“พ่อคะ ตอนนี้เจี๊ยบมีแฟนแล้วนะคะ เขาเป็นผู้ชายที่เจี๊ยบชอบ…เจี๊ยบเคยเล่าให้พ่อฟังบ่อยๆ พ่อจำได้ไหม พี่พลับค่ะ รุ่นพี่ที่เคยช่วยเป็นที่ปรึกษาให้โปรเจ็คของเจี๊ยบกับเพื่อนๆ จนได้รางวัลมาเลยนะ…พ่อช่วยอวยพรให้ความรักของเจี๊ยบสมหวังและมีความสุขตลอดไปนะคะ”
ความจริงเธอควรจะบอกพ่อว่าเขาขอเธอเป็นแฟนทางโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ทว่าเพราะมัวแต่เขินจนตัวบิด และเผลอคุยโทรศัพท์กับเขาไปถึงตีสามจนไม่รู้ว่าหลับคาโทรศัพท์เมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็ตื่นมาตอนเก้าโมงแล้ว
โชคดีที่วันนี้มีเรียนสิบโมง ไม่ใช่แปดโมงเช่นคลาสเรียนส่วนใหญ่ตอนเช้าแทบทุกวัน
ชญานิศมองผู้ชายในภาพที่เธอตั้งไว้บนหัวเตียงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยกมือไหว้และออกจากหอพักเพื่อไปเรียนเช่นทุกวัน
หญิงสาวย้ายออกมาอยู่หอพักแห่งนี้ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยปีแรก และอยู่ที่นี่มาตลอดจนถึงปีที่สี่ แม้แต่ปิดเทอมเธอก็ไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเช่นคนอื่น
ตั้งแต่เกิดมากระทั่งอายุสามขวบ แม่ทิ้งเธอกับพ่อไป แล้วปล่อยให้สองคนพ่อลูกอยู่กันตามลำพัง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยขาดความรัก เพราะพ่อดูแลและเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี เป็นทั้งพ่อและแม่ให้เธอ กระทั่งเธออายุสิบเจ็ด พ่อก็จากไปด้วยอุบัติเหตุ
ชีวิตสาววัยรุ่นขาดเสาหลัก เธอต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านอา พวกเขารับเลี้ยงเธอด้วยความเต็มใจ เพราะด้วยมรดกพ่อทิ้งไว้ให้เธอ มันงอกเงยมาจากอาชีพนายหน้าขายที่ดินมาตลอดสิบกว่าปีนั่นละ และด้วยชญานิศรู้ดีว่าครอบครัวของอาไม่ได้จริงใจ แต่แกล้งทำดีกับเธอ เธอจึงทนอยู่ในบ้านหลังนั้นกระทั่งเรียนจบมัธยม และย้ายออกมาอยู่หอพัก ไม่เคยกลับไปเยี่ยมใครที่บ้านหลังนั้นอีก แม้พวกเขาจะโทรตามให้ไปเจอกันบ่อยแค่ไหนก็เถอะ
ตื๊ดด ตื๊ดด
หลังเดินออกมาจากตึกที่พักได้นิดหนึ่ง โทรศัพท์ของเธอก็สั่น เป็นสัญญาณว่ามีคนโทรมา
“สวัสดีค่ะพี่พลับ” หญิงสาวกดรับสายและตอบเสียงหวาน
แม้ว่าเธอกับเขาจะคุยกันมาสี่เดือน แต่ความตื่นเต้นก็ยังไม่จางหายไปไหนเลย เมื่อก่อนรู้สึกประหม่ายังไง ตอนนี้ก็ยังประหม่าอย่างนั้น บางทีอาจทวีคูณเป็นหลายเท่าด้วยซ้ำ
“เย็นนี้ว่างไหม...พี่จะไปรับมากินข้าวด้วยกัน
“ว่างค่ะ แต่วันนี้พี่พลับไม่ได้เลิกงานค่ำเหรอคะ” ปกติกว่าเขาจะเลิกงานก็ทุ่มถึงสองทุ่มเลยนะ ซึ่งตอนนั้นเธอไม่ค่อยสะดวกจะออกจากหอเท่าไร
“วันนี้เลิกเร็วครับ งั้นเดี๋ยวหกโมงพี่ไปรับนะ”
“ค่ะ ว่าแต่…วันนี้มีโอกาสพิเศษอะไรรึเปล่าคะ”
“ทำไมเหรอครับ”
“ก็…เราเพิ่งจะเจอกันวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เอง และวันนี้ก็เพิ่งจะวันอังคาร…”
“เจี๊ยบเคยได้ยินไหมว่าความคิดถึงมันห้ามกันไม่ได้”
“…”
“พี่ทนคิดถึงเจี๊ยบไม่ไหวแล้วจริงๆ อยากเห็นหน้า…ได้ไหมครับ”
“ทำไมพี่พลับปากหวานจัง…” พอเริ่มคุ้นชินกับเขา เธอก็กล้าต่อปากต่อคำมากขึ้น
“ปากหวานกับเจี๊ยบคนเดียว กับคนอื่นไม่เคยนะ”
คนบ้า เธอเขินจนเข่าอ่อนแล้ว!
อาจเพราะที่ผ่านมาชญานิศไม่เคยมีแฟนเลย แม้จะมีคนมาจีบ แต่เธอไม่เคยเปิดโอกาสให้ใคร กระทั่งเจอเขาที่ เข้ามาในชีวิตและรวบรัดจีบเธอ ทำให้เธอที่ไม่มีโอกาสตั้งตัวต้องแพ้พ่ายและยอมเป็นแฟนกับเขาจนได้
แต่จริงๆ แล้วก็เป็นเพราะเธอปลื้มเขาอยู่ก่อนต่างหาก ไม่อย่างนั้นก็คงไม่อ้าแขนและเปิดใจรับเขาอย่างเต็มใจขนาดนี้
“แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่ครับ”
“กำลังจะออกไปทำงานค่ะ” เธอได้ทำงานทันทีหลังเรียนจบ เนื่องจากผ่านเกณฑ์การคัดเลือกของบริษัทแห่งหนึ่งที่เข้ามาสำรวจหานักศึกษาชั้นปีสุดท้ายในคณะเข้าไปทำงานด้วย โดยคัดจากผลการเรียนและความประพฤติ ทั้งเธอก็เห็นว่าบริษัทจะมีชื่อเสียงในทางบวก ให้เงินเดือนและสวัสดิการพนักงานดี จึงตอบตกลงทันที
“อ่า งั้นพี่ไม่กวนแล้ว ตอนเย็นเจอกันครับ เดี๋ยวพี่โทรหาอีกที ตั้งใจทำงานนะ ‘เด็กดีของพี่’ ”
“ได้ค่ะ พี่พลับก็ตั้งใจทำงานนะคะ” …พี่พลับของเจี๊ยบ
เธอไม่ได้พูดประโยคหลังออกไป เพราะเขินเหลือเกิน
จากนั้นหญิงสาวก็วางสาย และมุ่งหน้าเดินไปยังป้ายรถเมล์ด้วยรอยยิ้มและอารมณ์ดีมากกว่าทุกวันจนเพื่อนที่ทำงานแซว
.
ขณะอีกคนซึ่งกำลังนั่งบนเบาะหลังของรถเก๋งคันหรูก็ยิ้มกริ่มเช่นกัน แต่ความรู้สึกนั้นแตกต่าง…
เขาไม่ได้คิดถึงเธอเลยสักนิด ไม่ได้รู้สึกยินดีที่เธอเป็นแฟนเขาเลยด้วยซ้ำ
แต่เขาดีใจที่กำลังจะได้แก้แค้น ชญานิศก็แค่ ‘หมาก’ ตัวหนึ่งในเกมของเขา
อิพรี่ใจร้ายอ่ะ ฮืออออไม่แปลกเลยน้องจะเกลียดดดดดดดด
ถึงจะเสียใจแค่ไหน แต่ชีวิตไม่อาจหยุดเดิน หลังเกิดเหตุถูกฉีกหน้ากลางงานแต่งงานไปไม่กี่วัน ก่อนต่อมาอดีตเจ้าบ่าวของเธอจะไปแต่งงานกับเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันเป็นการซ้ำเติม ชญานิศก็ยังเลือกจะยืนหยัดด้วยการก้าวข้ามความอับอายและความเจ็บปวด เธอกลับไปทำงานตามเดิมแต่กระนั้นเธอก็ไม่รับสายและติดต่อใครเลย ไม่อนุญาตให้ใครเจอหน้าด้วย แม้แต่เพื่อนสนิทก็ตามแม้จะปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้เพื่อนร่วมงานรู้ แต่สุดท้ายทุกคนก็รู้จากโซเชียลที่มีแขกในงานแอบถ่ายแล้วเผยแพร่ เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามของเพื่อนร่วมงาน บ้างก็มองมาอย่างสมเพช ไม่ก็พูดแดกดันและซ้ำเติม ชญานิศพยายามไม่สนใจ เธอใช้ชีวิตให้เป็นปกติ หากแต่หลังเลิกงานใครจะรู้ว่าหญิงสาวกลับมาร้องไห้ นอนกอดตัวเองในห้องแคบๆ เธอทิ้งชุดเจ้าสาวและของทุกชิ้นที่ปพนธีร์ให้ รวมถึงแหวนเพชรนั้นด้วย ใครจะเก็บไปทำอะไรก็ช่าง แต่เธอไม่ขอเก็บไว้เป็นเสนียดปพนธีร์เคยบอกว่าพอสวมแหวนแล้วนิ้วเธอดูสวยขึ้นมาก ชุดเจ้าสาวที่เธอใส่ในวันนั้นก็สวย หากแต่ในงานวันนั้น เขากลับฉีกหน้าเธอ เหยียบย่ำหัวใจเธอผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักของเขา เป็นเจ้าสาวตัวจริง“แกบ้ารึเปล่า แก
“น้องเคนเห็นลูกกอล์ฟเตะบอลกับพ่อ น้องเคนก็เลยอยากเตะด้วย”“…”“เคนอยากให้พ่ออยู่ด้วย”“น้องเคน…” เธอสวมกอดลูกชายที่มองเธอตาแป๋ว ดวงตาของเขาช่างไร้เดียงสา “อยู่กับแม่ แม่เป็นให้ทั้งพ่อทั้งแม่ได้นะ น้องเคนอยากเตะบอลใช่ไหม เดี๋ยวแม่เตะด้วย”“แม่เตะบอลไม่ได้”“เตะได้ ทำไมจะเตะไม่ได้ล่ะ แม่เตะเก่งด้วยนะ”“ผู้หญิงเขาไม่เตะบอลกันหรอก” เด็กชายยืนกรานสิ่งที่ตัวเองรู้มาจากที่โรงเรียน“ใครบอก ฟุตบอลหญิงยังมีเลย ผู้หญิงนี่แหละเล่นกันเก่งมาก” เธอหอมหน้าผากลูกชายอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วลงมานอนข้างๆ กัน“แม่” “คร้าบ” เธอสวมกอดลูกน้อยที่ตอนนี้แขนขาเริ่มยาวและตัวเริ่มโตเกินเด็กวัยเดียวกันแล้ว “เมื่อไรพ่อจะกลับมาจากสวรรค์” เด็กน้อยสวมกอดเธอตอบ ซุกหน้าลงกับอกนุ่มๆ ของเธอ“ก็…พ่อเขาติดภารกิจพิทักษ์สวรรค์ที่แม่เคยบอกน้องเคนไง เขาเลยลงมาไม่ได้ พ่อเขาคอยถือดาบ ถือธนู คอยไม่ให้ผู้ร้ายเข้ามาทำลายสวรรค์ไงครับ”ถึงเธอจะไม่ชอบพ่อของลูก แต่เธอก็ไม่อยากสอนให้ลูกเกลียดพ่อ เธออยากให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจและมีความสุขกับสิ่งที่พ่อของเขาควรเป็น“พ่อก็สู้กับผู้ร้ายตุ๊บตั๊บๆ เลยน่ะสิ”“แล้วพ่อชนะไหมครับ”
เพราะวันนี้เจอบุคคลไม่คาดคิด ชญานิศจึงไม่ได้ไปรับลูกจากโรงเรียนและพามาอยู่ร้านเช่นทุกวัน แต่พากลับบ้านทันที และไม่ลืมจะสรรหาขนมให้เด็กน้อยรองท้องระหว่างรอเธอทำอาหารเย็นด้วยลูกของเธอเป็นเด็กกินง่าย ไม่เรื่องมาก กินได้แทบทุกอย่าง แม้แต่ผักใบเขียวที่เด็กหลายคนเบะปากใส่หลังรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน หญิงสาวก็สอนการบ้านลูกอย่างใจเย็น เมื่อเสร็จเรียบร้อยเธอเล่นกับลูกบนเตียง ไม่ถือว่าตัวเองเป็นแม่แล้วลูกจะขึ้นมาขี่หลังไม่ได้“โอ๊ย ลูกหมู หลังแม่จะหักแล้ว” ชญานิศหัวเราะเมื่อเจ้าตัวเล็ก แต่น้ำหนักไม่น้อยบอกให้เธอคลานต่อไม่หยุด “แม่คร้าบ แม่ เคนอยากได้ไดโนเสาร์ตัวหย่ายๆ” แขนเล็กวาดแขนออกกว้างๆ เพื่อให้แม่เห็นภาพขนาดไดโนเสาร์ของเขาชัดเจน“ตัวนี้ยังใหญ่ไม่พออีกเหรอครับ” เธอยกเจ้าทีเร็กตัวโปรดของลูกชายมาชูให้เด็กชายชนิภัทรดู แต่คนที่นั่งอยู่บนหลังเธอกลับส่ายหน้า“ไม่พอ อยากได้หย่ายๆ”“ใหญ่ขนาดไหนครับ”“หย่ายเท่าของลูกกอล์ฟ” เด็กชายวาดมือให้แม่ และดูกว้างกว่าเดิมอีก เขานึกถึงของเล่นที่เพื่อนนำมาอวด “ของลูกกอล์ฟหย่ายมากกก”เธอหัวเราะ ก่อนจะขยับเจ้าไดโนเสาร์ตัวโปรดเข้าไปใกล้ลูกชาย “แล้วน้องเคนไม่รั
ปพนธีร์ฝัน…เขาฝันถึงตอนที่ชนัญญาเข้ามาในบ้าน มาดูแลพ่อในฐานะพยาบาล หากแต่นานวันเข้าหลายคนในบ้านก็ผิดสังเกตและเห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูเกินเลยกว่าปกติไปมากพอแม่เขาเข้าไปถาม พ่อก็รับสารภาพว่าชนัญญาเป็นรักแรกของท่าน และตอนนี้ทั้งสองคนก็กำลังสานสัมพันธ์กันอยู่ แน่นอนว่าแม่ไม่ยอมรับ กรีดร้อง เสียใจจนเหมือนคนเป็นบ้า หากแต่นั่นยังไม่เจ็บเท่ากับตอนพ่อเปิดตัวผู้หญิงอีกคนของเขาในงานวันเกิดแม่ ทำให้แม่ขายขี้หน้า คนในสังคมต่างซุบซิบนินทาซ้ำพอพ่อหายเป็นปกติ ท่านยังควงชนัญญาออกงานไม่ต่างจากภรรยาหลวง ทั้งที่พ่อยังไม่ได้หย่ากับแม่ ไม่สนเลยว่าใครจะมองว่าตัวเองและเมียยังไง ท่านเพียงแต่ต้องการสร้างคอนเนคชั่นให้ชู้เป็นที่นับหน้าถือตา สร้างธุรกิจให้เติบโต เป็นสาวสังคมที่เพียบพร้อมเท่านั้นส่วนแม่ของเขาก็หมกตัวอยู่ในห้องแคบๆ เพราะอับอาย ไม่อาจสู้หน้าใครได้ ญาติมิตรที่เคยสนิทกันห่างหายไป แม่ทุกข์ตรม ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อจริงอยู่ว่าความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่อาจจะไม่ได้เริ่มต้นสวยงามเหมือนคู่อื่นๆ เพราะโดนผู้ใหญ่คลุมถุงชน และนั่นทำให้พ่อตั้งแง่ มองแม่ไม่ดีมาตลอด มีลูกเพื่อสร้างทายาทตามหน้าที่เท่านั้น
‘รัก’ อย่างนั้นเหรอ เธอไม่เคยรู้จักคำนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอรู้จักแต่คำว่า ‘หลอกลวง’“ไอ้คนเฮงซวย ใครมันจะไปรักคนอย่างแกลง” “พี่รู้ว่าพี่มันเฮงซวย และที่ผ่านมาพี่ก็รู้ซึ้งถึงความหมายนั้นแล้ว พี่ทรมาน พี่รู้สึกผิด…ไม่ต่างอะไรจากการตกนรกเลยเจี๊ยบ”“จะมาพูดอะไร ไม่รีบกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับลูกเมียคุณละ!”“พี่เลิกกับจีนแล้วครับ เลิกตั้งแต่วันที่เจี๊ยบเดินออกไปจากชีวิตพี่”“คุณจะเลิกอะไรกับใครก็ช่างเถอะ ออกจากร้านฉันไปได้ซะ” เขาจะอยู่ด้วยกันกับหล่อน หรือเลิกกันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ“เจี๊ยบ…” ปพนธีร์ทาบมือบนบานประตู อิงหน้าผากตาม “พี่จะไม่ยอมแพ้แล้วนะ พี่ไม่อยากหันหลังแบบนี้อีกแล้ว”เขาขอผิดสัญญาได้ไหม“ต่อไปนี้…พี่จะพยายามแก้ไข จะพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง”เมื่อด้านในไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ปพนธีร์ก็หลับตาลง ก่อนจะตัดใจด้วยการเดินออกมาจากประตูนั้น โดยมีอริยาเฝ้าสังเกตและตามเขาอยู่เงียบๆ“คุณทำงานที่นี่มานานรึยัง”สาวน้อยตกใจเมื่อจู่ๆ ผู้ชายคนนั้นก็มองตรงมาที่เธอ “กะ ก็ตั้งแต่ที่นี่เปิดค่ะ ราวๆ ปีกว่าแล้ว”“แล้วคุณเจี๊ยบ…ทำงานหนักมากรึเปล่า”“เอ่อ คุณเป็นอะไรกับเขาคะ” อริยาไม่กล้าตอบคนท
ถึงพยายามวิ่งสุดแรง แต่ขาของชญานิศคล้ายไม่มีแรง มือไม้ที่จับโทรศัพท์และถือดอกไม้นั้นก็คล้ายอ่อนแรงไปด้วยผู้ชายคนนั้นถึงได้วิ่งตามเธอมาทัน เขาตามมาดักข้างหน้า คนที่ทำให้เธอเจ็บปางตายจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ นั่นจึงทำให้ชญานิศสบตากับผู้ชายตรงหน้า เขายังคงหล่อเหมือนเมื่อก่อน ไม่สิ หล่อกว่าเดิมอีกมั้ง…ชายหนุ่มอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าลายทางสีเข้ม แขนเสื้อพับขึ้นเหนือข้อศอก เผยให้เห็นแขนที่มีมัดกล้ามและเส้นเลือดที่เธอเคยสัมผัสและชอบลูบไล้อยู่เสมอ บนข้อมือมีนาฬิการาคาแพงเรือนเก่าที่เธอเคยเห็นว่าเขาใส่สิ่งเหล่านี้เคยดึงดูดเธอให้หลงใหลชญานิศหลบสายตาของคนที่มองมา ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไปอีกทางให้เป็นปกติ คราวนี้ไม่คิดวิ่งอีก “เจี๊ยบ พี่…ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” แต่คนร้ายยังไงก็ยังร้าย เขาเดินตามเธอมา ทั้งเขายังจะมาคว้าดอกไม้กำใหญ่ในอ้อมแขนเธอไป คล้ายจะช่วยถือ แต่ชญานิศเบี่ยงตัวหลบ ไม่ยอมเด็ดขาด “ระหว่างเราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน” ชญานิศพยายามซ่อนความตระหนกเอาไว้และเดินต่อไปอีกหมับทว่าเขากลับอุกอาจ ฝ่ามือใหญ่คว้าแขนเธอเอาไว้ ทำให้คนที่น้ำตาจะไหลอยู่มรอมมร่อไม่อาจกลั้นได้อีกต่อไป“ถ้าคุณไม่ปล่