Accueil / รักโบราณ / วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน / ๐๖ สายธารแห่งปัญญา หล่อเลี้ยงจิตใจอันบริสุทธิ์

Share

๐๖ สายธารแห่งปัญญา หล่อเลี้ยงจิตใจอันบริสุทธิ์

last update Dernière mise à jour: 2025-06-06 23:21:06

เดือนสี่ ปีวสันต์ รัชศกเทียนเหอปีที่เจ็ดสิบเจ็ด

ยามอรุณรุ่งสาดส่องลงมายังหมู่บ้านซีหลิน ดุจแพรไหมสีทองที่คลี่คลุมผืนปฐพี เสียงระฆังจากวัดท้ายหมู่บ้านดังกังวานแผ่วเบา ดุจเสียงเรียกจากสรวงสวรรค์

ตู้เยี่ยนอวี่ตื่นขึ้นจากห้วงนิทราด้วยจิตใจที่สงบและปลอดโปร่ง ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานางมิเพียงแค่ร่ำเรียนวิชาการแพทย์และกำลังภายในเท่านั้น หากแต่ยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกลมกลืนกับผู้คนในหมู่บ้าน

วันนี้นางมีนัดกับท่านผู้เฒ่าหลี่ หมอประจำหมู่บ้านที่เคยประจักษ์ในฝีมือของนางเมื่อคราวก่อน แม้จะเป็นผู้เฒ่า แต่ท่านผู้เฒ่าหลี่ก็เป็นผู้ที่มีจิตใจเปิดกว้าง ยินดีที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และมิได้ยึดติดกับความรู้เก่า ๆ เลย

“คุณหนูตู้เยี่ยนอวี่ มาแต่เช้าเลยนะ” ท่านผู้เฒ่าหลี่เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ยามเห็นเยี่ยนอวี่ก้าวเข้ามาในเรือนยาของเขา

“คารวะท่านผู้เฒ่าหลี่เจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี่โค้งคำนับอย่างนอบน้อม “ข้าเพียงอยากมาขอคำชี้แนะจากท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”

“เชิญนั่งก่อนเถิด” ท่านผู้เฒ่าหลี่ผายมือเชิญไปยังที่นั่งว่าง “มิรู้ว่าวันนี้แม่นางมีข้อสงสัยอันใดหรือ ?”

ตู้เยี่ยนอวี่นั่งลงอย่างเรียบร้อย

“ข้ากำลังศึกษาตำราว่าด้วยการบำบัดรักษาโรคด้วยวิชาธาตุและเส้นลมปราณ แต่ยังมีบางส่วนที่ยังมิเข้าใจกระจ่างนัก โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมลมปราณให้ไหลเวียนในกายได้อย่างสมบูรณ์แบบเจ้าค่ะ”

ท่านผู้เฒ่าหลี่พยักหน้าช้า ๆ “วิชาธาตุและเส้นลมปราณนั้นลึกซึ้งยิ่งนัก การควบคุมลมปราณให้ไหลเวียนได้นั้นต้องอาศัยทั้งการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และความเข้าใจในหลักแห่งธรรมชาติ”

เขาอธิบายถึงหลักการพื้นฐานของลมปราณ การไหลเวียนในเส้นชีพจรต่าง ๆ และความสัมพันธ์กับธาตุทั้งห้าในร่างกาย ตู้เยี่ยนอวี่รับฟังอย่างตั้งใจ บางครั้งก็ซักถามข้อสงสัย บางครั้งก็ยกตัวอย่างจากตำราที่นางได้ศึกษามา เพื่อให้ท่านผู้เฒ่าหลี่อธิบายเพิ่มเติม

“หากเราสามารถควบคุมลมปราณได้ดุจสายน้ำที่ไหลเชี่ยว แต่มิได้ล้นหลาก ย่อมสามารถบำบัดรักษาโรคได้หลายหลาก” ท่านผู้เฒ่าหลี่กล่าว “แต่หากลมปราณติดขัด ดุจสายน้ำที่ถูกกั้น ย่อมก่อให้เกิดโรคภัยได้”

บทสนทนาระหว่างตู้เยี่ยนอวี่และท่านผู้เฒ่าหลี่ดำเนินไปอย่างยาวนาน ท่านผู้เฒ่าหลี่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิตให้แก่นางอย่างไม่ปิดบัง ส่วนตู้เยี่ยนอวี่ก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าหลี่ยิ่งนักเจ้าค่ะ คำชี้แนะของท่านช่วยให้ข้าเข้าใจหลักการต่าง ๆ ได้กระจ่างแจ้งยิ่งนัก” เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ

“แม่นางตู้มิต้องกล่าวเช่นนั้นหรอก” ท่านผู้เฒ่าหลี่ยิ้มอย่างอบอุ่น “ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณแม่นาง ที่ทำให้ข้าได้ทบทวนความรู้และเข้าใจวิชาเหล่านี้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ตู้เยี่ยนอวี่และท่านผู้เฒ่าหลี่ก็กลายเป็นดุจอาจารย์และศิษย์

ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการศึกษาค้นคว้าวิชาการแพทย์ นางมักจะไปเยี่ยมเยียนเรือนยาของท่านผู้เฒ่าหลี่เป็นประจำ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และปรึกษาหารือเกี่ยวกับกรณีผู้ป่วยต่าง ๆ

ยามสายฝนโปรยปรายลงมา ชะล้างความร้อนระอุจากผืนปฐพี

ตู้เยี่ยนอวี่ฝึกฝนกำลังภายในในห้องของตนเองอย่างเคร่งครัดยิ่งขึ้น ดุจนักรบที่ลับคมกระบี่ให้แกร่งกล้า นางมิเพียงแค่ฝึกตามตำราเท่านั้น หากแต่ยังนำคำชี้แนะจากท่านผู้เฒ่าหลี่มาปรับใช้ด้วย

‘ลมปราณต้องเป็นหนึ่งเดียวกับจิตใจ’ เสียงท่านผู้เฒ่าหลี่ดังก้องในห้วงความคิดของนาง ‘เมื่อจิตสงบ ลมปราณย่อมไหลเวียนโดยไร้สิ่งกีดขวาง’

นางนั่งขัดสมาธิอย่างสงบนิ่ง ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ พยายามควบคุมลมปราณให้ไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างราบรื่น จากจุดตันเถียนไปยังเส้นชีพจรต่าง ๆ

ครู่หนึ่ง ร่างกายของนางก็รู้สึกเบาสบายดุจปุยเมฆ พลังงานภายในไหลเวียนไปทั่วทุกอณู นางรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ดุจรากไม้ที่หยั่งลึกลงสู่พื้นดิน

“นี่คือความก้าวหน้าจากการฝึกฝน”

นางพึมพำกับตนเองด้วยความยินดี พลางลองยกมือขึ้น สัมผัสได้ถึงพลังงานที่แผ่ออกมาจากฝ่ามือเล็กน้อย

นอกจากนี้ ตู้เยี่ยนอวี่ยังคงใช้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ตนมี มาปรับใช้ในการช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง นางแนะนำให้ชาวบ้านรู้จักการต้มน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรค การรักษาความสะอาดของบาดแผลอย่างถูกวิธี และการดูแลสุขอนามัยในครัวเรือน เพื่อป้องกันโรคระบาดที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน

“ท่านป้าโจว ข้าแนะนำให้ท่านนำน้ำที่ใช้ดื่มไปต้มให้เดือดก่อนนะเจ้าคะ จะได้มั่นใจว่าน้ำสะอาดปราศจากเชื้อโรค” เยี่ยนอวี่กล่าวแนะนำหญิงชราคนหนึ่ง

ท่านป้าโจวพยักหน้า “คุณหนูเยี่ยนอวี่ ช่างคิดได้ละเอียดรอบคอบยิ่งนัก ข้าจะทำตามที่ท่านแนะนำทุกอย่างเจ้าค่ะ”

คำแนะนำของตู้เยี่ยนอวี่แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กลับมีผลอย่างยิ่งในการลดอัตราการเจ็บป่วยของชาวบ้าน โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากน้ำและอาหารที่ไม่สะอาด 

ตู้เยี่ยนอวี่มักจะใช้เวลาในยามบ่ายไปเยี่ยมเยียนโรงเรียนสอนหนังสือเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน โรงเรียนแห่งนี้สอนวิชาการอ่านเขียนและจริยธรรมให้แก่เด็ก ๆ ในหมู่บ้าน

“ท่านอาจารย์หลิว ข้าขออนุญาตมาช่วยงานท่านนะเจ้าคะ” เยี่ยนอวี่เอ่ยขึ้นกับชายชราผู้หนึ่งผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน

ท่านอาจารย์หลิวเป็นบัณฑิตผู้ทรงความรู้ แต่ก็เป็นผู้ที่เปิดกว้างและยินดีที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่นเดียวกับท่านผู้เฒ่าหลี่

“เชิญเถิดแม่นางตู้ การมาของท่านเป็นดุจสายลมที่พัดพาความสดชื่นมาสู่โรงเรียนแห่งนี้” ท่านอาจารย์หลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ตู้เยี่ยนอวี่มิได้ไปสอนหนังสือวิชาใดโดยตรง หากแต่ไปเพื่อสังเกตการณ์วิธีการสอน และนำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ ในการเรียนรู้ นางคอยแนะนำให้ท่านอาจารย์หลิวเพิ่มกิจกรรมการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริง เช่น การนำพืชสมุนไพรมาให้เด็ก ๆ สังเกตและจดจำ หรือการเล่านิทานที่สอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรม

“หากเด็ก ๆ ได้สัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง ข้าคิดว่าพวกเขาก็คงจะสามารถจดจำได้ดีขึ้น” เยี่ยนอวี่กล่าวแนะนำ

ท่านอาจารย์หลิวรับฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

“แนวคิดของแม่นางตู้ช่างล้ำลึกยิ่งนัก เอาไว้ข้าจะลองนำไปปรับใช้ดู”

นอกจากนี้ ตู้เยี่ยนอวี่ยังเริ่มสอนให้เด็ก ๆ ได้รู้จักวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างง่าย ๆ เช่น การห้ามเลือด การทำแผลเล็กน้อย หรือการปฐมพยาบาลเมื่อถูกแมลงกัดต่อย

“หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เด็ก ๆ ก็จะได้รู้จักวิธีช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ในเบื้องต้น” นางอธิบายให้ท่านอาจารย์หลิวฟัง

ท่านอาจารย์หลิวรู้สึกประทับใจในความรอบรู้และความเมตตาของตู้เยี่ยนอวี่เป็นอย่างมาก

“แม่นางตู้ ท่านช่างเป็นสตรีที่เปี่ยมด้วยปัญญาและคุณธรรมยิ่งนัก หากบุตรสาวของข้าได้ครึ่งหนึ่งของแม่นาง ก็คงจะเป็นบุญของข้าแล้ว” ท่านอาจารย์หลิวกล่าวสรรเสริญ

ตู้เยี่ยนอวี่เพียงยิ้มตอบอย่างถ่อมตน นางมิได้ปรารถนาคำสรรเสริญเยินยอใด ๆ หากแต่ปรารถนาเพียงการได้เห็นผู้คนรอบข้างมีชีวิตที่ดีขึ้น และได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ยามราตรี ดุจม่านไหมสีดำที่คลี่คลุมโลกหล้า

ตู้เยี่ยนอวี่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง จ้องมองดวงจันทร์ที่ทอแสงนวลผ่อง ความสุขสงบที่ได้รับจากการช่วยเหลือผู้อื่น และการได้เห็นผู้คนรอบข้างมีชีวิตที่ดีขึ้นนั้น เปรียบดุจน้ำทิพย์ที่หล่อเลี้ยงจิตใจของนางให้เปี่ยมสุข

“ชีวิตมิได้อยู่เพียงเพื่อตนเองเท่านั้น” นางรำพึงรำพันกับตนเอง “แต่ชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณค่า คือชีวิตที่ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 5 วิวาห์ใต้เงาจันทร์

    ปลายเดือนเจ็ด รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมฆหมอกร้ายที่เคยปกคลุมวังหลวงได้ถูกปัดเป่าไปจนสิ้น ประหนึ่งรัตติกาลที่ยอมจำนนต่อแสงอรุณ พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แห่งต้าเฉินและองค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ได้ดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุด ท้องพระโรงหลวงที่เคยเป็นเวทีแห่งการพิพากษา บัดนี้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณสีแดงสดและทองอร่าม เสียงดนตรีมงคลดังกังวานก้องไปทั่ว ขับขานบทเพลงแห่งสันติภาพและสัมพันธไมตรีที่ถูกเชื่อมประสานขึ้นใหม่อย่างแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่กำลังแซ่ซ้องถวายพระพร พวกเขาคือวีรบุรุษและวีรสตรีผู้พิทักษ์แผ่นดินอีกครั้ง แต่ในใจของทั้งสองกลับมิได้มีความลำพองใจแม้แต่น้อย มีเพียงความโล่งใจที่ได้เห็นแผ่นดินกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริงภายหลังจากพระราชพิธีหลักเสร็จสิ้นลง ฝ่าบาทผู้ทรงมีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความสุขและความปีติยินดี ได้มีรับสั่งให้ทั้งสองเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงบ“หากมิได้มีพวกเจ้าทั้งสอง” ฝ่าบาทตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 4 กระชากหน้ากากอสรพิษ

    ปลายเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเวลาเปรียบประหนึ่งเม็ดทรายในนาฬิกาที่ร่วงหล่นลงอย่างไม่ปรานี พระอาการขององค์หญิงมู่หลินทรุดลงทุกขณะ ประกายสีครามบนผิวพระองค์เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นแม้ในยามกลางวัน ลมหายใจแผ่วเบาราวกับจะดับสูญได้ทุกเมื่อ ความกดดันที่มองไม่เห็นได้แผ่ขยายไปทั่ววังหลวง มันมิใช่เพียงชีวิตขององค์หญิงที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่คือสันติภาพของสองแผ่นดินที่กำลังจะขาดสะบั้นลงท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น ตู้เยี่ยนอวี่ได้ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วยกู้เหยียนหลงและองค์หญิงลี่หัว ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงัด นางได้ทูลเสนอแผนการสุดท้ายที่อาจหาญและเสี่ยงอันตรายที่สุด“ฝ่าบาท” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว “การจะจับอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เรามิอาจรอให้มันเผยตัวออกมาเองได้ แต่เราต้องสร้างเหยื่อล่อที่หอมหวานที่สุด เพื่อล่อให้มันคายพิษออกมาด้วยตนเองเพคะ”นางได้สร้างเรื่องราวของสมุนไพรวิเศษในตำนานขึ้นมา รากวิญญาณจันทรา พฤกษาทิพย์ที่กล่าวกันว่าสามารถชำระล้างพิษได้ทุกชนิด และจะเบ่งบานเพียงคืนเดียวใต้แสงจันทร์เต็มดวง ณ อารามเมฆขาวบนยอดเขาไท่ซานเท่าน

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 3 อสรพิษแดนใต้

    กลางเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองวังหลวงที่เคยประดับประดาด้วยโคมไฟแห่งการเฉลิมฉลอง บัดนี้กลับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความวิตกกังวลที่มองไม่เห็น การประชวรขององค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ ได้กลายเป็นหินถ่วงก้อนมหึมาที่ถ่วงดุลแห่งสัมพันธไมตรีระหว่างสองแผ่นดินให้สั่นคลอนอย่างน่าหวาดเสียว การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบงันและเร่งด่วน ประหนึ่งการเดินหมากบนกระดานที่ทุกก้าวล้วนเดิมพันด้วยสันติภาพของต้าเฉินสมรภูมิในครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองแนวรบที่ดำเนินไปพร้อมกันแนวรบแรกคือห้องปรุงยาหลวงของตู้เยี่ยนอวี่ ที่นี่มิได้มีเสียงคมดาบปะทะกัน มีเพียงเสียงบดยาอันแผ่วเบา เสียงเปลวเทียนที่สั่นไหว และเสียงลมหายใจที่จดจ่อของแพทย์เทวดา ห้องของนางได้แปรสภาพเป็นศูนย์บัญชาการแห่งการพิสูจน์หลักฐาน มันคือการผสมผสานอย่างน่าทึ่งระหว่างเครื่องมือโบราณและนวัตกรรมที่นางประดิษฐ์ขึ้นจากความทรงจำในอีกโลกหนึ่ง ทั้งเครื่องกลั่นขนาดเล็กที่ทำจากแก้วใส และแว่นขยายที่เจียระไนอย่างประณีตนางทุ่มเทเวลานานถึงสองวันสองคืนในการวิเคราะห์เถ้ากำยานปริศนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิดคละคลุ้งไปทั่ว

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 2 เงาอดีตที่หวนคืน

    ต้นเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมืองหลวงที่ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงได้จากไปเมื่อหนึ่งปีก่อน บัดนี้ได้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณและโคมไฟสีแดงสดอีกครั้งหนึ่ง โคมไฟนับพันดวงถูกแขวนประดับไปตามชายคาของอาคารบ้านเรือน สะบัดพลิ้วตามสายลมคิมหันตฤดูราวกับฝูงผีเสื้ออัคคีที่เริงระบำ ผ้าไหมสีมงคลถูกขึงทอดยาวไปตามถนนสายหลัก บ่งบอกถึงงานมงคลอันยิ่งใหญ่ที่แผ่นดินต้าเฉินกำลังรอคอย บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรื่นเริงและความคาดหวัง ทว่าสำหรับผู้ที่เจนจบในเล่ห์กลแห่งราชสำนักแล้ว ความสงบสุขที่ผิวเผินนี้เปรียบดั่งผิวน้ำอันราบเรียบ แต่เบื้องล่างนั้นกลับซ่อนเร้นไว้ด้วยกระแสธารอันเชี่ยวกรากที่พร้อมจะพัดพาทุกสิ่งให้พังพินาศการกลับมาของทั้งสองมิได้เอิกเกริก แต่กลับเงียบงันดุจเงาที่เคลื่อนไหวในรัตติกาล สถานที่นัดพบแห่งแรกของพวกเขามิใช่ท้องพระโรงอันโอ่อ่า แต่เป็นโรงน้ำชาเก่าแก่ในตรอกเร้นลับ ที่ซึ่งจางอู๋จีในชุดบัณฑิตเรียบง่ายนั่งรออยู่แล้ว“ท่านทั้งสองดูแข็งแกร่งและสงบขึ้นมาก” จางอู๋จีเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขายังคงคมกริบดุจเหยี่ยวเฒ่าเช่นเดิม “ดูเหมือนว่าสายลมแห่งแดนเหนือจะขัดเกลาหยกงามทั้งสองให

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 1 ราชโองการหวนคืน

    ปลายเดือนสี่ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองหนึ่งปีเต็มที่เปลวเพลิงแห่งสงคราม ณ ชายแดนภาคเหนือได้มอดดับลง สายลมวสันตฤดูที่พัดผ่านเมืองผิงหยวนในยามนี้มิได้หอบเอาฝุ่นควันและกลิ่นคาวเลือดมาด้วยอีกต่อไป หากแต่เป็นกลิ่นไอดินอันบริสุทธิ์และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ป่าที่เพิ่งจะแย้มบาน เมืองหน้าด่านที่เคยเป็นดั่งสุสานกลางแจ้ง บัดนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ประหนึ่งต้นไม้แห้งแล้งที่ได้รับสายฝนชโลมใจเสียงค้อนที่ตอกลงบนโครงสร้างบ้านเรือนหลังใหม่ดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างมีชีวิตชีวา แทนที่เสียงดาบที่เคยกระทบกันอย่างน่าสะพรึงกลัว รอยยิ้มได้กลับคืนสู่ใบหน้าของชาวบ้านที่เคยซูบตอบด้วยความสิ้นหวัง แม้ร่องรอยความเหนื่อยล้าจะยังคงอยู่ แต่ในแววตาของพวกเขากลับเปี่ยมด้วยประกายแสงแห่งความหวังณ ใจกลางของความเปลี่ยนแปลงนี้ คือเรือนพักชั่วคราวของสองวีรชนผู้พลิกชะตาแผ่นดินตู้เยี่ยนอวี่ในอาภรณ์ผ้าฝ้ายสีขาวเรียบง่าย กำลังเดินตรวจดูแปลงสมุนไพรในสวนโอสถร้อยสกุลที่นางริเริ่มขึ้นด้วยตนเอง มันมิใช่สวนบุปผาที่งดงามเพื่อการชื่นชม แต่คือคลังยาที่มีชีวิตซึ่งนางจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นรากฐานของระบบสาธารณสุขชุมชน นางกำลังสอนกลุ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๔๗ วสันต์คืนสู่แดนเหนือ

    บนสมรภูมิทะเลสาบกระจกที่บัดนี้เงียบสงัดลงแล้ว มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านผืนเกลือสีขาวและเสียงครวญครางของผู้บาดเจ็บ คำประกาศยอมแพ้ของจ้าวอู๋จี้ดังก้องอยู่ในความเงียบนั้น ประหนึ่งคำพิพากษาสุดท้ายที่ปิดฉากสงครามอันนองเลือดแห่งแดนเหนือลงโดยสมบูรณ์เขามิได้มีท่าทีของนักโทษผู้สิ้นหวัง แต่กลับเป็นความสงบนิ่งของนักปราชญ์ผู้ยอมรับในผลลัพธ์ของกระดานหมากที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จ้าวอู๋จี้เดินลงจากเนินดินอย่างเชื่องช้า เขาปลดดาบประจำกายที่อยู่ข้างเอวออก และยื่นมันให้แก่กู้เหยียนหลงด้วยสองมือ“นี่คือสัญลักษณ์แห่งการยอมจำนนของข้า” เขากล่าวเสียงเรียบ “และคือการยอมรับในชัยชนะของท่าน”กู้เหยียนหลงรับดาบเล่มนั้นมาถือไว้ เขามิได้แสดงท่าทีของผู้ชนะที่ลำพองใจ แต่กลับประสานมือคารวะคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย“ท่านคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยพบพาน” กู้เหยียนหลงกล่าว “การพิพากษาท่านมิใช่หน้าที่ของข้า แต่เป็นหน้าที่ของราชสำนักและประวัติศาสตร์”เขาออกคำสั่งให้นำตัวจ้าวอู๋จี้และเหล่าแม่ทัพนายกอ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status