Share

บทที่ 1302

Author: หูเทียนเสี่ยว
น่าจะเพราะตอนนั้นไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเฟิงเหยียน ทั้งใจคิดว่าตนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายถูก เฟิงเหยียนเป็นคนผิด

ต่อมาเรื่องราวก็พิสูจน์ว่า ตนเองผิดไปไกลมาก

คนที่หลังจากถูกตบฉาดเข้าหน้าอย่างไร ตอนแรกจะยังรู้สึกอับอายมาก โกรธจัด และพยายามจะยืนหยัดความคิดของตนเอง คิดว่าต่อให้ผิดก็ยังจะเดินหน้าต่อในทางที่เลือกนั้น

แต่พอเวลาผ่านไป ความรู้สึกเสียหน้าแบบนั้น ก็จะค่อยๆ จางหายไปเอง

ความอับอายเหล่านั้น ความโกรธเหล่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้ากาลเวลาไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอะไรเลย

พวกเขาในที่สุดก็จะยอมรับความผิดในอดีตของตนเองอย่างตรงไปตรงมา

ถ้าหากให้โอกาสพวกเขาอีกสักครั้ง พวกเขาจะไม่มีทางทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีกแน่นอน

ถ้าหากให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง...

จากที่ปันอวิ๋นเห็น สิ่งนี้น่าจะเป็นการให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง

ก็เลยถามปันอวิ๋นว่า "ดังนั้นเจ้าจะเรียกไหม?"

จากที่ปันอวิ๋นเห็น ต่อให้ในใจเฟิงเหยียนจะมีความคิดอะไรมันก็ปกติ เพราะตอนนั้นเรื่องราวก็บานปลาย...ทำร้ายจิตใจกันมากที่เดียว

ศิษย์ที่กินด้วยกันนอนด้วยกัน แต่ท้ายสุดยังทำให้เขากลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคน

คำพูดทั้งหมดราวกับเป็นมีดแหลมทิ่มแทงไปบนตัวเขา

คนอื่นยังไม่ก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1309

    จั๋วซือหรานหลังจากคุยกับท่านแม่จบ ก็เห็นว่าเวลาผ่านไปพอควรแล้วแต่ก็ไม่ได้ได้บอกให้ท่านแม่รีบไปพักผ่อน หลังจากนางครุ่นคิด ก็ถามขึ้นว่า "ท่านหิวไหม?"เซี่ยอวิ๋นซีพอกำลังจะบอกว่าไม่หิว แต่คิดว่าจั๋วซือหรานคงหิวแล้ว จึงถามขึ้นว่า "เจ้าหิวแล้วหรือ? งั้นข้าไปยกของกินเข้ามาให้..."จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "ข้าไม่เท่าไรหรอก..." นางยื่นมือไปลูบที่ท้อง "แต่รู้สึกว่าน่าจะต้องกินเสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็อยากทำอะไรให้พวกท่านกินด้วย"ไม่ว่าอย่างไร จั๋วซือหรานก็ยังเชื่อว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง กินของอร่อยๆ แล้วอารมณ์ก็จะดีขึ้นได้มากเซี่ยอวิ๋นซีกลัวว่านางจะเหนื่อย ยังคิดจะไปห้องครัวพร้อมกับนางแต่จั๋วซือหรานรู้ดี ว่าฝีมือทำกับข้าวของท่านแม่ ไม่ได้เก่งกาจมากนักจึงพูดขึ้นว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องตามข้ามาหรอก ข้ามีเหล่าจวงกับจวงน้อยอีกสองคนช่วยเป็นลูกมือก็พอ"จั๋วซือหรานตรงไปทางห้องครัว สายตาก็เหลือบมองไปรอบห้องแวบหนึ่งจากนั้นคิ้วก็เลิกขึ้นเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรแต่เซี่ยอวิ๋นซีก็คิดๆ ถามขึ้นอย่างกังวลว่า "หรานหราน สภาพของเจ้าตอนนี้ ห่างจากคนได้บ้างไหม?"เซี่ยอวิ๋นซีเองก็ได้ยินจั๋วหวายพูดถึงสถาน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1308

