“เชิญออกไปเถอะค่ะ นี่มันห้องส่วนตัว มันดูไม่ดีนะคะ มีอะไรไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
“เข้ามาในห้องของคู่หมั้น... ไม่ได้?” ศิระเลิกคิ้วถามพลางค่อย ๆ เดินหน้ามาหาจนเธอต้องถอยหลังไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขาตัวสูงมากกว่า 180 หุ่นล่ำ ตัวใหญ่ กล้ามเนื้อหนั่นแน่นที่แม้แต่เสื้อก็ไม่อาจปกติได้ ดูกำยำสมกับเป็นชายชาติทหาร เป็นนักรบที่ผ่านมาแล้วแทบจะทุกหลักสูตรเลยก็ว่าได้
ในตอนที่เขากดหน้าลงมองเธอที่อยู่ในระดับต่ำกว่า แม้วริษาจะสูงเกินมาตรฐานหญิงไทยส่วนใหญ่ รูปร่างเพรียวสวยในแบบที่สามารถเป็นซูเปอร์โมเดลได้สบาย หากทว่าออร่าและรังสีบางอย่างจากตัวเขาที่เปล่งประกายออกมากลับทำเอาเธอรู้สึกว่าตัวเองหดเล็กลง จนต้องแหงนคอมอง
แผ่นหลังบอบบางชนเข้ากับฝาผนังหินอ่อนเย็นเฉียบ แขนกำยำสองข้างก็ยกขึ้นมาค้ำยัน กักขังร่างของหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหน
“ทำอะไรของคุณ” ญานิศาขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ
“พี่สาวเธอทำแสบไว้มากเลยรู้ไหม”
รู้สิ! เธอรู้ดีกว่าใคร!
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เขามองกันราวกับเธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก็ไม่ปาน “ฉันก็ตกเป็นผู้เสียหายเหมือนกันนะ”
“เหรอ...” ศิระเอียงคอถามแล้วโน้มหน้าลงมาใกล้
วริษาย่นคอถอยหนีแต่หัวก็ชนเข้ากับกำแพงอยู่ดี เธอหนีไปไหนไม่ได้ ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เอาเสียเลย ไม่เห็นจะฟินเหมือนในนิยายที่เคยอ่าน ตรงกันข้ามกลับให้ความรู้สึกที่แสนจะอึดอัดราวกับกำลังจะขาดอากาศหายใจ
เพราะแม้คนตรงหน้าจะหล่อเหลาราวกับเทพเจ้ากรีกโรมัน ดูเย่อหยิ่งยิ่งกว่าฟาโรห์ผู้สูงศักดิ์ ทว่าเขาดันเป็นคนรักของพี่สาว ไม่ใช่พระเอกในนิยาย!
“สรุปที่เข้ามามีอะไรคะ ไปนั่งคุยกันดี ๆ แล้วรีบเข้าเรื่องมาเถอะค่ะ ฉันอยากพักผ่อนแล้ว” วริษากัดฟันเอ่ยออกไป เธอสบมองเขาอย่างสู้สายตา ทำเป็นว่าไม่เกรงกลัวแม้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายจะสั่นจนแทบจะดิ้นออกมาเสียให้ได้
“พี่สาวเธอหายไปไหน”
“ฉันไม่รู้!” จะให้พูดอีกกี่รอบกันล่ะ
