ห้องพักฟื้น...
“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ
“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่าง
สายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ
“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ
“ไอ้เพิร์ช?”
“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”
“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ
“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”
“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพึ่งได้ยิน
“ไอ้เพิร์ช?”
“...” เพิร์ชไม่ได้พูดคำใดออกมาเขาเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ หัวใจของสกายก็กระตุกวูบลงไปทันที
“ตะวัน” ตะวันได้ยินหมอหนุ่มตรงหน้าพูดจบเธอก็เป็นลมหมดสติล้มพับไปในอ้อมกอดของสามีของเธอทันที ข่าวร้ายที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ทำให้ทุกคนที่ได้ยินร้องไห้น้ำตาซึมออกมาด้วยความสงสารสกายกับชูใจจับใจ
“ช ชูใจ ฮือออออออ” เสียงม๊าร้องไห้โฮออกมาเจียนขาดใจทันทีที่ท่านรู้ว่าตัวเองได้สูญเสียหลานคนแรกไปแล้ว ร่างบางทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ก่อนที่ป๊าจะเข้ามาประคองเมียรักของท่านเอาไว้
“ม๊า!!!”
“...” สกายยืนนิ่งงันไม่ได้ขยับไปไหน เขายังคงช็อคกับสิ่งที่เขาพึ่งได้ยิน
“เดี๋ยวผมจัดการต่อเองครับ” เพิร์ชเอ่ยบอกกับคุณหมอที่ยืนอยู่ไม่ไกล หมอหนุ่มก้มหัวให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักทันที
เพิร์ชมองไปยังน้ำมนต์ภรรยาตัวน้อยของเขาที่กำลังช่วยปฐมพยาบาลให้กับม๊าอยู่ไม่ไกล เพิร์ชเดินเข้ามาหาสกายเพื่อนรักของเขาก่อนจะเอ่ยเรียกร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน มือหนาจับไหล่แกร่งของเพื่อนรักเอาไปเบาๆ เพื่อปลอบประโลม
“ไอ้กาย”
“ไม่จริงใช่ไหมไอ้หมอ...?”
“...”
“มึงบอกกับกูทีว่ามันไม่จริง” สกายเอ่ยถามหมอเพิร์ชออกมาเสียงเรียบ ในขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังร่างบางตรงหน้าอย่างอึ้งๆ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชูใจอุ้มท้องลูกของเขาอยู่
“พี่สกาย...” เสียงของตะวันดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะเดินเข้ามาใกล้เตียงของน้องสาวโดยมีฮันเตอร์สามีของเธอคอยประคองเอาไว้ไม่ยอมห่าง
“ฮึกกกก กกก ตะวันขอโทษนะคะ”
“ชูใจท้องจริงๆ เหรอครับ”
“ค่ะ ชูใจเองก็พึ่งรู้เหมือนกัน น้องไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังพี่สกายหรอกนะคะ”
“...”
“เรื่องเกิดขึ้นมากมาย ฮึกกกกก กกก” ตะวันเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกมาเสียงสั่น เธอไม่ได้อยากจะปิดบังใครเลย แต่เป็นเพราะน้องสาวของเธอขอร้องเอาไว้เธอจึงจำเป็นต้องทำ แม้แต่ฮันเตอร์สามีของเธอก็พึ่งรู้เรื่องนี้พร้อมกับทุกคน
“ชูใจโกรธพี่มากเลยเหรอครับ น้องถึงได้ไม่บอกเรื่องนี้กับพี่” สกายเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังร่างบางที่นอนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เจ็บปวดจนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดอย่างไร
“ไม่เลยค่ะ...ชูใจไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดพี่สกายเลยนะคะ”
“...”
“น้องรักพี่สกายมาก ฮึกกกก น้องบอกกับตะวันว่าน้องจะบอกทุกอย่างเอง เมื่อพี่สกายจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” ตะวันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงสั่น พร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเองไปด้วย
“ถึงกูจะไม่รู้มาก่อนว่าชูใจกำลังตั้งท้องลูกของมึงอยู่ แต่กูก็มั่นใจว่าน้องรักและเชื่อใจมึงจริงๆ นะไอ้กาย”
“ถ้ากูจัดการเรื่องทุกอย่างไวกว่านี้ เรื่องพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น”
“มันไม่ใช่ความผิดของมึงไอ้กาย”
“...”