    นั่นมันคือ...อิสระนะยิ่งไปกว่านั้นเขายังเสียความทรงจำต่อหรานหรานไปแล้วด้วย...เขาไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ?จั๋วซือหรานพอได้ยินคำพูดของท่านแม่ ก็ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็อยากยิ้ม ดังนั้นจึงยิ้มขึ้นมา นางยิ้มพยักหน้าเอ่ยขึ้นว่า "ใช่แล้ว"นางยื่นมือชี้ไปที่หัว "น่าจะเพราะสมองพังไปแล้วกระมัง แต่เขาพูดมาก็ไม่ได้มีความหมายอะไรหรอก"จั๋วซือหรานขยิบตาให้แม่ "เขาเองก็ไม่ใช่ใครของข้าเสียหน่อย ใช่ไหม?"เซี่ยอวิ๋นซีพอได้ยินคำนี้ อารมณ์ที่เดิมทีลดลงไปแล้ว ก็พุ่งขึ้นมาหน่อยๆ อีกครั้ง ตากลมขึ้นมาทันที คิ้วเหมือนจะตั้งขึ้นด้วย!เอ่ยมาว่า "ใช่! พูดได้ถูกต้อง! เขาไม่ใช่ใครทั้งนั้น! เจ้า..." เซี่ยอวิ๋นซีที่โอนโยนมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ค่อยจะได้ด่าใครนัก จึงคิดคำด่าแย่ๆ ออกมาไม่ทันชะงักไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อมาว่า "...อันธพาล! ไอ้บ้ากาม! มีสิทธิ์อะไรมารังแกลูกของข้า?! เขาไม่ใช่ใครทั้งนั้น...แล้วเขายังค้างคาอยู่กับตระกูลเหยียนด้วยซ้ำ!"พอได้ยินท่านแม่ด่าเฟิงเหยียนแบบนี้ จั๋วซือหรานที่นั่งอยู่ข้างๆ มุมปากก็ยกขึ้นหัวเราะอย่างเบิกบาน สายตาก็ยังเหลือบมองไปด้านนอกประตูแวบหนึ่งอีกด้วย...นอกประตูนั้น เอาจริงๆ คือ ตรง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1307

    พอเทียบกันแล้ว ที่ข้ามผ่านกาลเวลามาไม่รู้ไกลแค่ไหน หญิงสาวคนหนึ่งที่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมล้าสมัยในโลกที่ล้าสมัยแบบนี้ในฐานะแม่คนหนึ่ง การรักและห่วงใยลูกสาวตนเอง ขอแค่ลูกสาวปลอดภัยแข็งแรง จิตใจเบิกบาน เรื่องอื่นก็ล้วนไม่สำคัญ...เซี่ยอวิ๋นซีถือว่าดีมากๆ แล้วจั๋วซือหรานไม่พูดอะไร นั่งลงข้างๆ เซี่ยอวิ๋นซี ใช้หัวพิงเบาๆ ไปบนไหล่นาง"ข้าก็แค่...อยากลองดู" จั๋วซือหรานเอ่ยเสียงต่ำ "ข้ารู้ว่ายากมาก ถ้าเป็นคนอื่น อาจจะตายร้อยทั้งร้อย แต่ข้ารู้สึกว่าถ้าเป็นข้าแล้ว บางทีอาจจะรอดได้สักส่วนนึง"เซี่ยอวิ๋นซีขมวดคิ้วแน่นนางไม่ได้พูดว่าไม่จั๋วซือหรานเห็นเบ้าตานางแดงก่ำ แต่กลับไม่พูดกับตนเองว่าไม่...พริบตานี้เอง จั๋วซือหรานก็อดดวงตาร้อนวูบขึ้นมาไม่ได้นางสูดหายใจลึก พยายามอดกลั้นความรู้สึกอยากร้องไห้เอาไว้เซี่ยอวิ๋นซีดวงตาแดงก่ำแล้วแท้ๆ เพราะว่ากังวลมากแต่ก็ยังเชื่อมันการตัดสินใจของนาง เคารพตัวเลือกของนางดังนั้น จึงไม่พูดคำว่าไม่กับนางจั๋วซือหรานกัดฟันเบาๆ รู้สึกขึ้นทันทีว่า อย่างน้อย...อย่างน้อยตนเองต้องไม่ปล่อยให้แม่ต้องมากังวลอยู่แบบนี้ดังนั้นนางจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1306

