Beranda / รักโบราณ / วาสนาดอกเหมยงาม / บทที่ 6 ยื่นมือเข้าช่วย

Share

บทที่ 6 ยื่นมือเข้าช่วย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-14 12:58:05

เซวียหงเย่ไม่เอ่ยถามอันใด เขาปรายตามองของบางอย่างในมือของนางคราหนึ่ง ไป๋เหม่ยเหมยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็คิดจะเอาสิ่งของในมือมาซ่อนไว้ด้านหลังตน แต่คนตรงหน้ากลับรวดเร็วกว่านางมาก เขายื่นมือมาดึงของสิ่งนั้นไปจากมือนางและเปิดออกดูจึงพบว่ามันคือชะเอมนั่นเอง ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะผิวปากทำเสียงคล้ายนก ไม่นานก็มีองค์รักษ์ชุดดำออกมาจากที่ซ่อน ชายหนุ่มยื่นห่อใส่ชะเอมที่แย่งไปจากนางให้กับองค์รักษ์ พลางเอ่ยกำชับเสียงขรึม

"นำไปมอบให้คนของเราที่แฝงตัวอยู่ในโรงครัว บอกพวกนางว่าให้เอาสิ่งนี้ใส่หม้อต้มอาหารทุกหม้อ ระวังด้วยเล่า อย่าให้ถูกผู้ใดจับได้"

องค์รักษ์พยักหน้ารับ ก่อนจะรีบไปทำตามคำสั่ง ไป๋เหม่ยเหมยเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางมองชายหนุ่มตรงด้วยความสงสัย เมื่อตั้งสติได้จึงพบว่าตอนนี้เขากำลังโอบรัดเอวบางของนางไว้ นางคิดจะผลักเขาออก แต่เซวียหงเย่กลับยิ่งกอดรัดนางแน่นขึ้น อีกทั้งยังทำหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มอีกด้วย

"ชาติที่แล้วเจ้าเคยโง่ครั้งหนึ่ง ไม่คิดว่าชาตินี้สมองจะยังคงมีปัญหา เดินเข้าไปอย่างโจ่งแจ้งเช่นนั้น หากเกิดเรื่องกับเจินหลิง เจ้าคิดว่าตนเองยังจะเหลือทางรอดได้อีกหรือ หากมี
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terbaru

  • วาสนาดอกเหมยงาม   ตอนจบ

    เช้าวันต่อมาไป๋เหม่ยเหมยก็ให้คนส่งจดหมายไปที่จวนกั๋วกง บอกว่าต้องการนัดพบกับเซวียหงเย่ที่โรงน้ำชาหงลู่ แต่ทว่ากลับไม่มีจดหมายตอบกลับ อีกทั้งคนยังหายหน้าหายตาไม่ยอมมาพบนางอีกด้วยเมื่อเอ่ยถึงโรงน้ำชาหงลู่แล้วก็พบว่ายามนี้ตลาดมืดถูกทางการทลายไปแล้ว เพราะมีการนัดพบและขายสินค้าผิดกฎหมาย จินฮ่องเต้จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น เจ้าของโรงน้ำชาคือขุนนางผู้หนึ่งที่เป็นสหายกับอดีตรองแม่ทัพจวง เขาถูกจับ กิจการโรงน้ำชาถูกขายทอดตลาดมีคหบดีผู้หนึ่งมาซื้อและเปิดกิจการอย่างถูกกฎหมายต่อไป๋เหม่ยเหมยร้อนใจยิ่งนัก นางนึกด่าทอตนเองในใจที่คืนนั้นไม่ตอบรับคำขอของเขาโดยเร็ว จะมัวคิดหาคำตอบใดให้มากความกันนะ!นางรู้ใจตนเองช้าไป กว่าจะรู้ว่านางหลงรักเขา ก็ทำให้คนโมโหหนีหายไปไม่มาพบหน้าเสียแล้วไป๋เหม่ยเหมยจูงเจ้าลูกหมีน้อยมาเดินเล่นในตลาดเพื่อแก้เบื่อ นางต้องการมาเดินเล่นเพื่อผ่อนหลาย จึงชวนจินหยวนเหนียงมาด้วย ส่วนหลินจื่อหยานั้นได้ยินว่าปวดหัวจึงไม่ได้มาเดินเล่นกับพวกนางนางนำเรื่องที่เกิดขึ้นเล่าให้จินหยวนเหนียงฟัง จินหยวนเหนียงฟังจบจึงเอ่ยกับนางทันที"ข้าควรสมหน้าเจ้าดีหรือไม่ คนเขาขอแต่งงานเจ้าก็ควรตอบรั

  • วาสนาดอกเหมยงาม   บทที่ 15 ปักปิ่น

    เรื่องราวเลวร้ายผ่านไปราวกับสายลมพัด ไม่นานทุกคนต่างลืมเรื่องเหล่านี้ไป ตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้นสุขภาพของจินฮ่องเต้ก็ไม่ใคร่จะสู้ดีเท่าใดนัก เพราะเกรงว่าตนอาจจะจากไปก่อนจะได้ทำเรื่องสำคัญให้แล้วเสร็จ จึงทรงออกพระราชโองการแต่งตั้งจินเฉวียนขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ที่ผ่านมาจินเฉวียนก็ได้พิสูจน์แล้วว่าตนเองนั้นเหมาะสมคู่ควรกับตำแหน่งนี้วันที่ทำพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาท เซวียหงเย่ก็มาร่วมงานด้วย เขามองญาติผู้น้้องตนคราหนึ่ง ดวงตาของชายหนุ่มเอ่อคลอ ตอนนี้ทุกคนในตระกูลเซวียยังอยู่ดีมีสุข ช่างนับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่ง"ญาติผู้พี่ ท่านดูสิ ข้าได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว เป็นเช่นไร ชุดที่ข้าสวมใส่หรูหราหรือไม่"จินเฉวียนยามนี้มีอายุเพียงสิบแปดปี ยังคงมีนิสัยของเด็กน้อยร่าเริงอยู่ เซวียหงเย่ยื่นมือไปจับไหล่น้องชายก่อนจะเอ่ย"เฉวียนเอ๋อร์ ต่อไปเจ้าต้องปกครองไพร่ฟ้าให้อยู่ร่มเย็น อย่าโลภมาก อย่าให้อำนาจบังตาจนเดินไปสู่ทิศทางที่ไม่ดี และต้องดูแลเสด็จป้าให้ดี เลือกสตรีที่ดีมาเป็นคู่ชีวิต ส่วนข้าจะสนับสนุนเจ้าตลอดไป เจ้าต้องมีชีิวิตต่อไปให้ดีรู้หรือไม่"อยู่ๆจินเฉวียนก็ดวงตาแดงก่ำขึ้นมา ทุกคำที่ญาติผู้พ

  • วาสนาดอกเหมยงาม   บทที่ 14 จินฟานเสียสติ

    ผ่านไปร่วมหลายวัน ในที่สุดฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้เหล่าขุนนางเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ตนจัดขึ้น จินฮ่องเต้ชมชอบความสำราญที่ผ่านมาจึงมีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงอยู่หลายคราจวนตระกูลไป๋ก็มาร่วมงานเลี่ยงเช่นเดียวกัน เพราะเป็นงานที่เกี่ยวพันกับเชื้อพระวงศ์ ไป๋เหม่ยเหมยจึงต้องแต่งกายให้ประณีตเสียหน่อยสองวันก่อนจินหยวนเหนียงส่งจดหมายมาบอกนางว่า ได้สั่งให้นางกำนัลจัดที่นั่งให้พวกนางสามคนนั่งใกล้กันแล้ว ไป๋เหม่ยเหมยยิ้มออกมาคราหนึ่ง พลางถอนหายใจ ชาตินี้ศัตรูได้กลับกลายมาเป็นมิตร และศัตรูที่มีใจคิดชั่วก็เริ่มทะยอยตายจากไปทีละคนแล้วไม่นานก็มาถึงพระราชวังฤดูร้อน ไป๋เหม่ยเหมยเดินเข้าไปพร้อมครอบครัวของตน เมื่อเข้ามาถึงบิดาและพี่ชายก็แยกไปพบปะสหายของตน มารดานางก็ไปพบปะกับเหล่าฮูหยินจากจวนอื่นๆ ส่วนตัวนางนั้นถูกจินหยวนเหนียงและหลินจื่อหยาพาไปนั่งยังที่ๆถูกจัดเตรียมเอาไว้ เหล่าสตรีน้อยต่างมองไป๋เหม่ยเหมยด้วยแววตาริษยา แต่ไหนแต่ไรมีสตรีน้อยหลายคนที่อยากผูกมิตรกับจวิ้นจู่ แต่ทว่านางกลับหยิ่งยโสโอหังเพราะเห็นว่าตนเป็นเชื้อพระวงศ์ ไม่คิดจะสนิทสนมกับใครง่ายๆ แต่ยามนี้กลับสนิทกับไป๋เหม่ยเหมยและหลินจื่อหยา ช่างน่าโ

  • วาสนาดอกเหมยงาม   บทที่ 13 หาทางเข้าใกล้

    เช้าวันต่อมาตระกูลเจินก็วุ่นวายไม่น้อยเลย เนื่องจากอยู่ๆเจินหลิงก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มารดาของนางไปแจ้งทางการแต่กลับไม่พบตัวบุตรสาว ด้านจินฟานเองก็ทำราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้นชายหนุ่มนั่งจิบชาอยู่ในจวนองค์ชายรอง สภาพจิตใจช่วงนี้ค่อนข้างไม่สู้ดีเท่าใดนัก เขารู้สึกว่าหลายอย่างที่ตนต้องการจะทำคล้ายไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ราวกับว่ามีมือของใครบางคนยื่นเข้ามาคอยขัดขวางเขาอยู่ตลอดเวลาเขาและเจินหลิงเคยมีใจรักใคร่ต่อกันนั้นล้วนเป็นเรื่องจริง แต่การที่เขาเข้าหานางก็ล้วนมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง บิดาของนางมีอำนาจในราชสำนัก อีกทั้งยังรู้จักและสนิทสนมกับขุนนางฝ่ายบุ๋นมากหน้าหลายตา หากเขาแต่งกับนางแน่นอนว่าเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นย่อมสนับสนุนเขา แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน บิดานางมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เมื่อบิดาของนางมาตายจากไป เช่นนี้แล้วจวนตระกูลเจินย่อมล้มลง นางก็ไม่มีประโยชน์อันใดต่อเขาอีกเดิมทีเขาไม่คิดจะทอดทิ้งนางให้ลำบาก แต่ผู้ใดจะรู้ว่านางจะกล่าววาจาข่มขวัญเขา แต่เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย นางก็เป็นเพียงสตรีบอบบางนางหนึ่ง แม้แต่แรงเชือดไก่ยังไม่มีแล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาต่อสู้กับเขาเพราะโทสะท

  • วาสนาดอกเหมยงาม   บทที่ 12 สังหารกันเอง

    เมื่อเสนาบดีเจินสิ้นชีพ คนตระกูลเจินก็เหมือนกับแพแตกไร้ซึ่งที่พึ่งพิง ผู้คนที่เคยเข้าหาเพื่อผลประโยชน์ล้วนมองสองแม่ลูกด้วยสายตาเวทนา แต่กลับไม่มีใครสักคนที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ไป๋เหม่ยเหมยที่ได้ทราบเรื่องนี้กลับไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางคิดเพียงว่ามันคือเวรกรรมที่เจินหลิงและคนตระกูลเจินล้วนต้องพบเจอชาติก่อนตระกูลไป๋บ้านแตกสาแหรกขาด คนตระกูลเจินล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องเสนาบดีเจินภายนอกดูเหมือนจะเป็นขุนนางที่เที่ยงตรงไม่สนใจฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ว่าแท้จริงแล้วกลับลอบสนับสนุนองค์ชายรองอย่างลับๆ เสนาบดีเจินนั้นเป็นสหายสนิทกับรองแม่ทัพจวง ชาติก่อนนั้นคนทั้งสองต่างได้ผลประโยชน์ร่วมกันเสพสุขด้วยกัน แต่ชาตินี้เสนาบดีเจินกลับตกตายไปเสียก่อน และอีกไม่นานจินฟานและคนตระกูลจวงก็จะเป็นรายต่อไป!อยู่ๆไป๋เหม่ยเหมยก็นึกถึงคำพูดของเซวียหงเย่ขึ้นมาได้ เขาบอกนางว่าอีกสามวันจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นกับตระกูลเจินแต่นี่ยังไม่ถึงสามวันเลยกลับพบว่าจวนตระกูลเจินเกิดเรื่องขึ้นเสียแล้วนับตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้นนางก็ไม่ได้พบกับเซวียหงเย่อีก มีเพียงองค์รักษ์ของเขาที่ลอบนำยามาให้นางกลางดึก บอกว่าเป็นยาทาที่ดียิ่ง ให้ทาบริเว

  • วาสนาดอกเหมยงาม   บทที่ 11 ไฟไหม้จวน

    ปริศนาที่เซวียหงเย่ทิ้งเอาไว้นั้นทำให้ไป๋เหม่ยเหมยเกิดความสงสัยจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ยามเช้าตอนตื่นนอนขึ้นมา ขอบตาของนางจึงคอนข้างดำคล้ำไม่น้อยเลย อาจูที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอาไข่ต้มมาให้เจ้านายอังใต้ขอบตา ไป๋เหม่ยเหมยลอบก่นด่าเซวียหงเย่ในใจ เพราะเขาแท้ๆ ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของนางกำเริบจนนอนไม่หลับหญิงสาวจัดการประทินโฉมให้หนาหน่อยเพื่อปกปิดรอยคล้ำใต้ดวงตา ก่อนจะเดินไปที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเมื่อหลายวันก่อนนางหมักสุราเอาไว้หนึ่งไห มันเป็นสุราสูตรหนึ่งที่นางไปขอซื้อมาจากร้านสุรา นางต้องจ่ายเงินมหาศาลเพื่อขอซื้อสูตรจากเขา และบอกว่าอยากเอาไปหมักให้ท่านแม่ได้ลองดื่ม ไม่คิดจะเอาไปเปิดขายเพื่อแข่งกับเขา ท่านลุงเจ้าของร้านสุราจึงยอมขายให้นาง สุรานี้หมักเพียงเจ็ดวันก็สามารถดื่มได้แล้ว ไป๋เหม่ยเหมยให้อาจูขุดมันขึ้นมาก่อนจะที่นางจะนำสุราไหนั้นไปที่เรือนใหญ่ยามเช้าวันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อร่วมกินมื้อเช้าด้วยกัน เมื่อเห็นว่าบุตรสาวอุ้มไหสุรามาด้วยฮูหยินใหญ่ก็อารมณ์ดียิ่ง นางกอดไหสุราเอาไว้แน่น บอกว่าจะเก็บไว้กินเอง แม้กระทั่งสามีก็ไม่คิดจะแบ่งแม่ทัพใหญ่ไป๋รักใคร่ภรรยายิ่ง เขาบอกนางว่า

  • วาสนาดอกเหมยงาม   บทที่ 10 กินปลาเยอะๆ

    เมื่อสถาณการณ์คลี่คลายแล้ว ไป๋เหม่ยเหมยและสหายของนางจึงแยกย้ายกันกลับจวนของตน เซวียหงเย่บอกว่ามีเรื่องอยากจะสนทนากับนางเสียหน่อย คืนนี้เขาอยากจะไปพบนางที่เรือนนอนของนาง ไม่รอให้หญิงสาวได้มีโอกาศปฏิเสธก็จากไปทันที ไป๋เหม่ยเหมยกระทืบเท้าเร่าๆ คนผู้นี้คิดจะปีนห้องนอนของนางอีกแล้ว!ยามดึกคืนนั้นเขาก็มาหานางจริงๆ อีกทั้งยังนำตะเกียบติดมือมาด้วย!ไป๋เหม่ยเหมยมองเซวียหงเย่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกทั้งยังถือตะเกียบเอาไว้ในมือ ก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก"คุณหนูไป๋ ข้าสู้อุตส่าห์นำตะเกียบคู่ใหม่มา เจ้ากลับไม่เตรียมอาหารเอาไว้ต้อนรับ ช่างไม่มีน้ำใจเอาเสียเลย"ไป๋เหม่ยเหมยกลอกตาไปมา ก่อนจะเอ่ย"จวนท่านเป็นถึงจวนกั๋วกง คงไม่ขาดแคลนเรื่องอาหารการกินกระมัง""แต่กินกับเจ้า ย่อมอร่อยกว่า"ไป๋เหม่ยเหมยหมดวาจาจะเอ่ย นางอับจนหนทางจึงบอกให้อาจูไปทำอาหารมาสักสองสามอย่าง อาจูที่นำอาหารเข้ามาเมื่อเห็นว่าเซวียหงเย่อยู่ในห้องนอนของเจ้านายตนก็ตื่นตระหนกยิ่งนัก ไป๋เหม่ยเหมยบอกว่าให้อาจูออกไปเฝ้าหน้าห้องและห้ามเข้ามา อาจูพยักหน้าและรีบออกไปทันทีเซวียหงเย่กินอาหารจนอิ่ม ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ไป๋เหม่ยเหมย"เรื่องที่เกิดขึ้นวัน

  • วาสนาดอกเหมยงาม   บทที่ 9 แผนเจ้าเล่ห์

    ปลายฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวขึ้นบ้างเล็กน้อย ระยะนี้เหล่าชนชั้นสูงในเมืองหลวงที่ค่อนข้างมีฐานะล้วนซื้อน้ำแข็งกักตุนเอาไว้ เพราะเมื่อถึงช่วงกลางฤดูร้อนเมื่อใด ราคาน้ำแข็งจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว การซื้อมาเก็บเอาไว้ก่อนย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและไม่ต้องจ่ายเงินซื้อในราคาที่สูงเกินความจำเป็นไป๋เหม่ยเหมยอยู่แต่ในจวนรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก นางจึงเขียนจดหมายให้คนนำไปมอบให้หลินจื่อหยา บอกว่าให้นัดพบกันที่ภัตตาคารจินเซียนเพื่อไปชิมอาหารรสเลิศด้วยกัน หลินจื่อหยาเมื่อได้รับจดหมายแล้วจึงรีบเขียนตอบกลับ และนัดวันทันที ไป๋เหม่ยเหมยยิ้มตาหยี นางกับหลินจินหย่าไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นด้้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วเวลาล่วงผ่านไปจนถึงวันนัดหมาย ไป๋เหม่ยเหมยและหลินจื่อหยาก็ไปพบกันที่ภัตตาคารจินเซียนตามนัด เมื่อมาถึงผู้ใดจะคาดคิดว่าจะได้พบกับจินหยวนเหนียงเข้าตั้งแต่จินหยวนเหนียงสารภาพว่านางเป็นรักแรกในครานั้น ไป๋เหม่ยเหมยก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก นางไม่รู้ว่าจะเอ่ยเช่นไรดี เรื่องราวเปลี่ยนไปรวดเร็วจนคนตั้งรับไม่ทัน จากคนที่เคยเกลียดชังกันในชาติก่อน ทว่าชาตินี้กลับมีใจรักต่อกัน มันจะกระอักกระอ่วนเกินไปแล้ว

  • วาสนาดอกเหมยงาม   บทที่ 8 ร่วมโต๊ะ

    "ช่างเป็นตะเกียบที่ดียิ่ง"เซวียหงเย่เอ่ยอย่างอารมณ์ดี พลางเดินมาทิ้งกายลงนั่งตรงข้ามไป๋เหม่ยเหมย โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องจะทุบตีเขาเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มกวาดตามองอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน"ดีมาก กินปลาเยอะๆ สมองที่ทึมทื่อของเจ้าจะได้ใช้งานได้ดี"ไป๋เหม่ยเหมยลอบกัดฟัน ก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมา เขาด่านางโง่ออกมาตรงๆยังไม่เจ็บถึงเพียงนี้เลย นางจ้องเขาอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะเอ่ยถาม"ไคกั๋วกง ท่านลอบเข้าห้องหญิงสาวยามวิกาลเช่นนี้ เสด็จป้าที่เป็นฮองเฮาของท่านรู้หรือไม่"นางเอ่ยถามคล้ายต้องการยั่วโทสะเขา แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับไม่สะทกสะท้านอันใด"อาจจะรู้ หรือบางคราก็อาจจะไม่รู้ แล้วมันอย่างไรเล่า ตระกูลเซวียของข้ายิ่งใหญ่ออกปานนี้ ข้าปีนเข้าห้องใครแล้ว มันจะทำไมหรือ?""หน้าหนา!""เป็นคำชมที่ดี ข้าชอบมาก"ไป๋เหม่ยเหมยถึงกับหมดคำจะกล่าว นางไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาด่าเขาแล้ว เมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองอาหารบนโต๊ะของนางอย่างไม่ลดละ นางก็ยกยิ้มมุมปาก พลางทำท่าทีรู้สึกผิดเสียเต็มประดา"เห้อ ใจจริงข้าก็อยากจะชวนท่านกินข้าวด้วยกัน แต่จนใจที่มีตะเกียบเพียงคู่เดียว ท่านเองก็คงไม่คิดจะใช้มือหยิบ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status