สกายยกยิ้มออกมาก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักของชูใจอย่างเงียบๆ สายตาทุกคู่มองตามชายหนุ่มที่กำลังเดินออกไปด้วยความเป็นห่วง
“พี่ฮันเตอร์กับพี่เพิร์ชตามพี่สกายไปเถอะค่ะ ทางนี้ตะวันกับน้ำมนต์จะอยู่ดูแลเองค่ะ”
ตะวันเอ่ยบอกกับสามีของออกไปเสียงสั่น เธอรู้ดีว่าในตอนนี้สกายเองก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างจากชูใจ ถึงตอนนี้เขาจะไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายออกมาให้ใครเห็น แต่เธอก็มั่นใจว่าเขาคืนคนที่ทรมานมากกว่าใคร
พ่อที่ต้องสูญเสียลูกไปตลอดกาล มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“...” สกายเดินไปยังทางเดินตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย โดยมีเพิร์ชกับฮันเตอร์เพื่อนรักของเขาเดินตามไปไม่ห่าง ทั้งสองไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาพวกเขาเพียงแค่เดินตามสกายออกไปเงียบๆ เท่านั้น
สกายเดินขึ้นบันไดมาหยุดอยู่บนชั้นด่านฟ้าซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาล ร่างสูงทรุดตัวนั่งคลุกเข่าลงกับพื้นอย่างหมดแรง ชายหนุ่มยังคงจับจ้องไปยังวิวเมืองตรงหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“โธ่โว้ยยยย!!!”
ฮันเตอร์กับเพิร์ชมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่พวกเขาจะหันไปมองเพื่อนรักที่นั่งอยู่ไม่ไกลอีกครั้ง ขนาดพวกเขาไม่ใช่คนที่สูญเสียพวกเขายังเจ็บปวดขนาดนี้...ไม่อยากจะคิดเลยว่าสกายเพื่อนรักของเขาต้องแบกรับความเจ็บปวดไว้มากแค่ไหน
“ฮืออออ อออ ทำไมเรื่องมันต้องจบแบบนี้ด้วยวะ”
“.../...”
“กูแม่งเป็นผู้ชายที่เฮงซวยจริงๆ ฮึกกกก แค่เมียกับลูกกูยังดูแลไม่ได้” สกายร้องไห้สะอึกสะอื้อออกมาจนตัวโยน มือหนาข้างหนึ่งทุบลงที่อกข้างซ้ายของเขาอย่างแรงเพื่อระบายความอึดอัดในใจ
“ไอ้กาย...กูรู้นะเว้ยว่ามึงเสียใจ ถ้ามึงอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลย พวกกูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงเอง” ฮันเตอร์เดินเข้ามาตบบ่าแกร่งของเพื่อนรักเบาๆ เพื่อปลอบประโลม ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ในขณะที่มือหนาอีกข้างค่อยๆ เช็ดน้ำตาออกจากแก้มของตัวเอง
“ฮือออออ”
“มึงอยากร้องมึงร้องให้พอเพื่อนรัก...กูไม่ได้อยากให้มึงรีบเข้มแข็งหรอกนะไอ้กาย แต่เมื่อไหร่ที่ชูใจฟื้นขึ้นมา มึงรู้ใช่ไหมว่ามีแค่มึงคนเดียวที่จะปลอบน้องได้ดีที่สุด”
“...”
“กูรู้ว่ามึงเจ็บปวดกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่มึงอย่างลืมนะเพื่อน...ชูใจเองก็คงเสียใจไม่น้อยไปกว่ามึง กูเชื่อว่าน้องเองก็พยายามปกป้องลูกของตัวเองอย่างสุดความสามารถแล้วเหมือนกัน” เพิร์ชเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปตามตรง
“ไอ้เพิร์ชพูดถูก...พวกกูอยากให้มึงเข้มแข็งเพื่อชูใจ แม่ที่พึ่งเสียลูกไปความรู้สึกของน้องคงแตกสลายไม่ต่างจากมึง”
“จริงของพวกมึง” สกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะมองหน้าเพื่อนรักทั้งสองคน ก่อนที่เช็ดคราบน้ำตาที่อาบแก้มทั้งสองของตัวเองอย่างเบามือ
“ขอบคุณพวกมึงมากที่เตือนสติกู เราไปกันเถอะกูอยากให้ชูใจตื่นขึ้นมาเจอกูเป็นคนแรก”
“มึงไหวแล้วใช่ไหม?” เพิร์ชเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าของเขาออกมาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“กูไหว...”
[ชูใจ]
วันต่อมา...
“อื้ออออ” ฉันค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะมองไปยังชายหนุ่มที่ฉันคุ้นเคยอย่างไม่เข้าใจว่าเขามานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร
“พี่สกายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“อะ โอ้ย!!” ฉันร้องออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บร้าวระบมไปทั้งตัว คิ้วเรียวของฉันขมวดผูกกันเป็นปมพร้อมกับภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับฉันก่อนหน้านี้ ค่อยๆ ฉายเข้ามาในหัวของฉัน
“ระวังครับ”
“พี่สกาย!!”
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะเอ่ยเรียกเขาออกมาเสียงอ่อน มือบางของฉันลูบลงที่หน้าท้องแบนราบของตัวเองเอาไว้ไม่ยอมห่าง
“ลูก...?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไป ก่อนจะมองไปที่เขาพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆ เอ่อล้นออกมาจากดวงตาของฉัน
“ชูใจ”
“ขา”
“ละ ลูกไม่อยู่กับเราแล้วนะครับ...” พี่สกายตอบฉันกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ฉันสัมผัสได้ว่าเขาเองก็พยายามอย่างมากที่จะเอ่ยประโยคนี้ออกมา แต่ฉันไม่อาจจะเชื่อเขาได้จริงๆ ฉันสัมผัสได้ว่าลูกยังอยู่กับฉันเขาไม่มีทางทิ้งฉันไป
“มะ ไม่จริงค่ะ พี่สกายโกหกแบบนี้หนูไม่ตลกด้วยนะคะ” ฉันยกยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงใส ก่อนที่ฉันจะชะงักไปทันทีที่เห็นน้ำสีใสค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาของร่างสูงตรงหน้า
“หนูรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว หนูไม่โกรธพี่สกายแล้ว แต่ถ้าพี่โกหกหนู ฮึกกกกก หนูจะโกรธพี่จริงๆ นะคะ”
“ขอโทษนะครับ”
“พี่ก็อยากให้มันเป็นแค่เรื่องโกหกเหมือนกันครับ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับลูบลงที่แก้มของฉันอย่างอ่อนโยน
“มะ ไม่จริงใช่ไหม ฮือออออ” ฉันซบหน้าลงกับฝามือของเขาก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย
พี่สกายดึงฉันเข้าไปกอดไว้แนบอก มือหนาลูบลงที่แผ่นหลังบางของฉันอย่างต้องการจะปลอบประโลม
ภายในหัวของฉันเอาแต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น ถ้าฉันระวังตัวเองดีกว่านี้ ถ้าฉันไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ฉันก็คงไม่ต้องสูญเสียลูกไปแบบนี้
“ฮึกกกก ฮือออออ ทั้งหมดเป็นความผิดของหนู”
“ไม่ใช่ความผิดหนูหรอกนะครับ พี่รู้ว่าหนูพยายามเต็มที่ที่สุดแล้ว”
“ฮือออออ ออออ หนูจะทำอย่างไรดี” ฉันยังคงร้องไห้ออกมาอย่างหนักเจียนจะขาดใจอยู่ในอ้อมก่อนของพี่สกาย ในตอนนี้ฉันไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากความรู้สึกพวกนี้ได้จริงๆ
จุ๊บ!!!
“อย่าโทษตัวเองครับเด็กดีของพี่ ฮึกกกก ลูกของเราขึ้นไปอยู่บนฟ้าแล้วนะครับ สักวันหนึ่งเราต้องมีโอกาสได้เจอเขาอีก”
“ฮึกกกก ฮืออออ”
“ดะ เด็กดีของพี่” น้ำตาของชายหนุ่มไหลอาบสองแก้ม ก่อนที่เขาจะซุกหน้าลงกับไหล่มนตรงหน้า เขาพยายามที่จะเข้มแข็งเพื่อคนรักเพื่อทุกคนแล้ว แต่ยิ่งเขาพยายามมากเท่าไหร่เขาก็รับรู้ได้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง
“ฮือออออ หนูจะทำอย่างไงดี”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะอยู่ด้วยกัน...”
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง