ร่างบางทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียงเมื่อสาวเหนือชื่อบัวตองขอตัวไปช่วยป้าเอื้องแม่บ้านใหญ่เตรียมอาหาร หญิงสาวพูดคุยกับอีกฝ่ายนิดหน่อยจึงรู้ชื่อและอายุที่น้อยกว่าเธอหลายปี
มัทรีถอนหายใจอย่างหนักใจ เธอคงต้องทำการบ้าน เสิร์ชข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ลิสต์ออกมาแล้วไล่ดูไล่อ่านคอมเมนต์ว่าคนชอบไปที่ไหน ถูกใจที่ไหนกันบ้าง
หรือไม่มาคิดอีกทีก็ใส่ที่ที่เธออยากไปแล้วหาคอมเมนต์ดีๆ ใส่ขายของไปดีกว่า หญิงสาวคิดกับตัวเอง
เสียงข้อความในแอปฟรีดังขึ้นทำให้มัทรีหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน
‘ว่าไง ชะนีเผือกนั่นเป็นอะไรกับคุณทิม’
เป็นข้อความของพิสินี
‘แกไม่คิดจะถามหน่อยเหรอ ว่าเพื่อนถึงหรือยัง เดินทางเป็นยังไงเหนื่อยไหม ไรงี้’
มัทรีพิมพ์กลับไปยาวเหยียด ไม่ได้โกรธเพื่อนแต่อดกัดไม่ได้ เธอกำลังอยู่ในภาวะจำยอมกับหน้าที่ล่ามบวกไกด์จำเป็น แถมยังมีงานพิเศษที่ถูกฝากฝังมาและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรอีกด้วย
‘แหม แกนั่งเครื่องไป ไม่ลำบากลำบนสักหน่อย’
ข้อความของเพื่อนทำให้มัทรีถึงกับถอนหายใจ
‘ตกลงยังไง บอกมาเร็ว’
พิสินียังถามในสิ่งที่ตนสนใจ
‘เมียมั้ง’
มัทรีพิมพ์ตอบไปอย่างเซ็งๆ ทั้งอยากแกล้งเพื่อนด้วย
‘อ้าย! ชะนีน้อย หยาบคายมาก’
‘ฉันก็เดาเอาจากท่าทางที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะเกาะติด ยืนใกล้ นั่งข้างๆ คุณทิมของเธอ ถ้าไม่ใช่คู่ควงเขาแล้วจะมาด้วยทำไม’
‘โอ๊ย แกจะพูดให้ฉันคิดมากทำไม’
‘แล้วแกจะถามทำไม ถ้าไม่อยากรู้ความจริง’
‘ไหนบอกว่าแกเดา’
หญิงสาวหยุดพิมพ์ นิ่งไปกับคำถามของเพื่อน เพราะความจริงเธอรู้ว่าผู้หญิงที่มากับฐิติกรเป็นใครจากคำบอกของรติยาผู้จ้างเธอ แม้จุดเริ่มต้นจะไม่ใช่ ทว่าเวลานี้ก็ไม่ได้ต่างจากที่เธอบอกเพื่อนไปสักเท่าไรนัก
‘เออน่า แค่ปัญหาของฉันตอนนี้ก็ปวดหัวจะแย่ละ’
เธอพยายามปัดไป แล้วก็เข้าทางเมื่อพิสินีพิมพ์ถามมา
‘ได้เที่ยวคลายเครียดลั้นลา มีอะไรต้องปวดหัว’
“ก็คุณทิมของเธอเขาไม่ได้มาเที่ยว เขาบอกว่าเขามาพักผ่อน แต่ในเมื่อน้องสาวเขาจ้างฉันมาแล้วก็ให้ฉันหาที่เที่ยวพาเที่ยว เพื่อความคุ้มค่าตัว”
คราวนี้เธออัดเสียงส่งข้อความแทนการพิมพ์เพราะขี้เกียจ
“คุณทิมสุดหล่อของแกหน้าเลือดมาก”
เงียบไปครู่หนึ่งพิสินีถึงส่งข้อความเสียงตอบมา
“เหรอ งั้นก็สู้ๆ นะเพื่อน เดี๋ยวฉันช่วยหาที่เที่ยวน่าสนใจส่งไปให้ด้วย”
“อืม ขอบใจ”
อย่างน้อยเพื่อนก็ยังใจดีให้ความช่วยเหลือเธอ ไม่ได้สนใจแต่ผู้ชายอย่างเดียว ทำให้มัทรียิ้มออกมาบางๆ
ถึงอย่างนั้น เมื่อนึกถึงดวงตาคู่คมสีน้ำตาลอ่อนที่มองเธอราวกับจับผิดแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ความรู้สึกบางอย่างบอกเธอว่าฐิติกรไม่ไว้ใจเธอ
ในเมื่ออุตส่าห์มาถึงจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงามสดชื่นจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย จะมัวอุดอู้อยู่แต่ในห้องก็น่าเสียดาย มัทรีจึงออกมาเดินสำรวจด้านนอกห้อง มีระเบียงชมวิวมองออกไปเห็นทิวเขา พร้อมทั้งด้านล่างไกลๆ ก็เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีมีหลังคาบ้านและรีสอร์ตแทรกตัวอยู่บ้างประปราย
มัทรีสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วอดถ่ายรูปด้วยมือถือของตนเอาไว้ไม่ได้ ความรู้สึกตอนนี้ผ่อนคลายก็จริงหากก็ไม่ลืมว่าตนต้องคิดเรื่องพาเที่ยว ร่างเล็กสมส่วนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่สามารถนอนได้ แล้วทิ้งตัวลงนอนพร้อมยกมือถือขึ้นมานอนเสิร์ชหาสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเชียงราย
มีที่เที่ยวน่าสนใจหลายที่เลยทีเดียว มัทรีแอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าฐิติกรไม่เรื่องมากเธออาจได้เที่ยวทั่วทั้งเชียงราย เชียงใหม่รวมทั้งจังหวัดอื่นในภาคเหนือด้วย ก็มีเวลาตั้งสามเดือนนี่นา ได้เที่ยวให้คุ้มคงดีไม่น้อย
ระหว่างกำลังแคปข้อมูลและไล่อ่านความคิดเห็นน่าสนใจของแต่ละที่อยู่นั้น ก็มีเสียงพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษแว่วมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้าน หญิงสาวจึงลุกขึ้นนั่งนิ่งฟัง
“ตั้งแต่มาถึงไทย คุณก็ไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้เลย”
“ไม่ใช่อย่างนั้น คุณก็เห็นว่าผมอยู่กับน้องตลอด”
“แล้วมาที่นี่ทำไมคุณต้องให้ฉันไปอยู่อีกห้องด้วย”
คนที่แอบได้ยินตาโต ก่อนจะยืนขึ้นแล้วค่อยๆ เงี่ยหูฟังว่าเสียงมาจากมุมไหนกระทั่งไปถึงมุมระเบียงหญิงสาวจึงลองมองลงไปด้านล่าง แล้วก็เห็นร่างสูงใหญ่กับสาวสวยบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำซึ่งอยู่ด้านข้างตัวบ้าน มัทรีรีบถอยตัวกลับมาในทันที หากก็ยังได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน
“แบบนี้ก็สะดวกดี”
“คุณบ่ายเบี่ยง หมายความว่าต้องมีอะไรแน่ๆ หรือเพราะมีผู้หญิงคนนั้นมาด้วย พวกคุณคุยอะไรกัน”
“เขาเป็นแค่ล่าม ผมให้เขาหาที่เที่ยวให้เรา แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาซักไซ้ผมนะซินดี้ เรานอนด้วยกันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตผม”
มัทรีตาโตขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดแล้วพึมพำไม่มีเสียงอยู่คนเดียว
“ร้ายมาก”
“ทิม ซินดี้ขอโทษ ซินดี้ก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ห้องเดียวกันกับคุณไม่ได้ ที่เยอรมันคุณยังยอมให้ฉันไปอยู่กับคุณ”
“เพราะคุณเป็นพยาบาลส่วนตัว ก็เหมือนตอนนี้ อยู่บ้านเดียวกัน นอนคนละห้อง”
“แต่ซินดี้อยากดูแลคุณแบบใกล้ชิด”
“อยู่ที่ไหนคุณก็ทำได้ซินดี้ คุณแค่อยากทำให้ผู้หญิงอีกคนเห็นว่าคุณเป็นอะไรกับผม แต่ขอบอกว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดี”
“งั้นที่นี่ตรงนี้ล่ะ ได้ใช่ไหม”
เสียงหญิงสาวพร่าขึ้น จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป คนที่แอบฟังอยู่อดสงสัยและชะโงกไปมองไม่ได้ แล้วก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นร่างสวยราวนางแบบในชุดแสกขึ้นไปคร่อมอยู่เหนือร่างใหญ่ ก้มลงจูบดูดดื่มกับชายหนุ่ม
มัทรีมองภาพนั้นตาค้าง คนจูบกันในสถานที่โล่งแจ้งเมืองไทยพอมีให้เห็นบ้าง หากก็ไม่ถึงกับดูดดื่มแบบนี้ ที่สำคัญมือไม้ทั้งคู่ยั้วะเยี้ยะไปหมด
‘อะไรมันจะร้อนแรงปานนั้น หวังว่าคงไม่มาทำอะไรๆ กันตรงนี้หรอกนะ’
ยังดีที่หลังจบความคิดของเธอชายหนุ่มก็ผละออก
“ผมจ้างคุณตามมาที่นี่ด้วยเพราะถูกใจ คุณได้ค่าจ้างสมราคา มากกว่าการเป็นพยาบาลส่วนตัว เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ผมรู้สึกว่าคุณล้ำเส้นจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นผมจะ...”
อยู่ๆ ชายหนุ่มก็หยุดพูดแล้วเหลือบมองมาทางเธอ ราวกับเขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากปลายหางตา
มัทรีสบตากับดวงตาคู่คมอย่างกะทันหันแล้วก็ทำตัวไม่ถูก ร่างแข็งทื่อในทันที เหนืออื่นใดเธอตกใจจนเผลอปล่อยมือถือในมือร่วงหล่นลงไปชั้นล่าง พอรู้ตัวก็คว้าไม่ทันแล้ว
“โอ๊ะ ลูกแม่ร่วง”
เพล้ง!
เสียงกระทบพื้นดังขึ้นพร้อมเสียงอุทานเบาๆ ของเธอ มัทรีมองภาพโทรศัพท์เครื่องแพงที่ตนเองกัดฟันผ่อนมาหนึ่งปีกว่าจะหมดแล้วอยากร้องไห้ออกมา
“นี่เธอ มาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร”
เสียงเข้มทุ้มถามขึ้นเป็นภาษาไทย
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบดูนะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองสองหนุ่มสาวที่กำลังมองมาทางเธอ แล้วรีบขอโทษก่อนจะเร่งรีบลงไปด้านล่าง เพื่อเก็บมือถือของตน ได้แต่หวังว่ามันจะยังสามารถใช้งานได้ตามระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดของมัน
เมื่อลงมาด้านล่างแล้วออกประตูมาหญิงสาวก็ตรงไปหามือถือของตนทันที ทว่ามันกำลังถูกเก็บขึ้นด้วยมือสาวต่างชาติ มัทรีเดินเข้าไปขณะที่อีกฝ่ายกำลังพลิกไปพลิกมาราวกับดูว่ามันเสียหายมากแค่ไหน
“กระจกแตก แต่เหมือนจะยังใช้ได้อยู่นะ”
สาวหุ่นนางแบบบอกด้วยภาษาอังกฤษแล้วยื่นมาทางเธอ มัทรีจึงยื่นมือไปจะรับจากอีกฝ่ายพร้อมกล่าว
“ขอบคุ...”
“อุ๊ย...ขอโทษ”
มือเธอยังไม่ทันถึง โทรศัพท์เครื่องบางก็ถูกปล่อยหล่นลงกระทบพื้นอีกครั้ง มัทรีมองตามตาค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยขึ้นมามองอีกฝ่ายซึ่งเห็นชัดว่าตาสีอ่อนวาววับพร้อมยิ้มมุมปากนิดๆ สาวร่างเล็กก้มลงหยิบมือถือของตนด้วยความไม่พอใจแล้วยืดตัวขึ้นกำลังจะเอ่ยต่อว่า
“คุณ...”
“เธอไม่ได้ถ่ายอะไรไปใช่ไหม”
เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นเป็นภาษาไทยพร้อมกับร่างสูงใหญ่ปรากฏด้านหลังสาวหุ่นสวยเป๊ะที่ลุกขึ้นยืนกอดอกมองเธอ
“ทำไมฉันต้องถ่ายอะไรด้วย”
“ก็เธอถือมือถือมายืนอยู่ตรงนั้น มันน่าสงสัย”
ฐิติกรมองเธออย่างจับผิดก่อนจะพูดต่อ
“เอามาให้ดูหน่อย”
มือหนายื่นมา แต่มัทรีกำโทรศัพท์ของตนซ่อนไปด้านหลัง
“ฉันไม่ได้ถ่าย”
หญิงสาวบอกพร้อมกับจ้องตาคู่คมอย่างไม่หลบพร้อมกับเม้มปากอย่างไม่ยินยอม
อีกฝ่ายมองเธอนิ่ง ทว่าแววตาสีน้ำตาลอ่อนดูดุไม่พอใจ
“ฉันจะถ่ายคนกอดจูบกันเอาไว้ทำไม ดูไปก็เป็นตากุ้งยิงกันพอดี”
เธอพูดออกไปอย่างเซ็งๆ และเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มตาวาววับ หากเขาก็ไม่บังคับเอามือถือจากเธอ
“อย่าพลาดให้จับได้ก็แล้วกัน”
เขาบอกก่อนจะเดินไปจากตรงนี้ ส่วนผู้หญิงของเขามองหน้าเธอนิ่งด้วยสายตาขัดอกขัดใจอย่างชัดเจน มัทรีเองก็มองกลับอย่างไม่พอใจเพราะเห็นชัดว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายจงใจทิ้งโทรศัพท์ของเธอลง ทว่าพอเธอขยับปากจะเอาเรื่อง สาวสวยหุ่นนางแบบก็ก้าวเข้ามาใกล้เบียดชนไหล่เธออย่างแรง
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอตั้งใจจะทำอะไร ถ้ามีฉันอยู่คุณทิมไม่มีทางชายตามองเธอหรอก จืดๆ อย่างเธอน่ะไม่ร้อนแรงพอจะสนองความต้องการของเขาได้แน่”
หลังกระซิบอย่างมั่นใจอีกฝ่ายก็เดินหนีตามผู้ชายร่างสูงใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คนถูกดูถูกได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่คนเดียว
ครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดเมื่อปรับสติอารมณ์ของตัวเองได้
“ได้ จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ตอนแรกฉันไม่คิดจะยุ่งแล้วนะ แต่เธอมาจุดชนวนเอง แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ทั้งคุณทิม ทั้งเธอด้วยยายชะนีเผือก”
มัทรีเรียกอีกฝ่ายตามพิสินีด้วยความขัดเคือง นอกจากผู้หญิงของฐิติกรจะนิสัยแย่แล้ว ตัวเขาเองก็เหมือนจะไม่ได้มองเธอในแง่ดีนัก ฉะนั้นก็ทำตามที่รติยาฝากให้ช่วยไปเลยดีกว่า
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาลองดูสักตั้งก็แล้วกัน ตั้งแต่นี้ไป นอกจากล่ามกับไกด์แล้ว สร้างความร้าวฉานก็คืองานของฉันด้วย”
=====
“มัทคิดถึงคุณมาก อยากรักคุณที่สุด”มัทรีแนบร่างลงไปหาร่างสูงใหญ่แล้วกระซิบบอกลำแขนเรียวโอบลำคอแกร่งแน่นถูไถตัวเองกับชายหนุ่มพร้อมส่งเสียงครวญแผ่วเบาด้วยความรัญจวนที่ตนเป็นผู้สร้างขึ้น อกอวบกลมกลึงแนบสนิทกับอกแกร่งเสียดสีไปพร้อมกับสัดส่วนอ่อนไหวเบียดกายแกร่งยิ่งพาให้ร่างสาวทรมานมากกว่าเดิม แต่เธอก็ยังมุ่งมั่นที่จะปลุกเร้าอีกฝ่ายให้ต้องการเธอมากขึ้นไปอีก“รักเลยสิครับคนดี ผมพร้อมแล้ว”ฐิติกรบอกเสียงแตกพร่าพร้อมมือหนากุมบนสะโพกอวบเต็มมือบีบกระชับอย่างเรียกร้องต้องการ“อุ๊ย”คนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสะดุ้งนิดๆ เพราะกระแสซาบซ่านถูกมือหนาจุดไฟเพิ่ม ความแกร่งที่แนบสนิทอยู่ร้อนลวกไปหมดทั้งที่อยู่ในน้ำ ทำให้เธอเองก็ไม่สามารถฝืนทนความต้องการจากเรือนกายได้อีกต่อไป สะโพกสวยขยับสูงขึ้นก่อนจะค่อยครอบครองชายหนุ่มอย่างเชื่องช้า“โอย...ที่รัก ได้โปรด เร็วหน่อย”ผู้ถูกกระทำอดร้องขอออกมาไม่ได้เพราะเขาแทบจะสะกดอารมณ์อยากกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว แต่ในเมื่อมัทรีคิดจะเป็นฝ่ายเริ่มครั้งแรกเขาจึงอยากอดใจรอ มือหนาเกร็งจนบีบสะโพกอวบอย่างหนักมือมัทรีกัดปากกลั้นใจ มือกำจิกไหล่หนาทั้งสองข้างแน่นขึ้น เมื่
การเป็นแม่คนมันเหนื่อยอย่างนี้นี่เอง มัทรีเข้าใจมารดาที่เป็นห่วงและหวงเธอในตอนที่รู้ว่ามีแฟนเป็นชาวต่างชาติแล้ว ก็ท่านอุตส่าห์อดหลับอดนอน ป้อนข้าวป้อนนมกว่าจะโตขึ้นมาได้ หากจะต้องไปอยู่ไกลก็คงใจหายเป็นธรรมดามัทรีคลอดลูกสาวมาได้หกเดือนแล้ว เธออยู่ที่บ้านของบิดามารดาของฐิติกรในเบอร์ลินเพราะคุณอรกนิตอยากช่วยเลี้ยงหลาน ทว่าท่านก็จ้างพี่เลี้ยงอายุไล่เลี่ยกับท่านที่ไว้ใจได้มาให้มัทรีด้วย ความจริงหญิงสาวอยากให้แม่มะเหมี่ยวมาช่วยดูแล ซึ่งท่านเองก็อยากมา แต่ติดตรงที่น้องสาวของเธอใกล้คลอดลูกเช่นกัน และเพิ่งคลอดหลังเธอหนึ่งเดือนต่อมา มารดาจึงจำเป็นต้องอยู่ดูแลหลานที่นั่น โดยน้องสาวเธอคลอดลูกชายแม้จะเสียใจที่มารดาเดินทางมาไม่ได้แต่หญิงสาวก็เข้าใจ อีกอย่างคุณอรกนิตเองก็ดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี คุณเจอเซ่เองหากมีเวลาว่างก็ตรงมาหาหลานในทันที ทั้งสองคนรักและชอบเด็กมาก ทว่าความเครียดหลังคลอดก็ทำให้เธอค่อนข้างอารมณ์ร้อนกว่าปกติไม่น้อย“ผมคิดถึงคุณกับลูกมากเลยที่รัก เสร็จงานแล้วจะรีบกลับครับ”หลังฐิติกรขอดูหน้าลูกระหว่างวิดีโอคอลคุยกัน จากนั้นอีกฝ่ายก็บอกรักแล้ววางสายไปชายหนุ่มจำเป็นต้องไปประชุมที่เมือง
แม้จะอยากท้องและแต่งงานให้เร็วที่สุดทว่ากว่ามัทรีจะได้แต่งงานกับฐิติกรก็เป็นปลายปีต่อมาอย่างที่มารดาของเธอเคยบอกเอาไว้ อีกอย่างเธอก็ไม่ท้องอย่างที่คิด แม้จะพยายามใช้เวลาด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็มีช่วงที่ต้องห่างกัน และทั้งที่ผู้ใหญ่ของชายหนุ่มมาสู่ขอเธอแล้ว ทว่าฤกษ์ที่ได้มาก็คือปลายปีนั่นเองทั้งคู่จัดการแต่งแบบไทยที่บ้านในฮัมบูร์กของฐิติกรเพราะตั้งใจใช้ที่นี่เป็นเรือนหอ ซึ่งครอบครัวของเธอทุกคนบินมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแม้แต่ละคนจะไม่เคยนั่งเครื่องบินนานก็ตาม รวมถึงพิสินีด้วยมัทรีเคยเจอกับตติยะและเอื้อมธารพี่ชายกับพี่สะใภ้ของชายหนุ่มสองสามครั้งในตอนที่ชายหนุ่มพาเธอไปไหว้ญาติผู้ใหญ่ที่บ้านสวน และคุยงานกับพี่ชายในวันหยุดโดยให้เธอติดสอยห้อยตามไปด้วยเพราะหญิงสาวหลงลูกชายลูกสาวฝาแฝดของทั้งคู่มากในคืนแรกที่แต่งงานทั้งคู่นอนหลับไปด้วยกันอย่างเหนื่อยล้า แม้จะคิดอยู่ว่าต้องมีอะไรกัน ทว่าสุดท้ายแล้วมัทรีที่อาบน้ำก่อนก็หลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน ฐิติกรจึงไม่อยากปลุกหญิงสาว กว่าทั้งคู่จะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวด้วยกันจริงๆ ก็หลังจากส่งครอบครัวของหญิงสาวขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยในหนึ่งสัปด
“มัทอยากให้ผมทำให้หรือให้เดินหน้าต่อเลย”ฐิติกรขยับหน้าขึ้นมากระซิบถามคนที่หลับตาขมวดคิ้วมุ่น เห็นชัดว่าเธอยังเกร็งและกลัวอยู่มัทรีลืมตาขึ้นมาสบตาคมที่มองอยู่ แววตาเขาดูห่วงใยเธอทว่าสีหน้ากลับราวกับกำลังไม่สบาย หน้าหล่อคมแดงก่ำ น้ำเสียงก็แตกพร่าจนน่ากลัว รู้ได้ในทันทีว่าฐิติกรกำลังทรมาน ทว่าชายหนุ่มก็ยังถามเธอก่อนมือบางกอดลำคอหนาอีกครั้งด้วยความเต็มอกเต็มใจ ดวงหน้าเล็กขยับสูงขึ้นจูบปากได้รูปเม้มย้ำ ก่อนจะเป็นฝ่ายส่งลิ้นเข้าไปซอกแซกลูบโลมอีกฝ่ายเอง กระทั่งได้ยินเสียงทุ้มดังในลำคอราวข่มอารมณ์เธอจึงผละออกมาจูบแก้มสากแล้วย้ายมาข้างหูเขาเพื่อกระซิบบอก“ทำให้มัทท้องนะคะ”คนได้ยินนิ่งงันไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ทว่าลิ้นเล็กที่แตะไล้ตรงใบหูทำเอาสมองเขาแทบหยุดทำงาน“มัทอยากท้อง”หญิงสาวย้ำอีกครั้งก่อนจะขบติ่งหูเขาเหมือนที่เขาทำกับเธอฐิติกรส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอเพราะคนเรียนรู้เร็ว แล้วขยับร่างสูงใหญ่ของตัวเองขึ้น นิ้วเกี่ยวเอวกางเกงอีกฝ่ายลงพร้อมซับในไปจนจรดปลายเท้าเล็ก จากนั้นก็ตามด้วยกางเกงบอกเซอร์ของตัวเองระหว่างนั้นตาคมไม่ละจากเรือนร่างขาวอวบอิ่มน่ามองเลยแม้แต่วินาทีเดียว แม้มัทรีจะเอียงห
ฐิติกรพามัทรีมาฮัมบูร์กในวันหยุด ชายหนุ่มมีบ้านของตัวเองอยู่ที่นี่ เป็นบ้านในแถบปริมณฑลนอกเมืองฮัมบูร์ก มีความเป็นธรรมชาติต่างจากบ้านของบิดามารดาเขาที่เบอร์ลิน แต่ชายหนุ่มก็บอกว่าพวกท่านมีบ้านพักตากอากาศอยู่อีกเมืองหนึ่งเช่นกัน หญิงสาวฟังแล้วก็ได้แต่เก็บความว้าวเอาไว้ในใจ ตั้งแต่มาถึงเยอรมนีสิ่งที่เธอสัมผัสได้ก็มีแต่ความรวยและรวยของชายหนุ่ม“คุณมีจักรยานด้วยเหรอคะ”เธอเห็นจอดอยู่ในบ้านใกล้กับครัวจึงถามขึ้น“น่าจะของแม่บ้านที่มาทำความสะอาดที่นี่เอาไว้ขี่ไปที่ใกล้ๆ ล่ะมั้ง”ชายหนุ่มบอกไม่ใส่ใจนัก ขณะขนกระเป๋าทั้งคู่เข้าไปในห้องนอน ส่วนมัทรีมองตาวาวแล้วเย็นวันนั้นหญิงสาวก็ขี่จักรยานออกมาเที่ยวเล่นรอบๆ มัทรีชอบบรรยากาศของที่นี่มาก นอกจากต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี มีบึงน้ำไม่ไกลนักแล้ว ยังมีองุ่นสตรอว์เบอร์รี่เต็มสองข้างทาง เธออยากปลูกแบบนี้ไว้ในบ้านของตัวเองบ้าง“คุณชอบที่นี่ไหม”ชายหนุ่มถามขึ้นขณะที่เธอกำลังทำบทเรียนใหม่ในโปรแกรมกราฟิก หากก็ใส่หูฟัง ฟังเพลงคลอไปด้วยเบาๆ จึงได้ยินที่เขาถาม“มากค่ะ”มัทรีเงยหน้าขึ้นมามองคนที่มีเพียงเสื้อคลุมบนร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกวาบหวิว คอแกร่งและแผงอกหนาน
“รู้ไหมยายอุ๊ถามแม่ว่ายังไง ถามว่าลูกสาวได้ผัวฝรั่งเหรอ”มัทรีเข้ามาช่วยมารดาทำอาหารตอนเช้าตรู่ และก็ได้ฟังอีกฝ่ายบ่นตั้งแต่กลับจากตลาดจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุด“แล้วแม่ตอบว่าไงล่ะ”“ก็บอกว่าเป็นแฟนน่ะสิ”มารดาเธอทำตาดุใส่ขณะบอก ทว่ามัทรีกลับยิ้มขำ“ที่วัดนี่ไม่มีใครกล้าเข้ามาถาม แต่เอาไปนินทากันทั้งตลาด”“มันก็ธรรมดาแหละแม่”“อยากพูดกันดีนัก แม่เลยบอกไปว่าบ้านฝรั่งเขารวยมาก รถตู้หรูนั่นก็รถเขาเอง แต่งกับแกแล้วเขาก็จะพาไปอยู่เยอรมัน แต่บ้านที่ไทยเขาก็มีนะ เขามาพักผ่อนบ่อยๆ เอาไปบอกต่อกันให้ถูกด้วย”“ฮ่าๆๆ โอ๊ย...”มัทรีหัวเราะเสียงดังจนโดนมารดาตีเข้าที่แขนไปหนึ่งที แต่เธอก็ยังขำจนตัวโยนทว่าไม่กล้าปล่อยเสียงออกมา เดี๋ยวโดนตีอีก“ยังจะมามัวขำอีก ตกลงแฟนเราเขาจะพาผู้ใหญ่บ้านเขามาหาพ่อกับแม่เมื่อไร”จู่ๆ มารดาก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำเอามัทรีอดมองอย่างแปลกใจไม่ได้“แม่จะยกให้แล้วเหรอ”“ยัง”“อ้าว?”“แต่ฉันอยากรู้เอาไว้ ถ้าใครมาถามอีกจะได้บอกให้เอาไปพูดต่อได้ถูก ถึงจะนินทา มันก็ต้องให้นินทาเรื่องจริง”“โธ่แม่ คนนินทา พูดเรื่องจริงก็ไม่สนุกสิ”หญิงสาวบอกยิ้มๆ แต่มารดาค้อนขวับ“ถ้าเขาจะมาเร็วๆ นี