พอมาเรียนจัสก็ถามเรื่องพี่ฟอร์นจากฉันยกใหญ่ว่าไปรู้จักหลานชายเจ้าของบริษัทนำเข้าเพชรรายใหญ่ได้ยังไง พอฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเขาก็เอาแต่หัวเราะฉันไม่หยุด แต่ดูท่าแล้วที่อีตาพี่ฟอร์นเคยบอกว่าเป็นคนสวนมันคือการโกหกสินะ ว่าแล้วเชียว! แล้วตกลงเรือนกระจกนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่หลานของเจ้าของมหาลัยถึงต้องมาดูแลเองแบบนี้
"เฮ้อ เลิกเรียนสักทีแล้วนี่ข้าวจะไปไหนต่อแบบนี้? " "ไม่รู้เลยวันนี้ก็เบื่อๆ " "งั้นไปชมรมบาสกับเราไหม อ่อ! ข้าวเป็นนักเรียนทุนนี่ต้องมีคะแนนกิจกรรมใช่ไหม พอดีเลยชมรมเรากำลังรับสมัครผู้ช่วยโค้ชไปสมัครได้นะ" เห้ย! ลืมเรื่องคะแนนกิจกรรมไปสนิทเลย โหย ยัยข้าวเหนียว ดีนะที่จัสเตือนไม่งั้นปีหน้าไม่มีสิทธิ์สอบชิงทุนแน่เลย "เราลืมเรื่องนี้ไปเลยขอบคุณที่เตือนงั้นเราไปสมัครชมรมบาสดีกว่าอีกอย่างเราจะได้มีเพื่อนด้วย" "อ่อ ดีเลยงั้นปะ" จัสเดินนำฉันมายังโรงยิมใหญ่ที่อยู่ข้างตึกเอกของเราไม่น่าเชื่อว่าแม้กระทั่งโรงยิมยังถูกตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาวอาของอีตาพี่ฟอร์นจะรวยไปไหน "เฮ้ จัสพาใครมาน่ะ" "อ่อ เพื่อนผมจะมาสมัครเป็นผู้ช่วยโค้ชอ่าครับพี่แบบนี้" "สวัสดีค่ะพี่โย"ฉันไหว้คนตรงหน้า "จ้า เอางี้...พวกเรามานี่" พี่โยเรียกพวกนักบาส 5 คนที่กำลังซ้อมอยู่ให้เดินมาหาเรา "พี่ชื่อพี่โย อยู่ปี 2 เอกนิติศาสตร์เป็นตัวจริง เอาพวกมึงแนะนำตัวนี่น้อง...? " "ชื่อข้าวเหนียวค่ะ" "อ่อ น้องข้าวเหนียวอาจจะมาเป็นผู้ช่วยโค้ชถ้าทนความโหดของโค้ชได้น่ะนะ" พี่โยพูดหน้าตาเฉย โหดขนาดนั้นเลยเหรอแล้วจะได้ไหมเนี่ย "เราชื่อมินิสนะ อยู่เอกภาพยนตร์ปี 1 เป็นตัวสำรอง" "เราชื่อพายุ อยู่เอกภาพยนตร์เหมือนกันปีเดียวกับมินิแบบนี้ ตัวสำรอง" "พี่ชื่อคินเอกเดียวปีเดียวกันกับไอ้โย เล่นตัวจริง" "พี่ชื่อปอร์เช่อยู่เอกบริหารธุรกิจ ปี3 กัปตันทีม" "เซโล่เอกเดียวปีเดียวกันกับปอร์เช่เล่นตัวจริง" "ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าได้เข้าทำงานร่วมกันหรือเปล่ายังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ" "เฮ้อ...แล้วไอ้เพื่อนพี่มันก็โหดด้วยสิ เอ้า! พูดถึงก็มาพอดี" พี่ปอร์เช่พูดแล้วมองไปข้างหลังฉันทำให้ฉันต้องหันมองตามไปด้วย "ไม่จริงน่า...○ [] ○" นะ นั้นมัน อีตาพี่ฟอร์น เขาเดินตรงมาที่ฉันก่อนที่จะมองหน้าจัสมินกับฉันสลับไปมา "นี่เหรอเด็กใหม่ที่จะมาเป็นตัวจริง" "ใช่ ฉันคัดมาแล้ว"พี่ปอร์เช่ "แล้ว...ยัยเด็กนิมาทำอะไรที่นี่ แบบนี้ หรือมาเฝ้าผู้ชาย" "เอะ! เปล่าสักหน่อยฉันแค่จะมาสมัครเป็นผู้ช่วยแม้กระทั่งเพื่อเก็บชั่วโมง แต่ตอนนี้ไม่อยากสมัครแล้ว-×-" ฉันเริ่มโวยวายแล้วกอดอก แต่เจ้าตัวยังคงหน้านิ่งจ้องฉันไม่วางตา ฉันละอ่านสายตาเขาไม่ออกจริงๆ ว่าคิดอะไรอยู่แน่แต่คงคิดไม่ดีนักหรอก "...ฉันรับเธอ" "ห๊า! "นักบาสทั้งห้าคนตกใจยกเว้นฉันกับจัสมินที่ยังคงงงๆ กันอยู่ นี่จัสรู้ไหมน่ะว่าพี่ฟอร์นเป็นโค้ชหรือเขารู้แล้วแกล้งพาฉันมากันแน่ "...นี่จัสนายรู้เรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า"ฉันกระซิบ "เปล่า ฉันเพิ่งมารู้จักทุกคนพร้อมเธอนี่แหละนี่ก็ยังงงอยู่ว่าทำไมพวกนี้ตกใจที่พี่ฟอร์นรับเธอเป็นผู้ช่วย" "ถ้าฉันรู้ว่านายรู้มาก่อนแล้วจะแกล้งฉัน ฉันโกรธนายแน่" "ฉันเปล่า ..." "จะกระซิบกันไปมาอีกนานไหม..." พี่ฟอร์นพูดเสียงต่ำเหมือนไม่พอใจ " นักบาสวิ่งอ้อมสนามและโยนลูก 100 ครั้ง ส่วนเธอมากับฉัน" .. พูดจบฉันก็ถูกลากเข้ามาในห้องล็อกเกอร์แล้วถูกดึงให้ไปนั่งบนตักของพี่ฟอร์น “ปล่อยนะ!” “อะไร? ฉันทำอะไรงั้นเหรอ” ฉันหันไปมองเขาทันทีน่าทึ่งมากเขาพูดอย่างงี้ได้ทั้งๆ ที่แขนเขาโอบรัดเอวบางๆ ของฉันอยู่แถมฉันก็ยังนั่งอยู่บนตักนุ่มๆ ของเขาเนี่ยนะ!!! พระเจ้า!! “ปล่อย! เล่นแบบนี้ไม่ดีเลยนะ” “ทีเธอยังชอบอ่อยฉันเลย ทำไมฉันจะอ่อยเธอบ้างไม่ได้ หืม?” “พูดบ้าอะไรน่ะ! ฉันไม่เคยทำอย่างนั้นสักครั้ง” “แล้วไอ้การที่เธอไปเจอฉันที่เรือนกระจกทุกวันแบบนั้นเป็นผู้ชายคนไหนเขาก็เรียกว่าอ่อยนั่นแหละ” “ฉันแค่อยากเข้าไป...” “หึ! ไม่มีทาง...” “ง่ะ...” “จะว่าไปแล้ว...ตัวเธอนี่นุ่มนิ่มดีนะแถมมีกลิ่นหอมอีกด้วย” “...หืออ T_T...” “กลัวงั้นเหรอ...หืม?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพล่าน แต่ยังไม่ยอมเอาจมูกโด่งๆ นั้นออกไปจากแก้มฉันสักที ขอร้องเถอะฉันรู้สึกหวิวๆ ยังไงชอบกล “กะ กลัว...” “ว่าไงนะ...” “ฉันกลัว พอแล้วไม่เอาไม่เล่นแบบนี้” “เธอจะเชื่อฟังฉันใช่ไหมบอกสิ...” เขาถามพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น นี่คือวิธีที่เขาปฏิบัติกับผู้ช่วยเหรอ “...” “เงียบเหรอ...หืม” “หือๆ ..” เขาใช้วิธีเอาคางมาเกยบนไหล่ฉันแทน ลมหายใจอุ่นๆ นั้นกำลังเป่ารดต้นคอฉันและดูเหมือนถ้าฉันยังไม่ยอมตกลงเขาจะใช้วิธีที่มากกว่านี้ขึ้นไปอีก รุ่นพี่เขามีสิทธิ์บังคับรุ่นน้องด้วยวิธีแบบนี้งั้นเหรอ “จะยอมเชื่อฟังไหม ...ถ้าใครมาเห็นเราสภาพนี้อาจจะเข้าใจผิดว่าเรากำลัง...” “พอแล้ว! ยอมแล้ว” “ยอม..ยอมอะไรละ” “ก็ยอมเชื่อฟังพี่ไง พอใจหรือยังเล่า" "ดี! ต่อไปนี้เธอคือคนของฉันเต็มตัวแล้วนะยัยข้าว" เขาพูดนิ่งแต่กลับฝั่งจมูกลงบนแก้มฉันเฉยเลย แถมพอฉันทำหน้าไม่พอใจใส่เขายังคงทำหน้านิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อนมากกว่านั้นเขายังกระชับอ้อมกอดให้ แน่นขึ้นอีกต่างหาก "ต่อไปนี้ ห้ามไปกลับผู้ชายคนไหนเพราะฉะนั้นเธออ่อยฉันได้คนเดียวอย่าให้ฉันเห็นอีกว่าไปมากับผู้ชายคนนั้น" "เดี๋ยวนะเรื่องนี้ไม่เห็นเกี่ยวกับทุนตรงไหน ทั้งที่พี่ทำอยู่นี่ด้วยแล้วอีกอย่างจัสเขาก็เป็นเพื่อนฉัน" "เพื่อนเหรอ...เหอะ! " "อะไรเล่า! ปล่อย...ฉันไม่ทำตามคำสั่งพี่หรอก" "จะลองดี..." เอาอีกแล้วน้ำเสียงนี้ ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่มีคนพูดกดเสียงต่ำเหมือนกำลังดุฉันอยู่แบบนี้ "อุ้ย! เอิ่มม... โทษทีครับ^_^' " พี่โยที่บังเอิญเข้ามาห้องล็อกเกอร์มองฉันอย่างตกใจ ใครจะไม่ตกใจละอยู่ๆ ก็เจอผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มานั่งตักโค้ชตัวเองตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มงาน แต่ถึงมีพี่โยเข้ามาพี่ฟอร์นก็ยังคงกอดฉันไว้แน่นเหมือนอยากจะให้คนที่เข้ามาเห็นคิดไปไกล "...นี่โย นายจัสมินนั้นเป็นไงพอลงแข่งได้ไหม" เห้ย! เดี๋ยวววว จะคุยกับคนอื่นทั้งที่มีฉันนั่งตักอยู่เนี่ยนะ = () = "กะ ก็ดีฮะแรงดีใช้ได้แต่คงต้องฝึกเรื่องเกม เอิ่ม...ผมไปก่อนนะ" พูดเสร็จพี่โยก็วิ่งออกไปโดยไม่แม้แต่จะช่วยฉันเลย "ปล่อยนะ..." "เงียบก่อนฉันต้องเขียนตารางซ้อม.." "พี่ปล่อยฉันสิจะเขียนตารางซ้อมแล้วมีฉันนั่งอยู่แบบนี้เนี่ยนะ! " "อืม..." พูดจบพี่ฟอร์นก็ทิ้งเสียงโวยวายฉันแล้วก้มเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ ตอนนี้แหละ! ปรือ! มับ! ฉันกำลังจะหนีแต่ดันมีมือยาวๆ มาดึงเอวฉันไว้จนได้ "หัก 10 คะแนน" "ห๊า! " สรุปหลังจากฉันต้องนั่งเฝ้าพี่ฟอร์นเขียนตารางซ้อมจนเสร็จฉันก็ได้รับหน้าที่ไปเตรียมน้ำกับผ้าเย็นค่อยแจกเวลานักบาสพัก มองไปมองมาตาพี่ฟอร์นเวลาไม่ทำนิสัยแปลกๆ เเล้วจริงจังกับอะไรสักอย่างนี้เท่ชะมัด เขาดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมเหมือนมีเรื่องให้คิดในหัวตลอดเวลาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก "ฟอร์นเขาเท่ดีนะ" "หือ! " ฉันตกใจเมื่อมีเสียงใสๆ ดังมาจากคนนั่งข้างๆ นี่มันพี่สาวของจัสมินนิเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน "สวัสดีพี่ชื่อโรสพี่ของจัส" "สวัสดีค่ะ" "แล้วมาทำอะไรที่นี่ละมาเฝ้าน้องฉัน...