Accueil / รักโบราณ / รักนี้ ที่มอดไหม้ / บทที่ 8 หอนางโลมอันดับหนึ่ง

Share

บทที่ 8 หอนางโลมอันดับหนึ่ง

last update Dernière mise à jour: 2025-09-13 20:16:23

หลี่หยางรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย ที่กล่าวไปเช่นนั้น ที่จริงเขาไม่ได้จะเหยียดหยามสตรีคนใด เพียงแต่เขาไม่ชอบที่เห็นลู่เสียนสวมอาภรณ์ที่ไม่เรียบร้อยเช่นนี้

            ด้านหนิงอวี่ไม่สนใจหลี่หยางจะคิดเห็นเช่นไร ตอนนี้นางต้องทำหน้าที่เจ้าของหอที่ดีเดินทักทายแขกเสียหน่อย

                “คุณชายไป๋ ชอบการแสดงนี้หรือไม่”

            หนิงอวี่จงใจเดินมาหาเขาโดยตรง เพื่อทำความคุ้นเคยกันเสียใหม่

            ไป๋มู่เฉินละสายตาจากลู่เสียนมาจ้องมองหนิงอวี่ด้วยสายตาเย็นชา

                “ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เพราะการแสดงของคุณหนูเว่ย แต่เพราะป้ายลู่เสียน”

            คำพูดของไป๋มู่เฉิน ทำเอารอยยิ้มของหนิงอวี่แข็งทื่อในทันที

                “คุณชายไป๋ถนอมน้ำใจสตรีได้ไม่เก่งเลยนะเจ้าคะ”

            หนิงอวี่กล่าวประชดประชัน วันนี้นางอารมณ์ดีจึงไม่เอาคำพูดเขามาใส่ใจ

            ไป๋มู่เฉินได้แต่ส่ายหน้าให้กับความไม่รู้จักเอียงอายของนาง

                “คุณชายไป๋”

            ลู่เสียนที่มองเห็นเขาพูดคุยอยู่กับหนิงอวี่ จึงเข้ามาทักทาย

                “คุณหนูป้าย วันนี้เสียงพิณของเจ้าช่างไพเราะ”

            มู่เฉินกล่าวชม สายตาของเขากลับไปหยุดที่ไหล่ซ้ายของนางโดยไม่ตั้งใจ จนเขาต้องรีบถอนสายตากลับด้วยความประหม่า

                “ขอบคุณ คุณชายไป๋ที่กล่าวชมเจ้าค่ะ” ลู่เสียนกล่าวอย่างเขินอาย พลางดึงเสื้อของตนขึ้นปิดไหล่ขาว

            หนิงอวี่รู้สึกว่าบัดนี้ตนเป็นเหมือนอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตน นางเริ่มทำตัวไม่ถูก

                “ข้า ขอตัวไปจัดการธุระก่อนเชิญทั้งสองคนตามสบาย”

            มู่เฉินได้แต่มองนางด้วยหางตา แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ไม่ต่างจาก

หลี่หยางที่เห็นลู่เสียนพูดคุยกับคุณชายไป๋อย่างถูกคอ โดยไม่มองหาเขาเพียงน้อย

            บัดนี้หอบุปผาเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น เหล่าเศรษฐี คหบดี แม้แต่ขุนนางเอง ก็ต่างมาลงชื่อเพื่อได้เข้าชมการแสดงในแต่ละค่ำคืน ทำให้เหล่าหญิงคณิกาต่างดีใจ ที่ถึงการฝึกซ้อมจะเหน็ดเหนื่อยแต่นายหญิงเว่ยก็ไม่ได้ผิดคำพูด ยังแบ่งค่าตอบแทนให้พวกนางคนละห้าตำลึงในทุกคืน

                “ใต้เท้าทุกท่านเชิญด้านในเจ้าค่ะ”

            หนิงอวี่ ทำหน้าที่ออกมาต้อนรับแขกเช่นเคย การมาต้อนรับแขกของนางช่วยให้นางได้รู้จักผู้มีอำนาจในเมืองนี้มากขึ้น เผื่ออนาคตข้างหน้าจะได้ขอความช่วยเหลือได้

                “นี่ใช่คุณหนูเว่ย เจ้าของหอบุปผา สตรีที่ต่อยตีกับลูกค้าเพื่อหญิงคณิกานางหนึ่งใช่หรือไม่” .ใต้เท้าฟาง รองเจ้ากรมพิธีการที่ออกมาดื่มกินกับเหล่าขุนนางทักขึ้น

                “ใช่เจ้าค่ะ” หนิงอวี่ได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อน ‘นี่ชื่อเสียงของนางมีเรื่องดี ๆ บ้างหรือไม่’

            “ได้ยินชื่อเสียงมานาน นับถือ ๆ” ใต้เท้าฟางกล่าวอย่างอารมณ์ดี

            เมื่อถึงเวลาการแสดง ลู่เสียนก็เริ่มบรรเลงพิณด้วยความอ่อนหวาน แต่เสียงพิณพึ่งบรรเลงไม่ทันไร หอมรกตก็พาคนมาพังการแสดงของนางเสียก่อน

                “พวกหอบุปผาชั้นต่ำ กล้าดีอย่างไรมาใช้เล่ห์กลแย่งแขกจากหอมรกตของข้าไปจนหมดเช่นนี้”

            แม่เหล้าหอมรกตโวยวายเสียงดัง พลางกระชากแขนของลู่เสียนจนล้มลง

            บรรดาแขกพากันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ด้านบนเวทีมีสตรีแต่งกายสีฉูดฉาดพร้อมชายฉกรรจ์หลายคนกำลังทำร้ายคนอยู่

                “เจียลี่นั่นใคร?” หนิงอวี่ถามอย่างรีบร้อน ด้วยกลัวว่านางจะไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ไม่ควรยุ่ง

                “นายหญิงเถาอี้ซุน เจ้าของหอมรกตเจ้าค่ะ นางคงไม่พอใจที่หอเรามีแขกเยอะกว่า”

            ยังไม่ทันที่หนิงอวี่จะเข้าไปเจรจา นายหญิงเถาก็ดึงผมของลู่เสียนขึ้นมาเตรียมง้างมือตบ หนิงอวี่ตกใจเตรียมวิ่งไปช่วย แต่ก็ยังช้ากว่าหลี่หยางที่ไม่รู้มาจากไหน

                “หยุดนะ หากเจ้าไม่ปล่อยนาง ข้าจะฆ่าเจ้าแน่”

            หลี่หยางพูดด้วยความเย็นชา แต่มีหรือที่เถาอี้ซุนจะกลัว ในเมื่อนางมีคนมากกว่า

                “ไพร่ชั้นต่ำอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้า”

            แค่เพียงเถาอี้ซุนส่งสัญญาณ ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ตรงเข้าทำร้าย

หลี่หยางในทันที โดยที่หลี่หยางไม่มีทางสู้กับศัตรูที่มีคนมากกว่าได้ เขาได้แต่ยืนรับหมัดรับเท้าอยู่อย่างนั้น

                “หยุดนะ! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนถึงในหอบุปผา”

            หนิงอวี่พูดขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด นางเกรงว่าหากช้ากว่านี้

หลี่หยางต้องตายคาเท้าพวกนั้นแน่

                “โผล่หน้ามาสักทีนะคุณหนูเว่ย”

            เถ้าอี้ซุนละมือจากลู่เสียนมาจ้องมองหนิงอวี่แทน

                “วันนี้ทุกคนในหอบุปผาต้องคุกเข่าขอโทษข้า ที่ใช้เล่ห์กลแย่งแขกของข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะพังหอบุปผาทิ้งซะ!” อี้ซุนถือว่าตนเป็นญาติของผู้ตรวจการ จึงไม่เกรงกลัวผู้ใด

                “เจ้าสิต้องขอโทษ บุกมาทำร้ายคนยังกล้าข่มขู่ผู้อื่นอีก”

            หนิงอวี่เดือดดาลจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

                “ข้าเป็นถึงญาติผู้ตรวจการเมืองเจียงป่าย ทำไมต้องขอโทษสตรีไร้วงศ์ตระกูลอย่างเจ้าด้วย”

            อี้ซุนกล่าวอย่างเย่อหยิง ไม่เกรงกลัวเหล่าขุนนางที่อยู่ตรงนี้แม้แต่น้อย

            “เช่นนั้นแล้ว นายหญิงอี้ซุนลองไปถามผู้ตรวจการสักหน่อยดีหรือไม่ ว่ายินดีนับญาติกับคนเช่นเจ้าหรือไม่”

            น้ำเสียงเย่อหยิ่งไม่แพ้กันของมู่เฉิน ที่ดังขึ้นจากด้านหลังของหนิงอวี่ ทำให้เถาอี้ซุนหน้าเสียไม่น้อย ด้วยนางรู้จักคุณชายไป๋เป็นอย่างดี เขาเป็นลูกชายคนรองของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย เป็นหลานชายคนโปรดของฮองเฮา ในเมืองหลวงไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา

                “คุณชายไป๋กล่าวหนักไปแล้ว แค่เรื่องเข้าใจผิดกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” อี้ซุนพยายามแก้ตัว

                “แต่จากสิ่งที่ข้าเห็นมันไม่ใช่” มู่เฉินมองผ่านหนิงอวี่ที่ส่งยิ้มอย่างขอบคุณมาให้ สายตาเขาไปหยุดอยู่ที่ร่างบางของลู่เสียนที่บัดนี้นั่งสั่นอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว

                “คุณชายไป๋ อย่าเห็นเป็นเรื่องใหญ่ ข้าน้อยจะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดเองดีหรือไม่”

                “เจ้าต้องชดใช้อยู่แล้ว และเจ้าจะต้องรับโทษด้วย” ไป๋มู่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้เมตตา โดยมีหนิงอวี่พยักหน้าอย่างแรงเพื่อแสดงให้เห็นว่านางเห็นด้วย

                “ทหารคุมตัวไป” สิ้นคำพูดของมู่เฉิน เถาอี้ซุนก็ถูกลากออกไปในทันที

                “คุณชายไป๋...” หนิงอวี่ที่เห็นเขาเดินมาทางตน จึงเตรียมกล่าวขอบคุณ แต่ยังกล่าวไม่ทันจบก็โดนไป๋มู่เฉินผลักออกไปด้านข้าง และประคองลู่เสียนที่ล้มอยู่ขึ้นมา ทำเอาหนิงอวี่กลืนคำพูดขอบคุณลงท้องแทบไม่ทัน

                “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” มู่เฉินถามลู่เสียนด้วยความเป็นห่วง

                “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณชายไป๋ที่ยื่นมือเข้าช่วย”

            หลี่หยางที่ยืนเจ็บอยู่เห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างชัดเจน เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ เพียงสตรีนางเดียวก็ปกป้องไม่ได้ ต่างจากไป๋มู่เฉินแค่เอ่ยปากทุกอย่างก็เรียบร้อย เมื่อเป็นเช่นนี้หลี่หยางก็ได้แต่เดินถอยหลบออกไป

            หนิงอวี่ที่สังเกตเห็นท่าทางเช่นนั้นของหลี่หยางก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเองกำลังเศร้าใจที่ปกป้องลู่เสียนไว้ไม่ได้ นางจึงคิดเข้าไปปลอบ

                “คุณชายจ้าว ขอบคุณที่ช่วยห้ามมิให้อี้ซุนทำลายการแสดงของหอบุปผา”

            หนิงอวี่กล่าวขอบคุณหลี่หยางที่บัดนี้หลบมาอยู่ภายในสวนแทน

                “หากเจ้าไม่สังเกต ข้าไม่ได้ช่วยอันใดได้ เจ้าควรไปขอบใจคุณชายไป๋ต่างหาก”

            หลี่หยางไม่ได้รู้สึกขอบคุณนางที่มาปลอบเขาแต่เพียงน้อย  กลับยังพูดกับนางด้วยความเย็นชาเช่นเดิม

                “เอาเถอะ ถึงอย่างไรท่านก็มีแก่ใจจะช่วยเหลือ” หนิงอวี่กล่าวพลางนั่งลงข้าง ๆ เขา

                “อีกอย่างนะ ท่านไม่จำเป็นต้องคิดมาก อย่างไรเสียภายภาคหน้าท่านก็ต้องยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าผู้ใดในแผ่นดิน แม่นางลู่เสียนย่อมอยู่เคียงข้างท่านแน่”

            คำกล่าวของหนิงอวี่ ทำให้หลี่หยางถึงกลับงุนงง

                “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะยิ่งใหญ่เหนือทุกคนในแผ่นดิน”

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   ตอนที่ 29 บุปผาสวรรค์

    หลี่หยางกลับตำหนักเผิงซีด้วยความขุ่นเคือง แม้หนิงอวี่บอกว่านางต้องการอยู่ที่หออาลักษณ์เพื่อใช้ความสามารถของตน แต่เขามักรู้สึกว่านางจงใจหลบเลี่ยงเขาอยู่บ่อยครั้ง นั่นทำให้เขาไม่พอใจ “ยินดีกับองค์รัชทายาทเพคะ” ลู่เสียนกล่าวยินดีกับเขาทันที เมื่อเห็นหลี่หยางก้าวเข้ามาในห้องทรงอักษร “เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร” หลี่หยางขมวดคิ้วถามด้วยความไม่พอใจ ลู่เสียนในใจเขานับวันยิ่งแตกต่างจากสตรีที่เขาคอยปกป้องเมื่อครั้งที่อยู่ที่หอบุปผา “หม่อมฉันเห็นว่าห้องนี้ไม่ค่อยได้ทำความสะอาด จึงเข้ามาเช็ดถูให้เพคะ” รอยยิ้มบนใบหน้านางจางหายในทันที เมื่อสิ่งที่หลี่หยางตอบกลับมาไม่ใช่รอยยิ้มอย่างที่นางคิด “ช่างเถิด เจ้าไปเก็บของเถอะ รุ่งเช้า มามา จะพาเจ้าไปตำหนักของตัวเอง เจ้าจะได้มีอิสระในการทำสิ่งใดไม่ต้องคอยเกรงใจข้าอีก”ลู่เสียนหน้าชาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ถึงแม้คำพูดของหลี่หยางจะดูเป็นห่วงนาง แต่แท้จริงแล้วกลับต้องการไล่ให้นางออกไปเสียมากกว่า “หม่อมฉันรับบัญชาเพคะ” ลู่เสียนเดินออกจากห้องไป นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 28 ปฏิเสธ

    หนิงอวี่ยกหนังสือที่อยู่ในมือขวางการจ้องมองของหลี่หยาง นางมิอาจจะทนต่อการจ้องมองอย่างลึกซึ้งนั้นของเขาได้ “องค์ชาย นี่หออาลักษณ์โปรดสำรวมด้วย” หนิงอวี่ตำหนิหลี่หยางกลาย ๆ “เช่นนั้นกลับตำหนักเผิงซีเถอะ ข้าจะได้ไม่ต้องสำรวม”หลี่หยางกล่าวพลางดึงหนังสือให้มือของนางออก หนิงอวี่จ้องมองคนที่อยู่เบื้องหน้าด้วยใบหน้าบึ้งตึง ทำให้หลี่หยางยอมปล่อยนางอย่างว่าง่าย เกรงว่านางจะเคืองจนไม่กลับไปตำหนักกับเขาแต่โดยง่าย “องค์ชายโปรดอภัย หม่อมฉันไม่คิดจะกลับไปตำหนักเผิงซี” หนิงอวี่กล่าวในสิ่งที่เขาไม่อยากจะฟัง “เหตุใดไม่กลับไป? ตอนนี้ข้าก็สามารถปกป้องเจ้าได้แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีก” แววตาของหลี่หยางเต็มไปด้วยความดื้อรั้น “เหตุใดองค์ชายต้องปกป้องหม่อมฉันด้วย?” นางอยากรู้ว่าตนเองเป็นสิ่งใดในใจเขากัน “ข้า............” หลี่หยางนิ่งไปชั่วครู่ เขาไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไรกับนางดี นางสำคัญอย่างไรในใจเขากันแน่ “ข้าเห็นเจ้าเป็นสหายของข้า” คำตอบของหลี่

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 27 พิธีบูชากระบี่เทพ

    หลี่หยางรู้สึกตัวขึ้นในยามเหม่า หนิงอวี่ยังคงหลับอยู่นางนั่งพิงอยู่กับเสาแท่นบรรทม โดยมีเขาหนุนตักของนางอยู่อย่างนั้น หลี่หยางจ้องมองใบหน้าขาวนวลนั้นอยู่นาน เขาอยากให้นางอยู่ข้าง ๆ เขาเช่นนี้ในทุกวันหลี่หยางช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะวางให้นางนอนบนแท่นบรรทมอย่างสบายตัว มือของเขาลูบไล้ใบหน้านางอยู่นาน สายตาที่จดจ่ออยู่กับริมฝีปากอิ่มสีทับทิมสุกนั้น ทำให้ความกระหายในกายของเขาเริ่มพลุ่งพล่าน จนหลี่หยางต้องรีบลุกออกจากเตียงในทันที “ถงอู่ให้องครักษ์เฝ้าห้องบรรทมไว้ ห้ามผู้ใดเข้าไปหากนางตื่นแล้ว ค่อยส่งนางกลับหออาลักษณ์” หลี่หยางไม่ต้องการให้ใครรบกวนการนอนของนาง หากเพียงผ่านวันนี้ไป หากเขาไม่สามารถรับกระบี่เทพได้ ตำแหน่งรัชทายาทก็ยังคงเป็นของเจี้ยนหยาง นั่นทำให้เขาไม่ใช่คู่แข่งอีกต่อไป หนิงอวี่ก็สามารถกลับมาอยู่ข้างกายเขาได้ หรือหากวันนี้เขารับกระบี่เทพได้ ก็จะไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายเขาอีก นั่นก็ทำให้นางอยู่ข้างกายเขาได้เช่นกัน เช่นนั้นแล้วขอเพียงผ่านวันนี้ไป เขาจะไม่ยอมปล่อยมือนางอีก................................พิธีบูชากระบี่เทพ เริ่มขึ้นตั้งแต่ยามเหม่าเหล่าขุนนาง

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 26 วางยา

    หนิงอวี่ยังคงทำหน้าที่เน่ยเหรินผู้ต่ำต้อยได้ดีเช่นทุกวัน พอนานวันเข้านางกำนัลคนอื่น ๆ ต่างเบื่อหน่ายที่จะกลั่นแกล้งนาง ด้วยนางไม่คิดตอบโต้ เป็นเหมือนแม่น้ำที่โยนสิ่งใดลงไปก็ได้แต่จมหาย การใช้ชีวิตในหอซักของหนิงอวี่จึงง่ายขึ้น “เน่ยเหรินหนิงอวี่ ฝ่าบาทเรียกพบที่ห้องทรงอักษร”ฝางกงกง ขันทีข้างกายฮ่องเต้ตามหานางด้วยท่าทีรีบร้อน หนิงอวี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการซักอาภรณ์ของเหล่าราชวงศ์ เริ่มมีสีหน้ากังวล ‘เหตุใดจู่ ๆ ฮ่องเต้ถึงเรียกพบนางได้’ ถึงจะหวาดกลัว แต่หนิงอวี่ก็ยอมเดินตามฝางกงกงอย่างว่าง่าย “หม่อมฉันเว่ยหนิงอวี่ถวายพระพรฝ่าบาท” หนิงอวี่ ยอบกายถวายพระพรตามธรรมเนียม พลางสายตานางกลับมองเห็นองค์ชายเฟยหยางที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอักษร นางรู้ได้ทันทีว่าต้องเกี่ยวข้องกับบทความที่นางเขียนแน่ “เจ้าเป็นคนเขียนบทพรรณนาความงามให้องค์ชายเฟยหยางใช่หรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสถามโดยไม่แสดงอาการใด ๆ “เพคะ” หนิงอวี่ไม่คิดปิดบัง ด้วยฮ่องเต้ต้องซักถามองค์ชายเฟยหยางอย่างแน่ชัดแล้ว “เจ้าไปเรียนรู้การกล่าวพรรณนาเ

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 25 ปกป้อง

    ถงอู่ที่มองเห็นแววตาเจ็บปวดของหลี่หยาง เขาเองไม่เข้าใจความคิดของผู้เป็นนาย “องค์ชายจะไม่บอกความจริงกับนางหรือพ่ะย่ะค่ะ” “นางอยู่ห่างจากข้า จึงจะปลอดภัย” หลี่หยางยังคงมองไปยังจุดที่นางจากไป แม้บัดนี้จะมองไม่เห็นนางแล้วก็ตาม “เหตุใดองค์ชายถึงทำเช่นนั้น” ถงอู่ยังคงไม่เข้าใจหากห่วงใยทำไมไม่เก็บไว้ข้างกาย “การชิงตำแหน่งรัชทายาท ต้องมีผู้ไม่หวังดีก่อความวุ่นวายแน่ หากนางยังอยู่ข้างข้าคนเหล่านั้นต้องใช้นางเป็นเครื่องต่อรอง เช่นนั้นนางจะตกอยู่ในอันตราย โดยข้าเองไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นมีกำลังมากเพียงใดจึงไม่กล้าดึงนางเข้ามาเสี่ยง” หลี่หยางที่แม้ไม่พอใจที่นางอยู่ใกล้ชิดกับไป๋มู่เฉิน แต่นั่นก็ใช่ว่าเขาจะโกรธจนขาดสติไม่รับฟังเหตุผลใด ๆ “เจ้าไปสืบมา เหตุการณ์ที่อุทยานเป็นฝีมือใคร” หลี่หยางเชื่อคำพูดของหนิงอวี่ตั้งแต่แรก หากแต่นั่นคือข้ออ้างที่ดีที่จะทำให้ผู้คนคิดว่าเขาทอดทิ้งนางแล้วจริง ๆ………………….หนิงอวี่กลับมายังหอซัก ภายใต้ความประหลาดใจของเน่ยเหรินที่อยู่ตรงนั้น หากแต่นางไม่สนสายตาของผู้ใด

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 24 หน้ามืดตามัว

    ราชสำนักซู่หนานบัดนี้เกิดความโกลาหลไม่น้อย ด้วยเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในวันที่องค์ชายหลี่หยางดื่มยาถอนพิษหนิงเซี่ย ทำให้ฝนที่ไม่เคยตกลงผืนแผ่นดินแคว้นซู่หนานมานานถึงห้าปี กลับมาตกหนักอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน ขุนนางจึงแตกออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายองค์รัชทายาท และฝ่ายที่ต้องการให้แต่งตั้งองค์ชายหลี่หยางขึ้นเป็นรัชทายาทแทน ด้วยเป็นองค์ชายองค์โตและเป็นผู้นำสายฝนคืนสู่แคว้นอีกครั้ง “เช่นนั้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า พิธีบูชากระบี่เทพหากองค์ชายหลี่หยางสามารถครองกระบี่เทพได้ ข้าจะยกตำแหน่งรัชทายาทให้กับเขา” ฮ่องเต้ฉินหนานประกาศกลางท้องพระโรง ทำให้เหล่าขุนนางหยุดโต้แย้งกันลงได้..........................ข่าวแต่งตั้งรัชทายาทใหม่แพร่ไปยังหมู่นางกำนัลอย่างรวดเร็ว หลายคนต่างคาดหวังว่าหลี่หยางจะสามารถครองกระบี่เทพได้ ราษฎรจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก ด้วยบัดนี้แคว้นซู่หนานแห้งแล้ง ราษฎรอดอยาก หากไม่มีกระบี่เทพคอยปกป้องเกรงว่าแคว้นซู่หนานจะล่มสลายไปนานแล้ว ความกดดันนี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจของหลี่หยางไม่น้อย ด้วยเขาเองไม่ได้คิดอยากจะเป็นรัชทายาท ไม่ได้อยากครองกระบี่เทพเขาเพียงอ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status