“มาคนเดียวเหรอครับ ..”
เสียงที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักแต่ก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงใครดังขึ้นดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด
“เอ่อ ค่ะ”
“ผมขอนั่งด้วยได้ไหม”
“หืมม ค่ะ”
คนที่ยังเบลอๆ ตอบอึกอักออกไปไม่ทันได้ใช้ความคิดคนตัวสูงที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่นก็หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ เรียบร้อย
“คุณอรมีธุระแถวนี้เหรอครับ”
ที่ผ่านมาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเธอไม่ค่อยอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาสักเท่าไหร่แต่แล้วยังไงล่ะในเมื่อเธอยังไม่มีเจ้าของเขาก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือไง
“ใช่ค่ะ ทำธุระเสร็จแล้วอรว่ากำลังจะกลับอยู่พอดีเลยค่ะ”
ถึงเพิ่งจะลงมาเพราะต้องการให้อีกคนมีเวลาส่วนตัวแต่เมื่อพูดออกไปแล้วแบบนี้ก็คงต้องไปเดินเตร่อยู่ในโรงพยาบาลก่อนก็แล้วกัน
“อย่าตัดสัมพันธ์ผมขนาดนั้นเลยครับคุณอรผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณอรได้ไหม”
เปรมรีบพูดความในใจออกมาเมื่อเห็นท่าทีว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้งความรู้สึกที่เขามีให้เธอตั้งแต่วินาทีแรกมันออกมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานแต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอนั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและจนได้รู้ความจริงว่าการแต่งงานนั้นเธอไม่ได้เต็มใจแม้แต่น้อยจะให้เขาหมดหวังลงไปได้อย่างไรกัน
คำพูดของเขาโดนความรู้สึกของหญิงสาวอยู่ไม่น้อยถึงแม้เธอจะไม่ได้แต่งงานด้วยความเต็มใจและไม่ว่ายังไงก็คงจะต้องเลิกราแยกย้ายคืนอิสระให้แก่กันอยู่ดีแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะต้องตัดสัมพันธ์และทำลายน้ำใจใครคนหนึ่งยังไม่มีมารยาทเช่นนี้ ถึงเธอจะไม่ได้คิดไปไกลอย่างที่อีกฝ่ายคิดแต่ก็ถูกอย่างที่เขาพูดอย่างน้อยก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่นา
“อรต้องขอโทษที่เสียมารยาทด้วยนะคะช่วงนี้มีเรื่องราวเข้ามามากมายโดยที่อรไม่ทันได้ตั้งตัวเลย”
เธอนั่งลงแล้วเริ่มพูดบางอย่างออกมาโดยที่ชายหนุ่มตรงข้ามเธอก็รับฟังเงียบๆ พยายามเป็นผู้ฟังที่เธอจะผ่อนคลายและไว้ใจได้เมื่ออยู่กับเขา
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณอรนะครับ.. บางครั้งชีวิตมันก็ยากจนเราไม่รู้ว่าจะต้องตัดสินใจยังไงเลย”
“นั่นสิคะอยู่ๆ ฟ้าก็มีบททดสอบแปลกๆ มาเสิร์ฟให้ถึงที่แบบนี้อรทำตัวไม่ถูกเลยค่ะ หึหึ”
“หึหึ.. ..เอ๊ะทำไมที่แขนคุณอร”
ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่มสายตาของชายหนุ่มก็บังเอิญเห็นเข้ากับร่องรอยฟกช้ำหลายจุดที่แขนของเธอจนอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ด้วยความสงสัย
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะไม่มีอะไร”
อรฤดีพยายามตีสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันมองไปมองนอกกระจกจะให้บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ยังไงล่ะหรือว่าถ้าหากน้องของชายคนนี้เป็นตัวการละก็…
แต่หญิงสาวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าบาดแผลพวกนี้ทำให้ชายหนุ่มฉุกคิดไปถึงน้องสาวของตนเองแล้วก็ดูเหมือนเขาจะสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“เอ่ออ..คุณอรครับ พอดีผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระถ้าอย่างนั้นเอาไว้เจอกันใหม่นะครับ”
“ยินดีค่ะ..”
หญิงสาวเอ่ยตอบออกไปด้วยความโล่งใจทั้งที่กำลังนั่งนึกคำพูดต่อไปเธอจะตอบเขาอย่างไรดีเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนี่ก็นานพอสมควรแล้วกลับขึ้นไปบนห้องคนป่วยดีกว่า
.
.
.
“ฮัลโหลจอมหายไปไหนมาคะ หายไปไหนมาตั้งหลายวันปัดโทรหาคุณทุกวันเลยโทรหาคุณตั้งหลายสายมันเกิดอะไรขึ้นคะจอม”
เพียงแค่เห็นเบอร์ของชายหนุ่มโชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ ลูกปัดก็กดรับสายอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยถามรัวเป็นชุด
“ใจเย็นๆ สิครับผมไม่ได้หายไปไหนพอดีว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
“เกิดอะไรขึ้นคะจอมเป็นอะไรคุณอยู่ที่ไหนปัดจะไปหาคุณค่ะ”
“ตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาลไม่ต้องเป็นห่วงนะมีพ่อกับแม่เฝ้าผมอยู่อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ”
“ได้ยังไงกันคะปัดเป็นคนรักของคุณทำไมปัดถึงจะไปหาคุณไม่ได้”
เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธความรู้สึกน้อยอกน้อยใจที่มันซุกซ่อนอยู่ก็เริ่มเอ่อล้นออกมา ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนรักของเขาแท้ๆ แต่กลับไปหาไปดูแลไม่ได้อย่างนั้นหรือ
“คุณใจเย็นๆ ก่อนนะปัดพ่อกับแม่ผมอยู่ที่นี่ผมไม่อยากให้มีปัญหากันคุณเองก็รู้นี่นาว่าแม่ผมเป็นยังไงเอาไว้ให้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมจะพาคุณเข้าไปกราบท่านนะ”
“ก็ได้ค่ะปัดจะเชื่อคุณ”
“ก๊อกๆๆ”
“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้เดี๋ยวผมโทรหาใหม่นะ”
“ปัดจะรอนะคะปัดรักคุณนะคะจอม..”
“ผมก็รักคุณ”
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นจอมทัพก็รีบวางสายจากลูกปัดเพราะไม่อยากให้อรฤดีได้ยินเพราะอย่างน้อยก็ไม่อยากให้เธอเสียความรู้สึกไปกว่านี้ตอนนี้เธอเองก็รู้สึกผิดมากพออยู่แล้วกับการที่เขาจะต้องมาเจ็บตัวเพราะเธออย่างนี้..
ประตูห้องค่อยๆ ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับใบหน้าสวยที่ชะเง้อเข้ามาดูว่าเจ้าของห้องนั้นหลับอยู่หรือเปล่าแต่แน่นอนว่าชายหนุ่มเองก็กำลังนอนหลับอยู่โดยที่ในมือนั้นยังกำรีโมททีวีไว้..
เธอค่อยๆ เดินเข้ามาเงียบๆ หยิบรีโมทออกจากมือของชายหนุ่มแล้วห่มผ้าให้เขาทุกการกระทำของเธอคนที่แกล้งหลับรับรู้ได้เป็นอย่างดีแต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการที่เขาแกล้งหลับต่อไปเงียบๆ อย่างนี้นั่นแหละ
เมื่อเห็นว่าอีกคนหลับสนิทแล้วเธอก็หยิบหนังสือที่แวะซื้อติดมือขึ้นมาด้วยเพื่อเอาไว้อ่านค่าเวลา
“อ่านหนังสืออะไรเหรอ”
“อ้าวคุณตื่นแล้วหรอหิวน้ำไหม”
เขารีบตามมองเธออยู่เนินนานก่อนจะเอ่ยถามขึ้นก็คนมันไม่ง่วงนี่นาจะให้ฝืนหลับยังไงมันก็ไม่รับอยู่ดี
“ก็ดีนะคอแห้งอยู่พอดีเลย”
เมื่อคนป่วยเอ่ยปากออกมาอย่างนั้นหญิงสาวก็รีบลุกขึ้นไปเทน้ำใส่แก้วแล้วเอาให้ชายหนุ่มดื่มทันที
“อึก อึก อึก ขอบคุณว่าแต่คุณอ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอ”
“สถานที่ท่องเที่ยวน่ะ..”
“คุณอยากไปที่ไหน”
เมื่อเธอตอบออกมาอย่างนั้นเขาก็เริ่มอยากรู้ขึ้นมาในทันที
“ฉันอยากไปดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์แล้วคุณล่ะ”
เมื่อมีเรื่องที่คุยกันถูกคอเธอก็พูดกับเขามากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่เธอก็แทบไม่ได้สังเกตตัวเองเลย
“อืม จะว่าไปแล้วนั่นก็เป็นความฝันของผมตอนที่เรียนอยู่เลยนะ”
“แล้วตอนนี้ล่ะมีไหม ที่คุณอยากไปเที่ยวบ้างหรือเปล่า”
“พอคุณถามแบบนี้ผมไม่รู้เลยว่าถ้าผมตอบแล้วคุณจะว่าผมกวนหรือเปล่า”
“ไม่หรอก..พูดมาสิ”
“ผมอยากไปเดินที่ตลาดต้นไม้ดอกไม้”
“อุ้บบ คิก คิก..”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้แล้วกลั้นขำเอาไว้อย่างห้ามไม่ได้ก็คำตอบของเขามันเกินคาดไปมากนึกว่าจะอยากไปเที่ยวต่างประเทศที่ไหนได้..
“นั่นไงผมว่าแล้วคุณต้องหัวเราะผมแน่ๆ”
“แค่ตรงนี้เอง…เอาไว้ถ้าคุณหายดีแล้วฉันจะพาคุณไปแล้วกันนะ”
“ผมไม่ตลกนะคุณเอาความฝันของคนอื่นมาล้อเล่นแบบนี้”
เขาช้อนสายตามองเธอยังไม่อยากจะเชื่อว่าคุณหนูอย่างเธอนะหรือจะไปเดินในตลาดที่อากาศอบอ้าวผู้คนจ่อแจแถมการจราจรก็ติดขัดแบบนั้นแถมไม่ได้มีแค่ต้นไม้ดอกไม้ยังเป็นตลาดใหญ่ดูที่มีทั้งสัตว์ต่างๆ เต็มไปหมดส่วนใหญ่ผู้หญิงมักจะไม่ค่อยชอบไปสักเท่าไหร่
“จริงสิคุณฉันจะโกหกทำไมความฝันของคุณเดี๋ยวฉันจะช่วยทำให้มันเป็นจริงเอง”
คำพูดของเธอ ท่าทางของเธอ รอยยิ้มและแววตานั้นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ชายหนุ่มเผลอคิดว่าเขาอยากจะเห็นไปนานๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กับการที่มีเธออยู่ข้างๆ แบบนี้มันทำให้เขารู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเองได้อย่างน่าประหลาด
“รีโมททีวีผมไปไหนอ่ะ ยังดูไม่จบเลยคุณเปิดซีรีย์ให้ผมหน่อยสิ”
กว่าจะรู้ตัวว่าจ้องอีกคนอยู่นานโดยที่เธอไม่ได้รู้ตัวเลยเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอ
จริงๆ เขาไม่ได้ชอบดูซีรีย์อะไรพวกนี้เลยแม้แต่น้อยเพียงแต่ยกมันขึ้นมาเป็นข้ออ้างให้กับความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายบางอย่างได้ของตัวเองก็เพียงเท่านั้น
ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง“เอ็งว่าลูกของพวกเราจะรักกันหรือยังวะ”สุเมธยกแก้วไวน์ ในมือขึ้นมาดื่มก่อนจะถามเพื่อนรักอย่างคเชนทร์ด้วย รอยยิ้ม“ไม่รักกันวันนี้วันหน้าก็ต้องรักกันอยู่ดีแต่ลูกข้าเนี่ยสิยังใจแข็งไม่ยอมอ่อนสักทีไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”คเชนทร์ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกสาวจอมดื้อของตัวเองที่เขารู้นิสัยของเธอดี“ตาจอมก็ใช่ย่อยที่ไหนเรื่องปากแข็งน่ะที่หนึ่งไม่รู้ว่าหนูอรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าคนทึ่มตรงหน้าปากไม่เคยตรงกับใจเลยสักครั้ง”ทัศนีย์เอ่ยพูดขึ้นมาบ้างถึงลูกชายของตัวเองที่ดูเหมือนก็จะยังไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกัน“เอาน่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่คงจะต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างนั่นแหละเรามาฉลองกันดีกว่า”สิริวดีพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับทั้งสามคนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแผนการของตนเองอย่างมีความสุข“นั่นสินั่นสิ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเป็นหลานสาวต้องมาให้มาอยู่กับข้านะโว้ยไอ้เมธ” “ได้เลยๆ ถ้าเป็นหลานชายข้าจะยกสมบัติให้หมดไม่ให้พ่อมันสักชิ้นโทษฐานที่ทึ่มดีนัก”“ฮ่าๆๆ”แล้วทั้งสองครอบครัวก็หัวเราะชอบใจกับแผนการของตัวเองที่ดูจะค่อยๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นดี “
“มาคนเดียวเหรอครับ ..” เสียงที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักแต่ก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงใครดังขึ้นดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด“เอ่อ ค่ะ” “ผมขอนั่งด้วยได้ไหม” “หืมม ค่ะ” คนที่ยังเบลอๆ ตอบอึกอักออกไปไม่ทันได้ใช้ความคิดคนตัวสูงที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่นก็หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ เรียบร้อย“คุณอรมีธุระแถวนี้เหรอครับ” ที่ผ่านมาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเธอไม่ค่อยอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาสักเท่าไหร่แต่แล้วยังไงล่ะในเมื่อเธอยังไม่มีเจ้าของเขาก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือไง“ใช่ค่ะ ทำธุระเสร็จแล้วอรว่ากำลังจะกลับอยู่พอดีเลยค่ะ”ถึงเพิ่งจะลงมาเพราะต้องการให้อีกคนมีเวลาส่วนตัวแต่เมื่อพูดออกไปแล้วแบบนี้ก็คงต้องไปเดินเตร่อยู่ในโรงพยาบาลก่อนก็แล้วกัน“อย่าตัดสัมพันธ์ผมขนาดนั้นเลยครับคุณอรผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณอรได้ไหม”เปรมรีบพูดความในใจออกมาเมื่อเห็นท่าทีว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้งความรู้สึกที่เขามีให้เธอตั้งแต่วินาทีแรกมันออกมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานแต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอนั
“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย” ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด” เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!” “ปัดคิดจะทำอะไร ..”“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ” “ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม” “เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น คิดอย่
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!… เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณอรฤดีหยุดชะงัก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจเธอตอนนี้มันเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยในทันที ร่างของคนร้ายล้มหงายลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแน่นิ่ง จอมทัพเองก็ทิ้งตัวนอนลงไปด้วยความเหนื่อยหมดแรงหายใจหอบตัวโยน แล้วเสียงตำรวจก็วิ่งกรูกันเข้ามา ให้ตายเถอะนี่แค่จะมารับสาวเองไม่ใช่เหรอทำไมเกือบได้เอาชีวิตมาทิ้งซะอย่างนั้นดูจากการต่อสู้แล้วต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ ถ้าตำรวจมาช้าอีกนิดคงเป็นเขาแน่ๆ ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ตรงนี้ “ฮึก ..ฮึก คุณ คุณ เป็นอะไรมากไหมคุณ “อรฤดีรีบวิ่งมาหาจอมทัพที่นอนเลือดอาบไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง แก้มใสๆ อาบชุ่มไปด้วยน้ำตาแต่เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้วสติการรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป.. “คุณ อย่าเป็นอะไรไปนะคุณ ฟื้นสิ.. ฟื้นสิคุณ ฮึก ฮึก..”สองมือของเธอเขย่าร่างชายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด .….“ลูกไม่เป็นอะไรหรอกคุณ อย่าเป็นกังวลไปเลย”คนเป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาที่นั่งเฝ้าลูกชายไม่ห่างจากเตีย
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”“ไม่ได้โกรธค่ะก็เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชั้นแค่ไม่อยากถูกใครมากล่าวหามาว่าชั้นอีก”มันก็จริงของเธออย่างที่เธอว่า..เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในเมื่อควรเป็นเค้าเองที่จะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดี ต่อให้เอ่ยคำขอโทษไปอีกกี่ครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเช่นกันเขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างทางเพียงแต่ขับรถตรงไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่คิดว่าเธอน่าจะชอบเพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดีหญิงสาวนั่งตรงสายตาจ้องมองไปยังเส้นทางด้านหน้าเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเธอนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี“คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง..”คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อยเค้าเองก็หันมามองหน้าเธอเช่นเดียวกันเพราะ ไม่คิดว่าเธอเองก็จะรู้จักร้านนี้เช่นกัน“คุณก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ”“นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมากับคุณปู่บ่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่คุณปู่เสียไปฉันก็ไม่ค่อยได้มาอีก”สายตาของเธอไหววูบลงเมื่อนึกถึงคนที่จะไปอยู่บนสรวงสวรรค์และยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เธออยู่ไห
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน