แชร์

๑๒๒ เงาอสรพิษในเมือง

ผู้เขียน: ต้นไม้แห้ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-17 18:00:11

หลายวันต่อมา ในช่วงปลายเดือนหก

ในขณะที่ตู้เยี่ยนอวี่ และหน่วยแพทย์สนามกำลังเปิดสมรภูมิไร้เสียงดาบต่อสู้กับอสูรโรคระบาดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั้น กู้เหยียนหลงเองก็มิได้นิ่งนอนใจ เขารู้ดีว่าเมืองผิงหยวนในยามนี้เปรียบประหนึ่งใยแมงมุมที่ถูกถักทอขึ้นอย่างเป็นระเบียบด้วยอำนาจของเขา ทว่าเขาก็สัมผัสได้ว่า กลับมีอสรพิษร้ายบางตัวกำลังเลื้อยวนอยู่บนเส้นใยนั้นโดยที่ไม่มีผู้ใดเห็น

ความสำเร็จในการควบคุมโรคระบาดของตู้เยี่ยนอวี่นั้นรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ รวดเร็วจนน่าผิดสังเกต

“โรคระบาดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรงถึงเพียงนี้ มันมิใช่เรื่องบังเอิญ” กู้เหยียนหลงกล่าวกับเงาจิ้งจอกยอดฝีมือสายข่าวของสำนักพันเงาที่เขาเรียกตัวมาพบเป็นการส่วนตัว

“ข้าเชื่อว่านี่คือหมากตาแรกของศัตรู เพื่อสร้างความโกลาหลจากภายใน บ่อนทำลายขวัญกำลังใจของเราก่อนที่การรบที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น”

“ท่านแม่ทัพใหญ่คาดการณ์ได้แม่นยำยิ่งนัก” เงาจิ้งจอกโค้งคำนับ “สายของเราที่แฝงตัวอยู่ในหมู่พ่อค้าได้รายงานถึงความเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยขอรับ ช่วงหลา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๒๕ ราตรีเบื้องหน้าศึก

    ยามโหย่วแห่งเดือนเจ็ด เมื่อเงาตะวันเริ่มทอดตัวยาวภายในห้องโถงยุทธศาสตร์กลางป้อมปราการด่านประตูหยก บรรยากาศบัดนี้มิได้มีความสิ้นหวังหลงเหลืออยู่อีกต่อไป มันถูกแทนที่ด้วยไอสังหาร และความตึงเครียดของการวางแผนรบขั้นสูงสุด เหล่าแม่ทัพนายกองทั้งจากทัพหลวงและทัพประจำด่าน ยืนล้อมโต๊ะทรายขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและตั้งใจณ หัวโต๊ะนั้นกู้เหยียนหลงยืนสงบนิ่ง ในมือของเขาคือม้วนหนังแพะที่ยึดมาได้จากคลังลับของหลิวเจิ้ง แผนการรบของแคว้นเวย“นี่คือแผนการรบของศัตรู”คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขา ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทั่วทั้งห้องโถง เหล่านายกองต่างเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ การล่วงรู้แผนการของศัตรูก่อนการรบ นี่คือความได้เปรียบที่สวรรค์ประทานให้โดยแท้“ตามแผนการนี้” กู้เหยียนหลงกล่าวต่อพลางชี้ไปยังโต๊ะทราย “จ้าวอู๋จี้ แม่ทัพพยัคฆ์เงาแห่งเวย วางแผนจะใช้กลยุทธ์อสรพิษล้อมภูผาในอีกสามวันข้างหน้า เขาจะนำทัพหลักเข้าโจมตีประตูหน้าอย่างหนักหน่วง เพื่อลวงให้เราทุ่มกำลังทั้งหมดมาป้องกันที่นี่”

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๒๔ พยัคฆ์ถึงถ้ำ

    ยามบ่ายของต้นเดือนเจ็ด แสงตะวันแผดจ้าไร้ความปรานีเสียงแตรศึกดังกังวานก้องไปทั่วหุบเขา...ประตูเหล็กนิลบานใหญ่ของด่านประตูหยก ค่อย ๆ เคลื่อนเปิดออกช้า ๆ พร้อมกับเสียงครวญครางของโลหะที่เสียดสีกันราวกับเสียงถอนหายใจของมังกรชราที่หลับใหลมานานนับร้อยปีกู้เหยียนหลงในชุดเกราะมังกรคำรณเต็มยศ ควบม้าศึกสีนิลนำกองทัพใหม่แห่งต้าเฉินเข้าสู่ป้อมปราการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งชายแดนภาคเหนืออย่างองอาจทว่า ภาพที่ปรากฏอยู่ภายในนั้นกลับแตกต่างจากความยิ่งใหญ่ภายนอกโดยสิ้นเชิงกองทหารรักษาการณ์ประจำด่านที่ยืนเรียงแถวต้อนรับนั้นมีจำนวนน้อยนิด และดูไร้ระเบียบวินัย ชุดเกราะของพวกเขาเก่าคร่ำคร่า และเต็มไปด้วยร่องรอยการใช้งานที่ขาดการดูแลรักษา ใบหน้าของแต่ละคนซูบตอบ และแฝงไว้ด้วยแววตาที่เหนื่อยล้าและสิ้นหวัง เมื่อเปรียบเทียบกับกองทัพของกู้เหยียนหลงที่อยู่ในชุดเกราะใหม่เอี่ยมและยืนเรียงแถวอย่างแข็งขันดุจกำแพงเหล็กแล้ว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินบุรุษชราผู้หนึ่งในชุดเกราะแม่ทัพที่เก่าและซีดจาง ก้าวออกมาต้อนรับอย่างเชื่องช้า เขาคือแม่ทัพไป๋ ผู้บัญชาการด่านประตูห

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๒๓ สู่ประตูหยก

    ต้นเดือนเจ็ด รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบเอ็ด ย่างเข้าสู่ช่วงที่ร้อนระอุที่สุดของปีกองทัพต้าเฉินได้อำลาเมืองผิงหยวนที่กลับคืนสู่ความสงบไว้เบื้องหลัง บัดนี้เบื้องหน้าของพวกเขาคือสมรภูมิที่แท้จริง และคือเส้นทางที่โหดร้ายที่สุดในแดนเหนือ ชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือต่างออกมาส่งกองทัพด้วยน้ำตาแห่งความอาลัยและคำอวยพรที่จริงใจ พวกเขามิได้มอบเพียงเสบียง แต่ยังมอบความหวัง และความเชื่อมั่นทั้งหมดให้แก่กองทัพมังกรเหล็กกองนี้เมื่อทัพหลวงเคลื่อนพลลึกเข้าไปในดินแดนภาคเหนือมากขึ้นเรื่อย ๆ แผ่นดินก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงความเกรี้ยวกราดและไร้ปรานีของมันที่ราบสูงอันอุดมสมบูรณ์ได้หายไป ถูกแทนที่ด้วยทุ่งหินโลหิตที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งเต็มไปด้วยหินแหลมคมสีแดงราวกับเลือดแห้งกรัง การเดินทางในแต่ละย่างก้าวต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังสูงสุด ทหารหลายนายพลาดพลั้งข้อเท้าพลิกหรือถูกหินบาดจนเป็นแผล“นี่มันเส้นทางอันใดกัน!” นายกองผู้หนึ่งสบถออกมาอย่างหัวเสีย “เดินทัพในที่เช่นนี้ สิบวันก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินทัพหนึ่งเดือน!”“อดทนไว้!” กู้เหยีย

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๒๒ เงาอสรพิษในเมือง

    หลายวันต่อมา ในช่วงปลายเดือนหกในขณะที่ตู้เยี่ยนอวี่ และหน่วยแพทย์สนามกำลังเปิดสมรภูมิไร้เสียงดาบต่อสู้กับอสูรโรคระบาดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั้น กู้เหยียนหลงเองก็มิได้นิ่งนอนใจ เขารู้ดีว่าเมืองผิงหยวนในยามนี้เปรียบประหนึ่งใยแมงมุมที่ถูกถักทอขึ้นอย่างเป็นระเบียบด้วยอำนาจของเขา ทว่าเขาก็สัมผัสได้ว่า กลับมีอสรพิษร้ายบางตัวกำลังเลื้อยวนอยู่บนเส้นใยนั้นโดยที่ไม่มีผู้ใดเห็นความสำเร็จในการควบคุมโรคระบาดของตู้เยี่ยนอวี่นั้นรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ รวดเร็วจนน่าผิดสังเกต“โรคระบาดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรงถึงเพียงนี้ มันมิใช่เรื่องบังเอิญ” กู้เหยียนหลงกล่าวกับเงาจิ้งจอกยอดฝีมือสายข่าวของสำนักพันเงาที่เขาเรียกตัวมาพบเป็นการส่วนตัว“ข้าเชื่อว่านี่คือหมากตาแรกของศัตรู เพื่อสร้างความโกลาหลจากภายใน บ่อนทำลายขวัญกำลังใจของเราก่อนที่การรบที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น”“ท่านแม่ทัพใหญ่คาดการณ์ได้แม่นยำยิ่งนัก” เงาจิ้งจอกโค้งคำนับ “สายของเราที่แฝงตัวอยู่ในหมู่พ่อค้าได้รายงานถึงความเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยขอรับ ช่วงหลา

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๒๑ สมรภูมิไร้เสียงดาบ

    ปลายเดือนหก ยามบ่ายคล้อยทว่าความร้อนระอุกลับมิได้ลดน้อยลง มันแผดเผาผืนดิน และซ้ำเติมความทุกข์ระทมของผู้คนในเมืองผิงหยวนทันทีที่ตู้เยี่ยนอวี่วินิจฉัยโรคร้ายที่มองไม่เห็นนั้นได้ นางก็มิรอช้าแม้แต่วินาทีเดียว นางรีบรุดไปยังจวนเจ้าเมืองที่บัดนี้กลายเป็นกองบัญชาการชั่วคราวของกู้เหยียนหลงทันทีนางเดินฝ่าเหล่าทหาร และนายกองเข้าไปโดยมิได้สนใจพิธีรีตองใด ๆ ใบหน้าของนางที่เคยสงบนิ่งบัดนี้เคร่งขรึมและฉายแววเร่งด่วนอย่างถึงที่สุด“ท่านแม่ทัพ!” นางเอ่ยขึ้นทันทีที่พบกู้เหยียนหลงซึ่งกำลังหารือแผนที่อยู่กับนายกอง “เรามีศึกที่ใหญ่กว่ากองทัพเวยอยู่ตรงหน้า! มันคือโรคระบาด! อหิวาตกโรค!”คำว่าโรคระบาดนั้นมีน้ำหนักยิ่งกว่าค้อนพันชั่ง มันทำให้ทุกคนในห้องบัญชาการพลันเงียบกริบและหน้าซีดเผือด“มันคืออสูรในน้ำ” นางอธิบายอย่างรวดเร็วและชัดเจน “มันแพร่กระจายผ่านแหล่งน้ำที่สกปรก และสามารถคร่าชีวิตคนได้ในเวลาไม่ถึงวัน! หากเราไม่ควบคุมมันตอนนี้ มันจะลุกลามเข้าสู่กองทัพของเรา และเมืองผิงหยวนจะกลายเป็นสุสานขนาดมหึมา!”“เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด” กู้เหยียนหลงถามกลับท

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๒๐ เมืองหน้าด่านที่อ่อนแอ

    ปลายเดือนหก เปลวแดดแห่งคิมหันตฤดูโหดร้ายและไร้ปรานีที่สุดหลังจากเดินทางฝ่าดินแดนรกร้างมานานหลายสัปดาห์ ในที่สุดกำแพงเมืองสูงตระหง่านของเมืองผิงหยวนก็ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า มันคือเมืองหน้าด่านที่ใหญ่ที่สุดและเป็นปราการสุดท้ายก่อนจะถึงแนวรบที่แท้จริง ภาพของกำแพงที่แข็งแกร่งควรจะนำมาซึ่งความหวัง แต่ยิ่งกองทัพเข้าใกล้มากเท่าใด กลิ่นอายแห่งความสิ้นหวังก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้นเบื้องหน้าประตูเมืองคือค่ายผู้อพยพขนาดมหึมาที่แออัดยัดเยียดจนแทบไม่มีทางเดิน ผู้คนในสภาพอิดโรยนอนระเกะระกะอยู่ตามพื้นดิน เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยและเสียงครวญครางของผู้เจ็บป่วยดังระงมไปทั่ว บรรยากาศหนักอึ้งและอบอวลไปด้วยกลิ่นของความสกปรกและความตายทหารรักษาการณ์ที่ประตูเมืองมีท่าทีที่หยาบกระด้างและเหนื่อยหน่าย พวกเขาพยายามขับไล่เหล่าผู้อพยพที่พยายามจะเข้ามาในเมืองอย่างไม่ปรานี“ไปให้พ้น! ในเมืองไม่มีที่ว่างสำหรับพวกเจ้าแล้ว!”“เมื่อกองทัพหลวงมาถึง พวกเขาจะไปตั้งค่ายที่ใด!?” กู้เหยียนหลงถามนายกองของตนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเมื่อขบวนทัพหน้ามาถึง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status