เรือนหลิวหลี จวนแม่ทัพหยางเค่อ “เป็นไปได้อย่างไรกัน ที่นางยังไม่ตาย”เจ้าของเรือนเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชาย ด้วยสีหน้าวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย หากอวี้หลานเกิดพูดเรื่องที่เกิดขึ้นให้สามีของนางได้ยิน มีหรือคนฉลาดเช่นแม่ทัพหยางเค่อจะไม่คลางแคลงใจ และแน่นอนว่าชายหนุ่มจะต้องสืบหาความจริง ที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างแน่นอน“นางรอดอย่างปาฏิหาริย์ ที่น่าแปลกไปกว่านั้น ร่างกายของนางฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เหมือนแผลที่เกิดขึ้นเป็นเพียงรอยแมวข่วนเท่านั้นเอง”“พี่ใหญ่ เรื่องนี้เราจะรอช้ามิได้แล้ว ต้องกำจัดนางให้ได้ ก่อนที่พวกมันจะทำให้แผนของเราพังนะเจ้าคะ”“วางใจเถอะ พระอาทิตย์ขึ้นในวันถัดไป นางจะไม่ได้เห็นมันอีก”“อย่าให้หยางเค่อสงสัยเรื่องนี้ได้นะเจ้าคะ”เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา ทำให้สองพี่น้องเปลี่ยนการสนทนาในทันที เพียงประตูห้องเปิดออก หลิวหลีรีบก้าวเข้าหาสามี“ท่านพี่ กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”หญิงสาวโอบรอบเอวของสามี ด้วยท่าทางออดอ้อน พร้อมซบใบหน้ากับอกแกร่ง“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง พี่เป็นห่วงเลยรีบกลับมาหาเจ้า”หยางเค่อเอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาของชายหนุ่มแสดงออกถึงความรักใคร่ในตัวของภรรยา“พี่ใ
“ใช่...ท่านแม่ทัพมิได้กล่าวออกมา ณ ตอนนี้ แต่ที่อื่นท่านแม่ทัพและคนรอบกาย ต่างพากันเอ่ยถึงมันอย่างสนุกปากมิใช่รึ อย่าคิดว่าข้าเจ็บป่วยสาหัส แล้วจะหูหนวกตาบอดไปด้วย ผิดหวังหรือไม่ที่ข้ายังไม่ตาย คำถามนี้ฝากถึงภรรยาของท่านแม่ทัพด้วยก็แล้วกัน ข้าคิดว่านางคงร้อนใจที่จะรู้ยิ่งนัก”“ท่านหญิง...”หยางเค่อไม่คิดว่าท่านหญิงที่เคยอ่อนหวาน จะสรรหาคำพูดประหนึ่งคมมีดมาเอ่ยกับเขาเช่นนี้“อีกเรื่องนะท่านแม่ทัพ ท่านจงรับรู้เอาไว้ด้วยว่า ข้ามิคิดลดเกียรติปลิดชีพตนเอง เพียงเพื่อคนเช่นท่านหรือนางอย่างแน่นอน”อวี้หลานยกยิ้มมุมปากคล้ายการเย้ยหยัน หญิงทำเพียงชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสมเพช หาได้มีแววแห่งความอาวรณ์แม้แต่น้อย“กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง ท่านอ๋องน้อย ลาก่อนท่านหญิง”หยางเค่อคิดหาคำตอบโต้หญิงสาวมิได้ จึงเอ่ยอำลาทุกคนเสียดื้อ ๆ ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกเหมือนถูกน้ำร้อนสาดเข้ายังใบหน้าเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต โดยเฉพาะจากหญิงสาวตรงหน้า“หากยังตัดสินทุกอย่างด้วยสายตามิใช่สมอง ก็อย่าได้มาเรียกร้องสิ่งใดจากข้าหรือท่านพ่ออีก หวังว่าท่านแม่ทัพจะเข้าใจ”อวี้หลานเอ่ยขึ้นในขณะที่แม่ทัพหนุ่มกำลังจะก้าวผ
“ทุกอย่างให้เป็นความลับ” “พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทหายออกจากห้องไป จวิ๋นอ๋องได้ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางเร่งรีบ เมื่อได้รับรายงานว่าพระธิดารู้สึกตัวแล้ว “หลานเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง จ้านเอ๋อร์” “ชีพจรเต้นเป็นปกติแล้วขอรับท่านพ่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมากทีเดียวขอรับ” ท่านอ๋องอวี้ถงก้าวเข้าไปยังเตียงของพระธิดา ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ มือหนาลูบไปยังศีรษะงามของอวี้หลาน “พ่อจะล้างมลทินแก่ลูกให้จงได้ อวี้หลาน” “พ่อฝากเจ้าด้วย จ้านเอ๋อร์” “ขอรับท่านพ่อ พวกมันต้องชดใช้” ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จะมีก็เพียงลมหายใจอันสม่ำเสมอของคนบนเตียง ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง ยามเช้าในสองเดือนถัดมา ร่างบางเริ่มคุ้นชินกับทุกสิ่งรอบกาย แม้ว่าการสนทนาของอวี้หลานที่มีต่อทุกคนนั้น จะยังน้อยอยู่มากก็ตามที แต่ทุกคนภายในจวนคิดเพียงว่านางยังเจ็บป่วยอยู่ จึงไม่ได้สงสัยถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ ร่างบางก้าวลงจากเตียง เพื่อออกไปรับลมสักหน่อย กึก! เท้าบางจำต้องหยุดลง เมื่อหลัง
“หัวหน้า!!”ทุกคนได้แต่ร้องเรียกหญิงสาวเสียงหลง เมื่อไป่หลิงพุ่งออกไปอีกด้านของโกดัง เพื่อให้คนทรยศเปลี่ยนเป้าหมายมาติดตามเธอแทน และอีกเหตุผล เธอต้องการที่จะชำระความกับอดีตคนสนิทด้วยนั่นเอง“หัวหน้านี่ดื้อด้านจริง ๆ เลยนะ คิดว่าการตายของหัวหน้าจะทำให้พวกมันรอดไปได้ยังงั้นเหรอ ผมว่าเป็นเรื่องที่โง่มาก”“ฉันจะไม่ถามนายหรอกนะ ว่าอะไรที่ทำให้นายหันปลายกระบอกปืนเข้าหาพวกพ้อง”“คุณอดัมก็ให้หัวหน้าเลือกแล้วนี่ แต่หัวหน้ากลับไม่รับมันเอาไว้เอง”“รับเหรอ...ฮ่า ๆ เราทำงานด้วยกันมานานแค่ไหนต้าฉ่าย นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าวงการนี้ ไม่มีคำสัตย์ในหมูโจร”“ผมรู้...แต่ผมก็ยังอยากมีลมหายใจต่อไป เพื่อได้ทำในสิ่งที่ผมชอบ เวลาที่เหลืออยู่จะสั้นจะยาวแค่ไหนผมไม่สนใจ”“แบบนั้น...นายก็พร้อมรับกับอีกด้านของคมมีดแล้วสินะ ฉันขอให้นายโชคดี”“อย่าโทษผมกับเรื่องนี้เลย โทษที่ตัวหัวหน้าเองดีกว่า อยู่เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ กลับเลือกมาตายอย่างหมาข้างถนนเอง”“คนเราเกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว แต่...มันขึ้นกับว่าตายเพื่อสิ่งใด ถ้าเรามีโอกาสได้เลือกก็ควรที่จะเลือกให้ถูก”คำพูดของหญิงสาว เหมือนการตบหน้าต้าฉ่ายเลยก็ว่าได้ ช
ไป่หลิงรู้ดีว่าอดัมมีฝีมือทางการต่อสู้ และชายหนุ่มต้องมีหลายอย่างมากกว่าที่เธอรู้ ‘ฉันมองข้ามคุณไปมากทีเดียวอดัม’“ผมว่า...คุณควรฟังข้อเสนอของผมก่อนจะดีกว่านะที่รัก คุณค่อยตัดสินใจว่าจะรับหรือปล่อยมันทิ้ง”“คุณพูดเหมือนไม่รู้จักฉันอดัม มันอาจเป็นสิ่งที่โง่เขลา แต่คนแบบคุณไม่มีทางที่จะไว้ใจศัตรู ขนาดเลี้ยงไว้ให้แว้งกัดตัวเองหรอกจริงไหม”“คุณไม่คิดจะถามคนในทีม สักหน่อยเหรอ! ที่รัก”“พวกเขาจะเลือกแบบไหน ฉันไม่ใช่คนที่จะกำหนดได้ คุณพูดออกมาขนาดนี้ น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว”ไป่หลิงยิ้มเย็น เพราะตอนนี้เธอยืนหันหน้าไปทิศทางของลูกทีมยืนอยู่ นอกจากคนสนิทที่แปรพรรค ทุกคนที่เหลือยังเลือกที่จะทำตามหน้าที่อย่างมีเกียรติ เพราะทุกคนรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่า มันก็แค่คำหลอกลวง เพื่อที่จะหลอกใช้อำนาจของบิดาไป่หลิงเท่านั้นแล้วทำไมพวกเขาต้องมอบชีวิตให้อดัม เพื่อนำมาเป็นข้อต่อรองกับหญิงสาวด้วย นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่อาชีพนี้ พวกเขาก็เตรียมใจที่จะจบชีวิตได้ทุกวินาทีอยู่แล้ว“ผมเสียใจจริงนะไป่หลิง ที่ต้องทำแบบนี้”“เหรอ!”พูดจบไป่หลิงได้พุ่งเข้าหาอดัมอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ลงมือตอนที่เขาไร้อาวุธ เธอจะรักษาชีวิตของลูก
มิติปัจจุบัน ไป่หลิงยืนนิ่งงัน เมื่อคนที่ก้าวลงจากรถคันหรู คือคนที่เธอคุ้นเคย หญิงสาวไม่คิดเลยว่าไม่เพียงแค่อดัมจะนอกใจเธอแล้ว ยังทำเรื่องที่ร้ายแรงกว่านั้น เพราะสิ่งที่เธอสืบมานั้น พ่อค้าอาวุธรายใหญ่กลุ่มนี้เองที่ทำให้แม่ของเธอต้องตาย“หึ ๆ เป็นฉันสินะที่โง่เอง” หญิงสาวพูดขึ้นเบา ๆ พอให้ได้ยินแค่คนที่ยืนอยู่ข้างตัวเธอในตอนนี้เท่านั้น“ผมว่าทุกอย่างในโลกใบนี้ มักจะนอกเหนือที่เราคาดคิดอยู่เสมอนะครับหัวหน้า”ลูกน้องคนสนิทพูดขึ้นบ้าง เขาเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวได้เป็นอย่างดี“คนเราเก่งแค่ไหน ย่อมต้องมีด้านที่โง่เขลาและอ่อนแอ ฉันเองก็มีมุมนั้นเหมือนคนอื่น ๆ นั่นล่ะ” ไป่หลิงยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึงด้านอ่อนแอของตัวเอง แรก ๆ เธอก็ทำใจรับไม่ได้กับเรื่องของอดัมและแองจี้ แต่พอคิดถึงอีกด้านที่เธอปิดบังชายหนุ่มเอาไว้ เธอจึงไม่ติดใจอะไร หรืออาจเพราะเธอไม่ได้รักอดัมมากพอด้วยนั่นเอง และในวันนี้เธอได้เห็นอีกด้านของคนรักแล้วเช่นกัน “เรื่องนี้ผมไม่เถียงครับหัวหน้า” ชายหนุ่มตอบเบา ๆ“เมื่อเขาทำผิดฉันก็พร้อมที่จะทำตามหน้าที่ ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ”ไป่หลิงกระชับปืนในมือ ก่อนจ