หรือแฟนฉันกันแน่" "...!! " ฉันหันไปมองหน้าตาสวยใสที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีหน้าดุเชิงดูถูก ถ้าน้องชายฉันพอจะเข้าใจว่าพี่สาวต้องมีหวงกันบ้างแต่ถ้าคนที่พี่โรสเรียกว่าแฟนหมายถึงพี่ฟอร์นฉันว่าเธอคงเข้าใจผิดเพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักนิด "ว่าไงละ มารอใครแน่" "เปล่าค่ะ ข้าวเป็นผู้ช่วยโค้ชน่ะค่ะพอดีต้องเก็บชั่วโมงกิจกรรม" "งั้นเหรอ...หาข้ออ้างในการเข้าหาได้ดีจะบอกอะไรให้นะฉันว่าเธอเอาเวลาไปเก็บชั่วโมงจากที่อื่นดีกว่านะฉันไม่ได้หวงน้องชายที่คบเธอหรอกนะแต่ฉันไม่ชอบที่เธอมาอ่อยแฟนฉันเมื่อวาน" พี่โรสเริ่มเผยท่าแท้ออกมาอย่างน่ากลัวน้ำเสียงแบบนั้นเหมือนเธอจะคิดว่าฉันเป็นกิ๊กของพี่ฟอร์นอยู่ทั้งๆ ที่มีเธอเป็นคู่ดูตัว "ฉันเข้าใจเรื่องเมื่อวานนะคะ พี่คงรู้สึกเหมือนถูกหักหน้าแต่ฉันกับพี่ฟอร์นแค่รู้จักกันเท่านั้นฉันไม่ได้ชอบหรืออยากได้ และไม่ได้ต้องการเข้าใกล้พี่ฟอร์นเลย มีก็แต่เขานั่นแหละที่ช่วงนี้เอาแต่บังคับฉัน"ฉันพูดออกไปตามความจริง "เธอกำลังจะบอกว่าฟอร์นเข้าหาเธอก่อนงั้นเหรอ ไม่มีทาง! ฟอร์นไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนหรือเข้าหาใครก่อนโกหกไปก็เท่านั้น เลิกยุ่งกับฟอร์นสะ! " เฮ้อ... ฉันได้แต่ถอนหายใจที่อยู่ๆ ก็มาโดนว่าแบบนี้ทั้งที่ฉันไม่ได้ผิดอะไรเลย "ความจริงฉันก็เล่าไปแล้วและข้าวไม่ได้รู้จักพี่ฟอร์นดีเลย เรารู้จักกันแค่เรื่องงาน" "อย่าให้ฉันรู้แล้วกัน! " "ค่ะ =_=" "ขอน้ำหน่อย..." พี่ฟอร์นที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อยื่นมือมาทางฉันทั้งๆ ที่พี่โรสกำลังส่งขวดน้ำเย็นให้เขา เขาจะรู้บ้างไหมว่าเขาทำให้ฉันมีปัญหา "เร็วสิ..." เขากดเสียงต่ำ ฉันเลยยอมหยิบให้โดยดี พวกนักบาสเริ่มมาพักได้ยินว่าพวกเขานัดสังสรรค์กันที่คลับแห่งหนึ่งแต่ไม่แน่ใจว่าฉันเองต้องไปหรือเปล่า "ข้าววันนี้ไปด้วยกันสิพวกเราจะไปดื่มเพื่อความสนิทสนมกันสะหน่อย" มินิสพูดพร้อมเต้นไปเต้นมาอย่างออกหน้าออกตา ดีเหมือนกันตั้งแต่อายุ 20 มาฉันยังไม่เคยเข้าผับเข้าบาร์กับเขาสักที "โอเคข้าวจะไป^_^" "งั้นเดี๋ยวเราไปรับนะ" จัสบอก "ไม่ต้องยัยนี่จะไปกับฉัน" พี่ฟอร์นขัดแถมยังมองดุมาที่ฉันอีกต่างหาก นั้นคงยิ่งทำให้พี่โรสเกลียดฉันมากขึ้นไปอีก ฉันทำอะไรไม่ถูกใจเข้าอีกละ =_= ละที่พูดนี่ไม่ได้เกรงใจแฟนตัวเองเลย "คุณไปรับโรสได้ไหมคะ โรสเองก็อยากไป"พี่โรสแทรกพร้อมทำเสียงอ้อน "แล้วพี่สาวคนนี้คือ? " คินถาม "พี่ชื่อโรสเป็นพี่สาวของจัสมินน่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ วันนี้พี่ขอไปด้วยคนสิ" "ต้องถามโค้ชมันละนะ" พี่ปอร์เช่ ยิ้มแล้วหันมายักคิ้วใส่ฉันสองสามที มันหมายความว่าไงกัน "ไปได้ แต่ฉันไม่ไปรับอยู่บ้านเดียวกับน้องก็คิดเองว่าจะมายังไง" เจ็บแสบมาก...เขาสองคนต้องทะเลาะอะไรกันมาก่อนแน่เลยทำไมพี่ฟอร์นเย็นชาใส่พี่โรสขนาดนี้ หลังจากแยกย้ายกันกลับไปเตรียมตัวโดยที่พี่ฟอร์นบอกฉันว่าจะมารับ ดีแล้วถ้าวันนี้ไม่ได้มีนัดไปไนต์คลับกันฉันคงต้องนั่งทำกับข้าวให้ตาพี่ฟอร์นนี่อีกแน่อึดอัดจะแย่ วันนี้ฉันลงทุนแกะชุดเดรสสั้นสีชมพูหวานแต่เปิดโชว์ไหลนิดหน่อยที่แม่ซื้อมาให้ในวันเกิดแต่งหน้าโทนสีส้มอ่อน ปล่อยผมดำยาว "ดูไปแล้วฉันนี่สวยไม่เบาเลยนะ" กริ่ง! ~ ตาพี่ฟอร์นมาถึงเร็วมากเมื่อฉันเดินไปเปิดประตูเขาก็มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วทำหน้าไม่พอใจเหมือนเคย ไม่ชอบอะไรในตัวฉันขนาดนั้นกันนะตาบ้านี่ พอถึงไนต์คลับฉันก็ได้แต่ยืนตะลึงกับจำนวนผู้คนมากมายที่กำลังเต้นกลางแสดงสีที่สวยงาม "ว๊าว..." "ไม่เคยมาหรือไง" "ไม่เคยสินี่ครั้งแรกเลย" "ส่งมือมา...." "ห๊า? " ด้วยเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มทำให้พี่ฟอร์นต้องก้มลงมากระซิบข้างหูฉันลมหายใจอุ่นๆ นั้นทำให้ฉันนึกถึงเมื่อตอนเย็นที่ถูกขโมยหอมไป แล้วทำไมใจมันต้องเต้นแรงขนาดนี้ เพราะเสียงเพลงหรือเพราะคนข้างตัวตอนนี้กันแน่ "ส่งมือเธอมา ตอนเดินจะได้ไม่หลง...จุฟ" "หือ? ○~○" พี่ฟอร์นแอบจุฟเข้าที่แก้มฉันอีกแล้ว ฉวยโอกาสจริงๆ ก่อนที่ฉันจะได้โวยวายเขาก็พาฉันเดินขึ้นมาชั้นสองซึ่งมีคนน้อยกว่านั่งแยกเป็นโต๊ะ ฉันเห็นพี่โรสในชุดเดรสสั้นสีแดงเลือดนกมองมาที่เราอย่างไม่ชอบใจนัก ฉันเลยสะบัดมือหนาทิ้งแล้วรีบเดินเข้าไปนั่งข้างจัส ส่วนพี่ฟอร์นก็นั่งลงตรงข้ามฉันข้างพี่โรสนั้นเอง เอ....แต่มินิส พี่คิน พายุไปไหนสะละ "มองหาใครน่ะข้าว" พี่ปอร์เช่ถาม "พายุ มินิส พี่คินยังไม่มาเหรอคะ" "อ่อ ไปเต้นกันข้างล่างนู้นแล้วละ"พี่โยตอบพลางหัวเราะกับพี่ปอร์เช่และพี่เซโล่ "ถามหาแต่ผู้ชาย.." พี่ฟอร์นพูดพร้อมยกแก้วเหล้าเข้าปาก "ก็นักบาสมีแต่ผู้ชายนิ" "วันนี้คงได้ผู้ชายกลับไปเยอะเลยสิเเต่งตัวสะ เหอะ! " "ได้เยอะแน่นอนรอดูแล้วกัน"ฉันพูดตามความจริง เขานี่หาเรื่องฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ ว่าฉันอ่อยมากนักจะทำให้ดูว่าถ้าฉันอ่อยจะเป็นยังไง "เอาน่าๆ แกอย่าว่าน้องดิวะไม่เป็นไรนะข้าวพี่จะขจัดมารให้เอง" "ขอบคุณค่ะพี่ปอร์เช่" หลังจากนั่งดื่มไปสักพักฉันเริ่มรู้สึกร้อนไปทั่วตัวแล้วอยู่เพลงมันก็สนุกขึ้นมากจนฉันอยากจะลงไปเต้น ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นเดินออกมาโดยที่มีจัสตามมาด้วย "เย้ ข้าวไปไหนน่ะ" "อยากเต้น -//-" "โอโห เมาแล้วเหรอเนี่ยหน้าแดงเชียว" จัสเอามือมาหยิบแก้มฉันเบาๆแล้วหัวเราะ "อยากเต้น..." ฉันดึงจัสให้ตรงไปกลางฝูงชนที่เบียดกันวุ่นวาย ได้เวลาสนุกแล้วฉันยังคงพยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกตินี่ก็หลายวันแล้วที่ฉันไม่ได้ไปที่โรงยิมและฉันก็ไม่คิดจะโผล่ไปที่เรือนกระจกอีกเด็ดขาดเพราะตั้งใจจะหนีตาซาตานนั้น ยังดีที่รอยช้ำบ้าๆ พวกนั้นจางลงไปบ้างทำให้แค่ทาบีบีครีมก็สามารถปกปิดได้หมดวันนี้ฉันต้องเข้ารับการประเมินการแสดงละครเวทีเพื่อคัดเลือกนักศึกษาจากสาขาศิลปะการแสดงไปแสดงละครเวทีสมทบกับเอกภาพยนตร์ของมหาวิทยาลัยเอกชนเครือข่ายและฉันเข้ารับการคัดเลือกครั้งนี้เพราะหวังค่าตอบแทนเป็นชั่วโมงกิจกรรมอย่างน้อยมันอาจจะช่วยให้ฉันมีหวังในการสอบทุนปีหน้า“รัตติณา โยธากัณฑ์”เสียงเรียกชื่อฉันดังขึ้นพร้อมเรียกให้ฉันตื่นจากภวังค์ บทของฉันวันนี้คือผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องอ้อนวอนคนรักไม่ให้ทิ้งเธอไปโดยที่ต้องคิดบทพูดตอบโต้กับนักแสดงอีกคนที่ทางกรรมการจัดเตรียมมาให้“ให้เวลาตกลงกัน 5นาที”ฉันพยักหน้าตอบกรรมการก่อนจะหันมาสนใจคู่แสดงแต่แล้วฉันก็ต้องตกใจเมื่อผู้ชายที่กำลังมองฉันอยู่ตรงหน้าคือคนที่ทำให้ฉันกับเพื่อนรักต้องแตกหักกัน ใช่ เขาคือซันจอมโกหก!“ไม่เจอกันนานเลยนะข้าว""...”ฉันไม่ตอบแล้วพยายามข่มอารมณ์ให้ใจเย็นทั้งที่ตอนนี้ฉันอยากจะเดินออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
ฉันไม่ได้ไปเรียนมาสองวันแล้วมัวแต่นั่งร้องไห้หน้าคอมค้นหาข้อมูลเรื่องสิ่งที่พี่ฟอร์นทำกับฉันมันคืออะไรแล้วมีโอกาสท้องหรือเปล่า ยังโชคดีที่ เอิ่ม...ยังไม่ได้สอดใส่ไม่งั้นฉันคงเครียดกว่านี้แน่ ฉันไปทำอะไรให้เขานักหนานะถึงต้องลงโทษขนาดนี้แล้วรอยช้ำเป็นจ้ำนี่ก็ใช้เวลาหลายวันกว่าจะหายฉันจะไปเรียนโดยมีรอยพวกนี้ไม่ได้ฉันสัญญากับตัวเองเลยว่าต่อไปนี้จะไม่ไปที่เรือนกระจกอีกเด็ดขาด แต่ถ้าไม่ไปเรียนแบบนี้จะเรียนตามเพื่อนทันไหมนะแล้วไหนจะชมรมบาสอีก เฮ้อ....."จะเอาอนาคตมาเสี่ยงกับเรื่องแค่นี้จริงๆ เหรอข้าว เธอควรเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้...รู้สึกเหมือนโดยข่มขืนเลยเกลียดตัวเองชะมัด"ฉันมองตัวเองในกระจก ใบหน้าโทรมๆ นั้นใช่ฉันจริงๆ เหรอ ฉันคนเดิมหายไปไหน...ฉันจะจมอยู่แบบนี้ไม่ได้อุตส่าห์สอบได้ทุนจะมาท้อเรื่องแบบนี้ไม่ได้"...บีบีครีมคงจะพอช่วยได้ โชคดีนะที่วันนี้เรียนบ่าย"สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจใช้บีบีครีมปกปิดรอยช้ำแล้วปล่อยผมให้ปิดบังลำคอมากที่สุดเท่านี้คงไม่มีใครสังเกตแล้ว ส่วนเรื่องชมรมบาสวันนี้ฉันตั้งใจจะทำเป็นมองไม่เห็นตานั้นสะเขาจะได้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันแย่แค่ไหนสำหรับฉันภาคบ่ายฉันเข้าเรียนต
: ฟอร์นผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ เพื่อไล่ไฟในใจออกไปบ้าง ยัยเด็กบ้านั้นดีแต่ขัดคำสั่งผมได้ทุกวัน ลองดีนัก!"หวงมากก็ตามไปดิวะเพื่อน ฮ่าๆ "ปอร์เช่หัวเราะกับไอ้โยเรื่องเมื่อเย็นผมตั้งใจจะแสดงความเป็นเจ้าของให้โยมันไปเตือนไอ้จัสมินว่ามันเล่นผิดคน อะไรที่เป็นของผม...คนอื่นไม่มีสิทธิ์"..."กึกๆ"เฮ้ยๆ ระเบิดจะลงแล้วใจเย็นเพื่อนเดี๋ยวนี้มึงโมโหง่ายฉิบหายไม่สมกับเป็นมึงเลย"ปอร์เช่เห็นผมกัดฟันเลยรีบพูดดักเพื่อให้ผมใจเย็น ถูกของมันปกติผมจะเป็นคนไม่สนใจไยดีเรื่องผู้หญิงอย่างมากก็แค่ข้ามคืนบ้างแต่กับยัยข้าวผมยอมรับว่าเป็นคนแรกที่มาอ่อยผมแล้วผมสนใจ"ฟอร์นค่ะ คุณโมโหอะไร...หรือว่าเรื่องที่จัสไปกับข้าวเหนียว""...เหอะ""ก็ไม่แปลกนิค่ะ สองคนนั้นกำลังศึกษากันอยู่..."เพี้ยง!"ว๊าย! "โรสตกใจที่อยู่ๆ ผมก็ตั้งใจโยนแก้วเหล้าลงพื้น คำพูดของเธอยิ่งทำให้ผมเดือดถึงขีดสุด ศึกษากันงั้นเหรอไม่มีทาง ผมลุกขึ้นเดินลงมาด้านล่างเพื่อมองหาข้าวเหนียวและจัสมิน"อยู่ไหนวะ! "ผมร้อนใจไปหมดยัยข้าวนี่มีอะไรดีทำให้คนมีเหตุผลอย่างผมปั่นป่วนจนเป็นคนละคนได้ขนาดนี้"อะ! พี่ฟอร์นครับช่วยผมหาข้าวทีพอดีเ
พอมาเรียนจัสก็ถามเรื่องพี่ฟอร์นจากฉันยกใหญ่ว่าไปรู้จักหลานชายเจ้าของบริษัทนำเข้าเพชรรายใหญ่ได้ยังไง พอฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเขาก็เอาแต่หัวเราะฉันไม่หยุด แต่ดูท่าแล้วที่อีตาพี่ฟอร์นเคยบอกว่าเป็นคนสวนมันคือการโกหกสินะ ว่าแล้วเชียว! แล้วตกลงเรือนกระจกนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่หลานของเจ้าของมหาลัยถึงต้องมาดูแลเองแบบนี้"เฮ้อ เลิกเรียนสักทีแล้วนี่ข้าวจะไปไหนต่อแบบนี้? ""ไม่รู้เลยวันนี้ก็เบื่อๆ ""งั้นไปชมรมบาสกับเราไหม อ่อ! ข้าวเป็นนักเรียนทุนนี่ต้องมีคะแนนกิจกรรมใช่ไหม พอดีเลยชมรมเรากำลังรับสมัครผู้ช่วยโค้ชไปสมัครได้นะ"เห้ย! ลืมเรื่องคะแนนกิจกรรมไปสนิทเลย โหย ยัยข้าวเหนียว ดีนะที่จัสเตือนไม่งั้นปีหน้าไม่มีสิทธิ์สอบชิงทุนแน่เลย"เราลืมเรื่องนี้ไปเลยขอบคุณที่เตือนงั้นเราไปสมัครชมรมบาสดีกว่าอีกอย่างเราจะได้มีเพื่อนด้วย""อ่อ ดีเลยงั้นปะ"จัสเดินนำฉันมายังโรงยิมใหญ่ที่อยู่ข้างตึกเอกของเราไม่น่าเชื่อว่าแม้กระทั่งโรงยิมยังถูกตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาวอาของอีตาพี่ฟอร์นจะรวยไปไหน"เฮ้ จัสพาใครมาน่ะ""อ่อ เพื่อนผมจะมาสมัครเป็นผู้ช่วยโค้ชอ่าครับพี่แบบนี้""สวัสดีค่ะพี่โย"ฉันไหว้คนตรงหน้า"จ้า เอางี
คณะนิเทศศาสตร์ เอกศิลปการแสดง"สวัสดี..."ฉันสะดุ้งเมื่อมีเสียงทุ้มๆ ดังขึ้นข้างตัว ผู้ชายสูงโปร่งหน้าตาดีกำลังยืนยิ้มให้ฉันจนตาหยี"..คะ? ""ขอนั่งด้วยคนนะ เปิดเทอมวันแรกไม่มีเพื่อนน่ะ""อ่อ ได้เลย""เราชื่อจัสมิน ยินดีที่ได้เรียนเอกเดียวกันนะ""เราชื่อข้าวเหนียว ยินดีเช่นกัน""เสียดายเนอะ ที่นี่ไม่มีรับน้องเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น เราคงจะสนิทกับเพื่อนยากเลยทีนี้""ไม่หรอกถ้าเรียนด้วยกันยังไงก็สนิทกันอยู่แล้ว""นั้นสิ ฮ่าๆ "วันนี้ทั้งวันฉันแทบจะไม่มีเพื่อนใหม่เลยนอกจะจัสมินแต่ละคนในเอกดูเป็นลูกคุณหนูไฮโซใช้กระเป๋าแพง ๆ ต่างจากฉันที่มีฐานะธรรมดา แม่ฉันเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวแล้วเขียนลงบล็อก ส่วนมากก็ไม่ได้กลับบ้านละฉันก็เป็นลูกคนเดียวเลยไม่รู้วิธีทำความรู้จักคนอื่นเลยยังโชคดีที่มีจัสมินไม่อย่างนั้นฉันคงหาเพื่อนได้ยากแน่ๆ"เลิกเรียนแล้วข้าวจะไปไหนต่อเหรอ""เอิ่มม...คงกลับเลย""ให้เราไปส่งไหม? ""ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก""โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกัน"ฉันโบกมือให้จัสมินแล้วเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนกระจก ฉันอยากรู้ว่าช่วงเวลาใกล้ค่ำแบบนี้พวกผีเสื้อยังจะผสมเกสรดอกไม้กันอยู่หรือเปล่า ฉันน่ะชอบพวกดอกไม้
“ว๊าววว หรูชะมัด นี่คือมหาวิทยาลัยของฉันสินะ”ฉันพึมพำกับตัวเองขณะที่สายตามองทอดยาวไปตามราวสะพานสีขาวสไตล์ยุโรปมันถูกสร้างยาวตามตัวอาคารเป็นการออกแบบที่ลงตัวเข้ากับตัวตึกที่ถูกออกแบบเป็นโทนสีขาวเกือบทั้งหมด มีทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อนและทุ่งดอกไม้สีสดที่อยู่ด้านนอก มองออกไปบริเวณทุ่งหญ้าเหมือนจะมีสวนเล็กไว้ให้พักผ่อนในเวลากลางวันนี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ยใช่ประเทศไทยหรือเปล่าบอกที ถ้าที่นี่มีหิมะตกด้วยนะยุโรปชัดๆ เหมือนที่นี่จะมีเรือนกระจกเพาะดอกไม้เป็นของที่นี่เองด้วยฉันเคยได้ยินมาว่าดอกไม้พวกนี้ต้องได้รับการดูแลที่ดีเอามากๆ อืมมม นี่ยังเช้าอยู่ฉันควรจะไปสำรวจเรือนนั้นสะหน่อยแล้ว“สวยสุดยอดเลย แต่เงียบจังนะ... ”ฉันเดินตามสะพานมาจนสุดทางก็พบเรือนกระจกใสภายในเต็มไปด้วยดอกไม้สีสดนานาพันธุ์และผีเสื้อหลากชนิดคงใช้พวกมันในการผสมเกสรดอกไม้สิน่ะ ระหว่างทางฉันสังเกตว่าผีเสื้อเยอะมาแต่ยังไม่ถึงครึ่งของในเรือนกระจกนั้นเลยมั้ง ฉันอยากเข้าไปดูพวกแกใกล้ๆ จังเลย “ว่าแต่...ทางเข้าอยู่ไหนนะ”ฉันพยายามเดินเรียบกระจกไปเลยเพื่อมองหาทางเข้าดูเหมือนเรือนกระจกนี่ยาวและดูกว้างมาก แต่มันต้องมีทางเข้าสิไม่อย่างนั้นผี