Accueil / รักโบราณ / วัตถุโบราณตระกูลหลี่ / ตอนที่ 4 ข้อแลกเปลี่ยน (2)

Share

ตอนที่ 4 ข้อแลกเปลี่ยน (2)

last update Dernière mise à jour: 2024-12-23 15:39:42

เซี่ยงไฮ้ ตึกเทียนอวิ๋น ชั้น 88

ก๊อก ก๊อก

“ท่านประธานเป็นยังไงบ้างเหล่าลั่ว” เสียงของโจวหมิงเจี่ยถามบุคคลที่นั่งอยู่โซนรับแขกของเพนต์เฮาส์

ลั่วเว่ยฉี หมอหนุ่มจากหยวนเซี่ยงฉางเซ็ง โรงพยาบาลเอกชนที่ร่วมลงทุนกับรัฐบาล ใบหน้าขาวซีดตาดำคล้ำ นิ้วที่คีบบุหรี่เตรียมส่งเข้าปากชะงักเหลือบสายตามองคนถาม

“ทำแผลเสร็จ ให้เลือดให้น้ำเกลือ ฉีดยาเรียบร้อยบาดแผลไม่ถูกจุดสำคัญ สักพักใหญ่คงฟื้น”

โจวหมิงเจี่ยกดคางลงเป็นเชิงรับรู้ ยื่นมือไปรับบุหรี่ที่เหล่าลั่วยื่นส่งให้มาจุดสูบอย่างเคย เพนต์เฮาส์ของท่านประธานไม่เคยหวงห้ามลูกน้องให้สูบบุหรี่ได้ เพราะตัวท่านประธานนับได้ว่าสูบจัดมากคนหนึ่ง เพียงแต่จำกัดให้สูบเฉพาะในห้องนี้และห้องทำงานเท่านั้น

“แล้วเรื่องตรวจร่างกาย?”

“ถ้าท่านประธานไม่เปลี่ยนใจ เดี๋ยวฉันแจ้งทางเซี่ยเซ็งให้เตรียมสถานที่ให้ทำ Full Body เช็กอัปเป็นการส่วนตัว รับรองเก็บเงียบไม่มีใครกล้าปากมาก”

“นายจะกลับก่อนหรือรอท่านประธานตื่น นอนห้องพักแขกชั้นล่างก็ได้ สภาพนายไม่น่าจะไหว” โจวหมิงเจี่ยแนะนำหมอหนุ่มรุ่นน้อง ดูจากหน้าตาถ้าให้ขับรถกลับเองคงได้ยินข่าวร้ายแน่

“ยังมีหน้ามาพูดนะเหล่าโจว ก็ใครล่ะวะที่ให้คนมาหิ้วปีกผมมาที่นี่ตั้งแต่ยังไม่ออกเวร จริง ๆ ผมมีราวด์เช้าอีก ต้องหาแลกเวรแทบไม่ทัน”

แทนที่ออกเวรเขาจะได้พักผ่อน สุดท้ายยังต้องเสียวันหยุดไปแลกเวรกับคนอื่นอีก ถึงพ่อเขาจะถือหุ้นใหญ่ในโรงพยาบาล แต่คนเป็นหมอในที่แจ้งแบบเขาจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงผู้ร่วมงานและระบบงาน จะทำผิดระเบียบในโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ไม่ใช่เรื่องง่าย ยกเว้นพ่อจะส่งเขาไปเซี่ยเซ็งที่บริหารแบบส่วนตัวเต็มระบบ

“นายไปร้องทุกข์กับท่านประธานเอาเอง ถ้ามาถึงเราไปเซี่ยเซ็งแต่แรกเผื่อข่าวรั่วออกไป หุ้นบริษัทดิ่งแน่”

โจวหมิงเจี่ยที่ไม่ได้มีความรู้สึกผิดโยนหม้อดำใบใหญ่ใส่ท่านประธานอย่างโจ่งแจ้ง

“เฮียจะฆ่าผมหรือไง เกิดผมบ้าจี้ตาม ไม่ใช่ว่าต้องกลับไปฝึกเอาชีวิตรอดในป่าเขตร้อนอีกรอบเหรอ ผมเป็นหมอนะไม่ใช่บอดี้การ์ด”

ลั่วเว่ยฉีกัดฟันใส่โจวหมิงเจี่ยที่ยกไหล่อย่าไม่ใส่ใจมาให้ เขายิ่งแค้นแทบกระอัก ฝากไว้ก่อนอย่าให้ถึงทีเขาละกัน!

“เอะอะอะไรกัน”

ร่างสูงสง่าในชุดนอนผ้าแพรสีดำสวมทับด้วยชุดคลุมยาวปักด้ายทองเข้มเดินฝีเท้าเบาลงมาจากชั้นสอง

“ท่านประธานฟื้นแล้วเหรอครับ” โจวหมิงเจี่ยเปลี่ยนสีหน้ายินดีแตกต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ ลุกขึ้นยืนเตรียมเข้าไปประคอง แต่ถูกโบกมือห้ามไว้เสียก่อน

“สวัสดีครับ บอส”

ลั่วเว่ยฉีลุกขึ้นไปยืนข้างโจวหมิงเจี่ยโค้งตัวทักทายเจ้าของสถานที่ หรือเจ้าของตัวจริงผู้ถือหุ้นใหญ่ในโรงพยาบาลของครอบครัวเขาทั้งสองแห่งนั่นเอง ชายหนุ่มตรงหน้าก็คือเจ้านายโดยตรงของทั้งตระกูลเขานั่นล่ะ

“บอสจะตรวจร่างกายใช่ไหมครับ ผมติดต่อเซี่ยเซ็งไว้แล้ว บอสกำหนดเวลาไปได้เลยครับ”

ลั่วเว่ยฉีรีบพูดนัดหมายอย่างกระตือรือร้น เขาพยายามหว่านล้อมบอสมาหลายปีให้ไปตรวจร่างกาย แต่ไม่เคยได้ผล คราวนี้บอสออกปากเองเขาจะไม่ยอมให้มีอะไรมาขัดขวาง การดูแลร่างกายบอสให้แข็งแรงดุจดั่งโคถึกคืองานของเขา

ต้นขาทองคำใหญ่เท่าเสาโอลิมปัส เขาจะไม่ปล่อยให้เป็นอะไรเด็ดขาด

“หมิงเจี่ยเลื่อนประชุมบ่ายนี้ออกไป ถือว่าฉันให้เวลาพวกหัวหน้าแผนกต่าง ๆ ให้มีเวลาหายใจหายคอ”

“ครับท่านประธาน” โจวหมิงเจี่ย หมุนตัวไปจัดการแจ้งเลื่อนการประชุมทันที

“บอสจะตรวจอะไรบ้างครับ สุขภาพทั่วไปหรือเจาะจงพิเศษ”

“ทุกอย่าง ในเมื่อไม่เคยตรวจมา 6-7 ปีแล้วก็ตรวจทุกอย่างเท่าที่โรงพยาบาลตรวจได้เลยแล้วกัน”

ฉินเฟยหลง นึกถึงท่าทางของคนที่เอ่ยเตือน สาวน้อยนั่นแม้พยายามเก็บอาการแต่ก็ยังพอดูออกมาตอนเอ่ยเตือนเขามีความกระวนกระวายใจ ดูเร่งด่วน อีกทั้งจากที่ได้พูดคุยกันเธอไม่ใช่คนที่จะพูดไปเรื่อยเรียกร้องความสนใจ หรือไม่แน่ใจแล้วจะออกปาก

เขาเห็นและพบเจออะไรมามากเกินจะปล่อยผ่านสัญชาตญาณ และมันกำลังบอกว่าเด็กสาวพูดเตือนด้วยความหวังดีจริง ๆ

แม้จะไม่รู้ว่าเธอรู้ได้ยังไงหรือมีความสามารถแบบใดถึงกล้าออกปากความลับของเจ้าตัว

‘เช็กก็ไม่เสียหายเป็นผลดีกับบเขาเสียอีก ว่าแต่เป็นเด็กสาวที่ใสซื่อจนทำให้ผู้คนอดห่วงกังวลไม่ได้เสียจริง’

“หมิงเจี่ย หาข้อมูลสาวน้อยที่ช่วยฉันให้หน่อย เธอไว้ผมหน้าม้าปิดตา ใส่แว่นสายตาหนาปิดครึ่งหน้า ผมตรงยาวถึงกลางหลัง ชอบใส่ชุดสีทึม ๆ อยู่โรงเรียนมัธยมไท่หรงฮุ่ยเหวิน ไปเรียกหยุนชิงเข้ามา”

“ได้ครับท่านประธาน”

โจวหมิงเจี่ยรีบเดินออกไปโทรเรียกเฉินหยุนชิงที่คงอยู่ในห้องมอนิเตอร์ ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาทำความเคารพ

“นายครับ”

“หยุนชิง นายจัดหาคนในพื้นที่ที่พอมีฝีมือและมีสมองหน่อยตามเด็กน้อยผู้มีพระคุณให้ฉัน ไม่ต้องรายงานความเคลื่อนไหวแค่คอยดูแลความปลอดภัย ถ้าเธอจับได้ก็ค่อยอำนวยความสะดวกตามที่เธอร้องขอ”

คำสั่งจากคนเป็นเจ้านายแทบจะทำให้คนที่เหลือในห้องอ้าปากค้างจนสันกรามตกลงพื้น จู่ ๆ ท่านประธานก็ยกฐานะของเด็กคนหนึ่งขึ้นเป็นผู้มีพระคุณ

‘คิดจะสร้างบุญคุณกับฉัน ก็ต้องดูด้วยว่าฉันเต็มใจรับหรือเปล่า’

ทุกคนที่ทำงานกับท่านประธานหนุ่มรู้ดีว่าหากเจ้าตัวไม่รับว่ามีบุญคุณต่อให้ช่วยเหลืออย่างไรก็อย่าหวังจะมีบุญคุณต่อกัน มีเพียงการตอบแทนด้วยผลประโยชน์ที่ท่านประธานไม่มีทางเสียเปรียบเท่านั้น

ตอนนี้ผู้มีพระคุณดันโผล่ออกมาแล้ว!

ฮัดเช้ย!

“ใครบ่นถึงเรากันนะ หรือจะเป็นคุณพ่อ?”

หลี่เหม่ยถิงจามออกมาเสียงดังลั่นขณะกำลังวิ่งออกกำลังกายยามค่ำ เส้นทางวิ่งที่เธอไปพบชายแปลกหน้าคนนั้นนั่นล่ะ

“หรือจะเป็นซินหยาน นี่ก็อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอม ทำไมซินหยานยังไม่มา มีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ”

ไม่มีสักเสี้ยวความคิดของเธอว่าชายที่ดูทรงอำนาจคนนั้นจะมีแก่ใจนึกถึงกัน หรือคิดเอาความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยของเธอเป็นบุญคุณ

“หลี่เหม่ยถิง! นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ มานี่เดี๋ยวนี้นะ”

เสียงตะโกนดังลั่น จากอีกฟากของลานกิจกรรมกลางแคมปัสเรียกสายตาจากนักเรียนในบริเวณนั้นให้มองไปยังจุดเดียว

บางคนพอมองเห็นหน้าเจ้าของเสียงชัดเจนก็ไม่สนใจอีก ส่วนเด็กนักเรียนที่เพิ่งเข้าใหม่ต่างจับกลุ่มนินทา รอชมเรื่องสนุกกันออกนอกหน้า

เสียงดังโหวกเหวก พร้อมการวิ่งตึงตังมาเร็วดุจพายุทำเอาหลี่เหม่ยถิงกรอกตาเตรียมหันหลังกลับไปทางหอพักของเจ้าตัว

หมับ!

ร่างสูงเพรียวในชุดกางเกงทันสมัยสีสดใสกระโดดเกาะเอาขาและแขนรัดร่างเล็กที่เตี้ยกว่าตนเองถึง 15 เซนติเมตร แรงปะทะทำให้คนที่ตั้งหลักมั่นคงยังซวนเซเล็กน้อย

ม๊วบ ม๊วบ!

เสียงหอมหน้าหอมหัวดังตามมา เหงื่อและน้ำลายปะปนกันจนแทบทำให้หลี่เหม่ยถิงจับคนที่เกาะอยู่ทุ่มลงพื้น

“คิดถึงจังเลย เหม่ยถิงเพื่อนร้ากกกก ไม่เจอกันตั้ง 3 เดือน”

“ซินหยานลงไป”

ถึงเธอจะออกกำลังกายและเล่นกีฬาหนักจนแข็งแรงกว่าเด็กสาวทั่วไป แต่มันไม่ควรเป็นเหตุให้คนที่สูงถึง 175 เซนติเมตรมาเกาะห้อยบนตัวเธอเป็นลูกลิงยังไม่หย่านมแม่แบบนี้

ไม่น่าไปคิดถึงเลยให้ตาย

แม้จะคิดอย่างระอา แต่มุมปากกลับหยักยิ้มให้เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอ เฉินซินหยาน

ไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กสาวสองคนที่มีบุคลิกแทบจะต่างกันสุดขั้วจะคบหากันเป็นเพื่อนสนิทได้ หลี่เหม่ยถิงแต่เดิมเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูดจา บุคลิกเก็บตัวมืดมนไม่คบหาใคร ตัวเล็กบอบบางผิวขาวท่าทางน่าจะถูกรังแกโดยง่าย ส่วนเฉินซินหยานตัวสูงเพรียวสูงที่สุดในโรงเรียน เสียงดังโผงผางตรงไปตรงมา อารมณ์ร้อน

“อย่าถอดแว่น” มือเล็กขาวแต่แข็งแรงจับมือที่เอื้อมมาหยิบขาแว่นล็อกไว้

“นิดหนึ่งน้า นะนะ”

“อืม ไปถอดที่ห้อง”

หลี่เหม่ยถิงถอนหายใจอย่างปลดปลง ใครใช้ให้เธอตกเพื่อนมาได้ด้วยหน้าตา เฉินซินหยานเป็นพวกคลั่งไคล้คนที่หน้าตาไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตาม

เดิมทีเฉินซินหยาน เรียกได้ว่าเป็นลูกพี่ใหญ่ของโรงเรียนตอนสมัยมัธยมต้นมั่วสุมกับกลุ่มผู้ติดตาม 3-4 คน ทำตัวเกกมะเหรกไม่สนใจการเรียนจนผลการเรียนตกต่ำ

อาจารย์ประจำระดับชั้นปีมอบหมายให้เธอที่มีผลการเรียนระดับท็อปมาช่วยติวให้เฉินซินหยาน ตอนแรกซินหยานพยศหนักคอยหาเรื่องกันจนหลี่เหม่ยถิงเบื่อจะทน จึงนัดมาลงไม้ลงมือถึงขั้นเลือดตกยางออก

เฉินซินหยานผู้บาดเจ็บแทนที่จะผูกใจเจ็บกลับตามติดหลี่เหม่ยถิงที่ทำแว่นหล่นหลังสู้กันไปหนึ่งยก จนเห็นหน้าตาภายใต้กรอบแว่นนั่นล่ะ สุดท้ายก็จำยอมต้องเป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้ก็ 4 ปีแล้ว

“ทำไมเพิ่งมาล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”

เธออดที่จะออกปากถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“เพิ่งกลับจากเซี่ยงก่าง น่ะ หม่าม๊าพาไปพบคุณน้าที่ย้ายไปทำธุรกิจเสื้อผ้าที่นั่น”

“เซี่ยงก่างเหรอ น่าสนใจนะ ไหนลองเล่าเรื่องสังคมที่นั่นให้ฟังหน่อยสิ”

ตอนนี้ข้อมูลอะไรก็ตามที่ดูแล้วน่าจะเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจที่เธอคิดจะทำล้วนน่าสนใจทั้งนั้น

เฮ้อ… มีอะไรให้ทำให้เรียนรู้เต็มไปหมด ไหนจะเรียนเรื่องสอบเกาเข่า ในอีก 10 เดือนข้างหน้า แถมเธอยังอยากศึกษาหาความรู้เรื่องสมุนไพรจีนอีกด้วย จำได้ว่าพี่เหม่ยถิงในมิติอื่นโดนวางยาแบบไม่รู้ตัวเลย แค่คิดก็เหน็ดเหนื่อยแล้ว

“อยากให้ในหนึ่งวันมีมากกว่า 24 ชั่วโมงจริง ๆ”

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • วัตถุโบราณตระกูลหลี่   บทส่งท้าย (2)

    ตอนนี้ความกระสันต์สูงเสียดฟ้าจนอยากจะพุ่งตัวตนเข้าฝากฝังในช่องทางรักหวานฉ่ำแล้วปลดปล่อยตัวตนไปกับความปรารถนาอันลิงโลดนี้“ภรรยา…ช้าหน่อยครับ เดี๋ยวสามีทนไม่ไหวน้องจะเจ็บ” เสียงกระซิบแหบพร้าทุ้มก้องอยู่ริมหูเล็ก คนฟังรู้สึกว่ามันเซ็กซี่ทั้งยังอ้อยอิ่งราวกับตั้งใจออดอ่อยใส่กันแทนที่จะช้าลง ดวงตาดอกท้อของคนตัวเล็กกลับร้อนผ่าว ฝ่ามือขาวกดลงกลางหน้าอกกว้างให้ชายหนุ่มเอนตัวลงเท้าแขนกับโต๊ะกรุกระจก สะโพกอวบตั้งใจบดขยี้ให้ส่วนอวบนูนของวัยสาวถูไถกับส่วนหัวมังกรแดงก่ำที่โผล่พ้นขอบกางเกงในผ้าไหมขึ้นมา“ซี๊ด...อาห์”ได้ยินเสียงสูดปากพร้อมครางกระเส่าของคนตัวโตยิ่งทำให้หญิงสาวฮึกเหิมลำตัวเล็กเอนลงต่ำใช้ใบหน้าซุกลงดอมดมผิวเนื้อเรียบตึง จูบบ้างเลียบ้าง มือก็ลูบวนกดไปทั่วผิวเนื้อท่อนบนมือหนึ่ง อีกมือกลัวจะว่างจึงใช้ท้องนิ้วสะกิดยอดอกสีน้ำตาลอ่อนจนมันหดเกร็งฝ่ามือหยาบกร้านของคนด้านล่างยกขึ้นนวดคลึงภูเขาหิมะที่มียอดอิงเถาปัดผ่านกล้ามท้อง หญิงชายทั้งสองต่างนวดคลึงฟอนเฟ้นเรือนร่างเกือบเปลือยของกันและกันน้ำหนักมือเคล้นแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ที่เดือดพล่าน ผิวเนื้อสะโพกปลิ้นออกมาตามง่ามนิ้วเรียวยา

  • วัตถุโบราณตระกูลหลี่   บทส่งท้าย (1)

    หลังบอกกล่าวกราบไหว้บรรพบุรุษของเจ้าสาว ยกน้ำชาให้กับผู้ใหญ่เริ่มจากพ่อ ปู่และอาจารย์ ฉินเฟยหลงก็อุ้มเจ้าสาวขึ้นรถท่ามกลางความเงียบ... พรืด... และเสียงสูดน้ำมูกของเกาอี้ “ฮึก...คุณหนูออกเรือนแล้ว” ไป๋จื้อหยางที่น้ำตาคลอมองขบวนรถขับออกไปจากบ้านตระกูลไป๋เก็บอารมณ์กลับแทบไม่ทัน มองสภาพบอดี้การ์ดร่างใหญ่ยักษ์กำลังยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาหัวไหล่สั่น ผ้าเช็ดหน้ามีคราบปริศนาเกาะหนึบ วงล้อมจึงแตกกระเจิงไปคนละทาง ทั้งผู้เฒ่าไป๋ ผู้เฒ่าติง ไป๋จื้อหยาง แม้แต่จ้าวลี่จูยังถอยเท้าเงียบ ๆ ส่วนเพื่อนอย่างหยางฝูเหว่ยเดินหนีไปนานแล้วตั้งแต่บอดี้การ์ดหนุ่มน้ำตาคลอ “เอ่อ...แต่อีกไม่กี่วันประธานก็กลับมาแล้วนะคะ” จ้าวลี่จูพูดความจริงที่ทุกคนลืมนึกไป ใช่... แต่งงานแล้วอย่างไร... อีกไม่กี่วันก็กลับมาอยู่ด้วยกัน เพียงแค่มีคนตามมาอยู่ด้วยอีกคน มีตะเกียบกับถ้วยข้าวเพิ่มมาอีกชุด เกาอี้เองที่ถูกอารมณ์อ่อนไหวพาไปก็หยุดร้องอ้าปากค้าง ฟืดดดดด... “นั่นสิ! เราก็ยังทำหน้าที่เดิม” คิดได้แล้วสั่งน้ำมูกที่เหลือเดินจากไปอย่างร่าเริง ไป๋จื้อหยางกับคนงานในบ้านถูกเบรกอารมณ์ก็แยกย้ายกันไป ทางด้านขบวนรั

  • วัตถุโบราณตระกูลหลี่   ตอนที่ 75 ยกน้ำชา (2)

    3 วันต่อมา ลู่เจียจิ่วเป็นย่านเศรษฐกิจการเงินของเซี่ยงไฮ้ ทุกพื้นที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำ บริษัทข้ามชาติ ตึกสูงเสียดฟ้า บ่งบอกเม็ดเงินลงทุนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดโดยปกติเวลาของผู้คนที่ทำงานในย่านนี้เป็นเงินเป็นทอง มีแต่ความเร่งรีบ วันนี้กลับต่างออกไปเพราะมีสิ่งที่น่าสนใจกว่าการทำเงินเกิดขึ้นที่ตึกเฮยอวิ๋นทีมมหรสพ กลองและปี่พาทย์ในชุดถังจวงสีแดงตั้งขบวนหน้าตึก ดนตรีถูกบรรเลงอย่างคึกคักตลอดระยะที่เริ่มมีการยกหีบสิ่งของออกมาจากประตูใหญ่ของตึก ขึ้นไปยังรถบรรทุกสีขาวปิดทึบที่ผูกซิ่วฉิวหน้ารถ พนักงานออฟิศของบริษัทต่าง ๆ ยินยอมเข้างานสายแต่ไม่กล้าเดินเบียดแทรกแถวเข้าไปในตัวอาคาร ได้แต่ยืนรักษาระยะอยู่ด้านนอก“นายครับได้เวลาแล้ว” ฉินเฟยหลงเดินออกมาจากลิฟต์ส่วนตัวด้วยชุดพิธีการสีแดง ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับตลอดเวลาเจ้าบ่าวเดินนำขบวนไปขึ้นรถด้านนอก“เตรียมเคลื่อนขบวนไปรับเจ้าสาวได้!” ผู้นำพิธีการตะโกนเตือนเมื่อได้เวลาสมควร รถดนตรีที่มีเสาไม้ติดป้าย ‘ซวงสี่’ จึงกระหึ่มอีกระลอกขบวนรถหรูที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีแดง 9 คัน เริ่มเคลื่อนตามออกไปติด ๆ คันนำหน้าเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนผูกซิ่วฉิวผ

  • วัตถุโบราณตระกูลหลี่   ตอนที่ 75 ยกน้ำชา (1)

    รถของตระกูลไป๋ต้องเบรกกะทันหันเมื่อเลี้ยวเข้ามายังลานจอดรถ จู่ ๆ รถที่จอดอยู่หลายคันก็พร้อมใจกันถอยหลังจนมาล้อมกรอบรอบตัวรถของพวกเขาเป็นวงกลมปัง ปัง ปัง!สถานการณ์ยิ่งไม่ปกติเมื่อมีชายในชุดสูทนับรวมได้ 8 คน ลงมาจากที่นั่งข้างคนขับของรถที่ล้อมรถตระกูลไป๋อยู่กรี๊ด...“หลบเร็ว ตีกันแล้ว แจ้งตำรวจ!”“หนีเร็วเข้า อย่าไปยุ่ง”ไป๋จื้อหยางกอดลูกสาวแน่น“สืออิงติดต่อบอดี้การ์ดมาที่นี่ด่วน!”บอดี้การ์ดตระกูลไป๋ รวมถึงหยางฝูเหว่ยและเกาอี้ไม่ได้ตามมาเพราะเป็นเวลากลางวันและสถานที่อยู่ใจกลางเมือง ไป๋จื้อหยางจึงคิดว่าไม่น่าจะมีใครกล้าเล่นสกปรกไป๋เหม่ยถิงมองออร่าสีเขียวจากบุรุษบางคนที่ลงจากรถ ลองพิจารณาใบหน้าหลังแว่นกันแดดดี ๆ เหมือนจะเคยผ่านตามาบ้าง จึงนั่งนิ่งอยู่กับที่ใบหน้าเฉยเมย‘เฮียหลงกำลังจะทำอะไร?’“ถิงเออร์ลูกนั่งรอในรถ พอจะออกไปเจรจาดูสักหน่อยว่าผู้มาต้องการอะไร”ไม่ทันที่เธอจะห้ามคุณพ่อก็จับประตูรถเตรียมก้าวออกไป ประจวบเหมาะกับคนด้านนอกเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกันพรึ่บ! ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง!ท้ายรถที่ล้อมกรอบทั้งหมดเปิดออก มีเสียงพลุขนาดเล็กแตกกระจายพร้อมสายรุ้งและกระดาษสีปลิวว่อน กุหลาบหลากสีถู

  • วัตถุโบราณตระกูลหลี่   ตอนที่ 74 เตรียมงาน  (2)

    3 วันต่อมาตึกเซี่ยอวิ๋น 8 โมงเช้า“ฮ้าว...เหล่าจงนายมาสักที ข้าจะได้กลับไปนอนยาว ๆ” พนักงานรักษาความปลอดภัยของตึกกะกลางคืนทักเพื่อนที่มาเปลี่ยนกะแล้วเตรียมจะกลับเข้าไปตึกเซี่ยอวิ๋น“!!!”ตอนเปิดตาที่ปิดปากหาวยาว เขาตกใจจนขวัญเกือบกระเจิงเพราะบอดี้การ์ดในชุดฝึกสีดำราว 20 กว่าคนมายืนออกันเงียบ ๆ ตรงลานกว้าง แถมไฟของตึกก็ยังไม่เปิดจึงเห็นเป็นเงาตะคุ่ม“ตกใจหมดนึกว่าโจรปล้นตึก! พวกพี่ลงมาทำอะไรกันครับ” บอดี้การ์ดก็เป็นรุ่นพี่ที่ร่วมฝึกซ้อมกันทุกวัน ผลัดกันเปลี่ยนมาเฝ้าตึกกับออกไปทำภารกิจด้านนอกถ้าสังเกตดีต ๆ จะเห็นว่าเหล่าบอดี้การ์ดมีถุงใส่ของติดมือมาด้วย พอคนออกจากลิฟต์เที่ยวสุดท้ายครบก็กระจายกำลังกันเดินออกไปด้านนอกตึก‘ชุนเหลียน’ กลอนคู่มงคลแผ่นยาวสีแดง ที่เขียนด้วยมือจากปรมาจารย์ด้านการคัดอักษร ถูกติดตรงประตูทางเข้าตึกก่อนเป็นที่แรก ตามด้วยตัวอักษร ‘ฝู’ ที่แปลว่าความสุขติดกลับหัวตรงประตูกระจกสองด้านด้านนอกผ้าแดงและโคมกระดาษถูกนำไปห้อยประดับตามต้นไม้ตรงสวนหย่อมก่อนเข้าตัวตึกจนดูสดใสมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นซิ่วฉิวฮวามีชายยาวถูกนำไปแขวนอยู่เหนือประตูทางเข้าตึกด้านหน้า ด้านในมีทีมบอดี้การ

  • วัตถุโบราณตระกูลหลี่   ตอนที่ 74 เตรียมงาน (1)

    บ้านตระกูลไป๋ วันต่อมาอีก 1 อาทิตย์ ก็จะเป็นวันยกน้ำชาของทายาทตระกูลไป๋ ห้องนอนของไป๋เหม่ยถิงจะถูกปรับปรุงใหม่ สร้างตู้เก็บเสื้อผ้าเพิ่มเติมสำหรับฉินเฟยหลงห้องก็เปลี่ยนสีการตกแต่งใหม่ เป็นสีไม้กับครีม พรมเป็นสีน้ำตาลอ่อน เฟอร์นิเจอร์ใหม่ถูกสั่งเข้ามา วันนี้จะมีช่างกับทีมตกแต่งภายในเข้ามาทำในส่วนของบิวท์อิน“ประธานคะ มานั่งทำอะไรตรงนี้คะ แล้วดูแบบห้องที่ตกแต่งใหม่หรือยังคะ” จ้าวลี่จูเดินเข้าบ้านมาเห็นประธานสาวนั่งเท้าคางไร้ชีวิตชีวาอยู่ตรงโซฟารับแขก“ไม่ต้องดูหรอก ทำตามแบบไปนั่นล่ะ ฉันนั่งสะสมพลังอยู่น่ะไม่ต้องให้ใครมารบกวนนะ”ไป๋เหม่ยถิงโบกมือเอื่อย ๆ ตาปรือทำท่าจะปิด ไหนเลยสะสมพลังงานอะไร ทำท่าจะหลับอยู่เดี๋ยวนี้ที่เธอบอกว่าสะสมพลังนั้นพูดจริงแม้ลี่จูจะมองอย่างไม่เชื่อถือแล้วถอนหายใจ เลขาสาวไม่อยากต่อบทสนทนารีบไปดูช่างตกแต่งภายในต่อว่าที่เจ้าสาวปิดตาเอนหลังเข้ามุมพิงตัวกับแขนโซฟา รับรู้ถึงกระแสลมอุ่นจากหยกจักรพรรดิที่ค่อย ๆ ไหลผ่านจากต้นคอลงสู่ท้องน้อย เข้าสู่แสงสีขาวนวลขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวใบหน้าเรียบเฉยเปิดรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อรับรู้ความรู้สึกทั้งหมดนี้“คุณหนูครับ เจ้านายส่งช

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status