ตอนที่
28 ความห่วงใยที่ไม่ถูกมองเห็น --- Part ของอคิณ --- เสียงปิดประตูรถของพราวตะวันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอคิณ เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน มองบ้านหลังใหญ่ที่บัดนี้เงียบสงัดและอ้างว้างลงไปถนัดตา กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเธอยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศแต่เจ้าของกลิ่นได้จากไปแล้ว เขาเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงขึ้นไปยังห้องนอน ภาพโซฟาที่ว่างเปล่าตอกย้ำความจริงที่ว่าเขาถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังอีกครั้ง อคิณทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงกว้าง ความเหนื่อยล้าจากการทำงานเทียบไม่ได้เลยกับความเหนื่อยล้าในหัวใจของเขาในตอนนี้ ‘ผมทำอะไรผิด...หรือการที่ผมเปิดใจให้คุณเร็วเกินไป...’ เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทุกอย่างถึงพังทลายลงได้ง่ายดายขนาดนี้ เพียงแค่การปรากฏตัวของผู้หญิงคนเดียวที่เขาพยายามจะลบออกจากชีวิตมาตลอด วันต่อมาที่โรงพยาบาล อคิณจมตัวเองอยู่กับงานอย่างหนัก เขาประชุม สั่งงาน และตรวจคนไข้ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยและน่าเกรงขามกว่าเดิม จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ชวินมองปราดเดียวก็รู้ว่าเพื่อนรักของเขากำลังแตกสลายจากข้างใน “มึงโอเคนะไอ้คินน์” ชวินเอ่ยถามขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องทำงาน อคิณถอนหายใจยาว “กูไม่รู้ กูไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำยังไง” “แล้วมึงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้เหรอวะ” “แล้วมึงจะให้กูทำยังไง!” อคิณเผลอตะคอกออกมาเป็นครั้งแรก “บุกไปที่บ้านพ่อตาแล้วลากเมียกลับมางั้นเหรอ! ให้เขาเกลียดกูไปมากกว่านี้หรือไง!” ความเจ็บปวดและความอัดอั้นทั้งหมดถูกระบายออกมา ชวินตบบ่าเพื่อนเบาๆ อย่างเข้าใจ “ใจเย็นๆ กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” อคิณทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ยกมือกุมขมับอย่างคนหมดหนทาง เขารู้ว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้การบังคับมีแต่จะผลักเธอให้ออกไปไกลยิ่งกว่าเดิม แต่การจะให้นั่งรอเฉยๆเขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ในเมื่อเขาเข้าไปดูแลเธอใกล้ๆ ไม่ได้เขาก็จะขอเป็นคนดูแลเธอและคนที่เธอรักจากระยะไกลๆ ก็แล้วกัน อคิณหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเบอร์โทรหาหัวหน้าพยาบาลทันที “คุณสมศรีครับผมต้องการพยาบาลพิเศษที่ดีที่สุด ไปดูแลคุณสุริยะที่บ้านทุกวันใช่ครับแล้วก็ช่วยประสานงานเรื่องเตียงผู้ป่วยไฟฟ้าและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นทั้งหมดด้วย” เขาสั่งงานด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและกลับมาเป็นผู้บริหารคนเดิมอีกครั้ง “เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้มาลงบัญชีที่ผมโดยตรง.และไม่ต้องแจ้งให้ครอบครัวของท่านทราบเด็ดขาดว่าผมเป็นคนสั่งเข้าใจนะครับ” เขาวางสายลง แววตาที่เคยสับสนบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาอาจจะทลายกำแพงในใจของเธอตอนนี้ไม่ได้แต่เขาจะขอทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ที่คอยดูแลเธอและครอบครัวอยู่เบื้องหลังไม่ว่าเธอจะรู้หรือไม่ก็ตาม หลายวันที่ผ่านมานับตั้งแต่พราวตะวันย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านของพ่อแม่ เธอยอมรับว่าเธอรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างประหลาด การได้กลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ได้ทานอาหารฝีมือแม่ และได้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลพ่อ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นพราวตะวันคนเดิมอีกครั้ง คนที่ไม่ต้องคอยระแวง ไม่ต้องคอยสร้างกำแพงและไม่ต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่ซับซ้อนของตัวเอง ทุกๆ วันของเธอเริ่มต้นด้วยการเตรียมอาหารอ่อนๆ ให้พ่อ อ่านหนังสือพิมพ์ให้ท่านฟังในช่วงสาย และช่วยท่านทำกายภาพบำบัดเบาๆ ในช่วงบ่าย “พ่อรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยลูก ที่มีพราวอยู่ด้วย” คุณสุริยะเอ่ยขึ้นในวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังช่วยนวดแขนให้ท่าน รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านดูสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้นมาก “พราวก็ดีใจค่ะที่เห็นพ่อแข็งแรงขึ้น” เธอยิ้มตอบ ความสุขจากการได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีช่วยเติมเต็มหัวใจของเธอแต่ดูเหมือนมันจะเติมเต็มได้ไม่ทั้งหมด เพราะในยามค่ำคืนเมื่อเธอต้องอยู่กับตัวเองตามลำพังในห้องนอนเก่าที่แสนคุ้นเคย ความรู้สึกว้าเหว่กลับคืบคลานเข้ามาในหัวใจอย่างช้าๆ เธอนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงที่เคยนอนมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับรู้สึกว่ามันกว้างเกินไปอย่างน่าประหลาด หลายครั้งที่เธอเผลอขยับตัวไปด้านข้างตามความเคยชินเหมือนจะหาอ้อมกอดของใครบางคนก่อนจะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่า ‘บ้าจริงพราวตะวัน! แกจะไปคิดถึงเขาทำไม!’ เธอต่อว่าตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามข่มตานอน แต่ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของอคิณในวันที่เธอเดินจากมา ก็ยังคงตามมาหลอกหลอนอยู่ไม่ห่าง การหนีออกมาจากเขามันคือการหนีออกจากความสับสนก็จริง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะได้พกพาเอาความอ้างว้างกลับมาเป็นของแถมด้วย ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ห้องทำงานบนชั้นสูงสุดของโรงพยาบาลวรวิชญ์ แสงไฟจากตึกระฟ้าของกรุงเทพฯ สาดส่องเข้ามาในห้องที่มืดสลัวมีเพียงแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ฉายกระทบใบหน้าคมคายของอคิณ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ แต่ไม่ได้สนใจเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เนกไทถูกคลายออกอย่างลวกๆ แววตาของเขาดูเหนื่อยล้าและเหม่อลอย ความเงียบและความว่างเปล่าของบ้านได้ติดตามเขามาถึงที่ทำงาน ความหรูหราและความสำเร็จที่อยู่รอบกายดูไร้ความหมาย เมื่อคนที่เขาอยากจะแบ่งปันความสุขด้วยกลับไม่อยู่ข้างๆ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเบอร์โทรออกด้วยความตั้งใจแน่วแน่ ปลายสายคือคุณสมศรี หัวหน้าพยาบาลอาวุโสที่เขาไว้ใจที่สุด “คุณสมศรีครับ ผมขอรายงานอาการล่าสุดของคุณสุริยะ สุริยกานต์” เขาเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่จริงจัง หลังจากรับฟังรายงานอาการอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็สั่งการต่อทันที “โอเค...ผมต้องการให้จัดเตียงผู้ป่วยไฟฟ้าเกรดที่ดีที่สุดส่งไปที่บ้านท่านวันนี้เลยครับ” ปลายสายคงจะท้วงติงเรื่องขั้นตอนบางอย่าง เขาจึงพูดต่อ “ใช่ครับ และจัดพยาบาลกายภาพบำบัดที่เก่งที่สุดเข้าไปดูแลทุกสองวันด้วยเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้มาลงบัญชีที่ผมโดยตรง ไม่ต้องส่งบิลไปที่บ้านนั้นเด็ดขาด” เขาหยุดเว้นจังหวะ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่สำคัญที่สุดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “และที่สำคัญที่สุดอย่าบอกว่าผมเป็นคนสั่ง ให้แจ้งว่าเป็นแพ็คเกจดูแลพิเศษจากทางโรงพยาบาลสำหรับคนไข้ของคุณหมอธีระเข้าใจนะครับ” เมื่อวางสายลง อคิณก็เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เขาทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย นี่คือสิ่งเดียวที่เขาทำเพื่อเธอได้ในตอนนี้การดูแลคนที่เธอรักที่สุดให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ แม้ว่าเธอจะไม่รับรู้แม้ว่าเธอจะเข้าใจผิดแต่เขาก็จะขอทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ของเธออยู่เบื้องหลังในมุมที่เธออาจจะไม่มีวันมองเห็นตอนที่30เมื่อความจริงปรากฎเมื่อพราวตะวันมาถึงหน้าประตูบ้าน เธอก็พบว่าบ้านทั้งหลังเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟที่เปิดอยู่ เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกที่หดหู่เล็กน้อย เธอรู้สึกได้ถึงความอ้างว้างที่เข้าปกคลุมบ้านหลังนี้ มันไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้เลยว่าเขาจะกลับไปปาร์ตี้หรือสังสรรค์กับเพื่อนๆพราวตะวันเดินเข้าไปในห้องทำงานของอคิณ เธอเห็นคอมพิวเตอร์ของเขายังคงเปิดอยู่ แต่เขาไม่อยู่ในห้อง เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เจอเขาในตอนนี้ แต่ก็ตัดสินใจที่จะรอเขาอยู่ที่นี่ เธอเดินไปนั่งลงบนโซฟาแล้วรอเขากลับมาเวลาผ่านไปช้าๆ พราวตะวันนั่งอยู่บนโซฟาจนกระทั่งเธอเผลอหลับไปในที่สุดเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเช้าแล้ว เธอพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของอคิณ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ“คุณ… คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” พราวตะวันถามเสียงแผ่ว“ผมเพิ่งกลับมาเมื่อไม่นานมานี้เองครับ” อคิณตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน“ผมเห็นคุณหลับอยู่ที่โซฟา ผมก็เลยอุ้มคุณมานอนบนเตียงครับ”พราวตะวันเงียบไป เธอรู้สึกผิดที่เธอหนีเขามาแต่เขาก็ยังคงดูแลเธอเหมือนเดิม“คุณ…” พราวตะวันเริ่มบทสนทนา “ฉันขอโทษ”อคิณ
ตอนที่30คำถามจากคนข้างกายณ บ้านของสุริยกานต์ พราวตะวันนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเหม่อลอย แฟ้มภาพวาดที่เคยเป็นเครื่องมือบำบัดจิตใจวางนิ่งอยู่บนตักโดยไม่ได้ถูกเปิดออก พราวฟ้าที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนเห็นท่าทีนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ“พี่พราว…” พราวฟ้าเรียกพี่สาวเสียงเบา พลางทรุดตัวลงนั่งบนพื้นข้างโซฟา“ทะเลาะอะไรกับพี่คินน์รึเปล่า ทำไมพี่ดูไม่มีความสุขเลย”พราวตะวันสะดุ้งเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองน้องสาวแล้วคลี่ยิ้มจางๆ “เปล่า... ไม่ได้ทะเลาะกัน” เธอปฏิเสธเสียงแผ่ว “พี่แค่เหนื่อยเรื่องดูแลคุณพ่อหน่อยน่ะ”“แต่คุณพ่อก็ดูดีขึ้นมากแล้วนี่คะ” พราวฟ้ากล่าว พลางเหลือบมองไปที่พ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างอารมณ์ดี“แล้วทำไมพี่ถึงดูไม่สดใสเลยล่ะ” พราวตะวันหันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตาที่ว่างเปล่าของเธอก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดอยู่แล้ว “พี่ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วงนะ” พราวตะวันพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้มให้น้องสาวแต่ไม่ได้สดใสเท่าไร “ถ้าอย่างนั้นฟ้าไม่กวนแล้วนะคะ พี่พราวก็อย่าคิดมากเลยนะคะ เทคแคร์ค่ะ” พราวฟ้าพูดแล้
ทุกๆ วันของเธอเริ่มต้นด้วยการเตรียมอาหารอ่อนๆ ให้พ่อ อ่านหนังสือพิมพ์ให้ท่านฟังในช่วงสาย และช่วยท่านทำกายภาพบำบัดเบาๆ ในช่วงบ่าย “พ่อรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยลูก ที่มีพราวอยู่ด้วย” คุณสุริยะเอ่ยขึ้นในวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังช่วยนวดแขนให้ท่าน รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านดูสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้นมาก “พราวก็ดีใจค่ะที่เห็นพ่อแข็งแรงขึ้น” เธอยิ้มตอบ ความสุขจากการได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีช่วยเติมเต็มหัวใจของเธอแต่ดูเหมือนมันจะเติมเต็มได้ไม่ทั้งหมด เพราะในยามค่ำคืนเมื่อเธอต้องอยู่กับตัวเองตามลำพังในห้องนอนเก่าที่แสนคุ้นเคย ความรู้สึกว้าเหว่กลับคืบคลานเข้ามาในหัวใจอย่างช้าๆ เธอนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงที่เคยนอนมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับรู้สึกว่ามันกว้างเกินไปอย่างน่าประหลาด หลายครั้งที่เธอเผลอขยับตัวไปด้านข้างตามความเคยชินเหมือนจะหาอ้อมกอดของใครบางคนก่อนจะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่า ‘บ้าจริงพราวตะวัน! แกจะไปคิดถึงเขาทำไม!’ เธอต่อว่าตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามข่มตานอน แต่ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของอคิณในวันที่เธอเดินจากมา ก็ยังคงตามมาหลอกหลอนอยู่ไม่ห่าง การหนีออกมาจากเขามันคือการหนีออกจากความ
ตอนที่28ความห่วงใยที่ไม่ถูกมองเห็น--- Part ของอคิณ ---เสียงปิดประตูรถของพราวตะวันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอคิณ เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน มองบ้านหลังใหญ่ที่บัดนี้เงียบสงัดและอ้างว้างลงไปถนัดตา กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเธอยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศแต่เจ้าของกลิ่นได้จากไปแล้วเขาเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงขึ้นไปยังห้องนอน ภาพโซฟาที่ว่างเปล่าตอกย้ำความจริงที่ว่าเขาถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังอีกครั้ง อคิณทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงกว้าง ความเหนื่อยล้าจากการทำงานเทียบไม่ได้เลยกับความเหนื่อยล้าในหัวใจของเขาในตอนนี้‘ผมทำอะไรผิด...หรือการที่ผมเปิดใจให้คุณเร็วเกินไป...’เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทุกอย่างถึงพังทลายลงได้ง่ายดายขนาดนี้ เพียงแค่การปรากฏตัวของผู้หญิงคนเดียวที่เขาพยายามจะลบออกจากชีวิตมาตลอดวันต่อมาที่โรงพยาบาล อคิณจมตัวเองอยู่กับงานอย่างหนัก เขาประชุม สั่งงาน และตรวจคนไข้ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยและน่าเกรงขามกว่าเดิม จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ชวินมองปราดเดียวก็รู้ว่าเพื่อนรักของเขากำลังแตกสลายจากข้างใน“มึงโอเคนะไอ้คินน์” ชวินเอ่ยถามขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องทำงานอคิณถอนหายใจยาว
ตอนที่27ใต้ชายคาที่อึดอัด พราวตะวันลืมตาขึ้นบนโซฟา ความปวดร้าวที่แล่นไปทั่วแผ่นหลังเทียบไม่ได้กับความรู้สึกอึดอัดที่บีบรัดอยู่ในหัวใจ เธอตื่นก่อนแสงแรกของวันจะมาถึง จัดการเก็บผ้าห่มและหมอนเข้าที่อย่างเงียบเชียบ แล้วก้าวออกจากห้องนอนโดยไม่หันกลับไปมองเตียงกว้าง เมื่ออคิณตื่นขึ้น เขาพบเพียงความว่างเปล่าข้างกายและโซฟาที่ถูกจัดเรียบร้อยราวกับว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าหนักอึ้งจนน่าอึดอัด เสียงช้อนส้อมกระทบจานเป็นเพียงเสียงเดียวที่ทำลายความเงียบงัน พราวตะวันเอาแต่ก้มหน้าทานข้าวราวกับว่าอาหารในจานคือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในโลก “อรุณสวัสดิ์ครับ” อคิณเอ่ยขึ้นเบาๆ “เมื่อคืนนอนไม่สบายใช่ไหม” “ก็ดีค่ะ” เธอตอบโดยไม่สบตา คำตอบสั้นๆ ที่ไร้เยื่อใยนั้นเหมือนกำแพงที่มองไม่เห็น “วันนี้ผมไม่มีประชุมช่วงบ่าย เราไปหาอะไรทำกันข้างนอกไหม เผื่อคุณจะรู้สึกดีขึ้น” เขาพยายามอีกครั้ง ความหวังริบหรี่ฉายอยู่ในแววตา “ไม่ดีกว่าค่ะ” พราวตะวันวางช้อนลงทันที “พอดีฉันมีธุระต้องทำ” เธอลุกขึ้นยืน เป็นการจบการสนทนาอย่างสิ้นเชิง แล้วเดินจากไป ทิ้งให้อค
ตอนที่26คืนที่เงียบงัน บรรยากาศภายในรถยนต์คันหรูเงียบสนิท แสงสีของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนที่วิ่งผ่านกระจกไปอย่างรวดเร็ว ความสุขและความโรแมนติกเมื่อชั่วโมงก่อนได้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด อคิณกำพวงมาลัยแน่นขึ้นเล็กน้อย เขาเหลือบมองร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นระยะ พราวตะวันเอาแต่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย แสงไฟนีออนสาดกระทบใบหน้าสวยของเธอ เผยให้เห็นแววตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา ในหัวของเธอ มีแต่เสียงของนิชาที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา คำพูดเหล่านั้นเหมือนยาพิษที่ค่อยๆ ซึมลึกเข้าไปในหัวใจที่เพิ่งจะเริ่มแข็งแรงของเธอ ความเชื่อใจที่เพิ่งก่อตัวขึ้นอย่างสวยงาม บัดนี้กลับถูกความสงสัยเข้ากัดกินหัวใจของเธอ เดทที่ควรจะพิเศษที่สุด กลายเป็นเพียงการตอกย้ำว่าเธอเป็นเพียงเงาของใครอีกคน เป็นเพียงตัวแทนในสถานที่แห่งความทรงจำของเขา “พราว...” อคิณลองเรียกชื่อเธอเบาๆ ทำลายความเงียบที่น่าทรมาน เธอไม่ได้หันมามอง เพียงแต่ขานรับในลำคอด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน “คะ” ความเย็นชาในน้ำเสียงนั้นทำให้อคิณรู้สึกจุกในอก แต่เข