รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ
“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง
“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก
~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~
“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที
“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มได้แต่โทษตัวเองซ้ำๆ ที่เธอต้องเจ็บตัวอยู่แบบนี้มันเป็นเพราะเขาคนเดียว
“ชูใจ ฮึกกกก”
“อย่างทิ้งพี่ไปนะครับ ฮือออออ”
“เดี๋ยวหมอดูแลเธอต่อเองครับ” สกายยอมหลบให้คุณหมอประจำรถแอมบูแลนซ์เข้ามาปฐมพยาบาลคนรักของเขาแต่โดยดี ชายหนุ่ยค่อยๆ ขยับตัวถอยห่างออกจากเธออย่างยากลำบาก
ชูใจอยู่ใกล้กับเขาแค่เอื้อม แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน เขาทำได้เพียงมองร่างบางที่เต็มไปด้วยเลือดนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงตรงหน้าโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“ฮึกกกก กกก เข้มแข็งไว้นะ” สกายทำได้เพียงพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาออกมาอย่างหมดหนทาง เขายกมือขึ้นมาปิดหน้าของตัวเองพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างห้ามเอาไว้ต่อไปไม่ได้
“...”
มือหนาของชายหนุ่มประสานเข้าหากันแน่นเพื่อระบายความรู้สึกกลัวภายในใจ ร่างสูงสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัวเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เขารู้สึกชาวูบไปทั้งตัว หายใจไม่ทั่วท้อง และมือหนาของเขายังคงสั่นอย่างรุนแรงอยู่อย่างนั้น...
เขาก้มลงไปมองคราบเลือดของคนรักที่เปื้อนมือ และเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาของเขา เลือดออกเยอะขนาดนี้เขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าเธอจะเจ็บปวดมากขนาดไหน
“ฮืออออ ห้ามทิ้งพี่ไปนะครับ”
เวลาผ่านไปเกือบเพียง 10 นาทีรถแอมบูแลนซ์ก็เข้ามาจอดเทียบอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
สกายรีบกระโดดลงจากรถพร้อมกับช่วยบุรุษพยาบาลเข็นเตียงนอนของคนรักของเขาเข้าไปด้านใน
“ญาติคนไข้รอข้างนอกก่อนนะคะ”
สกายตั้งท่าเตรียมจะเดินตามชูใจเข้าไปด้านใน แต่เขาก็ถูกพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินขวางเอาไว้เสียก่อน ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดแรง สกายร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจนตัวโยน เขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครหน้าไหนทั้งนั้น
“ไอ้กาย!!” เพิร์ชเดินเข้ามาประคองร่างสูงของเพื่อนรักของเขาเอาไว้ มือหนาลูบแผ่นหลังแกร่งของเพื่ออย่างปลอบประโลม เพิร์ชเข้าใจดีว่าตอนนี้เพื่อนรักของเขากำลังรู้สึกอย่างไร
“ฮืออออ ทำไมคนที่นอนอยู่ตรงนั้นไม่เป็นกู” สกายนั่งกอดเข่าของตัวเองเอาไว้แน่น พร้อมกับร้องไห้ออกมาเจียนขาดใจ
