เข้าสู่ระบบร่างบางเดินเข้ามาหย่อนสะโพกนั่งในห้องทำงานด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยโอเคเท่าไรนัก เธอคิดว่ามาคลินิกแล้วจะทำให้ลืมเรื่องการหมั้นได้บ้างที่ไหนได้กลับต้องเจอปีศาจในคราบเทพบุตรตามมาหลอกหลอนอีก มือเล็กยกขึ้นนวดขมับตัวเองวนไปมาเบา ๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายพร้อมกับปิดตาลงช้า ๆ
แกร๊ก! เปลือกตาบางปิดได้เพียงสองนาทีเท่านั้นก็ต้องปรือขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือเพื่อนสาวคนสนิทจึงหลับตาต่อ "เป็นอะไรเหมย" อิงฮวาเดินมาหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานเพื่อนสาว ก่อนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีของเธอมือเล็กเอื้อมไปแตะหน้ามนเบา ๆ เพื่อเช็คดูว่าเพื่อนสาวไม่สบายหรือเปล่า "รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยนะ" คนโดนถามเอ่ยทั้งที่ตายังปิดอยู่ "แล้วหายาทานหรือยัง" "ยังอะไม่อยากทานเดี๋ยวก็หายเองแหละ" "แกอย่าคิดมากนักเลยปล่อยวางบาง" อิงฮวาเอ่ยพร้อมกับตบลงบนบ่าเพื่อนสาวเบา ๆ เชิงให้กำลังใจเธอรู้ว่าเรื่องที่ทำให้เพื่อนสาวเครียดได้ขนาดนี้คงไม่พ้นการหมั้น "ก็ไม่อยากจะคิดมากหรอกแต่นี่มันชีวิตทั้งชีวิตของฉันเลยนะ..ยังไงป๊าก็จะให้ฉันหมั้นให้ได้แถมวันนี้ยังจะนัดดูตัวกันอีก" "แล้ว.." อิงฮวาเลิ่กคิ้วขึ้นสูงมองหน้าเพื่อนสาวเชิงตั้งคำถาม "ฉันไม่ไปหรอกหัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่หมั้น" "แต่ฉันว่าแกควรกลับไปดูหน้าว่าที่คู่หมั้นตัวเองสักหน่อยไหม" "จะดูทำไมถึงยังไงฉันก็ไม่หมั้นอยู่แล้ว" หญิงสาวยืนยันเสียงหนักแน่นไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมหมั้นกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักเด็ดขาด "เอาที่แกสบายใจแล้วกัน" "เออ..เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามาฉันเห็นคนหล่อของแกด้วยอะมากับน้องหงส์" อิงฮวาเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากนั่งเงียบมาสักพักเมื่อนึกบางอย่างออก "เขาเป็นพี่ชายน้องหงส์แล้วอีกอย่างเขาไม่ใช่คนหล่อของฉันแกเลิกแหย่ฉันสักที" ดวงตากลมโตตวัดมองหน้าเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่อง ทว่าอิงฮวาหาได้สนใจไม่เธอยังคงพูดแหย่เพื่อนสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเพื่อหวังให้เธอคลายความกังวลลงบ้าง "แต่ก่อนหน้านี่แกยังชื่นชมยังอยากได้เขาเป็นพ่อของลูกอยู่เลยนะ" "ตอนนั้นฉันยังไม่รู้นิว่าเขาเป็นคนยังไงแต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วฉันจะอยู่ให้ห่าง ๆ ผู้ชายอันตรายแบบนี้ถึงจะตรงสเปคแต่ถ้าเลวอันนี้ก็ไม่เอา ถ้าผู้หญิงคนไหนได้เขาเป็นแฟนคงดวงซวยน่าดูผู้ชายอะไรน่ากลัวชะมัด ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นเห็นชีวิตคนเหมือนผักเหมือนปลาเกิดวันไหนโมโหขึ้นมาไม่ฆ่าแฟนตัวเองหมกป่าเลยหรือไงหน้าตาก็ดีไม่น่าเลวเลย" "ยะ! แต่ระวังนะเกลียดอะไรจะได้แบบนั้น" "แค่คิดก็เสียวสันหลังแล้วอะ บรึ๋ย!" ร่างบางเอ่ยพร้อมกับทำท่าขนลุกขนพองภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นยังติดตาเธออยู่เลย "ฮ่าฮ่า..แกก็เวอร์ไป" อิงฮวาถึงกับระเบิดหัวเราะดังลั่นกับท่าทางที่เพื่อนสาวแสดงออกมา "พอ ๆ เลิกพูดคืนนี้ฉันไปนอนกับแกนะไม่อยากกลับบ้านเดี๋ยวทะเลาะกับป๊าอีก" "อือ..งั้นฉันไปทำธุระก่อนเดี๋ยวกลับมา" หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดูหลังจากอิงฮวาออกไปแล้ววันต่อมา..@บ้านตระกูลเฉิน "หายไปไหนมาทำไมเมื่อวานไม่กลับบ้านคำพูดของป๊าไม่มีความหมายเลยใช่ไหม" ทันทีที่เหมยเมยเดินเข้ามาในบ้านเสียงของผู้เป็นพ่อที่นั่งรอเธออยู่ในห้องโถงก็ดังขึ้น "หนูก็บอกป๊าไปแล้วว่าไม่หมั้น" หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์เธออุตส่าห์แอบเข้ามาแล้วแต่ก็ยังไม่รอดพ้นสายตาของผู้เป็นพ่ออยู่ดี "ป๊าบอกว่าหมั้นลูกก็ต้องหมั้น" "ป๊าใจร้าย" "ป๊าทำเพื่อลูกนะอำนาจและบารมีของตระกูลหวงเฟยหงจะคุ้มครองหนูให้ปลอดภัยได้" "หนูไม่เข้าใจ" ร่างบางเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผู้เป็นพ่อแล้วเอ่ยถามไปอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เป็นพ่อพูดจริง ๆ "สักวันหนูจะเข้าใจเอง...พรุ่งนี้คนจากคฤหาสน์หวงเฟยหงจะมารับหนูเตรียมตัวให้พร้อมนะ" "หมายความว่ายังไงคะป๊า" "นับจากวันพรุ่งนี้หนูต้องย้ายไปอยู่คฤหาสน์หวงเฟยหงถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องกลับมาที่นี่" "ป๊าไล่หนู" "ป๊าไม่ได้ไล่แต่ป๊ามีเหตุผลของป๊าหนูแค่ทำตามที่ป๊าสั่งก็พอ" "ป๊าไม่รักหนูแล้วเหรอถึงผลักไสไล่ส่งหนูไปอยู่ที่อื่น" "เพราะป๊ารักลูกมากไงป๊าเลยต้องทำแบบนี้" "มันเรื่องอะไรกันแน่คะหรือพวกเขาบังคับป๊า" "ไม่ใช่ลูกไม่มีใครบังคับป๊าทั้งนั้น...ป๊าขอร้องเถอะนะทำตามที่ป๊าขอสักครั้งไปอยู่ที่นั่น" เฉินกงเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของบุตรสาวเพราะเขารู้นิสัยของบุตรสาวดีถ้าเธอรู้เหตุผลที่แท้จริงก็คงไม่ยอมไปแน่นอน "ก็ได้ค่ะในเมื่ออยากให้หนูไปนักหนูก็จะไป" น้ำเสียงหวานป่นสั่นเปล่งออกจากริมฝีปากบางด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจพูดจบเธอก็วิ่งหนีขึ้นห้องนอนทันที "ฮึก!" "ม๊าคะป๊าไม่รักหนูแล้วป๊าบังคับให้หนูหมั้นกับใครก็ไม่รู้แล้วยังจะให้หนูไปอยู่บ้านเขาอีก" ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจพรั่งพรู่ออกมาจนเปียกปอนหมอนใบใหญ่เหมยเมยมองสบดวงตาของร่างสูงด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนระบายยิ้มออกมา อุ้งมือนุ่มยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้ เมื่อก่อนเธอคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถรักและเริ่มต้นใหม่กับคนที่เคยทำร้ายตัวเองได้แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดความดี ความรัก และความเอาใจใส่ของมาเฟียค่อย ๆ สมานรอยร้าวในใจของเธอให้ดีขึ้น หลอมละลายความโกรธแค้นเกลียดชังให้หายไปกลายเป็นความรู้สึกดี ๆ เข้ามาแทนก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เธอเริ่มตกหลุมรักคนตรงหน้ารู้ตัวอีกทีก็รักเขาเข้าแล้วจากวันนี้ไปเธอจะไม่ฝืนความรู้สึกตัวเองอีกแล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ..."คุณสัญญาแล้วนะ...หลังจากนี้หากคุณปกปิดอะไรฉันแม้แต่เรื่องเดียว หรือทำให้ฉันเสียน้ำตาฉันจะหอบลูกหนีเหมือนที่ม๊าคุณเคยทำ" ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีที่พูดจบ แววตาอ่อนโยนทว่าดูเด็ดเดี่ยวจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาเชิงสื่อให้รู้ว่าเธอพูดจริงทำจริง คนฟังถึงกับลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยว ๆ ลงลำคออึกใหญ่ เขามันคนมีคดีติดตัวเธอว่าไงเขาก็คงต้องว่าตามนั้นแต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าเมียสาวรู้เรื่องนี้ได้ยังไงทั้งที่เขาไม่เคยเล่าให้เธอฟังเลยมิหน่ำซ้ำเจ้าหล่อนยังเอามาขู
'ครืด ครืด' "อื้อ" ร่างอวบอั๋นที่นอนหลับบนเตียงคิงไซส์รู้สึกตัวขึ้นมาในช่วงสายของวันใหม่เพราะโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงดังอย่างต่อเนื่อง มือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมากดรับสายทั้งที่ตายังคงปิดอยู่ ก่อนกรอกน้ำเสียงงัวเงียลงตามสาย "ค่ะป๊า" (ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว) "นี่กี่โมงแล้วคะป๊า" (11 โมงแล้วลูก) "ค่ะงั้นเหมยวางสายละนะ" เหมยเมยค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาก่อนกดวางสายจากผู้เป็นพ่อแล้วรีบหยัดกายลุกลงจากเตียงเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว "ใส่ชุดไหนดีนะ" ดวงตากลมโตไล่มองชุดเดรสที่แขวนเรียงรายในตู้เสื้อผ้าอย่างชั่งใจเธอแอบมีความหวังเล็ก ๆ ว่าการกลับไปจีนในวันนี้จะได้เจอกับมาเฟียหนุ่มจึงอยากแต่งตัวให้ดูดีที่สุด รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับใบหน้าสวยที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบางเบา เธออดขำกับการกระทำของตัวเองไม่น้อย ทว่ามันก็ไม่แปลกอะไรถ้าเธออยากจะดูสวยในสายตาของคนที่รู้สึกพิเศษด้วย มือเล็กเอื้อมไปหยิบชุดเดรสปาดไหล่สีฟ้าครามยาวคลุมเข่าออกมาสวมใส่ก่อนหมุนตัวไปมา 2-3 รอบหน้ากระจกบานใหญ่สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง เมื่อจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยเธอก็เก็บของใช้จำเป็นใส่ในกระเป๋าเดิน
หลายวันต่อมา"คุณเหมยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" เสียงของซุนหนี่ดึงให้ร่างอวบอั๋นที่นั่งเขี่ยข้าวในจานอย่างเหม่อลอยหลุดออกจากภวังค์ เธอถอนหายใจออกมาระคนเบื่อหน่ายก่อนตอบไป "แค่รู้สึกเบื่อ ๆ ค่ะ""คิดถึงคุณมังกรเหรอคะ" ซุนหนี่อดที่จะแซวไม่ได้เพราะตั้งแต่มาเฟียหนุ่มไม่อยู่หญิงสาวก็ดูเหงาหง่อยไม่สดใสเหมือนก่อน คนโดนแซวรีบปฏิเสธทันควัน "เหมยไม่ได้คิดถึงเขาสักหน่อยพี่ซุนหนี่""รู้สึกอะไรก็แสดงออกมาเถอะค่ะคุณเหมย...ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้อย่าหลอก อย่าฝืนตัวเองเลยค่ะสุดท้ายก็เป็นเราเองที่ทุกข์ใจปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามความรู้สึกดีกว่า" ซุนหนี่พูดทิ้งท้ายให้หญิงสาวได้คิดก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวเหมยเมยนั่งครุ่นคิดตามคำพูดของซุนหนี่เธอพยายามตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้มันคืออะไรเธอแค่คุ้นชินกับการมีเขาข้างกายหรือเขาได้แทรกซึมเข้ามาอยู่ภายในใจของเธอแล้วกันแน่เธอถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะลุกเดินขึ้นห้องไปทั้งที่ข้าวยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ด มืือเล็กเอื้อมไแหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้นมาต่อสายหาผู้เป็นพ่อเพื่อถามไถ่เรื่องของมาเฟียหนุ่มเพราะ
เหมยเมยนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนห้องปล่อยให้มาเฟียหนุ่มได้ทำงานจนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววว่ามาเฟียหนุ่มจะขึ้นมาสักทีทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้จนต้องเดินลงไปดูเมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นก็พบว่าเขานั่งหลับอยู่ทั้งที่โน็ตบุ๊คยังเปิดคาไว้ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาระคนเห็นใจถึงแม้เขาจะเครียดหรืองานเยอะแค่ไหนก็ไม่เคยบกพร่องเรื่องการดูแลเธอ ไม่เคยอารมณ์เสียหงุดหงิดใส่ ไม่เคยแม้แต่ปริปากบ่นสักคำหากเขาไม่สนใจหรือไม่รับผิดชอบเธอก็ย่อมได้เพราะไม่ได้มีใครบังคับ ทว่าเขากลับยอมเสียสละความสุขและเวลาส่วนตัวมาให้เธอ"คงเหนื่อยมากสินะถึงได้หลับไม่เป็นท่าแบบนี้" เธอลอบถอนหายใจออกมาระคนหนักอกก่อนหมุนตัวเดินขึ้นไปหยิบผ้าห่มบนห้องนอนมาห่มให้เขาแล้วหย่อนสะโพกนั่งลงข้าง ๆ มือเล็กสัมผัสลงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาอย่างแผ่วเบา "ขอบคุณที่คอยดูแลฉันกับลูกเป็นอย่างดีนะคะ" เสียงหวานเปล่งออกมาจากริมปากบางเบา ๆ ด้วยความซาบซึ้งใจในขณะที่อุ้งมือเล็กยังคงประคองใบหน้าหล่อเหลาอยู่โดยไม่รู้เลยว่าอีกคนตื่นตั้งแต่เธอห่มผ้าให้แล้ว"ผมเต็มใจดูแลคุณกับลูกไปตลอดชีวิต" มือเล็กรีบผละออกจากใบหน้าหล่อเหลาอย่างเร็วในตอนที่เสียงทุ
หลายเดือนต่อมา..วันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อย ๆ จากวันผ่านไปเป็นเดือนมาเฟียหนุ่มยังคงปฏิบัติต่อเหมยเมยเหมือนวันแรกที่เขาได้ลั่นวาจาไว้ การกระทำของเขาเริ่มสัมฤทธิ์ผลหญิงสาวยอมเปิดใจให้เขามากขึ้นความสัมผัสของทั้งสองคนเริ่มดีขึ้นตามลำดับตอนนี้เหมยเมยอายุครรภ์ได้หกเดือนกว่า ๆ แล้วท้องของเธอเริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันจะเดินเหินไปไหนก็ไม่ค่อยสะดวกเหมือนแต่ก่อน"มังกร" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากบางของร่างอวบอั๋นที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องนอน คนถูกเรียกละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เงยมองหน้าเจ้าของเสียง "ว่าไงครับ" "รูดซิบชุดให้หน่อยฉันรูดไม่ถึง" สิ้นสุดคำพูดของหญิงสาวร่างสูงก็เก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงทันที ก่อนหยัดกายลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปยืนซ้อนหลังร่างอวบอั๋นหน้ากระจกแล้วค่อย ๆ บรรจงรูดซิบชุดเดรสตัวโคล่งอย่างระมัดระวัง"ตื่นเต้นจังจะได้รู้แล้วว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย" มาเฟียหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขเพียงแค่คิดว่าวันนี้จะได้รู้เพศของลูกหลังจากหญิงสาวอึกอักไม่ยอมไปอัตร้าซาวด์สักทีให้เหตุผลว่าอยากรอลุ้นตอนเกิดแต่เขาใจร้อนอยากรู้เลยอ้อนวอนทุกวันจนเธอรำคาญยอมอัตตร้าซาวด์ ใบหน้า
ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบไร้เสียงตอบกลับจากร่างบางมีเพียงน้ำสีใสที่ค่อย ๆ ไหลออกทางหางตาซึ่งเป็นคำตอบได้ดีว่าเธอไม่โอเค และกำลังรู้สึกกลัวกับการกระทำนี้ มาเฟียหนุ่มถึงกับใจกระตุกวูบเมื่อเห็นหยดน้ำใสไหลจากตาคู่สวยเขาไม่คิดว่าเธอจะกลัวมากขนาดนี้การกระทำของเขาคงสร้างบาดแผลฝังลึกในใจเธอมากมือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกจากหางตาคู่สวยอย่างแผ่วเบาพลางพยายามข่มความต้องการหักห้ามอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ถึงแม้จะต้องการมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันกลับไปทำแบบเมื่อก่อนอีกเขาจะทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้ได้ในสักวัน "ไม่ต้องร้องไห้หากคุณไม่ยินยอมผมจะไม่ทำ" เสียงทุ้มทว่าฟังดูอบอุ่นเปล่งออกจากริมฝีปากหนาทำให้คนฟังเบาใจขึ้นมาบ้าง เธอลอบหายใจอย่างโล่งอกเมื่อร่างสูงผละออกจากตัวแล้วหยัดกายลุกเดินเข้าห้องน้ำไปผ่านไปกว่าสิบนาทีมาเฟียหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากปลดปล่อยอารมณ์ค้างคาของตัวเองเสร็จแล้ว เขาเดินมาหยิบเสื้อผ้าขึ้นสวมใส่ก่อนเอ่ยเมื่อเห็นว่าร่างบางบนเตียงนั่งมองเขาด้วยแววตาสับสน "ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่มังกรคนเดิมอีกแล้ว" "เวลาแค่เดือนกว่า ๆ ยังยืนยันไม่ได้หรอกว่าคุณจะดีจริงหรือเปล่า" เหมยเมยจ