    ไม่แปลกเลยที่ชิ่งหมิงจะดูซึมเศร้าเพราะเวินป๋อยวนเกิดเรื่องขึ้น...จั๋วซือหรานคิดๆ ตัดสินใจคุยกับท่านแม่ก่อนดีกว่า จากนั้นค่อยไปคุยเรื่องอื่นกับจวงชิ่งหมิงสำหรับเรื่องนี้ ชิ่งหมิงก็ไม่ได้มีความเห็นอะไรเพราะเขาดูซึมเศร้าหน่อยๆ ตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนไม่มีความเห็นกับอะไรทั้งนั้น ดูไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรด้วยซ้ำกลับมาในห้อง เซี่ยอวิ๋นซียังคงกังวล เอ่ยถามจั๋วซือหรานเสียงต่ำ "หรานหราน ใต้เท้าเวินคงไม่เกิดเรื่องขึ้นใช่ไหม?""น่าจะกระมัง..." จั๋วซือหรานให้คำตอบชัดเจนกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ถ้าศัตรูที่เผชิญหน้าคือตระกูลเหยียน ตระกูลจั๋ว ตระกูลซางหรือแม้แต่ตระกูลเฟิงล่ะ? นางอาจจะยังพอให้คำตอบที่แน่นอนกว่านี้ได้แต่ศัตรูที่เผชิญหน้าอยู่คือสภาผู้อาวุโส เช่นนั้นก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดแล้วเซี่ยอวิ๋นซีเองก็มองออก ว่าลูกสาวตั้งใจจะอยู่คุยกับนางอย่างจริงจังตามลำพังดังนั้นเซี่ยอวิ๋นซีจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องของคนอื่น นางกุมมือลูกสาวไว้แววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลไม่อาจเก็บซ่อนได้อีก หลั่งทะลักออกมาจากในดวงตา"หรานหราน..." เสียงของเซี่ยอวิ๋นซีดูสั่นเครือขึ้นมาเอาจริงๆ จั๋วซือหรานก็รู้สึกว่า ถึงอย่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1305

    กระทั่งหย่าร้างก็ไม่ใช่ แต่พูดว่าจะตัดขาดเลยอารมณ์ของเซี่ยอวิ๋นซีนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนจั๋วซือหรานยังรู้สึกแปลกประหลาดอยู่หน่อยๆ นางไม่ได้ประหลาดใจนักกับอารมณ์ของท่านแม่แต่ที่ท่านแม่โกรธถึงระดับนี้ ก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างด้วยกฏเกณฑ์ของต้าชางอันที่จริงก็ไม่ได้บอกว่าหญิงสาวไม่สามารถตัดขาดกับสามีได้ ชายหนุ่มเองก็ไม่ใช่ว่าตัดขาดกับภรรยาไม่ได้เพียงแต่ภายใต้สภานการณ์ปกติ เพื่อเห็นแก่หน้าตา ปกติจะจบที่หย่าร้างถ้าหากมีเรื่องจนถึงขั้นต้องตัดขาด นั่นแสดงว่าสถานการณ์ต้องร้ายแรงมากจากที่จั๋วซือหรานรู้ พอเทียบกับความรู้สึกที่เซี่ยอวิ๋นซีมีต่อจั๋วเฮ่ออิงมาตลอด ก็มักรู้สึกว่าเรื่องราวไม่น่าจะร้ายแรงถึงระดับนี้และคนเป็นแม่ก็ย่อมรู้จักลูกมากที่สุด เซี่ยอวิ๋นซีเหมือนจะอ่านใจความคิดของจั๋วซือหรานออก เอ่ยขึ้นว่า "แม้ความรู้สึกของแม่ที่เคยมีให้เขาจะมั่นคงมากก็ตาม...""นั่นเพราะข้าคิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่แค่ยังไม่ตาย ยังร่วมมือกับผู้หญิงคนอื่นวางแผนทำร้ายลูกของข้าอีก..." เซี่ยอวิ๋นซีกัดฟัน "สู้ตายๆ ไปยังจะดีเสียกว่า"เซี่ยอวิ๋นซีพูดถึงขนาดนี้แล้ว จั๋วซือหรานรู้ว่านางคงโกรธแล้วจริง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1304

    ปันอวิ๋นเบ้ปาก "...อันที่จริงก็แค่คนโง่คนนึง"เฟิงเหยียนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ พยักหน้าให้ และเห็นว่าจั๋วซือหรานเหมือนจะประหลาดใจหน่อยๆ กับคำนี้ของปันอวิ๋นจึงหันมาอธิบายเพิ่มเติมกับนาง "นอกจากกระบี่แล้ว ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง"จั๋วซือหรานเข้าใจแล้ว คนแบบนี้ มันก็เพวกคลั่งการต่อสู้ตามนิทานต่างๆ นั่นล่ะสรุปคือ หลังจากคุยกันไปต่างๆนานาในถ้ำนี้แล้วเกี่ยวกับเรื่องและทิศทางบางส่วน ไม่ว่าจะจั๋วซือหรานกับเฟิงเหยียน หรือแม้แต่ปันอวิ๋น ในใจก็พอรู้เรื่องราวต่างๆ แล้วจนดวงตะวันลับฟ้า จั๋วซือหรานกับเฟิงเหยียนจึงออกมาจากในถ้ำพอออกจากในถ้ำ จั๋วซือหรานก็เห็นหญิงสาวยืนอยู่ห่างออกไปลิบๆแม้รูปร่างดูแล้วจะบอบบางและอ่อนแอ แต่พอยืนอยู่ตรงนั้นกลับดูแข็งแกร่งดุจอนุสาวรีย์ต้องลมและไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้วพอเห็นจั๋วซือหรานออกมา นางก็เดินเข้ามาทันที"ท่านแม่..." จั๋วซือหรานประคองนางไว้ "รอนานแค่ไหนแล้วน่ะ? ทำไมไม่เข้าไปในห้อง ข้าออกมาก็จะไปหาท่านพอดี"เซี่ยอวิ๋นซีพอได้ยินคำนี้ก็ยิ้มขึ้นมา ไม่ได้พูดความกังวลของตนเองน่าจะเพราะไม่อยากให้ความกังวลของตนเอง ไปสร้างแรงกดดันมาเกินไปกับตัวล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1303

    เฟิงเหยียนรู้ความหมายของปันอวิ๋น พวกเขาตอนนั้น แม้จะเป็นพวกเด็กน้อยไฟแรง แต่ท้ายสุดก็ยังมีพลังที่อ่อนแอเกินไปในสายตาสภาผู้อาวุโสเหล่านั้น คงจะเหมือนแค่มดง่ามพยายามเขย่าต้นไม้กระมังดังนั้นอันที่จริงหลังจากผ่านไปนานขนาดนี้ ไม่เพียงแต่เหล่าศิษย์พี่น้องจะตระหนักได้ถึงความผิดพลาดใจอดีตเฟิงเหยียนตระหนักได้ถึงความจริง อันท่จริงผ่านไปนานขนาดนี้ เขาก็ไม่ได้แค้นเคืองเหมือนเมื่อก่อนแล้วเพราะว่า ตอนนี้พอนึกย้อนไป ต่อให้เหล่าพี่น้องทั้งหมดตอนนั้นล้วยนืนอยู่ข้างเขา สนับสนุนเขา อยู่ร่วมแนวเดียวกันกับเขา...แล้วมันจะทำไมล่ะ?พวกเขาตอนนั้น ล้วนเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มุ่งมั่น แต่ปีกยังไม่กล้าแข็งพอ ยังเป็นแค่เด็กเท่านั้นพวกเขาต่อให้ตื่นรู้ขึ้นมา แล้วจะทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นกระทั่งเป็นไปได้ว่า โอกาสที่จะได้โบยบินก็ยังไม่มี คงถูกสภาผู้อาวุโสหักปีกทิ้งกันหมดหลังจากเห็นความจริงชัดเจน คนก็จะเปลี่ยนเป็นสงบลงมา ความเคียดแค้นเหล่านั้นก็จะกระจายหายไปดังนั้นเฟิงเหยียนหลังจากได้ยินคำนี้ของปันอวิ๋น บนหน้าก็เผยรอยยิ้มจาง เอ่ยถามเสียงต่ำว่า "ไกลหน่อยสินะ?""สองคนนั้นไกลอยู่" ปันอวิ๋นตอบ "สถาน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1302

    น่าจะเพราะตอนนั้นไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเฟิงเหยียน ทั้งใจคิดว่าตนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายถูก เฟิงเหยียนเป็นคนผิดต่อมาเรื่องราวก็พิสูจน์ว่า ตนเองผิดไปไกลมากคนที่หลังจากถูกตบฉาดเข้าหน้าอย่างไร ตอนแรกจะยังรู้สึกอับอายมาก โกรธจัด และพยายามจะยืนหยัดความคิดของตนเอง คิดว่าต่อให้ผิดก็ยังจะเดินหน้าต่อในทางที่เลือกนั้นแต่พอเวลาผ่านไป ความรู้สึกเสียหน้าแบบนั้น ก็จะค่อยๆ จางหายไปเองความอับอายเหล่านั้น ความโกรธเหล่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้ากาลเวลาไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอะไรเลยพวกเขาในที่สุดก็จะยอมรับความผิดในอดีตของตนเองอย่างตรงไปตรงมาถ้าหากให้โอกาสพวกเขาอีกสักครั้ง พวกเขาจะไม่มีทางทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีกแน่นอนถ้าหากให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง...จากที่ปันอวิ๋นเห็น สิ่งนี้น่าจะเป็นการให้โอกาสพวกเขาอีกครั้งก็เลยถามปันอวิ๋นว่า "ดังนั้นเจ้าจะเรียกไหม?"จากที่ปันอวิ๋นเห็น ต่อให้ในใจเฟิงเหยียนจะมีความคิดอะไรมันก็ปกติ เพราะตอนนั้นเรื่องราวก็บานปลาย...ทำร้ายจิตใจกันมากที่เดียวศิษย์ที่กินด้วยกันนอนด้วยกัน แต่ท้ายสุดยังทำให้เขากลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคนคำพูดทั้งหมดราวกับเป็นมีดแหลมทิ่มแทงไปบนตัวเขาคนอื่นยังไม่ก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1301

    "ข้าไม่มีทางเป็นทาสให้สภาผู้อาวุโสไปชั่วชีวิต พวกเราไม่มีทางเป็นทาสให้สภาผู้อาวุโสไปชั่วชีวิต"ตอนที่ได้ยินคำนี้ของปันอวิ๋น เฟิงเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมาฉับพลันเหลือบมองปันอวิ๋นผาดหนึ่งเพราะคำนี้ฟังแล้วคุ้นหูมากต้องคุ้นหูอยู่แล้ว นี่คือคำพูดที่เขาเคยพูดกับเหล่าพี่น้องเขาตอนนั้น พวกเขาล้วรู้สึกว่าเขาทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ รู้สึกว่าเขาไม่สำนึกบุญคุณรู้สึกว่าสภาผู้อาวุโสทั้งๆที่ให้ความสำคัญกับเขา แล้วทำไมเขาถึงต้องทำเหมือนจะถูกทำร้ายแบบนั้น...เฟิงเหยียนตื่นตัวมาตลอดน่าจะเพราะในตระกูลเฟิง ชะตาของภาชนะเป็นอย่างนี้มาตลอด ดังนั้น เขาจึงตื่นตัวอยู่เสมอตอนนั้นที่แตกหักกับเหล่าพี่น้อง แล้วออกจากสำนักความหมายของเหล่าพี่น้องล้วนประมาณว่า ถ้าหากพวกเขาถูกสภาผู้อาวุโสให้ความสำคัญ ถูกสำนักให้ความสำคัญพวกเขาจะต้องไม่เป็นแบบเขาแต่ที่เฟิงเหยียนบอกว่านั่นไม่ใช่การให้ความสำคัญ แต่มันคือการกดขี่ข่มเหงเฟิงเหยียนตอนนั้นพูดประโยคนนี้ไว้: ‘ข้าไม่มีทางเป็นทาสให้สภาผู้อาวุโสไปชั่วชีวิต พวกเราจะเป็นทาสให้สภาผู้อาวุโสชั่วชีวิตไม่ได้...’ผ่านมาหลายปีพอได้ยินคำนี้อีกครั้ง จากสหายเก่า...จาก

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status