“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”
“ไม่ได้โกรธค่ะก็เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชั้นแค่ไม่อยากถูกใครมากล่าวหามาว่าชั้นอีก”
มันก็จริงของเธออย่างที่เธอว่า..เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในเมื่อควรเป็นเค้าเองที่จะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดี ต่อให้เอ่ยคำขอโทษไปอีกกี่ครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเช่นกัน
เขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างทางเพียงแต่ขับรถตรงไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่คิดว่าเธอน่าจะชอบเพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดี
หญิงสาวนั่งตรงสายตาจ้องมองไปยังเส้นทางด้านหน้าเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเธอนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
“คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง..”
คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อยเค้าเองก็หันมามองหน้าเธอเช่นเดียวกันเพราะ ไม่คิดว่าเธอเองก็จะรู้จักร้านนี้เช่นกัน
“คุณก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ”
“นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมากับคุณปู่บ่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่คุณปู่เสียไปฉันก็ไม่ค่อยได้มาอีก”
สายตาของเธอไหววูบลงเมื่อนึกถึงคนที่จะไปอยู่บนสรวงสวรรค์และยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เธออยู่ไหนร้านที่เป็นความทรงจำที่ไม่เคยเลือนลาง
“จริงๆ ผมก็รู้จักร้านนี้ได้ไม่นานหรอกเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เอง ที่นี่ให้บรรยากาศเหมือนได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดผมก็เลยชอบมาบ่อยๆ จนกลายเป็นร้านประจำอีกร้านนึงเลยแหละ”
เมื่อต่างคนต่างให้เหตุผลและความชอบของตัวเองเสร็จแล้วก็พากันลงจากรถเดินเข้าร้านไปน่าแปลกที่ทั้งสองคนมักจะมีความชอบอะไรคล้ายๆ กันอยู่เสมอแล้วก็กลายเป็นว่าสองคนนั้นพูดคุยกันถูกคอต่างจากในตอนแรกที่ต่างคนต่างตั้งแง่ไส่กันโดยที่ไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาเหล่านั้นค่อยๆ เลือนลางจางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉันชอบนั่งที่โต๊ะนี้กับคุณปู่ค่ะ ทุกๆ อย่างที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยทั้งที่ฉันไม่ได้มานานมากแล้วขอบคุณนะคะ”
อรฤดีมองทุกอย่างด้วยแววตาเป็นประกายและรอยยิ้มอ่อนโยนราวกับกำลังทบทวนความสุขในอดีตที่เธอมองเห็นทับซ้อนอยู่ในตอนนี้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าที่ทำให้เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
“ผมดีใจที่คุณชอบนะ”
สายตาคมลอบมองใบหน้าสวยตรงหน้าเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้ชวนเธอพูดคุยอะไรเพราะต้องการให้เธอได้ซึมซับกับความทรงจำอันแสนสุขของเธอต่อไปเรื่อยๆ
ไม่รู้ทำไมเพียงแค่เห็นภาพตรงหน้าเค้าก็รู้สึกสบายใจรู้สึกเหมือนข้างในที่มันขาดหายได้ถูกเติมเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลายวันผ่านไป
“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานแล้วนะลูก”
ฝ่ามือที่ แสน อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักและหวังดีจากคนเป็นแม่ลูบลงเบาๆ ที่หัวทุยของลูกสาวถึงแม้เธอจะดื้อไปบ้างและแม้ตอนนี้เองเธอก็ยังพยายามขัดขืนและไม่เต็มใจกับการแต่งงานในครั้งนี้ที่ตนเองและสามีได้หมั้นไว้เอาไว้นั้น แต่เพื่อแม่แล้ว เพื่อความสุขของแม่เธอก็ยังยอมทำตาม..คิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูจนบอกไม่ถูก
“อรยอมแต่งงานแล้วแม่ก็ต้องไปหาหมอตามที่หมอนัดทุกครั้งนะคะเข้าใจไหม”
“รู้จักต่อรองแม่ด้วยเหรอเด็กคนนี้โตมาแล้วเจ้าเล่ห์จริงๆ เลย”
“ก็แม่ดื้อนี่คะ แต่ยังไงอรก็รักแม่ที่สุดอยู่ดี”
ไม่ว่าจะโตแค่ไหนแต่หญิงสาวก็ยังสวมกอดแม่ของเธอเอาไว้ทั้งสองแขนแล้วก้มหน้าลงไปซุกไซ้สูดกลิ่นหอมที่เหมือนกับเป็นยาวิเศษทำให้เธอมีแรงฮึดสู้ต่อไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“นี่อรแม่จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะลูก คนเราถ้าหากว่าเป็นคู่กันแล้วอยู่คนละฟากฟ้าก็มาเจอกันได้อยู่ดีแต่ถ้าหากไม่ใช่คู่กันต่อให้ยืนจับมือกันแน่นแค่ไหนสักวันก็มีเหตุให้จำเป็นต้องปล่อยมือเชื่อความรู้สึกของตัวเองเชื่อหัวใจของตัวเอง”
“แม่ขอให้ลูกได้พบกับความรักขอให้ลูกมีความสุขไปชั่วชีวิตจนวันสุดท้ายและอย่าลืมใช้หัวใจมองอย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งเข้าใจไหมลูก”
เสียงของคนเป็นแม่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรัก..เธอมีลูกสาวเพียงคนเดียวแน่นอนว่าสิ่งที่เธอเลือกให้นั้นต้องดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
สองมือเล็กๆ ของหญิงสาวที่ยังไม่พร้อมจะโตกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นในหัวก็คิดแย้งไปต่างๆ นาๆ กับคำพูดหวานหูของสิริวดี
“พรุ่งนี้ไม่มีธุระต้องไปไหนอรขอไปวัดนะคะแม่ อรอยากไปหาปู่”
“ได้สิ ให้แม่ไปด้วยไหม”
คุณแม่ยังสาวถามเสียงใสเพราะอรสนิทกับปู่มากตัวติดกันตลอด ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จนเติบโตมาแทบจะทุกช่วงชีวิตไม่ว่าตอนไหนที่หันมาก็จะมี คุณปู่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ จวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตก่อนที่คนเป็นปู่สัญญาว่าจะมาเป็นเทวดาคอยคุ้มครองเธออยู่ข้างกายไม่ห่าง
ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้ายเธอก็มักจะหาเวลาไปเล่าเหตุการณ์ที่พบเจอให้กับเทวดาของเธอฟังอยู่เสมอ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่อร ไปคนเดียวได้ค่ะ ไม่ได้ไปหาคุณปู่นานแล้วอร ว่าจะอยู่นานนิดนึง”
“งั้นก็ดูแลตัวเองด้วยนะลูกกำลังจะมีงานมงคลโบราณเค้าถือ”
“ได้เลยค่ะเดี๋ยวอรจะรีบกลับไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ไป..งั้นเข้านอนได้แล้ว ว่าที่เจ้าสาวแสนสวยของแม่”
สิริวดี ดึงผ้าห่มมาห่มให้กับดวงใจของเธอที่นอนอยู่บนเตียงมองเธอตาแป๋วด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับออกไปแยกย้ายกันพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น
“อรคิดถึงคุณปู่จังเลยค่ะถ้าคุณปู่อยู่ข้างๆ อรคุณปู่จะช่วยอรไหมคะอรยังไม่พร้อมเลย.. อรจะทำยังไงดีคะ”
ดวงตาคู่สวยเริ่มหม่นลงเรื่อยๆ เมื่อพูดถึงเรื่องที่เธอกำลังลำบากใจ นี่มันคือทั้งชีวิตของเธอที่มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ช่วงนี้อรไม่ค่อยได้มาหาเลยปู่เหงาไหมคะ อรจะมาให้บ่อยเหมือนเมื่อก่อนะคะ”
พูดไปสองมือก็จัดแจกันดอกไม้ไปทั้งที่พูดอยู่คนเดียวแต่ก็ทำเหมือนมีคนที่เธอกำลังพูดคุยอยู่ด้วยจริงๆ ทำเอาคนที่กำลังแอบมองอยู่เงียบๆ ถึงกับหัมมองซ้ายมองขวาด้วยความกังวล
“อื้อปู่จำได้ไหมคะวันเกิดอรเดือนหน้าแล้วน้าาอย่าลืมมาหาอรด้วยนะคะ”
“ถ้าคิดถึงกันขาดนั้นก็ตามไปอยู่ด้วยกันเลยสิ!”
“สวบบ! กรี้ดดดดด! ปล่อยนะ ๆ ปล่อยชั้น!!”
ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่จับกระสอบสวมศีรษะของเธอไว้ในทันทีแล้วมัดเชือกรอบตัวเธอไว้แน่นก่อนจะจับอุ้มยกขึ้นพาดบ่าแล้วรีบเดินดุ่มๆ ตรงไปขึ้นรถตู้ที่แอบจอดไว้
“กรี้ดดดดด! ช่วยด้วย! ช่วยด้วยยย !!”
อรฤดีพยายามร้องให้ดังที่สุดเผื่อว่าจะมีใครมาเห็นหรือได้ยิน .. ซึ่งก็จริง เพราะแม่ของเธอได้โทรให้ว่าที่ลูกเขยนั้นตามมาเพราะเป็นห่วงลูกสาว
เมื่อเห็นเขาก็รีบโทรแจ้งตำรวจแล้วจึงรีบเข้าไปช่วยว่าที่เจ้าสาวของเขาในทันที
“เห้ยหยุดนะเว้ย! ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้!”
เสียงของจอมทัพที่ตะโกนพูดออกมาทำให้อรฤดีโล่งในขึ้นมาไม่น้อย
“คุณ! คุณช่วยชั้นด้วย! ชั้นกลัว! อั่กก!”
คนร้ายโยนเธอเข้าไปในรถตู้จนร่างเล็กกระแทกอย่างแรงจนจุกเจ็บจนแทบร้องไม่ออก ก่อนจะได้ยินเสียงต่อสู้กัน
“ผลั่วะๆ!” หมัดหนักๆ ถูกต่อยเข้ามาที่ใบหน้าของจอมทัพหลายทีจนเขาเซล้มลงไปกองกับพื้นถึงจะเคยเรียนฝึกวิชาป้องกันตัวมาบ้างแต่ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปนั่นถือว่าเป็นอุปสรรคไม่น้อยเลยทีเดียว .. แล้วสายตาคมก็หันมองรอบๆ ตัวเพื่อหาตัวช่วยก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากิ่งไม้ใกล้ๆ ฟาดกลับไปหลายทีจนครร้ายเลือดไหลอาบหน้า
“เสร่อดีนักงั้นมึงก็ตายก่อนเลยเป็นไง !”
คนร้ายที่ต้องเก็บงานให้ได้พูดออกมาด้วยความเดือดดาลงานนี้จะมีคำว่าพลาดไม่ได้เด็ดขาด ก่อนจะหยิบไม้ขึ้นมาบ้างแล้วฟาดใส่จอมทัพในทันที
ยิ่งได้ยินเสียงอรฤดีก็ยิ่งใจคอไม่ดี แล้วก็ยิ่งลนลานพยายามแก้มัดเชือกที่มือตัวเองไม่หยุด
“ผลั่วะ! .. ผลั่วะ !”
เสียงชายทั้งสองต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเลือดสีแดงฉาดอาบไปทั่วทั้งหัว ทั้ง คิ้ว ทั้งปาก และตามร่างกายไม่ได้ต่างกัน ก่อนที่คนร้ายจะล้วงหยิบมีกพกในกระเป๋ากางเกงออกมา
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!…
พี่ชายที่รักน้องสาวมากกว่าสิ่งใดเมื่อเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดไปไม่น้อยกว่ากันถึงน้องเขาจะเคยทำเรื่องไม่ดีกับจอมทัพในอดีตแต่เมื่อได้โอกาสแก้ตัวเธอก็พยายามอย่างมากจนผ่านพ้นมาได้.. แต่เหมือนเวรกรรมจะไม่ได้ปล่อยผ่านไปเหมือนใจคน .. เลยสักนิด นี่สินะที่เขาว่ากฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ..เขาส่ายหน้าไปมาเบาๆ อย่างคิดไม่ตกเขาเข้าใจความรู้สึกของน้องสาวตัวเองดีและก็เข้าใจความรู้สึกของอรฤดีแน่นอนว่าเข้าใจความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจอมทัพด้วยเช่นกัน..แต่จะให้ทำอะไรโจ่งแจ้งได้ล่ะ .. ตืดดด ตืดดดด “อืมว่าไง..”“โอกาศมาถึงแล้วครับนาย” ขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่สายสำคัญจากลูกน้องคนสนิทก็ดังขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่น่าพอใจริมฝีปากหนาก็เหยียดยิ้มออกมาจางๆ ก่อนจะรีบขับรถออกจากบ้านไปทางฝั่งขออรฤดีเองที่ปุบปับออกมานั้นก็ไม่รู้จะไปที่ไหนถ้ากลับบ้านแม่ของเธอจะต้องรู้เรื่องแน่ๆ แล้วยิ่งช่วงหลังๆ มานี้ทัศนีย์ขอให้เธอเฝ้าจอมทัพแทนในช่วงกลางคืนด้วยโดยอ้างว่าตนเองติดงานสำคัญในช่วงนี้ ยิ่งใกล้ค่ำแล้วด้วยไม่ได้มีแผนว่าจะไปไหนเลย แต่ด้วยความโมโหจึงปากไวเท้าไวไปหน่อยพูดปุ๊บก็เดินออกมาโดยไม่มีจุดหมายปลายทางเลย
“ผมต้องหล่อให้ทันวันแต่งงานสิ” ไม่รู้ทำไม คำพูดนี้พาให้สองสายตามาบรรจบสอดประสานกันโดยอัตโนมัติแล้วหัวใจดวงน้อยๆ ในอกของคนทั้งสองอยู่ๆ ก็เต้นแรงผิดจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น…“อะ เอ่อ.. เสร็จแล้ว สะ เสร็จแล้ว”อรฤดีใบหน้าแดงก่ำพูดออกมาตะกุกตะกักก่อนจะหลบสายตาของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วขยับตัวลงจากเตียงคนป่วยไปซึ่งก็ไม่ต่างกันจอมทัพเองก็หันหน้ามองซ้ายมองขวาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรหรือทำตัวยังไงต่อได้แต่ล้มตัวลงนอนแล้วเปิดทีวีดู เพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องตอนนี้มันอึดอัดมากจนเกินไปก๊อก ก๊อก ก๊อก แกร่กก..เสียงประตูที่ดังขึ้นไม่ได้ทำให้เขาและเธอให้ความสนใจมากนักเพราะถ้าไม่ใช่คุณหมอหรือพยาบาลก็ต้องเป็นพ่อหรือแม่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน..“จอมขาาาาา” “ปัด..”ขวับ! ..ทั้งจอมทัพและอรฤดีเหมือนจะตกใจชะงักนิ่งไปชั่วครู่พร้อมๆ กันเพราะคิดไม่ถึงว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาจะเป็นผู้หญิงคนนี้…“ปัดคิดถึงคุณจังเลยค่ะ ใจร้ายที่สุดเลยไม่ยอมบอกต้องให้สืบเองถึงได้รู้ว่าจองพักรักษาตัวอยู่ที่นี่”ลูกปัดเดินตรงไปที่ชายหนุ่มแล้วโอบกอดเขาเต็มสองแขนก่อนจะหอมแก้มทั้งซ้ายขวาของเขาราวกับในห้องนี้มีกันอยู่เพียงสองคนอร
ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง“เอ็งว่าลูกของพวกเราจะรักกันหรือยังวะ”สุเมธยกแก้วไวน์ ในมือขึ้นมาดื่มก่อนจะถามเพื่อนรักอย่างคเชนทร์ด้วย รอยยิ้ม“ไม่รักกันวันนี้วันหน้าก็ต้องรักกันอยู่ดีแต่ลูกข้าเนี่ยสิยังใจแข็งไม่ยอมอ่อนสักทีไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”คเชนทร์ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกสาวจอมดื้อของตัวเองที่เขารู้นิสัยของเธอดี“ตาจอมก็ใช่ย่อยที่ไหนเรื่องปากแข็งน่ะที่หนึ่งไม่รู้ว่าหนูอรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าคนทึ่มตรงหน้าปากไม่เคยตรงกับใจเลยสักครั้ง”ทัศนีย์เอ่ยพูดขึ้นมาบ้างถึงลูกชายของตัวเองที่ดูเหมือนก็จะยังไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกัน“เอาน่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่คงจะต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างนั่นแหละเรามาฉลองกันดีกว่า”สิริวดีพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับทั้งสามคนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแผนการของตนเองอย่างมีความสุข“นั่นสินั่นสิ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเป็นหลานสาวต้องมาให้มาอยู่กับข้านะโว้ยไอ้เมธ” “ได้เลยๆ ถ้าเป็นหลานชายข้าจะยกสมบัติให้หมดไม่ให้พ่อมันสักชิ้นโทษฐานที่ทึ่มดีนัก”“ฮ่าๆๆ”แล้วทั้งสองครอบครัวก็หัวเราะชอบใจกับแผนการของตัวเองที่ดูจะค่อยๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นดี “
“มาคนเดียวเหรอครับ ..” เสียงที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักแต่ก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงใครดังขึ้นดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด“เอ่อ ค่ะ” “ผมขอนั่งด้วยได้ไหม” “หืมม ค่ะ” คนที่ยังเบลอๆ ตอบอึกอักออกไปไม่ทันได้ใช้ความคิดคนตัวสูงที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่นก็หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ เรียบร้อย“คุณอรมีธุระแถวนี้เหรอครับ” ที่ผ่านมาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเธอไม่ค่อยอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาสักเท่าไหร่แต่แล้วยังไงล่ะในเมื่อเธอยังไม่มีเจ้าของเขาก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือไง“ใช่ค่ะ ทำธุระเสร็จแล้วอรว่ากำลังจะกลับอยู่พอดีเลยค่ะ”ถึงเพิ่งจะลงมาเพราะต้องการให้อีกคนมีเวลาส่วนตัวแต่เมื่อพูดออกไปแล้วแบบนี้ก็คงต้องไปเดินเตร่อยู่ในโรงพยาบาลก่อนก็แล้วกัน“อย่าตัดสัมพันธ์ผมขนาดนั้นเลยครับคุณอรผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณอรได้ไหม”เปรมรีบพูดความในใจออกมาเมื่อเห็นท่าทีว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้งความรู้สึกที่เขามีให้เธอตั้งแต่วินาทีแรกมันออกมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานแต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอนั
“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย” ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด” เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!” “ปัดคิดจะทำอะไร ..”“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ” “ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม” “เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น คิดอย่
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!… เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณอรฤดีหยุดชะงัก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจเธอตอนนี้มันเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยในทันที ร่างของคนร้ายล้มหงายลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแน่นิ่ง จอมทัพเองก็ทิ้งตัวนอนลงไปด้วยความเหนื่อยหมดแรงหายใจหอบตัวโยน แล้วเสียงตำรวจก็วิ่งกรูกันเข้ามา ให้ตายเถอะนี่แค่จะมารับสาวเองไม่ใช่เหรอทำไมเกือบได้เอาชีวิตมาทิ้งซะอย่างนั้นดูจากการต่อสู้แล้วต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ ถ้าตำรวจมาช้าอีกนิดคงเป็นเขาแน่ๆ ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ตรงนี้ “ฮึก ..ฮึก คุณ คุณ เป็นอะไรมากไหมคุณ “อรฤดีรีบวิ่งมาหาจอมทัพที่นอนเลือดอาบไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง แก้มใสๆ อาบชุ่มไปด้วยน้ำตาแต่เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้วสติการรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป.. “คุณ อย่าเป็นอะไรไปนะคุณ ฟื้นสิ.. ฟื้นสิคุณ ฮึก ฮึก..”สองมือของเธอเขย่าร่างชายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด .….“ลูกไม่เป็นอะไรหรอกคุณ อย่าเป็นกังวลไปเลย”คนเป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาที่นั่งเฝ้าลูกชายไม่ห่างจากเตีย