LOGINหลังจากคบกับปพนธีร์นานนับสี่เดือน เธอกับเขาก็เจอกันบ่อยขึ้น เจอกันแทบทุกวัน พูดคุยกันก่อนนอนกันแทบทุกคืน
ถ้าวันไหนที่ชญานิศไม่ได้ยินเสียงของเขา คล้ายว่าเธอจะนอนไม่หลับ
ปพนธีร์ทำให้เธอรู้สึกกับเขามากกว่าแฟน เป็นทั้งพี่ชาย เป็นทั้งพ่อ ประหนึ่งครอบครัวเดียวกัน ทำให้ผู้หญิงตัวคนเดียวรู้สึกอบอุ่น
“เจี๊ยบโตมากับพ่อค่ะ ถึงที่ผ่านมาเราจะมีกันแค่สองคน แต่พ่อก็เลี้ยงเจี๊ยบมาอย่างดีตลอด ไม่เคยทำให้เจี๊ยบลำบากเลย” เธอวางใจเขาถึงขนาดเล่าเรื่องในครอบครัว นอกจากเพื่อนสนิทแล้ว เธอก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง
ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีชายหนุ่มเป็นคนขับ ค่ำนี้เขาตั้งใจพาเธอมาชมวิวในยามเย็นโดยเฉพาะ
“แล้วแม่…ไปไหนล่ะครับ”
“แยกทางกับพ่อไปตั้งแต่เจี๊ยบยังเด็กแล้วล่ะค่ะ แต่เขาก็พยายามติดต่อ…มาเยี่ยมเจี๊ยบอยู่บ้าง แต่พอเจี๊ยบเข้ามหาวิทยาลัย เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยค่ะ”
“…”
“เจี๊ยบกับเขาก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไรหรอก ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนเหมือนมีช่องว่างอยู่ อาจเป็นเพราะเจี๊ยบไม่เคยรู้สึกเลยว่าแม่รักพ่อ รักเจี๊ยบเหมือนอย่างที่พ่อเคยบอกเจี๊ยบเลย ฉะนั้นหลังพ่อจากไป เจี๊ยบเลยเลือกจะอยู่กับอา แทนที่จะไปอยู่กับแม่”
ชญานิศเปิดเปลือยใจเป็นครั้งแรกกับเขาก็รู้สึกโล่งโปร่งอย่างบอกไม่ถูก ทว่าพอเงยหน้าแล้วเห็นปพนธีร์เอาแต่มองทอดวิวไกลๆ โดยไม่พูดอะไร เธอก็เสียความมั่นใจจนกลัวเขาจะตีตัวออกห่าง
“…”
“ขอโทษนะคะที่เล่าเรื่องน่าเบื่อให้พี่ฟัง”
“ไม่เลยครับ ไม่น่าเบื่อเลยสักนิด”
“…”
“พี่ก็แค่…คิดถึงแม่”
ชญานิศสัมผัสได้ถึงความเศร้าจากน้ำเสียงของชายหนุ่ม นัยน์ตาของเขาหม่นแสง
“แม่ของพี่จากไปตั้งแต่พี่อายุสิบห้า”
“เสียใจด้วยนะคะพี่พลับ”
“พี่ตอนนั้น…ก็คงอายุพอๆ กับเจี๊ยบตอนเสียพ่อไปนั่นแหละ”
“…”
“แต่ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้เขาไปสบายแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรอีก…แม่พี่ เขาใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นมามากเกินพอแล้ว”
“…”
“ทั้งหมดก็เพราะผู้หญิงแพศยาที่เข้ามาเป็นมือที่สามระหว่างพ่อกับแม่ เธอทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อเขี่ยแม่พี่ทิ้ง ย่ำยีหัวใจของแม่พี่จนทำให้ท่านต้องตรอมใจตาย”
เธอเห็นแววตาที่เศร้าระคนเจ็บแค้นของเขาก็พลันเห็นใจ ยื่นมือไปจับมือหนาของคนที่นั่งข้างกันไว้ ซึ่งเขาก็กระชับมือกลับ ก่อนจะยกมือมาแล้วจูบบนหลังมือเธอ
“ชะตากรรมชีวิตของเราสองคนก็คงไม่ต่างกันหรอก”
นั่นสินะ ชีวิตของเธอกับเขาอาจจะมีบางอย่างที่คล้ายกัน
“ต่อไปนี้พี่มีเจี๊ยบแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจี๊ยบจะอยู่ข้างพี่ ไม่จากไปไหนแน่นอน”
“ขอบคุณมากนะครับ” ปพนธีร์วาดแขนแล้วรั้งเธอเข้ามากอด ริมฝีปากแนบลงบนขมับ สายตามองออกไปบนสะพานที่มีแสงไฟสว่างโล่ด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า
ผ่านไปครู่ใหญ่ชายหนุ่มก็ปล่อยแขนที่โอบเธอไว้ แต่แทนที่เขาจะผละออกจากกันตามที่เธอเข้าใจ เขากลับลดระดับใบหน้าลงมามองตาเธอ
“…”
“…”
ปพนธีร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากประทับบนริมฝีปากของเธอ
คนที่ไม่เคยจูบใคร แต่ได้เตรียมใจไว้ระดับหนึ่งแล้วยังประหม่า ทว่าเธอไม่คิดจะผละเขาออก เปลือกตาสวยหลับพริ้มและโอบกอดเขาไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่เธอมี
เธอตั้งใจจะวางหัวใจไว้ในมือเขาแล้ว
เขาคือคนแรก และคนสุดท้ายที่หวังจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ตลอดไปด้วยกัน
ฮืออออออยายเจี๊ยยบบอย่าหวังอะไรมาก ระวังเจ็บเยอะ
นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสถึงความอ่อนโยนและอ่อนหวานเช่นนี้เขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายและความสุขมาหลายปีแล้ว กลางวันทำงานเต็มที่เพื่อให้ลืมเรื่องเครียด หากแต่กลางคืนนอนไม่หลับ ลืมตามองเพดานโง่ๆ อย่างคนอ้างว่าง ไร้ความหมายในชีวิตไม่นานปพนธีร์จึงผล็อยหลับไป รู้ตัวอีกทีก็เมื่อแขนเขาโดนสะกิด ภาพแรกหลังลืมตาเขาเห็นใบหน้าหญิงสาวที่ยังอยู่ในเสื้อครอปแขนสั้นกับกางเกงยีนส์รัดรูป…เธอยังไม่ได้อาบน้ำ ชายหนุ่มค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น แต่ไม่วายใจเต้นตึกตัก กลิ่นหอมหวานยังคงติดจมูกเขาอยู่ และตอนนี้เธอกับเขาก็อยู่ในห้องนอน ทำให้อดรู้สึกถึงบางอย่างไม่ได้“รีบออกไปได้แล้ว” ชญานิศเห็นสายตาผู้ชายตรงหน้าก็รู้ทันทันที เธอรีบออกปากไล่เขา แต่ไม่ได้พูดเสียงดัง เพราะกลัวลูกจะตื่นปพนธีร์พยักหน้า เขาเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่ม ชญานิศควรจะได้อาบน้ำและพักผ่อนแต่ขณะเดินออกไปจากห้องและเดินสวนกัน แขนเขาไม่วายเฉียดโดนแขนเล็กอีก ทว่าเขายังคงพยายามเก็บอาการ ไม่แสดงท่าทีอะไร เดินต่อไปยังชั้นล่าง โดยมีหญิงสาวตามมาส่งพอจะออกจากบ้านแล้ว ปพนธีร์ก็มองไปยังโต๊ะทำงานของเธอ นอกจากโน๊ตบุ๊ค มีเอกสารหลายกองวางบนนั้น ผน
หลังจากทำหน้าที่เสร็จ ชายหนุ่มมาเล่นกับลูกต่อ ทำเอาคนที่ว่างจากการดูแลลูกอย่างเธอได้แต่มองสองพ่อลูกเล่นกันตาปริบๆ ก่อนตัดสินใจไปทำบัญชีและเขียนงานต่อ จนเวลาผ่านไปถึงช่วงสามทุ่ม “ถึงเวลาที่ลูกต้องเข้านอนแล้ว” ปพนธีร์พาลูกขึ้นไปชั้นบนตามคำสั่งของหญิงสาว กล่อมลูกน้อยที่นอนบนเตียงเดียวกับแม่ และแน่นอนว่าเขาได้แอบสูดกลิ่นเธอขณะนอนเล่านิทานให้ลูกฟังด้วย นิทานที่เล่าเป็นนิทานสมัยใหม่ เหมาะกับเด็กในยุคนี้ เช่น การปกป้องตัวเองจากผู้ใหญ่ใจร้าย ชญานิศให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกมากจริงๆ “พ่อเคยแพ้ปีศาจบ้างไหม” แต่เล่าจบแล้ว เจ้าตัวเล็กยังไม่หลับ ยังคงซักไซ้ถามพ่อต่อ นัยน์ตาใสแจ๋ว“…มีบ้างครับ คนเราก็ต้องมีแพ้มีชนะเป็นธรรมดา ถ้าแพ้แล้วก็ลุกขึ้นสู้ใหม่ อย่าเสียใจนะครับ”“อื้อ น้องเคนไม่เสียใจ” ไม่รู้ลูกชายเข้าใจรึเปล่า แต่ตอบรับโดยดี ชายหนุ่มหอมแก้มสองข้างของเขาด้วยความรักใคร่ “พ่อ”“ครับ”“พ่อจะนอนที่นี่กับเคนกับแม่ไหม”“ไม่ครับ แต่พอตื่นมาน้องเคนจะเจอพ่อ พ่ออยู่บ้านข้างๆ นี้เอง” ปพนธีร์ชี้ไปยังผนังด้านซ้ายของห้องนอน“อยากให้พ่อมาอยู่ด้วยกันจัง มานอนบนเตียงเดียวกัน…ทำไมพ่อต้องไปอยู่บ้าน
ชญานิศกรีดร้องในใจ ขณะเดียวกันก็พยายามระงับอารมณ์ไว้มากที่สุด เพราะกลัวลูกจะตกใจกลัว“ให้อาบน้ำให้ลูก ไม่ได้อาบน้ำตัวเอง!” “ก็ลูกอยากให้พี่ลงอ่างด้วยกัน พี่ก็เลยลง” ปพนธีร์บอกเสียงจ๋อย ผิดกับนัยน์ตาที่พราวระยับ ขณะเธอจ้องหน้าเขาด้วยความเดือดดาล นัยน์ตาแทบถลนออกมา แต่ไม่คิดจะมองต่ำไปกว่าลำคอที่มีหยาดน้ำเกาะ และบางหยดกำลังไหลจากกล้ามหน้าอกสู่กล้ามหน้าท้อง ซึมเข้าไปในปมผ้าเช็ดตัว “พ่อออ” เจ้าตัวอวบไม่เรียกเปล่า กระตุกชายผ้าเช็ดตัวของพ่อแรงๆ ไม่กี่ครั้ง ผ้าเช็ดตัวก็หลุดลงจาก… กรี๊ดดด ไอ้ทากหน้าดำ! ถึงจะเคยเห็น แต่ใช่ว่าจะอยากเห็นอีก “แต่งตัวให้ลูกด้วย!” เธอชี้ไปยังกองผ้าที่เตรียมไว้ให้ลูก แล้วรีบออกจากห้อง ลงไปชั้นล่างทันที “พ่อ แม่ปิดตาทำไมอ่ะ” ลูกไม่ทันได้เห็นอะไร เพราะพ่อรีบก้มเก็บผ้าเช็ดตัวมาพันก่อนเด็กชายจะหันกลับมา แต่ถึงเห็น เด็กน้อยก็ยังคงงงอยู่ดี เพราะพ่อบอกให้ฟังตอนอยู่ในห้องน้ำแล้วว่าหากเขาโตขึ้น เขาจะมีหนอนยักษ์ใหญ่เหมือนพ่อ! ตอนนี้เขาเป็นเด็ก หนอนเขาต้องจิ๋วไปก่อน คนเป็นพ่อทั้งยิ้มทั้งขำ ไม่ได้มีแววละ
“ถ้าพี่หย่ากับจีน เจี๊ยบ…ยังอยากไปจากพี่อยู่อีกรึเปล่า” คำตอบของเธอยังคงเดิม เธอเลือกจะไปจากเขา ความรู้สึกเธอเปรียบเสมือนแก้ว เมื่อแตกแล้วก็ไม่อาจต่อให้เหมือนเดิมได้ แต่ลูกของเธอนี่สิ เขาไม่รู้ และไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย จะกีดกันเขาไม่ให้ยุ่งกับพ่อ เพียงเพราะต้องการให้เห็นใจแม่ ก็คงจะดูใจร้ายไปสักหน่อยยิ่งเห็นว่าชนิภัทรไม่ยอมให้พ่อของเขากลับไปตั้งแต่พามาส่งที่ร้าน ทั้งยังชวนเล่น ชวนให้สอนการบ้าน เต็มใจที่จะเรียนรู้อย่างน่าประหลาด ทีกับเธอ ลูกมักจะเกี่ยงแล้วเกี่ยงอีก เธอถึงต้องเอาขนมมาหลอกล่อพอถึงช่วงเวลาปิดร้าน กว่าเธอจะหว่านล้อมให้ลูกกลับด้วยกันได้ ก็ต้องเจรจาอยู่นาน เพราะเขากลัวพ่อจะหายไป“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ตอนนี้พ่อย้ายเข้าไปอยู่ข้างบ้านน้องเคนแล้วนะ”คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีเพื่อนบ้านใหม่แล้วขมวดคิ้ว“นี่คุณซื้อบ้านหลังนั้นแล้วจริงๆ เหรอ บ้ารึเปล่า!” บ้านหลังข้างๆ ติดประกาศขายด้วยราคาแพงหูฉี่ ทั้งเธอยังได้ยินจากคนในหมู่บ้านว่าภายในบ้านมีปัญหาค่อนข้างมาก ฝ้าพัง หลังคารั่ว ท่อประปาแตก แล้วเขาก็ยอมซื้อเนี่ยนะ!?“อืม วันนี้ให้ช่างเข้าไปซ่อมบางส่วน แล้วก็ทยอยซื้อของเข้
ตาของเจ้าของร้านกระตุก ชื่อของเธอถูกนำไปเป็นประเด็น หญิงสาวจึงอดมองผู้ชายสองคนนั้นตาขวางไม่ได้ หากแต่อีกคนกลับมองเธอด้วยนัยน์ตานุ่มลึกจนชวนขนลุก“วันหลังถ้าจะไปรับลูก ควรโทรบอกฉันก่อน ถ้าจู่ๆ คุณพาลูกหายไป…”“พี่ส่งข้อความบอกแล้ว แต่เจี๊ยบยังไม่เปิดอ่าน”“…”“งั้นเดี๋ยววันหลังพี่จะโทรหานะ”คนบล็อกการติดต่อหน้าม้าน เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่กลายเป็นว่าต้องเปิดโอกาสให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็เพื่อลูก ไม่มีอะไรระหว่างเขากับเธอชญานิศไม่สนใจชายหนุ่ม เธอปล่อยให้ลูกชายวิ่งไปหาพ่อ ก่อนจะไปหยิบไม้ประดับที่ร้านเพิ่งมาส่งตอนบ่ายไปประดับข้างหน้าต่างในตอนที่ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาหญิงสาวเหยียบบันไดสูงขึ้นไปเพื่อเกี่ยวลวดไว้กับที่แขวนด้านบนเธอไม่ได้รู้เลยว่าพ่อของลูกกำลังมองมาชญานิศใส่เสื้อครอบที่จั๊มตรงเอว ในยามยืนปกติ ไม่มีใครมองเห็นอะไร เพราะชายเสื้อพอดีกับขอบกางเกง แต่ยามยืดตัว เสื้อตัวนั้นกลับกลายเป็นเอวลอย โชว์ให้เห็นเอวเล็ก และสะดือจุ่นที่ปพนธีร์ชอบสัมผัส และหวงแหนมากผู้บริหารหนุ่มเหล่ตามองรุ่นน้อง แม้อัจฉริยะจะทำทีเป็นไม่สนใจ แต่รุ่นน้องลอบมองหญิงสาวอยู่ทีหนึ่ง ในอกของเข
เมื่อเดินทางกลับมาร้านกาแฟ ชญานิศเข้ามารับออเดอร์แทนอริยา เพราะพนักงานสาวกำลังติดชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าคิวก่อนหน้า และเมื่อเธอเสิร์ฟอเมริกาโน่เย็นเรียบร้อยแล้ว อริยาก็เดินมากระซิบถามเธอ“พี่เจี๊ยบได้ยินเรื่องเจ๊กงรึยังคะ” “เรื่องอะไร” ชญานิศขมวดคิ้ว ขณะเช็ดทำความสะอาดเคาน์เตอร์“ตลาดเจ๊กงถูกสั่งปิดแล้วนะ”“จริงเหรอ ทำไมล่ะ”“เห็นข่าวบอกว่าหนูวิ่งยั๊วเยี๊ยะ เป็นแหล่งเชื้อโรค ไหนจะกองขยะเบ้อเร้อหลังตลาดอีก พอมีภาพออกข่าวไป เลยโดนสั่งเลย แต่จริงๆ มันมีมานานแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงเพิ่งโดน” ชญานิศไม่ได้เก็บมาใส่ใจ คิดเพียงแค่ว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่คนนิสัยไม่ดีและชอบเอาเปรียบอย่างเจ๊กงจะถูกลงโทษบ้างเจ้าของร้านสาวกับลูกน้องยังคงตั้งใจทำงานต่อกระทั่งเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง แม่ของอริยาโทรมาบอกว่าท้องเสีย เข้าห้องน้ำไปสิบกว่ารอบแล้ว พนักงานสาวจึงต้องขอลางาน พาแม่ไปโรงพยาบาลทันที“สวัสดีครับ” อัจฉริยะเดินเข้ามาพร้อมสั่งเครื่องดื่มแก้วหนึ่งหลังอริยาออกไปไม่นาน เขาเป็นลูกค้าประจำ ชายหนุ่มมักจะมาห้าวันต่อสัปดาห์เป็นอย่างน้อย ไม่ช่วงเช้าก็ช่วงบ่าย“เอสเพรซโซ่เย็นไม่หวานได้แล้วค่ะ” ชญานิศเสิร์ฟเครื่องด