เขาเอาแต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับชูใจไม่ขาดปาก สิ่งที่ไนท์คุยกับชูใจเขาได้ยินมันทุกประโยค ถ้าวันนั้นเธอไม่ได้เจอเขา และเขาไม่ได้ตกหลุมรักเธอ ชีวิตของชูใจในตอนนี้ก็คงจะมีแต่ความสุข ไม่ต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจอยู่แบบนี้
“ฮือออออ พี่ขอโทษ”
“มันไม่ใช่ความผิดของมึง” เพิร์ชเอ่ยบอกกับเพื่อนรักเสียงอ่อนด้วยความสงสารเพื่อนรักจับใจ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมานี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเห็นสกายเพื่อนรักของเขาร้องไห้แทบขาดใจอยู่ต่อหน้าของเขา
“ฮึกก ถ้ากูจัดการทุกอย่างให้ไวกว่านี้ชูใจก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ เพราะกู ฮืออออออ”
“มึงทำเต็มที่ที่สุดเท่าที่มึงจะทำได้แล้วเพื่อนรัก เลิกโทษตัวเองได้แล้วไอ้กาย”
“ฮือออ ออออออ !!!” เพิร์ชดึงร่างสูงตรงหน้าเข้าไปกอดเอาไว้ ชายหนุ่มลูบแผ่นหลังของสกายเบาๆ เพื่อปลอบประโลมเพื่อนรักในอ้อมกอด
“ฮึกกกก ความผิดกู ทั้งหมดเป็นความผิดของกู ฮือออออ” สกายยังคงเอาแต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น
“คนที่นอนอยู่ในนั้นควรเป็นกู ฮือออออ ไม่ใช่ชูใจ”
“ไอ้กาย / พี่สกาย” เสียงของเพิร์ชและน้ำมนต์ร้องเรียกร่างสูงตรงหน้าด้วยความสงสารและเป็นห่วงไปพร้อมๆ กัน
“ทั้งหมดเป็นความผิดของกู ฮึกกกกก”
“เรื่องของไนร่ามันไม่ใช่ความผิดของมึง มึงไม่ได้รักเธอมึงปฏิเสธเธอออกไปเป็นสิ่งที่ความทำที่สุดแล้ว...”
“ฮืออออออ”
“ไม่ว่าจะมึงหรือกูไม่มีใครผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งนั้น เราหวังดีและเป็นห่วงเขาได้แต่เราไม่มีสิทธิ์ไปรับผิดชอบชีวิตของใคร” เพิร์ชเอ่ยบอกกับเพื่อนรักออกไปตามตรง ก่อนหน้านี้เขาก็จมปรักอยู่กับความคิดแบบนี้เหมือนกันจนกระทั่งเขาได้เจอกับน้ำมนต์ เธอเหมือนเข้ามาปลดล็อคความรู้สึกพวกนี้ให้กับเขา
“จริงค่ะ น้ำมนต์มั่นใจว่าไนร่าเองก็คงไม่อยากให้พี่สกายโทษตัวเองอยู่แบบนี้หรอกนะคะ” น้ำมนต์ที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เธอรู้สึกสงสารร่างสูงตรงหน้าจับใจ
“ฮืออ ออออ อย่างทิ้งพี่ไปนะครับ” สกายพึมพำออกมาอย่างกับคนที่เสียสติ
“ฮึกกกก ชูใจจะต้องไม่เป็นอะไร ฮึกกกก กกกก” ตะวันที่นั่งร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของสามีเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครือ หลังจากที่เธอเห็นรถที่ชูใจน้องสาวของเธอประสบอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตา เธอเป็นลมหมดสติไปแล้วรอบนึง จนกระทั่งมาทิ้งโรงพยาบาลเธอก็ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ได้สติ
“ชูใจจะต้องไม่เป็นไรครับ” ฮันเตอร์เอ่ยบอกกับร่างบางในอ้อมกอดของเขา พร้อมกับประคองกอดเธอเอาไว้ไม่ยอมห่าง มือหนาลูบลงที่แผ่นหลังบางของเธออย่างปลอบประโลม
“ฮือออออ ตะวันกลัว”
“...” น้ำมนต์เช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง เธอมองไปยังสกายและตะวันก่อนจะหันกลับไปมองประตูบานให้ตรงหน้าอีกครั้ง น้ำมนต์มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นเธอ แต่เธอไม่สามารถเอ่ยบอกกับใครได้เลยในตอนนี้
‘ตาฝาด ฉันแค่ตาฝาด’ น้ำมนต์ทำได้เพียงบอกกับตัวเองซ้ำอยู่ภายในใจ
“ฮือออออ อออ”
“สกาย / สกายลูก”
“ม๊า ป๊า”
ม๊ากับป๊าของสกายเดินเข้ามาหาลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา ทั้งคู่เข้ามากอดลูกชายเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นลูกชายในอ้อมกอดของเขาร้องไห้เสียใจขนาดนี้มาก่อน
“หนูชูใจจะต้องไม่เป็นไรนะลูก” ม๊าเอ่ยบอกกับลูกชายเสียงอ่อน มือบางลูบลงที่แผ่นหลังแกร่งของคนตรงหน้าเบาๆ เพื่อปลอบประโลม น้ำสีใสไหลออกมาจากดวงตากลมสวยของหญิงวัยกลางคนไม่ขาดสาย เธอสงสารลูกสะใภ้ที่ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉินจับใจ และลูกชายเพียงคนเดียวของเธอที่กำลังร้องไห้เจียนจะขาดใจอ้อมกอดของเธอ
“น้องเป็นคนดี ยังไงพระท่านก็ต้องคุ้มครองลูก”
“ฮึกกกก ฮืออออ ชูใจเลือดไหลออกมาเต็มตัวเลยครับม๊า...” สกายเอ่ยบอกกับแม่ของเขาเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว ภาพของชูใจที่นอนจมกองเลือกอยู่ในอ้อมกอดของเขายังคงติดตาเขาอยู่เลย
“ตอนนี้น้องอยู่ในมือหมอแล้ว ม๊าเชื่อว่าน้องจะไม่เป็นไร”
“ถ้าชูใจเป็นอะไรไป ฮึกกกกก กายจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยครับ”
“ฮือออ แค่ผู้หญิงคนเดียวกายยังปกป้องไม่ได้”
“กายต้องตั้งสตินะลูก ม๊าเชื่อว่าหนูชูใจจะไม่เป็นอะไร”
“หมอว่ายังไงบ้างลูก?” ป๊าหันไปถามเพิร์ชที่ยืนอยู่ไม่ไกลเสียงเครียด ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังภรรยาและลูกชายของเขาด้วยความเป็นห่วง
“คุณหมอยังไม่ออกมาเลยครับป๊า”
“ถ้ายังไงเดี๋ยวผมของตัวเข้าไปคุยกับคุณหมอเจ้าของไข้ก่อนนะครับ” หมอเพิร์ชเอ่ยบอกกับผู้ใหญ่ตรงหน้าอย่างนอบน้อม
“ป๊าฝากด้วยลูก”
“ครับ”
3 ชั่วโมงต่อมา...
ห้องผ่าตัด
“ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสักครู่บุรุษพยาบาลจะพาคนไข้ไปพักยังห้องพักฟื้นนะคะ” พยาบาลเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับทุกคนที่รออยู่อย่างนอบน้อม
“มะ เมียผมเป็นยังไงบ้าง?”
“อีกเดี๋ยวคุณหมอจะขึ้นไปแจ้งอาการของคนไข้ที่ห้องพักฟื้นค่ะ”
“คะ ครับ / ขอบคุณมากค่ะ”
“เห็นไหมลูกคนดีๆ อย่างหนูชูใจพระต้องคุ้มครองอยู่แล้ว”
“ฮืออออ เก่งมากเลยน้องพี่” ตะวันกอดฮันเตอร์สามีของเธอเอาไว้จนแน่น ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมาด้วยความยินดีที่ได้ยินข่าวดีที่สุดของวันนี้
“ระหว่างรอน้องฟื้นขึ้นมา ม๊าคิดว่ากายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่านะลูก”
“ไม่เป็นไรครับ”
“พ่อเห็นด้วยกับม๊านะลูก หนูชูใจคงไม่สบายใจถ้าตื่นขึ้นมาเห็นสภาพลูกเป็นแบบนี้”
“ก็ได้ครับ”
ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกเลยที่ทุกคนสามารถยกยิ้มออกมาได้ ต่างจากน้ำมนต์ที่ต่อให้เธอรู้ว่าชูใจจะปลอดภัยแล้ว แต่...
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง