Share

บทที่ 8 บนรถม้า

last update Dernière mise à jour: 2025-06-11 13:47:20

เสวี่ยเอ๋อร์ยื่นมือไปทุบตีที่แผงอกของเขาอย่างเอือมระอา เมื่อมองไปโดยรอบก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ยุคสมัยที่นางข้ามมาไม่มีประเพณีการทำบุญตักบาตรให้ผู้ล่วงลับดั่งเช่นที่ประเทศไทย มีเพียงการเดินทางไปไหว้พระขอพรและสวดมนต์ให้แก่คนตายเพื่อส่งพวกเขาไปสู่สุคติเพียงเท่านั้น เสวี่ยเอ๋อร์สวดมนต์ไหว้พระขอพรให้แก่มารดาของตนอยู่ถึงสามวันสามคืน น่าหลานเยี่ยเองก็รู้ความเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่เข้าไปรบกวนนางเลยแม้แต่น้อย

นับจากนี้นางคือเสวี่ยเอ๋อร์ไม่ใช่ปลายฝันอีกแล้ว

เมื่อผ่านช่วงเวลาที่โศกเศร้ามาได้แล้ว น่าหลานเยี่ยก็พานางมาเที่ยวตลาดที่เมืองหลวงเฟิ่งหวงเพื่อผ่อนคลายจิตใจ เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปดูรอบ ๆ ด้านด้วยความตื่นเต้น

น่าหลานเยี่ยเอ่ยแก่นางว่า ฝั่งที่เขากับนางอาศัยอยู่จะเป็นเขตสำหรับเหล่าขุนนางและชาวบ้านธรรมดาทั่วไป เมื่อเดินข้ามสะพานหงเฉียวไปอีกฝั่งจะเป็นวังหลวงที่ใหญ่โตโอ่อ่า สองฟากฝั่งจะถูกกั้นด้วยแม่น้ำถั่วเจียงที่เป็นสายน้ำขนาดใหญ่ทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา เขาเองมิชอบชีวิตที่เคร่งครัดกฎระเบียบเช่นในวังหลวง จึงขอให้ฮ่องเต้พระราชทานตำหนักชินอ๋องให้เขาย้ายมาอยู่ร่วมกับเหล่าขุนนางเพราะเขาชอบตลาดอีกฝั่งเป็นอย่างมาก

จวนชินอ๋องใหญ่โตไม่แพ้วังหลวง กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหนึ่งของฟากฝั่ง โอบล้อมด้วยบ้านเรือนและจวนต่าง ๆ ของเหล่าชาวบ้าน ผู้คนต่างรู้นิสัยของท่านอ๋องผู้รักสันโดษและบ้าบิ่นผู้นี้ดี จึงมิมีผู้ใดกล้าคิดเข้ามาล่วงล้ำอาณาเขตของเขา

น่าหลานเยี่ยพานางเดินเที่ยวชมตลาดขนาดใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำ ที่มีผู้คนมากหน้าหลายตามาตั้งแผงขายของ ทุกสายตาล้วนต่างจ้องมองมาที่นางราวกับเห็นเป็นตัวประหลาด จะจ้องมองนางเช่นนี้ด้วยเหตุใดกัน นางก็แต่งตัวเช่นเดียวกับพวกเขานี่นา

น่าหลานเยี่ยรับรู้ได้ว่ามีคนคอยจ้องมองเสวี่ยเอ๋อร์ของเขา ดวงตาคมกริบกวาดมองเหล่าผู้คนอย่างเย็นชา จนเหล่าชาวบ้านต่างพากันก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาเขา

"นี่คือเสวี่ยเอ๋อร์ ภรรยาสุดที่รักของข้า หากใครกล้ามองนางอีก ข้าจะควักตามันไปโยนทิ้งแม่น้ำ!!!"

"นี่ท่านอ๋อง!!! จะไปขู่พวกเขาทำไมกันเพคะ!"

"เจ้าฟังนะ!!! ผู้หญิงของข้าใครก็ห้ามมอง จะชายหนุ่มก็ไม่ได้ จะคนแก่ก็ไม่ได้ หากไม่เชื่อฟังแม้แก่ชราข้าก็จะกระชากหงอกมันให้หมดหัว!!!"

เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นี่นอกจากจะหื่นกาม ปากร้ายแล้ว เขายังหึงหวงแรงเสียด้วย

"ข้าเหนื่อยแล้ว อยากกลับจวนแล้วเพคะ"

"มาเถิด ข้าจะอุ้มเจ้าไป"

"ไม่ ๆ ๆ ข้าเดินได้เพคะ"

"ไม่!!! ข้าจะอุ้ม ภรรยาของข้าข้าจะต้องดูแลให้ดีที่สุด!!!"

เสวี่ยเอ๋อร์คร้านจะทะเลาะกับเขา นางจึงยอมให้เขาอุ้มได้ตามใจชอบ แต่ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะก้าวเดินจากไป ก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ

"ท่านอ๋องก็รูปงามมิใช่น้อย ยังหนุ่มยังแน่น เหตุใดจึงเสียทีให้สตรีเช่นนี้ ข้าดูออกว่านางอายุมากกว่าท่านอ๋องไปตั้งหลายปี ได้ภรรยาอายุมากกว่าดีตรงไหนกัน"

น่าหลานเยี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันขวับไปมองคนผู้นั้นทันที

"เจ้ากล้าว่าเมียข้าหรือ?"

"เอ่อ ท่านอ๋อง!!!"

"ตัดลิ้นมันเสีย โทษฐานทำให้เมียข้าอับอาย!!!"

เขารีบพาเสวี่ยเอ๋อร์เดินกลับมาที่รถม้าทันที ระหว่างทางทั้งสองไม่ได้สนทนาใดใดกันมากนัก เป็นเสวี่ยเอ๋อร์เองที่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

"ท่านอ๋อง"

"หืม?"

"พระองค์อายุเท่าใดเพคะ"

"เหตุใดอยู่ ๆ จึงถามเช่นนี้เล่า?"

น่าหลานเยี่ยขมวดคิ้วมุ่น เขาจ้องมองนางด้วยท่าทีสงสัย

"เอ่อ..."

"ข้าอายุยี่สิบหนาวพอดี"

"เอ่อ ข้าแก่กว่าท่านถึงห้าปีนะเพคะ"

"ช่างสิ!!! ข้าชอบสตรีอายุมากกว่า ชอบมาก ๆ"

คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าของนางแดงระเรื่อไม่น้อย น่าหลานเยี่ยที่เห็นเช่นนั้นก็พุ่งตัวเข้ามาซบใบหน้าลงที่เนินอกอวบอิ่มของนางราวกับเด็กน้อย สองมือหนาใหญ่โอบกอดเอวบางของนางเอาไว้แนบแน่น ราวกับกลัวว่านางจะหายไปจากเขา

"ข้ารักเจ้า ข้าไม่เคยรักสตรีใดมาก่อนเช่นเจ้า"

เสวี่ยเอ๋อร์ยื่นฝ่ามือเรียวงามไปลูบไล้เส้นผมที่ดำเงางามของเขาอย่างทะนุถนอม นางโน้มใบหน้าลงไปแนบชิดกับศีรษะของเขาอย่างรักใคร่

"ข้าก็รักท่าน ขอบคุณที่ท่านดูแลข้า"

น่าหลานเยี่ยฉีกยิ้มกว้าง มือหยาบกร้านเริ่มซุกซน เขายื่นมันไปหวังจะถอดสายรัดเอวของนางออก เสวี่ยเอ๋อร์ที่รู้ทันจึงรีบห้ามปรามเขาทันที

"อย่าเพคะ นี่มันบนรถม้านะเพคะ"

"ดีสิ!!! ข้าชอบ"

น่าหลานเยี่ยผละออกจากร่างของนาง ก่อนจะยื่นมือไปเปิดม่านหน้าต่างออก

"นี่เจ้า!!!"

"พ่ะย่ะค่ะชินอ๋อง"

"บังคับรถม้าให้วิ่งวนรอบตลาดไปเรื่อย ๆ จนกว่าข้าจะสั่งให้หยุด"

"เอ่อ..."

"หุบปากข้าสั่งให้ทำสิ่งใดก็ทำไป!!!"

น่าหลานเยี่ยเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วจึงปิดหน้าต่างรถม้าให้มิดชิด ก่อนจะหันมามองเสวี่ยเอ๋อร์อีกครั้งด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

"จะทำสิ่งใดเพคะ"

"ทำให้เจ้ามีความสุขอย่างไรเล่า"

น่าหลานเยี่ยดึงร่างบางของนางให้ขึ้นมานั่งบนท่อนขาแกร่งของเขา มือข้างหนึ่งโอบรั้งเอวสวยของนางเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างจับที่ศีรษะของนางให้โน้มเข้ามาหาเขา แล้วจึงทาบทับริมฝีปากหนาใหญ่ลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างหนักหน่วงและหื่นกระหาย ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างพึงพอใจ รสจูบที่หนักหน่วงทำให้เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกหายใจติดขัดไม่น้อย สองแขนเรียวสวยยื่นไปโอบรัดรอบลำคอของเขาเอาไว้และตอบรับกับรสสัมผัสที่เขามอบให้อย่างรู้งาน

รถม้าของชินอ๋องค่อนข้างใหญ่โตกว้างขวาง สามารถทำสิ่งใดใดได้ตามใจชอบ เขาดันร่างของนางให้นอนราบลงไปบนพื้นที่ปูด้วยพรมหนังสัตว์อย่างดี ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางออกจนหมด มือหยาบกร้านลูบไล้เรือนร่างที่สวยราวกับภาพวาดอย่างย่ามใจ ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยแววตาหื่นกระหายราวกับสัตว์ป่าที่จ้องตะครุบเหยื่อ

มือหนาใหญ่ค่อย ๆ บีบเคล้นคลึงขยำขยี้สองเต้าอวบอิ่มของนางจนเนื้อปริออกมาตามซอกนิ้วทั้งสิบ เขาโน้มใบหน้าลงไปกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างนึกสนุก แล้วจึงแลบลิ้นเลียปลายยอดถันที่แข็งเป็นไตและดูดดึงขบเม้มมันอย่างหื่นกระหาย

จ๊วบ จ๊วบ

"อื้อออ!!! ท่านอ๋องเพคะ!!!"

น่าหลานเยี่ยแลบลิ้นลากเลียลงมาตามท้องน้อยของนาง แล้วจึงจับเรียวขาสวยของนางให้แยกออกจากกัน เขาใช้นิ้วแบะกลีบบุปผางามทั้งสองกลีบให้แยกออก เผยให้เห็นเม็ดเกสรสีสวยที่ชวนมอง น่าหลานเยี่ยไม่รอช้า เขาแลบลิ้นอุ่นร้อนลากเลียขึ้นลงตามซอกหลืบดอกไม้งามของนางจนเปียกแฉะ แล้วจึงครอบริมฝีปากกลืนกินเม็ดเกสรสีสวย แล้วดูดดึงมันอย่างหยอกเย้า

"อ๊าส์!!! ข้าเสียว!!!"

น่าหลานเยี่ยดูดเม็ดเกสรสีหวานของนางค้างเอาไว้อย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแลบลิ้นเลียซอกหลืบสวยที่ฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำหวานอีกครั้ง เขากระดกลิ้นรัวเร็วเสียจนเสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ความเสียวซ่านทำให้นางต้องยกเอวร่อนขึ้นมา น่าหลานเยี่ยยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เขากระดกลิ้นร้อนให้ถี่ระรัวมากยิ่งขึ้น จนน้ำหวานสีใสไหลเยิ้มล้นทะลักออกมาจากรูสวยของนางจนฉ่ำเยิ้ม ร่างบางสวยกระตุกถี่เกร็งด้วยความสุขสมเป็นอย่างยิ่ง

น่าหลานเยี่ยขยับกายลุกขึ้นมานั่งชันเข่า เวลาไม่รีรอเขาแล้ว เขาต้องจัดการเผด็จศึกภรรยายอดรักให้สำเร็จลุล่วง

น่าหลานเยี่ยบดเบียดลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่เข้าไปในรูสวาทของนางจนมิดลำ เสวี่ยเอ๋อร์ถึงกับซู้ดปากด้วยความเสียวซ่าน มันทั้งใหญ่และคับแน่นเสียเหลือเกิน เขาจับขาทั้งสองข้างของนางให้อ้าออกจนกว้าง แล้วค่อย ๆ ขยับลำแท่งเอ็นร้อนเข้าออกอย่างช้า ๆ จากนั้นจึงเร่งจังหวะให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ตับตับตับ

"ซี้ดดดดด ข้าเสียว มันแน่นเหลือเกิน"

"อ๊าส์!!! ท่านอ๋อง!!! อืออ!!!"

