เมื่อวางสายจากเพื่อนแล้วปณาลีก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นข้างถนนอย่างไม่สนสายตาใคร เธอปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาอย่างหนักด้วยความเสียใจ หัวใจของเธอแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ความรักที่เธอทุ่มเทไปตลอดสามปีที่ผ่านมามันจบลงแล้วจริงๆ
ไม่นานนัก รถของภัทรมนก็ขับมาจอดลงตรงหน้าเธอรีบลงจากรถและตรงเข้ามาสวมกอดเพื่อนด้วยความรู้สึกเห็นใจ
“ไม่เป็นไรนะแก…ไม่เป็นไร” ภัทรมนปลอบโยนพลางลูบหลังปณาลีอย่างอ่อนโยน
ปณาลีร้องไห้ซบกับอกของเพื่อนอย่างหนักจนตัวโยน
“มน…ฉันผิดอะไร…ทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับฉัน” เธอถามทั้งน้ำตาด้วยเสียงที่ขาดห้วง
“แกไม่ได้ผิดอะไรเลยยี่หวาเขาผิดเองที่ทิ้งแกไป ไปที่บ้านฉันก่อนนะ”
ภัทรมนขับรถพาปณาลีมาที่บ้าน ระหว่างทางก็โทรศัพท์ไปหาวนรัตน์
“รัตน์ แกมาที่บ้านฉันได้ไหม”
“มีอะไรหรือเปล่ามน ฉันได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้”
“มาที่บ้านฉันก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”
“ฉันจะรับไปนะไม่เกินสิบห้านาทีเจอกัน”
บ้านของภัทรมนและวนรัตน์อยู่ไกลเท่าไหร่การมาเจอกันจึงใช้เวลาไม่นาน
ปณาลียังร้องไห้ไม่หยุดแต่ภัทรมนก็ไม่ได้พูดอะไรเธอปล่อยให้เพื่อนได้ร้องไห้ออกมาเพราะเข้าใจถึงความผิดหวังและเสียใจดี บางคนอาจอยากให้ใครสักคนอยู่ข้างๆ แค่รับฟังโดยไม่ต้องพูดอะไร
เมื่อมาถึงบ้านภัทรมนก็พาปณาลีเข้าไปนั่งในห้องรับแขกหาน้ำและเตรียมทิชชูมาวางไว้ใกล้ๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ให้เพื่อนพิงศีรษะลงบนไหล
เสียงเปิดประตูดังขึ้นภัทรมนหันไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นวนรัตน์ก็รีบกวักมือให้รีบเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมยี่หวาถึงได้ร้องไห้แบบนี้ล่ะ”
“ก็พี่นนท์น่ะสิ”
“เขาไม่ขอแต่งงานเหรอ แต่ฉันเห็นเขาซื้อแหวนจริงๆ นะพนักงานก็บอกว่าเขาซื้อไปขอแฟนแต่งงาน” วนรัตน์กระซิบกับภัทรมน
“ถ้าแค่ไม่ขอแต่งงานยัยยี่หวาคงไม่ร้องไห้แบบนี้หรอก แต่นี่เขาขอเลิกกับเพื่อนของเราด้วย” ภัทรมนอธิตามที่ปณาลีบอกเธอเองก็ยังไม่ได้ถามอะไรมากเพราะจะรอให้วนรัตน์มาถึงก่อน
“อะไรนะ มันเกิดอะไรขึ้นยี่หวา นี่แกร้องไห้มานานแล้วใช่ไหม ดูสิตาบวมหมดแล้ว”
“พี่นนท์เขาไม่ได้ขอฉันแต่งงานอย่างที่ฉันคิดไว้ เขาบอกเลิกฉัน เขาขอลดสถานะ เป็นแค่พี่น้อง เขาบอกว่าว่าเราไปด้วยกันไม่ได้และตอนนี้เขายังไม่อยากคิดถึงเรื่องความรัก แต่ฉันว่านั่นมันคำโกหก เขาต้องมีคนอื่นแน่” เธอเล่าพร้อมเสียงสะอื้น
“ยี่หวาฉันขอโทษนะ ฉันไม่น่าบอกแกเรื่องแหวนเลย” วนรัตน์รู้สึกผิดมากที่ไปพูดให้เพื่อนมีความหวังทั้งที่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
“แกไม่ผิดหรอกรัตน์ ถึงแกไม่บอกเรื่องนี้พี่นนท์เขาก็ขอเลิกฉันอยู่ดี”
“ฉันว่าลองคุยกันอีกทีดีไหม ห่างกันสักพักเดี๋ยวพี่นนท์เขาก็รู้ใจตัวเองแล้วกลับมาง้อ” ภัทรมนพยายามจะมองโลกในแง่ดี
“จะบ้าเหรอมน พี่นนท์เขาทำเพื่อนเราเสียใจขนาดนี้เขาจะกลับมาง้อเหรอ ยี่หวาแกอย่าไปฟังยัยมนนะ ถ้าเขากลับมาง้อแกห้ามคืนดีกับเขาเด็ดขาด เจ็บแล้วต้องจำนะแก”
“ฉันคิดว่าเขาคงไม่กลับมาแล้วล่ะ ฉันอยากลืมเขา ลืมเรื่องวันนี้ทั้งหมด” ปณาลีพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด
“แกกับเขาคบกันมานานเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา ช่วงนี้แกก็หาอะไรทำนะจะได้ไม่คิดมาก” ภัทรมนเห็นใจเพื่อนแต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังไงเพราะบาดแผลในใจมันหายยากขนาดเธอเองเลิกกับแฟนมาหนึ่งปีแล้วยังรู้สึกเจ็บและเข็ดจนไม่คิดจะมีความรักอีก ยังดีที่ว่าเธอเป็นครูสอนชั้นอนุบาลเวลาในแต่ละวันเลยอยู่กับเด็กๆ พอกลับถึงบ้านก็หลับเป็นตายเพราะใช้พลังงานไปเยอะ
“แต่ฉันมีวิธีที่จะลืมนะ อย่างน้อยก็คืนนี้แหละ”
“วิธีไหนเหรอรัตน์บอกฉันมาสิ ฉันอยากลืม”
“ไปกินเหล้ากันไงล่ะ เมาให้เต็มที่ไม่ต้องคิดอะไรมากพรุ่งนี้ก็วันหยุดจะตื่นตอนไหนก็ได้ไม่มีใครต้องทำงาน ฉันก็อยากเมาเหมือนกัน” วนรัตน์เสนอ
“งั้นแกสองคนเมาให้เต็มที่เลยนะฉันจะเป็นสารถีให้เอง”
“แต่ฉันไม่อยากไปชุดนี้หรอกนะ ขอกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม” วนรัตน์มองกางเกงยีนเสื้อยืดที่ตัวเองใส่มาจากคอนโดแล้วส่ายหน้า
“ไม่ต้องไปหรอกเอาชุดฉันใส่ไปก็ได้ ยี่หวาล่ะอยากเปลี่ยนชุดไหม”
“อือ”
ภัทรมนหาชุดเดรสเกาะอกสีแดงเพลิงมาให้ปณาลีสวม ซึ่งเป็นชุดที่ภัทรมนซื้อมานานแล้วแต่ไม่เคยกล้าใส่ ปณาลีรับชุดมาและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด หญิงสาวรู้สึกว่าชุดสีขาวเมื่อครู่มันช่างตลกสิ้นดีกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้
เมื่อปณาลีเดินออกมาจากห้องน้ำ ภัทรมนกับวนรัตน์ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ปณาลีในชุดเดรสสีแดงรัดรูปนั้นดูร้อนแรงและเซ็กซี่มากจนพวกเธอไม่เชื่อสายตา
“โห…ยี่หวานี่แกจริงๆ เหรอเนี่ย” วนรัตน์อุทานออกมา
“สวยมากยี่หวา สวยจนฉันอยากจะถ่ายรูปแกเก็บไว้เลย” ภัทรมนเอ่ยชมด้วยความจริงใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเพื่อนไว้และติดจะเอาลงในไอจีเผื่อใครบางคนผ่านมาเห็นจะได้รู้สึกเสียดาย
ปณาลีมองตัวเองในกระจกด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองสวยเลยแม้แต่น้อย แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเศร้าหมอง
“ไปเถอะ ฉันอยากเมาแล้ว” ปณาลีบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่สดชื่นเท่าไหร่
“ไปที่ไหนกันดี” คนรับอาสาขับรถหันมาถามความคิดเห็นเพราะเธอไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้เท่าไหร่
“ไปผับxxxสิฉันเคยได้ยินคนที่ทำงานไปบ่อย เดี๋ยวฉันบอกเองว่าอยู่ตรงไหน” วนรัตน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดจีพีเอสจากนั้นก็บอกเส้นทางให้กับภัทรมนจนมาถึงหน้าผับ
บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยแสงสีเสียงที่ดังกระหึ่มกระตุ้นโสตประสาทให้ครึกครื้น ผู้คนออกมาเต้นและดื่มกินอย่างสนุกสนานไม่มีใครสนใจใคร ต่างสนใจแค่ความสนุกของตนเองเท่านั้น ภัทรมนกับวนรัตน์พาปณาลีมานั่งที่โต๊ะที่อยู่ด้านใน
“แกอยากกินอะไร สั่งมาเลยนะ เมาให้เต็มที่เลย”
“อะไรก็ได้ที่แรงๆ” ปณาลีตอบสั้นๆ
“แกคออ่อนเอาเบาๆ ไปก่อนเถอะจะได้สนุกกันนานไงล่ะ” วนรัตน์สั่งค็อกเทลที่มีแอลกอฮอล์มามากให้ปณาลีกับตัวเองและสั่งม็อกเทลให้ภัทรมน
ปณาลีนั่งดื่มค็อกเทลไปสองแก้วแต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงความเมาเลยสักนิด แสงสีเสียงตรงหน้ามาทำให้เธอรู้สึกสนุกเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้หญิงสาวต้องการแค่ความเมาเท่านั้น
“แกฉันกินแบบนี้อีกสิบแก้วฉันก็ไม่เมา แกสั่งอะไรที่มันแรงๆ มาให้ฉันหน่อยได้ไหมรัตน์”
วนรัตน์พยักหน้าก่อนจะเรียกพนักงานเสิร์ฟมาและสั่งวอดก้าเพียวๆ มาให้ปณาลีหนึ่งแก้ว
ปณาลีรับแก้ววอดก้ามาแล้วดื่มรวดเดียวหมดแก้วโดยไม่มีอาการสะทกสะท้านใดๆ ภัทรมนกับวนรัตน์มองหน้ากันด้วยความตกใจเพราะปกติปณาลีเป็นคนดื่มไม่เก่ง
“ยี่หวา แกไม่เป็นไรนะ” ภัทรมนเรียกเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไร ฉันแค่อยากเมาจะได้ลืมคนเลวไปซะ” ปณาลีตอบพลางยิ้มเศร้าๆ
เธอขอเหล้าจากเพื่อนเพิ่มอีกหลายแก้วและดื่มมันเข้าไปอย่างต่อเนื่องด้วยความต้องการที่จะลืมเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น
ปณาลีและศิลาไม่สามารถเก็บความลับไว้ได้นานพวกเขาตัดสินใจบอกปณวัฒน์ว่าตอนนี้กำลังคบหากันอยู่ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปณวัฒน์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าพี่สาวตนเองมีคนดีๆ อย่างศิลาคอยดูแลและศิลาก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่เข้ามาในชีวิตของปณาลีแล้วปณวัฒน์ยอมรับเขาอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เพราะเขามีอาชีพการงานดีมั่นคงแต่เพราะปณวัฒน์เห็นว่าคุณอาหนุ่มข้างบ้านคนนี้รักพี่สาวของเขาจริงๆ สายตาที่ศิลามองปณาลีนั้นปณวัฒน์รู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยจนปิดเอาไว้ไม่มิดแม้ว่าตกลงคบหาและบอกน้องชายให้รับรู้แล้วแต่ทั้งสองก็ยังคงอยู่กันคนละบ้านแต่จะเปลี่ยนไปนอนบ้านหลังนั้นทีหลังนี้ทีทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองวันแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นพรุ่งนี้ก็เป็นวันวันอาทิตย์ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ศิลาวางแผนเอาไว้แล้วว่าคืนวันเสาร์เขาจะไปหาเธอที่ห้องแล้วจะเป็นคนแรกที่มอบดอกกุหลาบให้เธอในวันวาเลนไทน์ เขาชอบที่ทำเซอร์ไพรส์ให้ปณาลีเพราะชอบที่เห็นสีหน้าดีใจตื่นเต้นแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ เธอก็ทำให้เขายิ้มได้อยู่ตลอดบ่ายวันเสาร์ทั้งสองช่วยกันทำอาหารก่อนจะทานด้วยกันจากนั้นก็นั่งดูทีวีด้วยกันจนถึงสี่ทุ่มศิลาก็ขอต
“อาศิลาคิดว่าพี่สาวผมเป็นยังไงบ้างครับ” ปณวัฒน์ถามขณะทั้งสองมานั่งดูฟุตบอลด้วยกันบริเวณห้องรับแขก“ก็ดีนะ ยี่หวาเป็นคนจิตใจดีทำอาหารอร่อยมากๆ ด้วย”“ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”“แล้วปัณหมายถึงแบบไหน” ศิลาแกล้งถาม“ผมหมายถึงว่าในมุมมองของอาศิลาพี่สาวผมพอจะเป็นแฟนอาศิลาได้ไหม”“นี่อานึกว่าปัณพูดเล่นนะ”“ผมไม่ได้พูดเล่นครับ ผมรู้สึกสบายใจมากๆ ที่อาศิลาย้ายมาอยู่ข้างบ้าน ได้ช่วยดูแลพี่สาวของผม” เขาพูดออกมาจากใจจริง ปณวัฒน์เป็นห่วงพี่สาวมากแต่เมื่อมีศิลาอยู่ข้างบ้านเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น“แต่ไม่มีใครดูแลพี่สาวปัณได้ดีเท่าปัณหรอกนะ”“ไม่เลยครับ ผมยังเด็กดูแลพี่สาวได้แค่เล็กน้อยแต่ผมอยากให้อาศิลาช่วยดูแลพี่ยี่หวา”“ทำไมปัณพูดเหมือนจะไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ”“ผมพูดเผื่อไว้ครับพี่ ผมเป็นผู้ชายนะอนาคตต้องออกไปเผชิญโลกจะให้ผมอยู่บ้านกับพี่สาวตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้”“แล้วปัณไว้ใจอาเหรอถึงได้ฝากพี่สาวไว้กับอาแบบนี้”“ผมไว้ใจอาศิลาครับ อาเป็นผู้ใหญ่ผ่านอะไรมาเยอะผิดหวังกับความรักมาแล้ว ผมว่าอาศิลาเข้าใจความรู้สึกนั้นดีและคงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับใครใช่ไหม” เขาจ้องศิลาอย่างต้องการคำตอบ“ปัณรู้ไหม ปัณดูเป็นผู
ความสัมพันธ์ระหว่างศิลาและปณาลีพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นผ่านมาสามเดือนแล้วที่ทั้งสองคบหากันแบบไม่มีสถานะ แต่ความสุขกับเต็มเปี่ยม พวกเขาใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่เติมเต็มความรู้สึกดีๆ ให้กันในวันช่วงปิดเทอมเป็นช่วงที่ปณาลีกังวลมากที่สุดเพราะปณวัฒน์จะกลับมาอยู่บ้านและเธอกลัวเหลือเกินว่าน้องชายจะสังเกตเห็นว่าเธอกับคุณอาข้างบ้านไม่ได้เป็นแค่เพื่อนบ้านกันอีกต่อไปแล้วเย็นนี้ปณวัฒน์กลับจากหอพักโดยมีศิลาเป็นคนอาสาไปรับทั้งสองคนช่วยกันทำอาหารเย็นก่อนจะถึงเวลาที่ปณาลีจะกลับมาจากที่ทำงานหญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นศิลาและปณวัฒน์กำลังช่วยกันทำอาหารอยู่ในครัวด้วยความตั้งใจ“พี่ยี่หวากลับมาแล้วเหรอ”“ทำอะไรกันอยู่เหรอ”“วันนี้ผมกับอาศิลาช่วยกันทำกับข้าว พี่มาดูสิว่ามันน่ากินขนาดไหน”ปณาลีวางกระเป๋าถึงลงบนโซฟาจากนั้นก็เดินมาในห้องครัวและมองบนโต๊ะที่มีผัดวุ้นเส้น น้ำพริกกะปิปลาทูทอดผักทอดและต้มยำรวมมิตรอีกหนึ่งอย่าง“น่ากินทั้งนั้นเลยช่วยกันทำสองคนเหรอ”“เปล่าหรอกยี่หวาส่วนใหญ่จะเป็นฝีมือปัณนะ อาก็แค่ช่วยหยิบจับแล้วก็หั่นพักบ้าง อาทำกับข้าวไม่เก่ง”“อาศิลาไม่ต้องทำกับข้าวเป็นหรอกครับ ให้พี่ยี่หวาเป็นคนทำให้กิ
“คนเก่งของอาเหนื่อยไหม” เขากระชับร่างหญิงสาวไว้แน่น แม้จะปลดปล่อยไปแล้วแต่เขายังไม่อิ่มเลยสักนิด ยิ่งสุขสมก็ยิ่งอยากได้เพิ่ม เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะกลายเป็นคนเซ็กซ์จัดมากขนาดนี้“อาศิลาล่ะคะ” ปณาลีเลือกที่จะถามกลับเพราะคนที่ออกแรงคือเขาไม่ใช่เธอ“ไม่เลย ถึงอาจะอายุเยอะแต่อาคิดว่าเรื่องนี้อาไม่มีทางแพ้ใครแน่ ยี่หวาเชื่ออาไหมล่ะ” ศิลาถามขณะไล้ปลายนิ้วไปตามผิวเนียนกระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาวอย่างช้าๆ“ยี่หวาเชื่อว่าอาศิลาแรงดี”“ไม่ใช่แค่แรงดีนะยี่หวาเอวอาก็ยังดีด้วย ยี่หว่าทำให้อากลับมาเป็นหนุ่มและเสียวจนแทบขาดใจทุกครั้งอาไม่เสียน้ำให้ใครมากเท่านี้มาก่อน จากนี้อาคงขาดยี่หวาไม่ได้”“อาศิลาก็ทำให้ยี่หวามีความสุขทำให้ยี่หวาก็จะขาดอาไม่ได้เหมือนกันแต่คืนนี้.....” หญิงสาวตอบออกมาจากความรู้สึกใจเธอตอนนี้มันมีเขาเข้ามาแล้วแต่ยังไม่อยากยอมรับเพราะกลัวความผิดหวัง“อย่าห้ามอาเลย แรงอายังเหลือ ยี่หวาก็หายเหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ”ศิลาลูบไล้ไปตามผิวเนียนนุ่มอย่างหลงใหล สองมือเริ่มนวดเฟ้นอกอิ่มปลุกเร้าให้คนที่นอนพิงอยู่รู้สึกเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง ปณาลีรับรู้ได้ถึงความต้องการของชายหนุ่มเพราะท่อนเอ็นร้อนกำลั
ศิลาเพิ่มความเสียวซ่านให้กับปณาลีด้วยการขบเม้มลงบนเต้าอวบตรงหน้าก่อนจะดูดเข้าปากร้อนสลับไปมาจนหญิงสาวหูอื้อตาลายไปหมดเธอครางเรียกชื่อเขาแทบไม่ขาดปากเพราะความเสียวซ่านที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ“อื้อ...อาศิลา ยี่หวาเสียว”“อาก็เสียวมาก ยี่หวาของอาเก่งมาก...อ้า....ยี่หวาของอา”แรงบีบรัดของร่องสวาททำให้ศิลาครางแหบพร่าเมื่อหญิงสาวสะบัดสะโพกพลิ้วขึ้นลงไปตามอารมณ์ปรารถนา เสียงเนื้อกระทบกันไปทั่วรถ“อาศิลาขา....ไม่ไหว เสียวเกินไปแล้ว ยี่หวาใจจะขาด.....”“เสียวแล้วชอบไหม”“ยี่หวาชอบค่ะอาศิลา มันเสียว อื้อ....อาศิลาอ้า.....”ปณาลีกรีดร้องพร้อมเกร็งกระตุกรับท่อนเอ็นที่กระแทกเข้าหาอย่างหนักหน่วง ร่องสาวทตอดถี่กระตุ้นให้ศิลาส่งตัวตนเข้าออกอย่างไม่พักแล้วเขาก็สุขสมตามเธอไปติดๆ ทั้งสองหอบเหนื่อยจนตัวโยน“อาศิลายี่หวาหมดแรง”“แค่รอบเดียวเองนะยี่หวา”“แต่เมื่อกี้ยี่หวาเป็นคนทำ อาศิลาเอาเปรียบตัวเองไม่ได้ออกแรงเลย”“งั้นจากนี้ยี่หวาแค่นอนครางก็พอนะที่เหลืออาจัดการเองตกลงไหม”ศิลาดึงท่อนเอ็นออกแล้วอุ้มเธอกลับไปที่เดิมก่อนจะสวมกางเกงแล้วเดินอ้อมไปอุ้มหญิงสาวจากเบาะข้างคนขับ“เดี๋ยวสิคะอาศิลา ยี่หวาขอใส่เสื้
ปณาลีฉลองกับเพื่อนสนิทที่ร้านอาหารใจกลางเมือง เสียงหัวเราะและบทสนทนาสนุกสนานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง“ยี่หวา ฉันว่าคุณศิลาเขาเป็นคนดีนะ ตกลงคบกับเขาเถอะ” วนรัตน์พูดขึ้นหลังจากปณาลีเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้สนิทกับเขามากขึ้น“แล้วเรื่องข่าวลือว่าเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศล่ะ ฉันกลัวว่ายี่หวาแต่งงานไปจะแห้งเหี่ยวเอานะ” ภัทรมนเป็นห่วง“เรื่องนั้นอาจจะแค่ข่าวลือก็ได้นะมน ฉันเองก็ฟังเขามาอีกที”คำพูดของเพื่อนทำให้คนฟังหน้าแดงเพราะศิลาไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นพูดถึงเลยเขาไม่ได้เสื่อมเลยสักนิดบางทีปณาลียังคิดว่ามันมากไปด้วยซ้ำและเธอก็ยอมเขาทุกครั้งเช่นกัน“ยี่หวาแกเมาแล้วเหรอหน้าแดงมาก”“เมาที่ไหนวันนี้ฉันแค่เบียร์ไปสองแก้วเองไม่มาหรอกน่า”“ไม่เมาก็ดีแล้ว วันนี้คุณศิลาเขาจะมารับใช่ไหมล่ะ เมามากๆ เขาลากขึ้นเตียงจะยุ่งเอานะ”“แกก็อย่าพูดแบบนี้สิมนเดี๋ยวยี่หวามันก็กลัวเจ้านายฉันหรอก ฉันอยากให้ยี่หวากับคุณศิลาคบกันนะ”“ไหนลองบอกมาสิว่าเจ้านายแกมีดีอะไรบ้างเผื่อว่าฉันจะลองเปิดใจ” ปณาลีอยากรู้มุมมองของวนรัตน์ที่มีต่อศิลาว่าเธอจะเห็นเหมือนกับที่ตนเองเห็นหรือเปล่า“ก็คุณศิลาเป็นเจ้านายที่ดี ไม่ถือตัว ขยันทำงานมาก