Share

Episode 09 : เริ่มงาน

Author: SS.WONDER
last update Last Updated: 2025-08-23 16:03:46

2 วันต่อมา...

บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป

“ตำแหน่งเลขานุการ...” ฉันอ่านเอกสารในมือของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองพี่จิ๋วหัวหน้าฝ่ายบุคคลของบริษัท พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเธออย่างเกร็งๆ

“ท่านประธานรออยู่แล้ว เชิญทางนี้ค่ะ”

“ท่านประธานเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้ฉันรู้แค่ว่าตัวเองเข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ในตำแหน่งเลขานุการ แต่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผู้บังคับบัญชาของฉันคือใคร

‘ท่านประธาน?’

‘เธอไม่รู้งั้นเหรอว่าที่นี่คืออาณาจักรของฉัน’

“ชูใจเธอคงไม่ซวยขนาดนั้นหรอกนะ” ฉันพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับจ้องมองไปยังเอกสารในมืออย่างคิดไม่ตก

“อะไรนะคะ?”

“อะ อ่อ เปล่าค่ะ” ฉันส่งยิ้มหวานให้กับหญิงวัยกลางคนตรงหน้า พร้อมกับรีบลุกขึ้นยืน และเดินตามเธอออกไปทันทีไม่ปล่อยให้ผู้ใหญ่ต้องรอนาน

“ชูใจนี่โชคดีมากเลยนะที่ได้ทำตำแหน่งนี้” พี่จิ๋วเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงที่สดใส พร้อมกับกดลิฟท์ตรงหน้าเพื่อพาฉันขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึกสูงแห่งนี้

“ค่ะ” ฉันเลือกที่จะตอบเธอกลับไปอย่างนอบน้อม ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อจึงเดินตามเธอไปเงียบๆ

“สาวน้อยสาวใหญ่ในออฟฟิศนี้ไม่มีใครไม่อยากทำตำแหน่งนี้หรอกจ้ะ”

“...”

“แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวัง”

“ทำไมเหรอคะ?”

“ท่านประธานไม่เคยรับเลขาที่เป็นผู้หญิงเลยน่ะ ท่านอาจจะดูเจ้าชู้ มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังไม่เคยขาด แต่เรื่องทำงานท่านจริงจัง และเข้มงวดมากนะ”

“...”

“ชูใจก็ระวังไว้ด้วยล่ะ อย่าทำอะไรที่จะทำให้ตัวเองกลับมาเสียใจทีหลังล่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะ ชูใจจะตั้งใจทำงานให้งานออกมาดีที่สุดค่ะ”

“ฝากด้วยนะจ๊ะ เชิญจ้ะ...” พี่จิ๋วเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู

“ค่ะ” ฉันโค้งตัวลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องทำงานตรงหน้าทันที ฉันหันไปมองด้านหลังของตัวเองเพราะคิดว่าพี่จิ๋วจะเดินตามฉันเข้ามา แต่ก็ไร้เงาของคนที่จะเดินตามฉันเข้ามา ก่อนที่ประตูบานใหญ่จะปิดสนิทต่อหน้าต่อตาของฉัน

“อรุณสวัสดิ์” เสียงเข้มที่ฉันมั่นใจว่าฉันไม่อยากได้ยินมากที่สุดดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ฉันยู่หน้าลงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มหวานให้กับเจ้าของห้อง ‘ท่องไว้ชูใจเขา คือ เจ้านาย เจ้านาย เจ้านาย’

“อะ อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านประธาน” ฉันยกมือไหว้ร่างสูงตรงหน้าอย่างนอบน้อม พร้อมกับค่อยๆ ก้าวเข้าไปยืนเผชิญหน้ากับเขา

“เธอดูไม่กลัวเลยนี่...”

“ฉันมาทำงานนี่คะ ไม่ได้มาทำอะไรไม่ดีสักหน่อย” ฉันตอบร่างสูงตรงหน้ากลับไปเสียงอ่อน ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังร่างสูงตรงหน้าอย่างอึ้งๆ

ฉันไม่แปลกใจเลยที่สาวๆ หลายต่อหลายคนจะหลงเสน่ห์อันเหลือล้นของผู้ชายคนนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติยากที่จะหาใครเทียบได้ หุ่นกำยำสมส่วนของชาตรีอย่างกับคนที่ออกกำลังกายมาอย่างหนัก ทำให้เขาดูดี ดูน่าหลงใหลอย่างไม่ต้องสงสัย

“หึหึ” เสียงหัวเราะดังออกมาจากลำคอแกร่งของชายหนุ่มตรงหน้า พร้อมกับขายาวค่อยๆ ก้าวเข้ามาก่อนที่เขาจะหยุดอยู่ตรงหน้าของฉัน

“กินข้าวเช้ามารึยัง?”