“พี่น้องกันแต่ดันไม่รู้?” เขาเลิกคิ้วถาม ท่าทางโอหังหากทว่าหญิงสาวกลับมองว่ามันดูยียวนจนน่าหมั่นไส้
“ขนาดคนรักอย่างคุณยังไม่รู้เลย แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง”
“ปากดี”
“อย่างอื่นก็ดีค่ะ” วริษาเชิดหน้าสู้สายตาแล้วพลั้งปากสวนออกไป ที่เธอหมายถึงคือหัวดี เรียนเก่ง หน้าตาก็ดี มีดีกรีเป็นหมอด้วย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดไปคนละทางเพราะสายตาคมมืดดำมองเรือนร่างเธออย่างไม่คิดปิดบังสายตาหยาบคาย
“ตอนนี้ เธอต่างหากที่เป็นคู่หมั้นฉัน ฝน” มือหนายกขึ้นมาเกี่ยวปอยผมยาวสลวยเล่น ม้วนมันกับนิ้วหนาแล้วปล่อยให้หล่นลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก
หญิงสาวสะบัดหน้าหนีแล้วใช้จังหวะที่เขามัวแต่ยุ่งกับผมจนเผลอเปิดทางให้เธอพลิกตัวหนีออกมาจากการกักขังได้ แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวได้เกินสองก้าวด้วยซ้ำ วงแขนแกร่งก็ตวัดโอบเอวบางอย่างว่องไวจนเธอร้องตกใจ
“ว้าย!” วริษาตัวลอยหวือขึ้นเหนือพื้นห้อง แล้วลอยละล่องลงไปกระแทกกับเตียงหนุ่มก่อนที่ร่างสูงจะตามขึ้นมาทาบทับ
เขาจากกักขังด้วยวงแขนแกร่ง ตอนนี้กลับกลายเป็นเรือนร่างกำยำอยู่ในท่าทางสุดแสนจะล่อแหลม
“ทำอะไรน่ะคุณศิ ลุกเดี๋ยวนี้นะ อื้อ!” ใบหน้าสวยหันหนีก่อนที่เรียวปากหยักจะประกบลงมา กลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มกำลังซุกหน้าอยู่ที่ซอกคอขาวเสียได้
“หึ!” เสียงกลั้วขำในคอมาพร้อมกับลมหายใจอุ่นรดรินผิวเนื้ออ่อนไหว วริษาตัวชาวาบแทบกลั้นหายใจ
“ชุดก็ใส่พอดี เหมือนตั้งใจเลยว่าไหม” เขาเย้ยหยันทำให้หญิงสาวผลักอกเขาให้ออกห่างอย่างอดทนกับการใส่ร้ายป้ายสีต่อไปไม่ไหว
“ตลก!” พูดเหมือนกับว่าเธอตั้งใจจะสวมรอยพี่สาวอย่างนั้นแหละ แม้เธอจะสูงกว่าพี่แต่สัดส่วนอื่น ๆ ก็ใกล้เคียงกัน จริง ๆ เธอไม่ได้ใส่ชุดพี่สาวพอดีขนาดนั้นเพราะช่วงอกของพี่ใหญ่กว่า สะโพกเธอก็ผายกว่าแต่ก็พอจะให้ช่างแก้ด่วนได้เมื่อคืนนี้
“ออกไปเถอะค่ะ คุณเข้ามานานแล้ว มันไม่เหมาะนะ” เธอย้ำเตือนกลาย ๆ โดยไม่คิดจะสนใจอธิบายอะไรให้มากความ ลองได้ตั้งแง่ก็แปลว่าปักธงมาแล้วว่าเธอเป็นคนแบบไหน แล้วจะแก้ตัวไปเพื่ออะไรกัน
“มาทำสิ่งที่คู่หมั้นควรทำกันหน่อยไหม”
“คะ?”
ศิระหยัดกายขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ที่หว่างขาเรียวขาว เขาปลดเข็มขัดแล้วดึงมันออกจากรางกางเกงจนเกิดเสียงดัง ทำเอาวริษาเบิกตากว้างด้วยไม่เคยจินตนาการว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้
“คุณศิ!” เมื่อได้สติเธอก็จะลุกขึ้นนั่งแล้วหาทางหนีทีไล่ หากทว่าเรี่ยวแรงก็ไม่ได้ครึ่งของชายหนุ่ม ศิระกดเรียวแขนทั้งสองข้างลงกับเตียง แล้วโน้มหน้าลงดูดซอกคอขาวอย่างแรงจนหญิงสาวเจ็บแปลบแทบจะร้องไห้
@หลายปีต่อมา...“วันเกิดปีนี้ลูกสาวป๋าอยากได้อะไรคะ” ศิระกอดลูกสาวสุดที่รักไว้แนบอกแล้วหอมหน้าผากนวลอย่างทะนุถนอมรักใคร่ครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว ลูกสาวของตนกำลังโตเป้นสาวสะพรั่ง ยิ่งโตก็ยิ่งสวยมาก สวยจัดเหมือนแม่ สวยจนคนเป็นพ่อทั้งหวงทั้งห่วง ไม่อยากให้คลาดสายตาไปไหน“อืม... อยากได้เยอะแยะไปหมดเลยค่ะป๊ะป๋า” เซญ่ากอดเอวสอบของบิดา ออดอ้อนออเซาะเหมือนอย่างเคย เธอไม่เคยขาดอะไรเลยในชีวิตเพราะครอบครัวอบอุ่น กินดีมีสุข มีแต่คนรักคนคอยเอาใจและทุกคนพร้อมจะประเคนทุกอย่างให้แต่ก็นะ... ป๊ะป๋าถามแบบนี้ เด็กเอาแต่ใจอย่างเธอจะไม่อ้อนขอนั่นขอนี่เพิ่มก็กระไร“เอาอะไรว่ามา ป๋าเสกให้หนูได้ทุกอย่างเลย รู้ใช่ไหม” ศิระว่า ถึงจะเอาดาวเอาเดือน ป๊ะป๋าก็จะไปควานหาหินอุกกาบาตมาให้จนได้“นี่ ๆ อย่าเยอะ ทั้งคู่น่ะ” อิษยะที่เดินโอบไหล่วริษาเมียรักเข้ามา มืออีกข้างถือจานคุกกี้ของเมียมาวางไว้บนโต๊ะกลางก่อนจะรีบถลามาแยกศิระและเซญ่าออกจากกันจะปล่อยให้มันตามใจลูกจนเสียคนแบบนี้ไม่ได้“ลูกโตเป็นสาวแล้ว มากอดมาหอมแบบนี้ได้ไง” คนต่อว่าคนอื่นกลับคว้าลูกมากอดแนบอกแล้วจูบกลางกระหม่อมลูกสาวรัว ๆ เรียกเสียงหัวเราะของสาวน้อยเซญ่
“ไม่! เซจะอาบน้ำกับพี่คี!” เสียงเด็กหญิงโวยวายจนคนมีศักดิ์เป็นลุงอย่างชยินแทบจะกุมขมับ ไม่รู้จะจัดการอย่างไร“หนูเป็นผู้หญิงนะเซญ่า พี่คีเป็นผู้ชาย..” ชยินที่กำลังจะอธิบายให้หลานสาวตัวน้อยฟังใหม่อีกรอบก็ต้องชะงักเพราะเจ้าตัวเถียงทันควัน“หม่ามี้บอกว่าผู้หญิงกับผู้ชายสิทธิเท่าเทียมกันนี่คะ” เซญ่ากอดอกเชิดหน้า น่ารักอยู่หรอก แต่บางทีก็น่าตีเป็นบ้า“เฮ้อ... กูจะบ้า!” ชยินกัดฟันข่มใจเวลาเซญ่าดื้อมาก ๆ บางทีก็อยากจะจับมาตีให้ก้นลาย แต่ติดตรงที่เขาเอ็นดูเด็กน้อยเอามาก ๆ อย่างกับลูกในไส้ และที่สำคัญคือเซญ่าเป็นคุณหนูแห่งตระกูลลีละวีระพันธุ์ เป็นยอดดวงใจของศิระและเป็นหลานรักของท่านสันต์ ใครจะมาแตะต้องมั่วซั่วไม่ได้ ขืนเผลอไปแตะให้เนื้อตัวเป็นรอยแดงแค่เสี้ยวปลายเล็บ เขาคงได้โดนจับโบกปูนถ่วงน้ำตายแหง ๆ“มีอะไรกันคะ” วริศราที่ได้ยินเสียงดังโวยวายจากในห้องน้ำก็รีบจ้ำอ้าวเข้ามาดู หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันทีที่มองพ่อของลูกกำลังยืนเท้าสะเอวแล้วพรูลมหายใจท่าทางแบบนี้คงเพราะจนปัญญา จัดการยัยหลานตัวแสบไม่ได้ล่ะสิท่าหึ! สมน้ำหน้า“เซญ่าอยากอาบน้ำกับผมฮะ แต่พ่อจัดการไม่ได้” คีรินที่ยืนรออาบน้ำอยู่ก็ตอ
เพราะนวัตกรรมและหัตถการความสวยความงามในปัจจุบันล้ำหน้าไปไกล ยิ่งทำงานไม่หนัก พักผ่อนเพียงพอ ที่สำคัญคือเมื่อมีความสุขหน้าตาผิวพรรณก็ยิ่งดูสดใส อ่อนกว่าวัย“เมียสวยเนอะ” อิษยะกระแทกไหล่ศิระที่ยืนเต๊ะท่า สองมือล้วงกระเป๋าเหมือนจะไม่สนใจโลกหรือสนใจใคร หากทว่านัยน์ตาสีถ่านกลับจ้องมองแต่วริษาไม่คลาดสายตาผู้หญิงสวยจัดที่อยู่ในชุดเจ้าสาวราคาแปดหลักกำลังเดินมาหยุดต่อหน้าพวกเขา ที่ยืนอยู่บนบัลลังก์ดอกไม้ แต่เธอช่างเลอค่าเหลือเกิน จนเขาคิดว่าชุดเจ้าสาวราคาแปดหลักก็ยังถูกเกินไป ไม่คู่ควรเลยสักนิดอยากจะหาเพชรที่มีค่าสูงที่สุดในโลกเอามาประโคมบนชุดเพื่อที่จะได้ทัดเทียมเท่า คู่ควรกับเจ้าสาวของเขา หากทำได้งานแต่งที่แสนเรียบง่าย ณ โรงแรมใหญ่ติดทะเล วิวแหลมพันวาอยู่ด้านหลัง เห็นผืนน้ำจรดฟ้าอย่างที่วริษาวาดฝันเธอมักจะฝันถึงงานแต่งงานที่อบอุ่น สวยงาม และเรียบง่ายพวกเขาทั้งสองก็พร้อมที่จะเนรมิตให้ ส่วนเรื่องอลังการให้ไปอยู่ที่ค่าใช้จ่าย สองหนุ่มแค่ปิดโซนหนึ่งของโรงแรมมาจัดเลี้ยงเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนเท่านั้นแขกก็มีเพียงเพื่อนสนิท พันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญ และญาติ ๆ เท่านั้น แต่ที่ว่ามาก็ปาไปเกือบร้อย
เจ้าสาวแสนสวยใช้ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไปตามข้อความแต่ละบรรทัด สลับกับภาพถ่าย หากฉับพลันก็มีเสียงเรียกขานจากทีมงานออแกไนซ์ปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตนะคะเจ้าสาว อีก 10 นาทีจะถึงเวลาแล้วค่ะ”“หน้าเลอะหมดแล้ว” เสียงของอบอุ่นสั่นเครือเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนรัก นัยน์ตาคู่สวยที่แม้จะมีน้ำตา หากทว่าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขล้นจากใจหญิงสาวรับกระดาษทิชชูจากคิมหันต์มาช่วยซับตรงปลายหางตาและหัวตาของว่าที่เจ้าสาวอย่างรู้งาน กันไม่ให้หน้าตาสะสวยเลอะเปรอะเปื้อนมาสคาร่า“เดี๋ยวก็เป็นหมีแพนต้าออกไปหรอก” คิมหันต์แซวแล้วก็ต้องร้องโอดโอยเมื่อวริษายกมือฟาดอกเข้าให้“เพราะแกนั่นแหละ เอามาให้พี่ตอนนี้ทำไมก็ไม่รู้” สู้ให้ตอนจบงานเสียยังจะดีกว่า รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องของมารดาผู้ให้กำเนิดนั้นมีอิทธิพลต่อวริษาแค่ไหนตั้งแต่เธอได้เป็นแม่คนก็ยิ่งเข้าใจว่ามารดารักเธอแค่ไหน ท่านต้องเสียสละอะไรบ้างในการมีชีวิตหนึ่งออกมา และท่านต้องทรมานแสนสาหัสในการที่ต้องโดนพรากลูกจากอกอย่างไรเธอรับรู้และเข้าใจแม้กระทั่งความเอื้ออารีจากคุณหญิงศรีนาง ผู้ที่เธอเคยคิดว่าร้ายกาจ หากท่านไม่มีความเอ็นดูอยู่บ้างก็คงปล่อยให้เธ
ร่างระหงในชุดแต่งงานสีขาวยืนมองตัวเองผ่านกระจกเงาด้วยแววตาเป็นประกายสุกใส เธอในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อหลายปีก่อนเหลือเกินบนใบหน้ามีแต่ประกายความอิ่มเอิบ ความสุขที่เอ่อล้นจนกลายเป็นแสงออร่าส่องผ่านม่านดวงตา ใบหน้า และรอยยิ้มทุกขณะ แทบจะทะลุออกมาผ่านทุกอณูเนื้ออยู่แล้วหากเป็นไปได้“สวยจังครับ” เสียงทุ้มแผ่วพร่าวริษาละสายตาจากกระจกเงาหันไปมองชายหนุ่มผู้ที่จ้องเธอจากด้านหลังด้วยนัยน์ตาคมเป็นประกายหนึ่งในผู้ชายอีกคนในชีวิต ที่นับวันเธอก็ยิ่งรักยิ่งผูกพัน จนบางครั้งสองผัวก็หึงขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล“ใช่ม้า! พี่ก็ว่างั้นแหละ” วริษาหันกลับมาสบตาแล้วก็ยิ้มจนตาหยีให้น้องชาย เสียงหวานหยอกล้อ“แหม ไม่ปฏิเสธเลย? หึหึ” คิมหันต์ส่ายหน้าระอาใจกับคนหลงตัวเอง หากก็ไม่เถียงหรอก เพราะวริษาสวยสง่าออร่าจริง ๆเขาเอ่ยชมพี่สาวต่างบิดาด้วยความจริงใจ ใบหน้าของวริษาราวกับกำลังมีเงาของมารดาทาบทับอยู่บนนั้น นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของท่านนานเหลือเกิน... แต่ก็ยังติดอยู่ในความทรงจำเชื่อว่า ณ ตอนนี้มารดาคงกำลังมองพี่สาวของเขาที่กำลังมีความสุข ยิ้มมองลงมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มพอ ๆ กันกับวริษาตอนนี้ ณ ที
“งื้อ! ไม่ได้สิคะ อ๊ะ!” วริษาที่สถาปนาตัวเองเป็นสาววายมือสมัครเล่นไม่ทันได้เก็บเกี่ยวภาพความทรงจำนั้นเลยด้วยซ้ำเพราะมัวแต่กะพริบตา จะร้องท้วงแต่แล้วก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นกรี๊ดลั่นเมื่อร่างสวยโดนศิระคว้าหมับเข้าให้“มานี่เลยยายตัวแสบ” เขาอุ้มเธอขึ้นมาในท่าอุ้มแตงแต่หันหลังให้เขา หันหน้าเธอไปหาอิษยะหญิงสาวผวาเฮือก ไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำคนตรงหน้าก็ย่อตัวลงนั่งในระดับที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายสามารถทักทายกับกลีบกายสาวได้แบบพอดิบพอดี นิ้วหยาบยาวลูบสำรวจสองกลีบอวบอูมแล้วแยกออกจากกันเพื่อที่เรียวลิ้นร้อนจะสามารถปาดเลียร่องรักของเธอได้ถนัด อิษยะรัวเรียวลิ้นซ้ำ ๆ จนน้ำลายเหนียวเหนอะเปรอะเปื้อนปะปนกับหยาดน้ำรักสีใสที่รินไหล“ฮื้อ! พวกพี่ขี้โกง อ๊า!” วริษาอยากจะทักท้วงเหลือเกินแต่กระนั้นก็ทำได้เพียงร้องครวญครางแทบไม่เป็นภาษาเพราะอิษยะสอดนิ้วกลางเข้าสำรวจภายในโพรงกำมะหยี่คับแน่น“อ่า... แน่นจังเลยครับ” ครั้งแรกที่ได้รุกล้ำเธอหลังจากทำรีแพร์มา เมียเขาแน่นมาก ตอดตุบ ๆ จนนิ้วเดียวยังยากขยับ แล้วแบบนี้เขาจะยัดท่อนลำเข้าไปได้อย่างไร “ดะ เดี๋ยว ๆ อื้อ!” สองเรียวขาโดนจับถ่างอ้า สอดสองแขนกำยำช้อนไว้ใต้ข้อพับข