สะโพกสอบกระแทกกระทั้นลำแท่งมังกรขนาดใหญ่ยักษ์ที่เข้าออกรูรักของนางอย่างหนักหน่วงและถี่เร่า น่าหลานเยี่ยรวบขาเรียวสวยทั้งสองข้างของนางให้แนบชิดกันไว้แล้วเคลื่อนไหวร่างกายให้รุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก จนร่างของเสวี่ยเอ๋อร์ขยับสั่นไหวตามแรงขยับของเขา

"อ๊าส์!!! อะ อ๊าส์!!!"

"ยอดรักของข้า โอ้ววว เจ้าช่างเยี่ยมยอดยิ่งนัก!!!"

ตับตับตับ

น่าหลานเยี่ยยื่นมือไปดึงร่างบางให้ขึ้นมานั่งบนท่อนขาแกร่งของเขา เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกเขินอายไม่น้อยเมื่อต้องมาแนบชิดกับเขาอีกครั้งเช่นนี้

"เจ้าอยากลองทำเองบ้างหรือไม่?"

เสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าด้วยความเขินอาย นางอยากจะลองเป็นผู้ควบคุมร่างกายของเขาบ้าง

น่าหลานเยี่ยทิ้งตัวนอนราบลงไปบนพื้น เสวี่ยเอ๋อร์ที่นั่งคร่อมอยู่บนกายของเขา นางค่อย ๆ ขยับเอวบางโยกขึ้นลงอย่างช้า ๆ รู้สึกเสียวซ่านยิ่งนัก เสียวซ่านเสียเหลือเกิน

"ดียิ่งนัก!!! ขยับเช่นนั้น แรงอีก!!!"

เสวี่ยเอ๋อร์ยอมทำตามที่เขาสอนสั่งอย่างว่าง่าย เอวบางขยับเคลื่อนไหวร่อนสะโพกราวกับหงส์เหิน ยามที่นางทิ้งน้ำหนักลงบนแท่งเอ็นอุ่นร้อนของเขามันช่างเสียวสยิวจนแทบทนไม่ไหว ยิ่งยามที่รถม้าเคลื่อนไหวโยกไปมาเหมือนยิ่งเพิ่มแรงกระแทกให้สาแก่ใจเขามากขึ้นไปอีก

"อ๊าสสส์ ข้าจะเสร็จแล้ว อื้อออ!!!"

"เก่งมากยอดรักของข้า!!!"

น่าหลานเยี่ยจับพลิกร่างบางของนางนั่งคุกเข่าหันหลังให้เขา แล้วจึงบดเบียดลำแท่งแก่นกายเข้าไปในรูสวรรค์ของนางอีกครั้ง

ตับตับตับ

"อ๊าส์!!! ท่านอ๋องงงงงงง!!!"

"จวนแล้ว โอ้ววว ซี้ดดดด อ๊าส์!!!"

น่าหลานเยี่ยจับรั้งเอวบางของนางเอาไว้แน่น แล้วจึงกระแทกกระทั้นท่อนเนื้อท่อนเอ็นเข้าออกที่รูสวาทของนางอย่างถี่ระรัวและหนักหน่วงอีกคราหนึ่ง ร่างของคนทั้งสองขยับสั่นไหวอย่างรุนแรง น้ำรักสีขาวขุ่นไหลล้นทะลักเข้าไปในรูสวยของนางจนมันฉ่ำเยิ้ม น่าหลานเยี่ยผละออกจากร่างของนางมานั่งพิงกายอยู่ริมหน้าต่างพลางหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ ก่อนจะขยับเข้าไปช่วยสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ให้ภรรยาผู้เป็นที่รักอย่างใส่ใจ

"เสวี่ยเอ๋อร์กลับถึงจวนข้าจะทำอีกรอบ"

เสวี่ยเอ๋อร์ "..."

เหล่าชาวบ้านต่างมองดูรถม้าของชินอ๋องน่าหลานเยี่ยที่วิ่งไปวิ่งมา วิ่งวนอยู่ริมแม่น้ำ ทะลุตรอกตลาด เป็นสิบ ๆ รอบด้วยสายตาที่มึนงง

ฮ่องเต้น่าหลานหลิงหวางขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินราชเลขามาแจ้งแก่เขาว่ามีคนพบเห็นรถม้าของน่าหลานเยี่ยวิ่งวนไปมารอบตลาดไม่ยอมหยุดมากว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว

มันทำเรื่องบัดซบไร้สาระอันใดอีกกัน ว่างมากนักหรือถึงสั่งคนขี่รถม้าเล่นรอบตลาดน่ะ ช่างเป็นอ๋องที่สำราญไร้แก่นสารเสียจริง!!!

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • รักนี้ทะลุกำแพง   ตอนพิเศษ

    5 ปีต่อมา จวนอ๋องใช้เวลาก่อสร้างใหม่ร่วมสองปี ด้วยเพราะน่าหลานเยี่ยต้องการปรับแต่งจวนใหม่ให้งดงามและสะดวกสบายน่าอยู่มากกว่าแต่ก่อน ยามนี้บุตรชายฝาแฝดของเขามีอายุได้สี่ขวบปีแล้วอยู่ในวัยที่ซุกซนและกำลังวิ่งเล่นไปทั่ว เขาจึงตั้งใจก่อสร้างจวนให้กว้างขวางมากกว่าเดิมตามที่เสวี่ยเอ๋อร์แนะนำ นับตั้งแต่กลับมาที่เฟิ่งหวง น่าหลานเยี่ยก็นำกระดิ่งทองคู่นั้นใส่กล่องล็อกกุญแจเอาไว้ในหีบอย่างดี หน้าต่างบานนั้นถูกทุบทิ้งและทำเป็นกำแพงจวนแทน ทุกสิ่งทุกอย่างจึงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี "พระชายาเอกเพคะ ชาร้อนเพคะ"เสวี่ยเอ๋อร์หันกลับไปมองชิงชิงพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่ม หลายปีก่อนชิงชิงเกือบตายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะได้ท่านหมอเทวดาผ่านมาพอดี น่าหลานเยี่ยจึงขอให้ท่านหมอเทวดาช่วยรักษาชิงชิง ทำให้นางฟื้นกลับมาได้อีกครา แม้ว่าสุขภาพจะไม่สู้ดีเท่าแต่ก่อนนัก แต่นางก็ดีใจที่ได้ฟื้นกลับมาพบกับเสวี่ยเอ๋อร์อีกครา "สำรับในครัวจัดเตรียมเสร็จแล้วหรือ อีกเดี๋ยวท่านอ๋องคงจะกลับมาแล้ว" "เรียบร้อยแล้วเพคะ" "อืม เจ้าไปทำสิ่งใดก็ไปเถิด" "เพคะ" เสวี่ยเอ๋อร์เอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหา น่าหลานฉีกับ

  • รักนี้ทะลุกำแพง   บทที่ 34 The End

    เฟิ่งหวง ประเทศจีน เมื่อลงมาจากเครื่องบิน และผ่านขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เสวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่รอช้า นางรีบเดินทางไปที่เฟิ่งหวงในทันที การเดินทางมาครั้งแรกย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย โชคดีที่นางติดต่อไกด์คนหนึ่งให้เป็นผู้นำทางให้นางได้ ไกด์ผู้นั้นมารอรับนางที่สนามบิน ก่อนจะพานางไปยังจุดหมายปลายทางที่นางต้องการ ตลอดสองข้างทางแม้จะสวยงามสักเพียงใด แต่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ใจของนางยามนี้คิดถึงเพียงน่าหลานเยี่ยเท่านั้น เวลาผ่านล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ในที่สุดนางก็มาถึงเฟิ่งหวง เมืองที่เป็นเป้าหมายในการจะได้พบน่าหลานเยี่ยของนาง เสวี่ยเอ๋อร์จัดการเก็บข้าวของที่จำเป็นภายในห้องพัก นางเปิดม่านห้องนอนออกเพื่อดูบรรยากาศภายนอก ตรงหน้าของนางคือแม่น้ำถั่วเจียงและสะพานหงเฉียว แม้วันเวลาจะผ่านไปนานหลายร้อยหลายพันปี แต่นางก็ยังจำบรรยากาศเช่นนี้ได้ มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่กลิ่นอายและวัฒนธรรมที่คุ้นตาก็ยังคงหลงเหลือให้ได้เห็น เพราะวันนี้ค่อนข้างเหนื่อยล้า นางจึงหลับพักผ่อนเก็บแรงเอาไว้เพื่อค้นหาระฆังกระดิ่งทองใบนั้น ไกด์ที่นำทางคนนั้นแม้จะมองนางด้วยท่าทีแปลกประหลาดแต่ก็ไม่ได้เอ่ย

  • รักนี้ทะลุกำแพง   บทที่ 33 ตามหาระฆังกระดิ่ง

    น่าหลานเยี่ยยื่นมือไปหยิบระฆังกระดิ่งสีทองใบนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ น้ำตาของเขาไหลลงมาเต็มใบหน้า เขายกแขนขึ้นเช็ดน้ำตาของตนเอง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ มันอยู่ใกล้เขาจริง ๆ แท้จริงก็อยู่ที่จวนของเสนาบดีตระกูลสวี ส่วนเรื่องที่ว่ามันมาอยู่ได้เช่นไรนั้น เขาไม่ต้องการค้นหาต้นตอของมัน "พวกเจ้านำสมบัติเหล่านี้ส่งไปที่วังหลวงทั้งหมด""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว น่าหลานเยี่ยจึงกลับมาที่จวนของตน เพื่อกลับมาเอาระฆังกระดิ่งอีกใบหนึ่งที่เขาเก็บเอาไว้ที่พ่อบ้านไป๋มาแขวนเอาไว้ที่ใต้ต้นดอกเหมยหลังเรือน โชคดีที่มันไม่ถูกไฟไหม้ไปด้วย จึงยังพอมีต้นไม้ให้เขาใช้แขวนระฆังกระดิ่งได้"ฝากเจ้าจัดการดูแลเรื่องสร้างจวนใหม่แทนข้าด้วย หากมีสิ่งใดเร่งรีบก็จงส่งคนไปแจ้งข้าที่วัดไป๋หม่า ข้าจะอยู่ที่นั่นในช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนข้าจะกลับมาที่นี่" "ท่านอ๋อง พระชายารอง" "ไม่ต้องถามมาก ข้าจะไปตามนางกลับมา เรื่องใดที่ไม่สมควรรู้เจ้าก็จงเงียบปากเสีย อย่าถามให้มากความ" "พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง" น่าหลานเยี่ยเอ่ยกับพ่อบ้านไป๋เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินทางเข้าวังหลวง เพื่อบอกเรื่องที่เขาจะไปที่วัดไป๋หม่ากับน่

  • รักนี้ทะลุกำแพง   บทที่ 32 หนทางพาคนรักหวนคืน

    เสวี่ยเอ๋อร์ที่ทะลุกลับมายังโลกอนาคต นางพยายามที่จะหาทางกลับไปยังเฟิ่งหวง แต่ทว่าภาพวาดนั้นกลับถูกไฟเผามอดไหม้จนไม่เหลือซาก ราวกับว่าเพราะเกิดเพลิงไหม้ที่จวนอ๋อง ภาพนี้จึงถูกเผาไหม้ตามไปด้วย "ไม่จริง!!! แล้วข้าจะกลับไปหาท่านได้เช่นไร น่าหลานเยี่ยได้ยินข้าหรือไม่!!! ฮือออ น่าหลานเยี่ย!!!"เสวี่ยเอ๋อร์พยายามตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไร้ผล นางทรุดลงนั่งบนเตียงก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น นางเฝ้าระวังตัว แต่นางลืมไปเสียสนิทว่าคนบ้าอย่างสวีหลันฮวาย่อมทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาชนะนางสุดท้ายนางก็พ่ายแพ้ต่อสวีหลันฮวาจนได้! "ฮืออออ!!!" เสวี่ยเอ๋อร์ทรุดกายนั่งร้องไห้อยู่เช่นนั้นจนมืดค่ำ ยามนี้ท้องฟ้ามืดสนิท ภายในห้องก็มืดเช่นเดียวกัน เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้เปิดไฟเอาแต่นั่งจมอยู่กับความเสียใจ จนเวลาผ่านไปเกือบรุ่งเช้า นางจึงนึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ หมอดูชรา!!! เมืองเฟิ่งหวง ยามนี้จวนอ๋องถูกเผาไหม้จนไม่เหลือซาก หน้าต่างบานนั้นก็ถูกไฟเผาไหม้เช่นเดียวกัน บานหน้าต่างทั้งสองบานร่วงหล่นแตกหักกระจัดกระจายอยู่บนพื้นน่าหลานเยี่ยกำลังนั่งเอนกายพิงกำแพงอย่างคนสิ้นหวัง นางจะไม่กลับมาหาเขาอีกแล้วจริง ๆหรือ? "

  • รักนี้ทะลุกำแพง   บทที่ 31 เพลิง จวนอ๋องก่อนหน้าจะเกิดเพลิงไหม้

    เช้านี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็นไม่น้อย เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าร่างกายเริ่มจะเจ็บป่วย นางจึงกินยาที่ตนเองนำติดมาด้วยเข้าไป จึงพอบรรเทาอาการลงไปได้ไม่น้อย "พระชายารองเพคะ เช้านี้มีโจ๊กรากบัวนะเพคะ" "ขอบใจเจ้ามาก ชิงชิง เหตุใดวันนี้อากาศจึงค่อนข้างเย็นนัก" "ไม่รู้สิเพคะ อาจจะเพราะท้องฟ้าครึ้มจึงทำให้อากาศเย็นลงเพคะ" "อืม" เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้สนใจสิ่งใดอีก นางยื่นมือไปจับช้อนขึ้นมาเพื่อจะกินโจ๊กรากบัว แต่ทว่ากลับมีเสียงร้องของเหล่าบ่าวไพร่ดังกึกก้องไปทั่วจวน"ชิงชิง เกิดสิ่งใดขึ้น?" "นั่นสิเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปดูเองเพคะ" ในขณะที่ชิงชิงกำลังวิ่งออกไปดูสถานการณ์ที่ด้านนอก เสวี่ยเอ๋อร์ก็สัมผัสได้ถึงวัตถุสีเงินแหลมคมที่กำลังพาดอยู่บนลำคอขาวเนียนของนาง พร้อมกับแขนของสตรีผู้หนึ่งที่ล็อกคอของนางเอาไว้ "นังสารเลว วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้กลับมาที่นี่อีก" "สวีหลันฮวา!!!" เสวี่ยเอ๋อร์ที่รู้ว่าเป็นสวีหลันฮวานางก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ยิ่งพยายามขัดขืนคมมีดก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปบนผิวขาวเนียนของนางจนมีโลหิตสีแดงไหลซึมออกมา สวีหลันฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข "ขยับอีกสิ ข้า

  • รักนี้ทะลุกำแพง   บทที่ 30 วางแผน

    เวลาเพียงชั่วข้ามคืน จวนตระกูลสวีกลับหมดสิ้นอำนาจวาสนาภายในชั่วพริบตา ฮ่องเต้น่าหลานหลิงหวางเห็นแก่ที่เสนาบดีสวีเคยช่วยเหลือมารดาของตนเอาไว้ จึงละเว้นโทษประหาร แต่เนรเทศคนตระกูลสวีไปยังชายแดนแทน ไม่ให้มีโอกาสได้กลับเข้าเมืองหลวงเฟิ่งหวงอีกเป็นอันขาด ด้านน่าหลานเยี่ยที่กลับมาถึงจวน เมื่อได้ทราบข่าวว่าสวีหลันฮวาหนีออกไปได้แล้ว เขาก็เจ็บใจเป็นอย่างมาก เสนาบดีสวีฉลาดไม่เบาถึงขั้นหาทางรอดให้บุตรสาวอย่างไม่รู้สำนึกผิดชอบชั่วดี หลิวอิ๋งถูกน่าหลานเยี่ยสอบปากคำอย่างหนัก ท้ายที่สุดนางไม่ยอมปริปาก และสังหารตนเองตกตายไปในทันที ส่วนศพของเซียงเซียงถูกพบที่ท้ายจวนอ๋อง เสวี่ยเอ๋อร์และชิงชิงหันมาสบตากัน ก่อนจะเป็นชิงชิงที่เอ่ยปากขึ้นมาก่อน "หากหม่อมฉันเดาไม่ผิด เซียงเซียงและอดีตพระชายารองสวีต้องร่วมมือกันทำบางอย่างเป็นแน่เพคะ" เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใด นางให้บ่าวไพร่ในจวนมานำศพของเซียงเซียงออกไปที่นอกจวน ตลอดทั้งวันนั้นนางรู้สึกว่าใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย รู้สึกหวาดกลัวบางอย่าง แต่นางเองก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังหวาดกลัวสิ่งใดเช่นกัน น่าหลานเยี่ยที่เพิ่งกลับมาจากการสะสางปัญหาต่าง ๆ เมื่อเห็น

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status