“คะ? อ่อ ทานมาเรียบร้อยแล้วค่ะ” ฉันมองหน้าร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในคำถามของเขา ก่อนจะเอ่ยตอบเขากลับไปเสียงใส ถึงท่าทางและคำพูดของเขาที่ปฏิบัติต่อฉันจะดูไม่ค่อยเหมือนเจ้านายกับลูกน้องเท่าไหร่นัก แต่ฉันจะคิดเองเออเองไม่ได้เด็ดขาดว่าเราสองคนสนิทสนมกัน

“แต่ฉันยังไม่ได้กิน เราไปกินข้าวกันเถอะ” พูดจบร่างสูงตรงหน้าก็คว้าข้อมือของฉันไปกุมเอาไว้ก่อนที่เขาจะออกแรงดึงฉันให้เดินตามเขาออกไป

“ดะ เดี๋ยวค่ะ...” ฉันพยายามขัดขืนร่างสูงตรงหน้าเอาไว้ทำให้เขาต้องหยุดเดินและหันกลับมามองหน้าฉันอย่างแปลกใจ

“...”

“ฉันกินข้าวแล้วค่ะ และตอนนี้ก็เป็นเวลางานแล้วด้วย”

“แล้วไง?” ชายหนุ่มเอ่ยถามฉันออกมาอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่มือหนาของเขายังคงจับกุมข้อมือบางของฉันเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ก็ฉันจะทำงานไงคะ ถ้าคุณหิวก็ไปทานเองสิคะ”

“แต่ฉันเป็นเจ้านายของเธอนะฉันสั่งอะไรเธอก็ต้องทำสิ”

“ฉันเข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขานุการค่ะ ไม่ใช่ตำแหน่งนั่งทานข้าวกับท่านประธาน”

“หึหึ” มุมปากของชายหนุ่มตรงหน้าแสยะยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นมาจากในลำคอของเขา

“ขำอะไรคะ? แล้วก็ปล่อยข้อมือฉันได้แล้วค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะคะ” ฉันพยายามดึงมือหนาออกจากแขนเรียวของฉัน แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นผลเลยสักนิด เพราะฉันไม่สามารถสู้แรงของเขาได้เลย

“ไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่หรอกน่า...”

“คุณสกาย”

“พี่สกาย”

“คะ?”

“เรียกพี่ว่าพี่สกายสิชูใจ”

ดวงตาของฉันเบิกโพรงขึ้นมาทันทีที่สิ้นเสียงของร่างสูงตรงหน้า รอยยิ้มร้ายที่ปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำให้ฉันไม่กล้าแม้แต่จะละสายตาไปจากเขาเลย

“...”

“ชูใจ ชูใจ”

“คะ? ค่ะ อ่อไม่ได้หรอกค่ะ” ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันทีที่มือหนาของเขาลูบลงที่แก้มนุ่มนิ่งของฉัน พร้อมกับเสียงเรียกที่ฉันคุ้นเคยกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“ทำไมไม่ได้?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างเข้าใจ ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามฉันออกมาอีกครั้ง

“ก็คุณเป็นเจ้านาย จะให้ฉันทำตัวสนิทสนมกับเจ้านายได้ยังไงคะ”

“...”

“คนอื่นเขาจะมองคุณไม่ดีนะคะ” ฉันพยายามอธิบายให้ร่างสูงตรงหน้าเข้าใจในเหตุผลของฉัน แต่เหมือนยิ่งฉันพูดเท่าไหร่เขาก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจฉันเสียที

เขายังคงจ้องมองมาที่ฉันพร้อมกับยกยิ้มหวานออกมาอย่างไม่ปิดบัง ไม่ถึง 1 ชั่วโมงที่ฉันเจอผู้ชายคนนี้ เขาก็เอาแต่ยิ้มไม่หุบ ‘หรือว่าวันนี้เขากินยาผิดกระปุกมานะ...?’

“ใครสน...ใครจะมองฉันยังไงมันก็เป็นปัญหาของคนนั้น ไม่ใช่ปัญหาของฉัน”

“...” ฉันยอมรับว่าคำตอบของร่างสูงทำให้ฉันไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว แต่มันก็จริงอย่างที่เขาพูด ‘ใครจะมองเราอย่างไรไม่สำคัญ มันสำคัญที่เรามองตัวเองอย่างไรต่างหาก’

“ไปกินข้าวกับฉันได้รึยัง?”

“ไม่ได้ค่ะ” ฉันยังคงยืนยันคำตอบตอบเดิม พร้อมกับจ้องมองไปที่เข้าอย่างไม่ยอมเช่นกัน

“แค่ไปกินข้าวเองนะชูใจ”

“กินข้าวก็ไม่ได้ค่ะ...ตอนนี้เวลาทำงานไม่ใช่เวลาพักทานข้าว” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม

“โอเคครับ ฉันยอมเธอแล้วไม่กินก็ไม่กิน” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันอย่างยอมจำนน ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งลงบนโต๊ะทำงานของตัวเอง พร้อมกับต่อสายหาใครบางคน...

“เอาเข้ามาไว้ในห้องของฉัน”

“...” ฉันยืนฟังร่างสูงตรงหน้าคุยโทรศัพท์อยู่เงียบๆ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“เข้ามา” พี่สกายเอ่ยออกมาเสียงเรียบพร้อมกับนั่งกอดอกมองคนงาน 3 คนกำลังประกอบโต๊ะทำงานด้วยสายตาที่เรียบเฉย

หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มในชุดสูทอีกคนจะเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเจ้านายของเขา ถึงฉันจะยังไม่รู้จักชื่อของคนที่พึ่งเข้ามาใหม่ แต่ฉันก็จำเขาได้ดี เขาเป็นอีกคนที่เข้าไปช่วยฉันเอาไว้ในวันนั้นพร้อมกับพี่สกาย

“นี่คือ ‘วิช’ เขาจะคอยสอนงานให้เธอในช่วงแรก หวังว่าเธอจะใช้เวลาเรียนรู้งานไม่นานนะชูใจ” ท่านประธานลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่เขาจะเข้ามาแนะนำลูกน้องคนสนิทของเขาให้ฉันได้รู้จัก

“รับทราบค่ะท่านประธาน...สวัสดีค่ะคุณวิช ดิฉันชื่อชูใจ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ฉันขานรับคำสั่งของท่านประธานหนุ่ม ก่อนจะหันไปทักทายชายหนุ่มอีกคนอย่างเป็นมิตร

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

“...” ฉันส่งยิ้มหวานไปให้กับคุณวิชตามมารยาท ก่อนที่รอยยิ้มของฉันจะหุบลงทันทีที่ให้ใบหน้าหล่อเหล่าของชายหนุ่มอีกคนมองมาที่ฉันอย่างกับจะเอาเรื่องฉันอย่างไงอย่างงั้น

“มีอะไรจะไปทำกันก็ไป...” ท่านประธานหนุ่มเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ พร้อมกับเดินไปนั่งยังเก้าอี้ตัวใหญ่ของตัวเองทันที ก่อนที่เขาจะหันหลังให้กับพวกเราทุกคนพร้อมกับทอดมองออกไปยังวิวเมืองด้านนอก

‘เป็นอะไรของเขา?’ ฉันได้แต่ถามตัวเองอยู่ภายในใจ ก่อนจะหันไปสนใจพี่วิชที่กำลังจ้องมองมาที่ฉันอยู่ก่อนแล้ว ฉันส่งยิ้มไปให้กับเขาอย่างงงๆ ‘เจ้านายกับลูกน้องเหมือนกันเลยเนอะ...ทำตัวแปลกๆ เหมือนกัน’

“เชิญาทางครับ” คุณวิชเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือให้กับฉันไปยังโต๊ะทำงานที่พึ่งประกอบเสร็จ ฉันจึงเดินตามเขาไปยังโต๊ะทำงานตรงหน้าอย่างว่าง่าย

“ค่ะ”

“นี่คือโต๊ะทำงานชั่วคราวของคุณชูใจนะครับ ทางเราต้องขอโทษในความไม่สะดวก ทางเราอาจจะใช้เวลาเตรียมสถานที่ให้กับคุณชูใจประมาณ 2-3 วันครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ แต่เรียกหนูว่าชูใจเฉยๆ ก็ได้นะคะ”

“จะดีเหรอครับ...?” ร่างสูงเอ่ยถามฉันออกมาในขณะที่สายตาของเขาเอาแต่มองไปยังชายหนุ่มอีกคนที่นั่งหันหลังให้กับเรา พร้อมกับมุมปากของเขาค่อยๆ แสยะยกยิ้มออกมา

“เรียกได้ค่ะ คนกันเองทั้งนั้น”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”

“ไอ้วิช...” ท่านประธานที่นั่งเงียบเอ่ยเรียกลูกน้องคนสนิทของเขาขึ้นมาเสียงเรียบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันกลับมาจ้องมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกายของฉันด้วยสายตาที่เรียบเฉย การกระทำของเขามันดูแปลกจนฉันเริ่มสงสัยแล้วว่า ‘เขากำลังโกรธใครอยู่รึเปล่า ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ล่ะ’

“ครับนาย”

“งานที่กูให้ทำเสร็จรึยัง?”

“ยังเลยครับนาย”

“งั้นก็รีบไปทำให้เสร็จสิวะ” พี่สกายตะคอกใส่พี่วิชอย่างหัวเสียง ก่อนที่สายตาคมของเขาจะจ้องเขม็งมาที่ฉันกับคุณวิชสลับกัน

“แล้วใครจะสอนงานชูใจล่ะครับนาย?”

“เดี๋ยวกูสอนเอง มึงไม่ต้องยุ่ง”

“...” ฉันมองไปยังพี่สกายอย่างไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ เขาเป็นอะไร ทำไมอารมณ์ถึงได้แปรปรวนแบบนี้ล่ะ ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนบอกให้คุณวิชเป็นคนสอนงานให้กับฉันเองแท้

“หึหึ รับทราบครับนาย” ฉันมองไปยังคุณวิชที่หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับโค้งหัวให้เจ้านายของเขาก่อนที่จะเดินออกไปทันที การกระทำของชายหนุ่มทั้งสองคนทำให้ฉันได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว พร้อมกับคำถามมากมายในหัวของฉัน ‘เขาไม่ได้ทะเลาะอะไรกันใช่ไหมนะ?’

“อะ เอ่อ ให้ฉันนั่งนี่เหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปอีกครั้งเพื่อทำลายความเงียบภายในห้อง

“อยากจะเปลี่ยนมานั่งบนตักฉันไหมล่ะ?”

“คุณสกาย!! เลิกพูดจาแบบนี้สักทีได้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ ก่อนจะหยุดสำรวจโต๊ะทำงานของตัวเองและหันไปมองร่างสูงตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง

“เธอก็เลิกทำตัวห่างเหินกับฉันสักที ทีกับคนอื่นทำตัวสนิทสนม แต่กับฉัน...น่าหงุดหงิดชิบ”

“ถ้าคุณต้องการแบบนั้นฉันก็จะทำให้...”

“หึหึ”

“แต่เฉพาะตอนที่เราอยู่ด้วยกันสองคนนะคะ”

“...” ชายหนุ่มพยักหน้าให้ฉันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินเอาเอกสารมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของฉัน

“อ่านเอกสารพวกนี้ให้จบ เธอเป็นเลขาของฉันอย่างน้อยในเบื้องต้นเธอก็ควรจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่องค์กรของเราทำอยู่ เพื่อให้สามารถติดต่อประสานงานได้สะดวก...”

“ค่ะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะร้ายพิสูจน์รัก   Special Episode 01 : พอใจ

    4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ

  • พันธะร้ายพิสูจน์รัก   Episode 62 : แต่งงาน [จบบริบูรณ์]

    1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่

  • พันธะร้ายพิสูจน์รัก   Episode 61 : เยียวยา

    [สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ

  • พันธะร้ายพิสูจน์รัก   Episode 60 : สูญเสีย

    ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ

  • พันธะร้ายพิสูจน์รัก   Episode 59 : อุบัติเหตุ

    รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ

  • พันธะร้ายพิสูจน์รัก   Episode 58 : ทำแบบนี้ทำไม

    “สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status