“เอ่อ...”“โอ๊ย!/ว้าย/เฮ้ย” เสียงของเราทั้งห้าคนร้องด้วยตกใจเมื่อต้มยำร้อนฉ่า ราดที่หลังของพี่กองทัพเต็ม ๆ ทั้งยังมีบางส่วนกระเด็นถูกเพื่อนรักของฉันด้วย ฉันรีบลุกขึ้นและดูอาการของมิ้มอย่างรวดเร็ว“ฉันไม่เป็นไรมาก แกช่วยพี่กองทัพถอดเสื้อก่อนเถอะ” มิ้มบอกฉันแล้วก็หันไปโวยพนักงานที่ยืนตัวสั่น “ยืนทำไมละคะรีบไปหาผ้ามาสิ ผู้จัดการร้านอยู่ที่ไหนฉันจะเอาเรื่องร้านอาหารนี้”ฉันรีบช่วยพี่กองทัพตามที่มิ้มบอก คุณหญิงมณีท่านลุกมาดูลูกสะใภ้พลางบอกให้ใจเย็น ๆ อย่าเครียด ด้านอดีตท่านประธานกำลังต่อว่าพนักงานคนอื่น“รีบถอดเลยค่ะพี่กองทัพ เดี๋ยวผิวจะพอง” ฉันว่าพลางช่วยสามีของเพื่อนแกะกระดุมเสื้อเชิ้ต เสื้อสูทถูกถอดออกก่อนแล้ว เมื่อแกะกระดุมเสร็จเสื้อถูกถอดออก ฉันสำรวจแผ่นหลังที่โดนต้มยำลวก รอยแดงจากน้ำร้อนขึ้นตามผิวหนังทว่าไม่มีรอยสัก อะไรกัน ทำไมพี่กองทัพไม่มีรอยสัก มันจะหายไปได้ไงที่ผ่านมารอยสักรูปมังกรที่ฉันชอบมองมันติดตัวเขาตลอด ไม่ว่าจะหลายปีก่อนหรือหลายเดือนก่อน ขณะที่เกิดความสงสัยฉันใช้แผ่นประคบเย็นประคบตามรอยแดงให้พี่กองทัพ พร้อมคำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัว“หลังพี่กองทัพไม่เคยมีรอยสักเหรอคะ”
“เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหมครับคุณรัศมี” ท่านประธานที่แสนดีเปิดประตูห้องทำงานออกมาพร้อมภรรยาที่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน ท่านประธานเอ่ยปากถามด้วยประโยคเชิงห่างเหิน เขาแสดงได้ดีจัง เหมือนเป็นคนละคนเลย ทำไมฉันไม่เก่งแบบนี้บ้างนะ“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ฉันตอบออกไปด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ทั้งที่ใจจริงไม่ชินกับการห่างเหิน ก็ในอดีตครั้งหนึ่งเราเคยนอนกอด ถึงจะรู้ว่าผิดที่รู้สึกกับคนรักของเพื่อนก็เถอะ พี่กองทัพคนนั้นทำไมต่างกับพี่กองทัพคนนี้นัก เขาช่างเก่งจริง ๆ ที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างง่ายดายแต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอเบลล์ ก็เนี่ยนี่สามีของเพื่อน ต่อให้แกจะรักเขาแค่ไหนก็ไม่ควรทำ หักห้ามใจซะ อย่าทำร้ายเพื่อน เลิกคิดถึงพี่กองทัพคนนั้นได้แล้ว ฉันได้แต่ก่นด่าห้ามปรามตัวเองในใจ พยายามบอกตัวเองพี่กองทัพเปลี่ยนเป็นคนที่รักมิ้มมากก็ดีแล้ว มิ้มจะได้ไม่เสียใจ มิ้มและลูกจะได้แข็งแรง“โอ๊ย! พี่กองทัพ เบลล์ ขอร้องเถอะค่ะ เลิกพูดแบบนี้ได้ไหมคะ นี่มันเลิกงานแล้ว ช่วยพูดให้มิ้มฟังแล้วรู้สึกลื่นหูทีเถอะค่ะ ฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิด” ว่าที่คุณแม่พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด คงจะหงุดหงิดกับพฤติกรรมการพูดของเราทั้งคู่นั่นแหละ แต่จะให้ท
ทว่าชายเสื้อของผมถูกดึงไว้พร้อมเสียงเล็ก ๆ “ลุงคะ”เป็นฝีมือหมูน้อยครับ “ว่าไงครับหมูน้อย”“คือว่าฝากเลี้ยงลูกหมาได้ไหมคะ คือที่หมู่บ้านเขาไม่ให้เลี้ยงค่ะ” หมูน้อยชูลูกหมาในมือทั้งสองข้างให้ผมพร้อมทำแววตาน่าสงสารเหมือนลูกหมาในมือไม่มีผิดให้ผมเลี้ยงหมาเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว ทั้งชีวิตผมเคยเลี้ยงสิ่งมีชีวิตที่ไหนกันนอกจากผู้หญิง“มะ...”“นะคะคุณลุงขา คุณลุงไม่สงสารมันเหรอคะ ดู ๆ แล้วมันไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่ ถ้าหนูเลี้ยงได้หนูไม่ขอร้องคุณลุงหรอกค่ะ นะคะคุณลุงช่วยมันเถอะค่ะ นะคะคุณลุง หนูอยู่หมู่บ้านมณีรัตตรงนู้น เดี๋ยวหนูจะมาดูมันทุกวันนะคะ นะคะคุณลุง นะคะ นะค้า” หมูน้อยพูดอ้อน ดักผมทุกทางพร้อมแววตาที่เหมือนจะร้องไห้ ส่วนลูกหมาก็ส่ายหางไปมาทำหน้าอ้อนผมเช่นกันผมกำลังใจอ่อน ให้กับเด็กที่ไหนก็ไม่รู้เหรอวะ“อ้าว พี่ปราบหอบตัวอะไรมาด้วยวะ” ไอ้เต้ลูกน้องในร้านเอ่ยถามเมื่อเห็นผมหิ้วลูกหมาเข้ามาในร้าน ใช่ครับ! ผมแพ้สายตาอ้อน ๆ ของหมูน้อย แค่คิดว่าเธอจะร้องไห้ผมก็รู้สึกไม่ชอบ ก็เลยต้องเลี้ยงหมาตัวนี้ ทั้งที่ผมเฉย ๆ กับเด็กทุกคน แต่ทำไมกับเด็กคนนี้ถึงแปลกไป หรือผมเริ่มจะเป็นคนดีเริ่มเห็นใจเพื่อนมนุษย
“แกจำหนูรัศมีได้ไหม” ประมุขของบ้านพูดกับผมขณะนั่งพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหารในตอนเช้า“จำได้สิครับ เลขาคนโปรดที่พ่อยกคอนโดให้อยู่ฟรี ๆ” ผมตอบแล้วตักข้าวกิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเบลล์ทำยังไงพ่อผมถึงได้โปรดปรานเธอนักหรือเธอจะทำเกินหน้าที่ของเลขานุการเหรอ แต่พ่อผมก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้นี่“คุณพ่อยกคอนโดให้เบลล์ด้วยเหรอคะ” พี่สะใภ้ที่เป็นเพื่อนสนิทของคุณเลขาเอ่ยถามทั้งที่น่าจะรู้หรือมิ้มจะไม่รู้ เพราะหน้าตามิ้มดูตื่นเต้นดีใจมาก“ใช่ลูก คือบ้านหนูรัศมีอยู่ไกลจากบริษัทมาก พ่อกับแม่เห็นว่าเธอตั้งใจทำงาน งานแต่ละอย่างออกมาดีมาก เราจึงชักชวนให้มาอยู่ที่คอนโดจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าแล้วเดินทางไกล ความจริงหนูรัศมีจะจ่ายค่าห้องให้นะ แต่แม่ยืนกรานว่าจะไม่รับเพราะถือเป็นโบนัสพนักงานดีเด่น” แม่ไขข้อสงสัยให้ทุกคนเข้าใจขณะที่พูดถึงเบลล์ แววตาท่านดูปลาบปลื้มซะเหลือเกิน“เบลล์ทำงานดีครับ ถึงจะมีท่าทางแปลก ๆ ไปบ้าง เหมือนมีอะไรในใจแต่ไม่ถามไม่พูด แต่ว่าเรื่องงานเธอทำงานเก่งจริง ๆ” ไอ้กองทัพพูดเสริมหลังจากที่เป็นผู้ฟังที่ดีมาสักพัก เรียกเบลล์งั้นเหรอ สนิทกันขนาดนั้นเลยหรือไงหรือว่ายัยนั่นเเอบมีอะไรกับไอ้กองทัพวะ ไม่หรอก ไอ
“กว่าจะมาได้นะไอ้ตัวดี” เสียงประมุขใหญ่ผู้บงการชีวิตของทุกคนในบ้านดังขึ้นเมื่อผมก้าวขาเข้ามาในงานวันเกิดของตัวเอง ถ้าไม่ติดว่าแม่โทรตามก็ไม่ได้อยากจะมา“ผมติดลูกค้าครับ”“ติดลูกค้าหรือติดตัว” แม้จะเกรงใจแขกในงานแต่พ่อก็ยังหาโอกาสพูดเหน็บผมเหมือนเดิม ผมแม่งทำอะไรก็ผิดไปหมดไง“อย่าทะเลาะกันค่ะคุณ วันนี้วันเกิดลูกนะคะ” แม่ซึ่งเป็นภรรยาที่แสนดีของพ่อกำลังลำบากใจเมื่อผมกับพ่อพร้อมจะปะทะกัน“หึ คุณก็ดูมันสิแทนที่มันจะรีบมา ไม่รู้จักให้ความสำคัญกับครอบครัว ดีนะวันนี้ของขวัญจากลูกสะใภ้ที่มอบให้กองทัพทำให้ฉันถูกใจ ไม่งั้นแกเจอหนักแน่ แยกแยะไม่เป็น” พ่อเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงทันทีที่พูดถึงแฝดผู้พี่ที่เกิดก่อนผมเพียงเสี้ยวนาที แต่เราต่างกันคนละขั้ว“ผมก็เห็นพ่อถูกใจทุกอย่างที่ไอ้ลูกชายคนโปรดของพ่อทำให้นะครับ รอบนี้อะไรละครับลูกรักของพ่อทำอะไรกัน พ่อได้ปลื้มจนออกนอกหน้าแบบนี้” ผมพูดเหน็บ จะว่าผมน้อยใจก็คงใช่ ผมแม่งโดนเปรียบเทียบมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ทำอะไรไม่เคยจะดีในสายตาของพ่อ เพราะพี่ชายฝาแฝดของผมมันดีกว่าผมทุกอย่างไง ผมก็เลยกลายเป็นคนที่แย่ในสายตาพ่อ“ไอ้ปราบ!” พ่อของผมตะโกนจนแขกในงานหันมาสนใ
เมื่อเพื่อนคนสำคัญของมิ้มตื่นขึ้นมาก็พูดเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกสนุก สะใจ เธอคิดว่าผมเป็นไอ้กองทัพคนรักของมิ้ม พอเห็นใบหน้าที่โคตรสิ้นหวังผมก็มีความสุขซะงั้น ทำให้ไอ้กองทัพแปดเปื้อนบ้างก็มีความสุขดี ถึงจะแค่ชื่อก็ตาม อีกอย่างยื้อเวลาอีกนิดก็ดีเหมือนกันเพราะผมรู้สึกชอบร่างกายผู้หญิง ยังไม่อยากปล่อยไป เธอแทนตัวเองว่าเบลล์ นั่งร้องไห้เป็นคนบ้า คงจะเสียใจมาก ดี ผมชอบ เกลียดมากยิ่งดีไอ้กองทัพพควรจะถูกคนเกลียดบ้าง ด้วยความนึกสนุกผมจึงยื่นข้อเสนอในทางบังคับข่มขู่เพื่อที่ผมจะได้ลิ้มลองร่างกายนี้จนกว่าจะเบื่อและใส่ร้ายไอ้กองทัพด้วย ซึ่งตอนที่ผมยื่นข้อเสนอไปผมคิดว่าคงไม่เกินอาทิตย์ผมก็คงจะเบื่อแล้วแต่พอเอาเข้าจริงมันไม่ใช่แบบที่ผมคิด เรื่องของผมกับเบลล์เลยเถิดมาถึงสองเดือน ช่วงหลัง ๆ ผมว่าผมผิดปกติไป ผมเคยชินกับการมีเบลล์ ผมต้องรีบกลับห้องมานอนพร้อมเธอ ต้องได้กอดต้องได้กลิ่นไม่อย่างนั้นผมจะนอนไม่หลับ การที่มีเบลล์อยู่ในชีวิตมันเริ่มไม่ใช่ชีวิตที่ผมต้องการ ฉะนั้นผมต้องจบปัญหานี้ต้องตัดเบลล์ออกจากชีวิตของผมให้เร็วที่สุดไม่งั้นจะเป็นผมที่แย่ เมื่อต้องเขี่ยเบลล์ทิ้งผมก็ต้องหาผู้หญิงคนใหม่ จากนั้นก็ไ