ช่วงบ่ายเริ่มต้นด้วยวิชาศิลปะที่ฟ้าใสค่อนข้างชื่นชอบเป็นพิเศษและในระหว่างนี้ครูผู้สอนได้ให้พวกเธอออกมาวาดภาพภายนอกห้องเรียน
เด็กทุกคนภายในห้องค่อนข้างตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ออกมาและในระหว่างที่ทุกคนเดินออกมาทางสนามกีฬาแต่ละคนก็เห็นว่ากลางสนามกำลังมีนักเรียนเตะฟุตบอลกันอยู่
“ครีม คนนั้นใช่เฮียครามไหม” ฟ้าใสชี้นิ้วของตนไปทางนักเรียนชายในชุดพละศึกษาคนหนึ่งที่กำลังไล่เตะลูกฟุตบอลอยู่กลางสนามอย่างตั้งใจ
“แกนี่ตาดีจัง นั่นเฮียของฉันกำลังจะชู๊ตแล้ว” น้ำเสียงของครีมค่อนข้างตื่นเต้นโดยมีเพื่อนนักเรียนในห้องไม่วายมองไปทางสนามพร้อมกันก่อนจะมีเสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้น
“นอกจากรุ่นพวกเรากับนักเรียนหญิง ม.1ของปีนี้แล้ว ก็ยังไม่มีนักเรียนหญิงของปีอื่นเลยใช่ไหม” เสียงของเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในห้องถามออกมาอย่างสงสัย
“เธอเข้าใจถูกแล้วแต่ก่อนโรงเรียนนี้มีแต่นักเรียนชายซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดรับผู้หญิงทั้งม.ต้นและม.ปลาย” เสียงของน้ำหนึ่งดังขึ้นหลังได้ยินคำถามของเพื่อนในห้อง
“นี่แหละเหตุผลที่ฉันพยายามสอบเข้าที่นี่” น้ำเสียงของเด็กสาวอีกคนพูด
“ทำไม” ใครคนหนึ่งในห้องถามอย่างสงสัย
“ก็ไม่ทำไม เธอไม่คิดหรอกหรือว่าการเป็นอะไรรุ่นแรกมันมีข้อดีอยู่เยอะนะเหมือนอย่างในการ์ตูนไงฮิฮิ” คำตอบของเด็กหญิงคนนั้นทำให้ฟ้าใสส่งเสียงหัวเราะออกมาพลางเอาข้อศอกกระแทกเข้ากับต้นแขนของครีมเบา ๆ
“น้ำตาลติดการ์ตูนเหมือนแกเลย” ครีมมองค้อนเพื่อนก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่ยินยอม
“แกก็ติดเหมือนกันนั่นแหละอย่างเรื่องคำสาปฟาโรห์ไง” คำพูดของครีมทำให้ฟ้าใสได้แต่ยอมรับและในขณะที่พวกเธอกำลังพูดคุยกันเสียงเฮจากในสนามก็ดังขึ้น
“เจ้ฟ้าใส เจ้ครีม เห็นลูกเตะของเฮียครามเมื่อกี้ไหมโคตรเท่อ่ะ” เสียงของม่านเมฆแสดงความตื่นเต้น
“เห็นสิ เฮียฉันเจ๋งสุด ๆ” ครีมไม่วายอวยพี่ชายเสียงดัง
น้ำหนึ่งที่อยู่ด้วยกันสงสัยว่าทำไมม่านเมฆถึงเรียกครีมกับฟ้าใสว่าเจ้ทั้งที่พวกเขาน่าจะอายุเท่ากัน ไวเท่าความคิดเด็กชายไม่รอช้าจึงได้ถามออกมาทันที
“ม่านเมฆทำไมนายเรียกฟ้าใสกับครีมว่าเจ้ล่ะ”
ม่านเมฆยกมือเกาหัวก่อนตอบตามตรง “มันชินอ่ะ อีกอย่างฟ้าใสเป็นพี่สาวฝาแฝดของฉัน ส่วนเจ้ครีมก็เป็นเพื่อนของเจ้มาตั้งแต่ประถมฉันก็เลยเรียกแบบนี้มาตลอด”
“นายเป็นฝาแฝดกันหรือ ทำไมหน้าตาไม่เหมือนกันเลยล่ะ” น้ำหนึ่งนึกว่าสองคนเป็นญาติกันเพราะนามสกุลเหมือนกันแค่นั้นไม่นึกว่าเป็นแฝด
“หากเหมือนกันก็ประหลาดสิ ฉันเป็นผู้ชายนะแต่ฉันว่าตัวเองก็ไม่แย่นะนายไม่คิดว่าฉันเองก็หล่อหรอกเหรอ”
น้ำหนึ่งมองใบหน้าของม่านเมฆสลับกับฟ้าใส “พี่สาวนายนะหน้าตาดีกว่านายเยอะเลย นายนี่หลงตัวเองชะมัดถ้าพูดถึงความหล่อฉันว่าฉันหน้าตาดีกว่านายอีก”
เสียงโห่ดังขึ้นจากนักเรียนชายในห้องทันที “หัวหน้าห้อง นายนี่ไม่หลงตัวเองเลยนะ” นักเรียนในห้องมีความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วหัวเราะให้กับคำพูดของเขา
และก่อนที่ทุกคนจะส่งเสียงดังไปมากกว่านี้ครูผู้สอนก็สั่งงานให้ทุกคนไปวาดรูปดอกไม้ใบหญ้ารอบ ๆ สนามกีฬาดังนั้นทุกคนจึงได้แยกย้ายกันไปตามจุดต่าง ๆ
ฟ้าใสเดินมากับครีม ซึ่งเด็กทั้งสองเลือกนั่งใต้ต้นไม้ที่หันหน้าเข้าหาสนามฟุตบอลที่มีเด็กนักเรียนม.6กำลังเรียนวิชาพละกันอยู่
“ครีมแกจะวาดอะไร” ฟ้าใสถามเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“เรื่องนี้... ฟ้าใสฉันอยากให้แกวาดรูปเฮียครามเตะฟุตบอลได้ไหม ฉันอยากให้เป็นของขวัญวันเกิดเฮีย” คำว่าวันเกิดทำให้ฟ้าใสมองหน้าเพื่อนด้วยความฉงน
“วันเกิดใครนะ”
ครีมมองเพื่อนพลางยิ้มแหยออกมา “วันนี้วันเกิดเฮียครามแต่ว่าฉันลืมเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับวันเปิดเรียน”
“แกนี่มัน... แล้วแกต้องการจะเซอร์ไพรส์เขาไหม”
“อืมความคิดแกไม่เลวตอนเย็นพวกเราแวะซื้อเค้กกันไหม” ครีมถามความคิดเห็นของเพื่อนที่กำลังเริ่มลงมือสเก็ตซ์ภาพอย่างตั้งใจ
“ก็ดีนะ” ฟ้าใสตอบแค่นั้นก่อนที่เธอจะตั้งใจทำงานในมือซึ่งเป็นงานที่ครูผู้สอนสั่งก่อน หลังจากนั้นไม่นานเจ้าตัวก็ได้วาดภาพเชิงการ์ตูนซึ่งต้นแบบก็คือเฮียคราม
“เหี้ย! คราม” ธรส่งเสียงเรียกชื่อเขาออกมา
“กูชื่อคราม ไม่มีเหี้..นำหน้า เรียกทำไม” ครามถามพลางเดาะฟุตบอลไปด้วย
“มีคนแอบมองมึง” รอยยิ้มเชิงหยอกเย้าของธรเกลื่อนใบหน้า
“ใคร?” เจ้าของชื่อหาได้สนใจสิ่งอื่นนอกจากลูกกลม ๆ ที่อยู่ในเท้าของตน
“
เพื่อนของน้องสาวมึงคนนั้นอ่ะ” ธรพยักปลายคางมาทางฟ้าใสที่กำลังจดจ่ออยู่กับการวาดภาพให้เพื่อนโดยไม่ทันได้สังเกตอะไร
สายตาของครามมองมาตามสายตาของเพื่อนและก็เห็นว่าฟ้าใสกำลังก้มหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นมองมาทางเขาและดูเหมือนว่าเด็กหญิงจะสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มแบบ เก้อ ๆ ออกมา
“น้องเขาแอบมองมึง” ธรยังคงกระเซ้าไม่เลิก
“มึงอ่ะเลอะเทอะ เขาเป็นเพื่อนน้องสาวกู ก็แค่ทักทายก็เท่านั้นเอง นั่นไงเห็นไหมกูบอกมึงแล้วว่าไม่มีอะไร” แม้ว่าปากจะพูดออกไปแบบนั้นทว่าคงมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดีว่าภายในใจของตนได้มีความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างกำลังถักทอ
“มึงไม่เชื่อก็ตามใจ” ธรยักไหล่ก่อนจะใช้เท้าแย่งลูกบอลของครามมาครอง
ช่วงเย็นภายในวันเดียวกันหลังจากกริ่งบอกสัญญาณเรียนของวิชาสุดท้ายสิ้นสุดลง เด็กชายหญิงทั้งสี่ที่ตอนนี้นับได้ว่าอยู่กลุ่มเดียวกันก็เดินออกมาจากห้องเรียนพร้อมกัน
“พรุ่งนี้เป็นเวรของฉันกับม่านเมฆ ครีมแกจะกลับกับเฮียครามก่อนก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องรอเราสองคนนาน” ฟ้าใสพูดกับเพื่อนในระหว่างเดินออกประตูหน้ามาทางสะพานลอย
“ไม่เอาหรอก หากเป็นเวรของฉันแกกับม่านเมฆจะทิ้งฉันกลับบ้านก่อนไหมล่ะ” ครีมพูดพลางส่ายหน้า
“ไม่มีทาง” สองพี่น้องตอบออกมาราวนัดกัน
“พวกแกสามคนบ้านไปทางเดียวกันเหรอ” น้ำหนึ่งฟังบทสนทนาอย่างสงสัย
“ใช่ บ้านพวกเราอยู่ตรงข้ามกันเลย ว่าแต่บ้านของนายอยู่ไหน” ม่านเมฆตอบก่อนจะถามออกมาบ้าง
“อยู่ซอย 5 แยกกลางเมือง ฉันจะเดินกลับหรือจะนั่งรถเมล์ก็ได้” น้ำหนึ่งตอบก่อนจะเดินข้ามสะพานลอยมากับพวกเขาทั้งสามคน
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องไปต่อรถที่ตลาดก่อนใช่ไหม” ม่านเมฆถามขึ้นเนื่องจากซอย 5 แยกกลางเมืองไปคนละทางกับบ้านของพวกเขา
“อืม รถเมล์มาแล้วฉันไปก่อนนะเอาไว้เจอกันพรุ่งนี้” น้ำหนึ่งพยักหน้ารับ ก็พอดีรถโดยสารเข้าตลาดก็กำลังชะลอตัวลงตรงป้าย
“บ๊ายบาย พรุ่งนี้เจอกัน” หลังจากบอกลาน้ำหนึ่งแล้วทั้งสามคนก็เดินไปยังร้านเบเกอรี่ที่อยู่ห่างออกมาไม่ไกลซึ่งในระหว่างนั้นทั้งสามคนก็เห็นเฮียครามขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีธรซ้อนท้ายผ่านหน้าไป
“นั่นเฮียแกกับเพื่อนไม่ใช่เหรอ” ฟ้าใสชี้นิ้วไปทางมอเตอร์ไซค์สองคันที่กำลังขี่ไปตามถนน
“อืม หรือว่าเฮียจะไปฉลองกับเพื่อนกัน” ครีมทำสีหน้าครุ่นคิด
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องเค้กเอาไงจะยังซื้ออยู่ไหม” ม่านเมฆถามขึ้นอย่างสงสัย
“ซื้อสิ ไม่ใช่ว่าเฮียเขานัดกับนายว่าจะซ้อมกีตาร์ให้เหรอไม่แน่ว่าเพื่อนของเขาอาจจะไปกินข้าวที่บ้านก็ได้ ดีเสียอีกพวกเราซื้อเค้กไปจะได้เซอร์ไพรส์เขาด้วยไง” ครีมพูดพลางยกมือคล้องแขนของฟ้าใส
“ฉันว่าแกหาเรื่องอยากกินเองมากกว่า” ฟ้าใสกระเซ้า
ครีมหัวเราะร่วนให้กับคำพูดของเพื่อนก่อนตอบออกมาอย่างเขิน ๆ “แกนี่รู้ทันฉันตลอดเลย”
ทั้งสามคนพากันหัวเราะขึ้นมา และในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปทางร้านเบเกอรี่เด็กทั้งสามต้องเดินผ่านร้านหนังสือ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่หนังสือเพราะมีสิ่งของเครื่องประดับชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่จัดวางอยู่เต็มร้าน
“แกแวะก่อนนะ ฉันอยากได้การ์ตูนคำสาปฟาโรห์เล่มใหม่อ่ะ ไม่รู้ว่ามาหรือยัง” ครีมดึงมือของเพื่อนพูดอ้อนวอน
“เจ้ครีมนี่พอกันกับเจ้ฟ้าเลยนะ ผมเห็นการ์ตูนเรื่องนี้พวกพี่ซื้อกันมาตั้งแต่ม.3ไม่ใช่เหรอป่านนี้ยังไม่จบอีก นานแล้วนะ” ม่านเมฆแซว
“ยุ่งน่า” ครีมแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนหันไปทางฟ้าใส
“อยากซื้อก็แวะเข้าไปดูเถอะ” เมื่อฟ้าใสพูดออกมาแบบนี้ดังนั้นพวกเขาสามคนจึงได้เดินเข้าไปภายในร้าน ก่อนที่ฟ้าใสจะสะดุดตาเข้ากับพวงกุญแจที่เป็นรูปกีตาร์สีดำกับสีน้ำตาล
การกินอาหารกลางวันของเด็กทั้งสี่เป็นไปอย่างรวดเร็วก่อนที่พวกเขาจะลุกนำจานช้อนและแก้วน้ำไปไว้ยังจุดที่ทางโรงอาหารกำหนด“ไปกันเลยไหม” เสียงของน้ำหนึ่งดังขึ้น“อืม พวกเราเอาหนังสือกับสมุดมาแล้วไปกันเลยก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลา” ฟ้าใสพูดก่อนจะเดินจูงมือไปกับครีม“ดีนะที่เตรียมพร้อมไม่อย่างนั้นต้องวิ่งกลับไปเอาที่ห้องเสียเวลาตายเลย” ครีมพูดเด็กทั้งสี่ต่างกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางสนามฟุตบอลที่ตอนนี้กลุ่มของครามกำลังนั่งเล่นกีตาร์อยู่บนอัฒจันทร์“นั่นน้อง ๆ มากันแล้ว” ธรพูดพลางพยักปลายคางมาทางกลุ่มของเด็ก ๆ“เฮีย รอนานไหม” เสียงของครีมดังขึ้นพร้อมกับวิ่งยิ้มร่าเข้ามาหา“ช้า” ครามตอบพร้อมกับทำสีหน้าเบื่อหน่าย“เฮียอย่าทำหน้าแบบนี้สิ ก็วันนี้อาจารย์ปล่อยช้ากว่าจะได้กินข้าวหิวแทบตาย” ครีมจับแขนของเขาเขย่าเอ่ยเสียงอ้อน“เออ ๆ เรียนกันเถอะ แกนี่หาเหตุผลได้ตลอด” ครามบ่นแต่เจ้าตัวก็เต็มใ
เมื่อทุกคนลงมาถึงห้องกินข้าวกลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาเตะจมูก ครามเห็นแม่ของเขากำลังจัดโต๊ะอาหารอย่างขะมักเขม้น ส่วนพ่อของเขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะ“มากันแล้วเหรอ พวกหนู ๆ ไปล้างมือแล้วมาช่วยกันยกอาหารนะ” แม่ของครามพูดด้วยรอยยิ้มเด็ก ๆ ทุกคนรีบไปล้างมือและกลับมาช่วยกันยกอาหารวางบนโต๊ะอย่างว่าง่าย ซึ่งอาหารบนโต๊ะมีหลากหลายเมนู ทั้งแกงส้ม ผัดผัก และปลาทอด ทุกคนนั่งลงรอบโต๊ะอาหารและกินด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย“วันนี้อาหารอร่อยมากเลยครับป้ากิมลั้ง” ม่านเมฆพูดออกมาอย่างสนิทสนม“ปากหวานนะเรา วันไหนที่แม่ยังไม่กลับม่านเมฆกับฟ้าใสก็มากินข้าวที่บ้านป้านะลูก แม่กับป๊าของเราจะได้ไม่เป็นห่วง” แม่ของครามพูดพลางตักอาหารเพิ่มให้เขาอย่างเอ็นดู และหลังจากการกินข้าวมื้อเย็นที่แสนอร่อยจบลงก็ถึงเวลาเป่าเค้กวันเกิด“เฮีย เอาเค้กมาให้หนูก่อน” ครีมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์“เอ๋! มีเค้กด้วยหรือลูก” แม่ของสองพี่น้องถามอย่างสนใจ“ใช่ค่ะ หนูกับม่านเมฆ ฟ้าใสรวมเงินกันซื้อเพื่อมาเซ
“แกหมายความว่ายังไง มีของอะไรที่ไม่ต้องซื้ออย่าบอกนะว่าแกทำให้ฉันเอง” ครามถามออกมาอย่างหวาด ๆ เนื่องจากรู้ความสามารถของน้องสาวเป็นอย่างดี“เฮีย! จำเป็นต้องทำท่าโอเว่อร์แบบนั้นป่ะ” คนเป็นน้องชักอยากจะงอนขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว“ล้อเล่นหรอกน่า ว่าแต่มันคืออะไร” ครามรู้สึกผิดเล็กน้อยจึงได้พูดเสียงอ่อนออกมา“ไม่บอก เฮียต้องเล่นเพลงให้ฟังก่อน เอาเป็นเพลงแทนคำนั้นของวสันต์ โชติกุลโอเคไหม” ครีมต่อรองครามถอนหายใจยาวก่อนจะยกกีตาร์ขึ้นพาดบนตักและดีดสายเบา ๆ เป็นจังหวะอุ่นเครื่อง“แกนี่มัน... ต่อรองเก่งขึ้นทุกวันเลยนะ” เขาพูดพลางส่ายหน้าเล็กน้อยแต่ก็เริ่มเกากีตาร์บรรเลงอินโทรของเพลงแทนคำนั้นอย่างตามใจคนเป็นน้องเสียงกีตาร์โปร่งดังขึ้นในห้อง ครามเล่นด้วยจังหวะนุ่มนวล แม้จะไม่ได้เป็นนักร้องมืออาชีพแต่เสียงของเขาก็อบอุ่นและมีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้คนฟังเงียบกริบ"อยากจะมีคำพูดสักคำ ที่แทนความจริงจากใจที่มีอยากจะสื่อความหมายดี ๆ ที่พอจะทำให้เธอได้เข้าใจ
“ม่านเมฆนายชอบไหม” คำถามของพี่สาวทำให้เด็กชายที่กำลังมองสิ่งของในร้านหันกลับมา“ชอบ ว่าแต่เจ้จะซื้อให้เหรอ เพราะเงินของผมจะเก็บเอาไว้สมัครเรียนดนตรีเฮียครามบอกราคาค่อนข้างแพงผมอยากช่วยป๊ากับแม่ประหยัด”“เจ้ซื้อให้เอง” ฟ้าใสหยิบพวงกุญแจออกมาสองชิ้นอย่างละสี“ของนายเอาสีน้ำตาลไปนะ” เธอยื่นพวงกุญแจส่งให้น้องชายหลังจากจ่ายเงิน“แล้วอีกอันล่ะ” ม่านเมฆถาม“ก็ของขวัญให้อาจารย์ของนายไง จะไปเรียนกับเขาทั้งทีไปมือเปล่าคงไม่เหมาะ” คำพูดของฟ้าใสทำให้ม่านเมฆส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับลูบท้ายทอยของตนอย่างเก้อ ๆ“ยังเป็นเจ้ที่รอบคอบเหมือนเดิม”หลังจากจ่ายเงินสองพี่น้องก็ออกมายืนรอครีมที่กำลังเดินหาหนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดอยู่หน้าร้าน ราวสิบนาทีพวกเขาก็เห็นครีมเดินคอตกออกมา“ยังไม่มาเหรอ” ฟ้าใสถามขึ้น“อืม เจ้าของร้านบอกว่าอาทิตย์หน้า” เสียงของครีมหม่นลง“เอาน่า แค่อาทิตย์เดียวเอง ฉันว่าพวกเรารีบไปซื้อเค้กเถอะจะได้กลับบ้านเดี๋ยวจะไม่ทันรถเมล์นะ”“ใช่เจ้ครีม พวกเรารีบกลับกันเถอะ ผมอยากจะเล่นกีตาร์ใจแทบขาดแล้ว” ม่านเมฆรีบเอ่ยเสริมคำพูดของพี่สาว“อืม” ดังนั้นพวกเขาจึงได้เดินมาทางที่ร้านเบเกอรี่ทันทีภา
ช่วงบ่ายเริ่มต้นด้วยวิชาศิลปะที่ฟ้าใสค่อนข้างชื่นชอบเป็นพิเศษและในระหว่างนี้ครูผู้สอนได้ให้พวกเธอออกมาวาดภาพภายนอกห้องเรียนเด็กทุกคนภายในห้องค่อนข้างตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ออกมาและในระหว่างที่ทุกคนเดินออกมาทางสนามกีฬาแต่ละคนก็เห็นว่ากลางสนามกำลังมีนักเรียนเตะฟุตบอลกันอยู่“ครีม คนนั้นใช่เฮียครามไหม” ฟ้าใสชี้นิ้วของตนไปทางนักเรียนชายในชุดพละศึกษาคนหนึ่งที่กำลังไล่เตะลูกฟุตบอลอยู่กลางสนามอย่างตั้งใจ“แกนี่ตาดีจัง นั่นเฮียของฉันกำลังจะชู๊ตแล้ว” น้ำเสียงของครีมค่อนข้างตื่นเต้นโดยมีเพื่อนนักเรียนในห้องไม่วายมองไปทางสนามพร้อมกันก่อนจะมีเสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้น“นอกจากรุ่นพวกเรากับนักเรียนหญิง ม.1ของปีนี้แล้ว ก็ยังไม่มีนักเรียนหญิงของปีอื่นเลยใช่ไหม” เสียงของเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในห้องถามออกมาอย่างสงสัย“เธอเข้าใจถูกแล้วแต่ก่อนโรงเรียนนี้มีแต่นักเรียนชายซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดรับผู้หญิงทั้งม.ต้นและม.ปลาย&rdquo
ครูวารียิ้มให้เด็กทั้งสามแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องเขินไปหรอกจ้ะ พวกเธอทั้งสามทำได้ดีมาก แล้วครูก็ต้องการให้พวกเธอเป็นตัวอย่างที่ดี ครูมั่นใจว่าทุกคนในห้องนี้มีความสามารถ พวกเธอต้องตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของตัวเอง”ฟ้าใส ครีม และม่านเมฆพยักหน้าให้กับคำพูดของครู แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง หลังจากนั้นครูวารีจึงเริ่มพูดถึงตารางเรียนและกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้“ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าเราจะมีการเรียนที่เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงกิจกรรมที่จะทำร่วมกัน เช่น งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ งานกีฬา และกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนที่รอเราอยู่ ดังนั้นเรามาพยายามด้วยกันนะ และครูก็หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการเรียนรวมถึงให้ความร่วมมือในเรื่องของกิจกรรม” ครูวารีพูดต่อ ก่อนที่จะหันมามองนักเรียนที่นั่งอยู่แถวหน้าซึ่งก็คือฟ้าใส ม่านเมฆ และก็ครีมนั่นเอง“ว่าแต่พวกเธอเลือกเรียนสายศิลป์-ภาษาเพราะอะไรกัน ครูอยากฟังเหตุผลจากพวกเธอสักหน่อยได้ไหมจ๊ะ”ฟ้าใสยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นพูด “หนูชอบการเขียนค่ะคร
เด็กทั้งสามคนขึ้นรถเมล์กลับบ้านด้วยความตื่นเต้น พวกเขายังคุยกันถึงเรื่องผลสอบมาตลอดทางจนรถเมล์หยุดลงหน้าบ้านฝั่งของครีมครีมเป็นคนแรกที่กระโดดลงจากรถ ก่อนจะหันกลับไปมองฟ้าใสกับม่านเมฆที่เดินตามลงมา“แกว่าป๊าฉันจะดีใจจนให้รางวัลเพิ่มไหม”ฟ้าใสหัวเราะ “ป๊าแกก็ฉลองให้แล้วไง ยังจะหวังของขวัญเพิ่มอีกเหรอ?”ครีมยักไหล่ “เผื่อฟลุ๊กไง เฮ้อ! เฮียครามกลับบ้านรึยังนะ?” เธอพูดพลางชะเง้อมองเข้าไปด้านในบ้านม่านเมฆเองก็มีสีหน้าคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะถามขึ้นมาอีกเพื่อยืนยัน “เฮียครามเล่นดนตรีเก่งมากจริง ๆ เหรอ?”“แน่นอน!” ครีมตอบทันที “แกไม่เชื่อเหรอ? เดี๋ยวเย็นนี้พอเขากลับมาฉันจะให้เฮียโชว์ให้ดูเลย”“เอาจริงเหรอ?” ฟ้าใสหัวเราะ “งั้นฉันก็อยากฟังเหมือนกัน”“แน่นอน! แกต้องได้ฟังอยู่แล้ว” ครีมพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เฮียฉันไม่ใช่เล่น ๆ นะ เขาเคยไปประกวดด้วย แต่เขาแค่ไม่เคยพูดให้ใครฟังหากว่าฉันไ
ครามที่เดิมทีตั้งใจจะนอนพักผ่อนอยู่ในห้อง พอได้ยินเสียงสนทนาเจื้อยแจ้วของแม่ตัวเองกับเพื่อนบ้านคนใหม่ที่ดูจะเข้ากันได้ดีเหลือเกินก็ตัดสินใจถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาดูหน้าบ้านเขาปรากฏตัวพร้อมกับเสื้อกล้ามสีขาวแบบเรียบ กางเกงขาสั้นธรรมดา ท่าทางไม่ได้ตั้งใจให้เป็นทางการนักแต่ก็ไม่ได้ดูมอมแมมอะไรแต่ทันทีที่สายตาของเขาปะทะเข้ากับหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างแม่ของตน ร่างสูงก็ผงะไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว“อะ...” เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายก่อนจะปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติ ทว่าเจ้าตัวก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองอีกฝ่ายซ้ำเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตกใจอะไรได้ง่ายแต่การที่หญิงตรงหน้ามีเค้าโครงใบหน้าละม้ายคล้ายกับฟ้าใสเสียเหลือเกิน ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูกแม่ของเขาที่เห็นอาการนิ่งอึ้งของลูกชายก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขบขันก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงใส“อ้าวคราม ออกมาพอดีเลย มา ๆ เดี๋ยวแม่แนะนำให้รู้จัก นี่น้าลิตาแม่ของฟ้าใสกับม่านเมฆ บ้านที่ย้ายมาอยู่ตรงข้ามเรานี่เอง”ลลิตาส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร
การสอบใช้เวลาหลายชั่วโมง ฉันพยายามทำให้ดีที่สุด แม้ว่าบางข้อจะยากจนต้องใช้เวลาไตร่ตรองนาน แต่ในที่สุดทุกอย่างก็ผ่านไปจนได้เมื่อเสียงออดดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าสอบเสร็จ ฉันปล่อยลมหายใจออกมายาว ๆ พลางเก็บอุปกรณ์การเขียนลงกระเป๋า ก่อนจะเดินออกมาพบกับม่านเมฆและครีมที่รออยู่“เป็นยังไงบ้าง?” ครีมถามอย่างตื่นเต้น“ก็โอเคนะ มีบางข้อที่ไม่แน่ใจ แต่ก็ทำสุดความสามารถแล้ว” ฉันตอบตามตรงม่านเมฆพยักหน้า “ผมก็เหมือนกัน”พวกเราสามคนยืนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่งก่อนที่ครีมจะแยกตัวออกไปรอเฮียคราม ส่วนฉันเดินออกจากโรงเรียนพร้อมกับม่านเมฆด้วยความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก“อีกไม่กี่วันก็จะรู้ผลแล้ว” ฉันพึมพำ“ก็ต้องรอลุ้นกันไป” ม่านเมฆตอบฉันเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า แสงแดดอ่อน ๆ ยามบ่ายทำให้ทุกอย่างดูอบอุ่นอย่างประหลาด ฉันไม่รู้หรอกว่าผลสอบจะออกมาเป็นยังไงแต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนอย่างน้อยฉันก็ทำเต็มที่แล้วเมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับม่านเมฆเดินเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกโล่งอกจากการสอบที่เพิ่งผ่านพ