ไป๋อิงลุกขึ้นสายตาเต็มไปด้วยความแค้นจ้องเขม็งผู้เป็นบิดา “เพราะข้าเกลียดเขา ข้าเกลียดที่ท่านพ่อลงโทษท่านแม่จนตาย” ลู่ไป๋อิงหันมายิ้มเหยียดให้พี่สาว “ลู่ผิงถิง เจ้าไม่เกลียดบ้างหรือ อย่ามาแสดงบทคนดีต่อหน้าข้า ที่ท่านแม่ข้าพบจุดจบเช่นนี้ก็เพราะเจ้าด้วยเช่นกัน”“แม่ของเจ้าทำตัวเองชัด ๆ ตั้งสติหน่อยนะไป๋อิง”“ฮ่า ฮ่า” ลู่ไป๋อิงหัวเราะแล้วเดินเข้าไปหาพี่สาว กำมีดสั้นในมือไว้แน่น “ข้าเองก็เกลียดเจ้า เกลียดเจ้ามาตลอด เกลียดที่เจ้าถูกท่านย่าเอาอกเอาใจ ไม่ว่าอะไรก็มอบให้เจ้าเลือกก่อน ตำราแพทย์วิชาแพทย์ก็สอนให้เจ้าคนเดียว ข้าก็เป็นหลานเหมือนกัน แล้วเหตุใดท่านย่ารักแต่เจ้า”ลู่ผิงถิงลำลึกถึงวันเวลายามเด็ก ตอนนั้นท่านย่ารับแมวบาดเจ็บมาเลี้ยง ลู่ผิงถิงดูแลรักษาเอาใจใส่อย่างดี ต่างกับลู่ไป๋อิงที่รำคาญจนบีบคอแมวตัวนั้นจนตาย ท่านย่าจึงตัดสินใจมอบตำราแพทย์และเริ่มสอนวิชาแพทย์ให้กับนาง ทว่าไม่นานท่านย่าก็ป่วยแล้วจากไป ลู่ผิงถิงจึงได้เรียนแค่เรื่องสมุนไพร ยามมารดานอนเป็นผักนางจึงเก็บสมุนไพรมาต้านพิษให้มารดาได้
ลืมตาขึ้นมาตอนเช้าพบว่าตัวเองอยู่ห้องที่คุ้นเคยในตำหนักอ๋อง ศีรษะหนักอึ้งจำอะไรไม่ได้สักอย่าง จำได้เพียงว่าไปดื่มสุราที่หอเฟิ่งหวงกับมารดานอนบิดกายไปมาบนเตียง เหตุไฉนปวดระบบไปทั้งตัว บริเวณก้นรู้สึกเจ็บเป็นพิเศษราวกับถูกผู้ใดตบตีมา เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันนะ เหตุใดมาอยู่ที่จวนอ๋องได้ลู่ผิงถิงลุกขึ้นนั่ง สายตาปะทะเข้ากับอาภรณ์ตัวเองที่กระจัดกระจายเต็มพื้น เปิดผ้าห่มก้มมองเรือนร่างไร้อาภรณ์ของตัวเองสวรรค์นี่มันอะไร ร่องรอยรักถูกฝากไว้ตามลำตัวถี่ยิบทุบศีรษะตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกความทรงจำ สมองกำลังประมวลผล แล้วภาพที่ไม่น่าจำก็ชัดขึ้นทุกขณะ “นะ นี่ข้า นี่ข้าเมาแล้วถึงกับยั่วยวนเขา”ฝ่ามือเล็กตีหน้าผากตัวเองติด ๆ กันหลายครั้งไม่รู้ทำไปได้ไง ทั้งส่ายก้นทั้งเชื้อเชิญเขาให้เข้าหาโอ๊ย ข้าทำอะไรลงไปร่างเล็กพันลำตัวด้วยผ้าห่ม แล้วย่องลงจากเตียงไปเก็บเสื้อผ้ามาสวมใส่ หวาดระแวงราวกับมีคนอยู่ในห้องนับสิบ ทั้งที่ไม่มีสักคน ฝีเท้าย่องเบาออกจากห้อง สอดส่องสายตาโดยรอบ จะให้ใครมาเห็นได้ไง หอบเสื้อผ้าออกจากจวนไปไม่ทันไรก็กลับมาอายคนแย่