“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”
คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันที
ตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อน
ไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง
อรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ
“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”
“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”
กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป
“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”
ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสนิทสักเท่าไหร่
“ใครกันแน่ที่นิสัยไม่ดีฉันว่าคุณควรจะผิดพิจารณาตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกเลยนะ”
อรฤดีเป็นฝ่ายตอบโต้กลับไปบ้างซึ่งก็ทำให้คนที่ได้ยินนั้นกำมือแน่นด้วยความโมโหเกลียดชัง แล้วเธอก็รีบทำท่าทางปกติและปรับใบหน้าให้ยิ้มแย้มเมื่อเห็นคนรักของเธอกำลังเดินมา
“ขอบคุณนะคะรักคุณที่สุดในโลกเลย”
เมื่อได้โอกาสลูกปัดก็รีบออดอ้อนคนรักของเธอเพื่อไม่ต้องการให้เขาชายตาไปมองนังผู้หญิงหน้าไม่อายคนนั้นที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่
“เราไปกันดีกว่าอร หมดอร่อยแล้ว”
กรขวัญหันไปพูดกระแทกใส่ลูกปัดพร้อมกับ หยิบกระเป๋าของตัวเองมาสะพายแล้วพากันเดินออกจากร้านไปแน่นอนว่า จอมทัพเองก็ต้องหันไปมองว่าที่เจ้าสาวของเค้าอยู่แล้ว
“บังเอิญจังเลยนะคะ”
ลูกปัดจ้องหน้าคนรักของตัวเองแล้วพูดออกมาด้วยแววตาจับผิดอะไรบางอย่างเมื่อเห็น อรฤดีนั่งอยู่เขาก็ดูแปลกไปไม่ค่อยพูดแถมยังหันไปมองอยู่บ่อยๆ จนเธอเองรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นอย่างนั้น
แต่จอมทัพก็ไม่ได้ตอบอะไร กลับมา แถมยังทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาอีกต่างหากบอกตรงๆ เลยว่าท่าทางของเขาในตอนนี้มันชวนให้คนที่กำลังจับสังเกตอยู่รู้สึกโมโหเหลือเกินมันเป็นอย่างที่คิดจริงๆ
“ปัดไม่อยากกินแล้วค่ะเรากลับกันเถอะ”
เธอทนไม่ไหวกับสถานการณ์อึดอัดนี้อีกต่อไปแล้วจึงกระแทกมือกับโต๊ะลุกขึ้นเดินออกจากร้านไปโดยที่จอมทัพเองก็เดินตามมาเงียบๆ
“จอมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมคุณดูแปลกไปเวลาได้เจอแม่นั่น”
คุณหนูตระกูลไฮโซนั่งกอดอกอยู่บนรถที่กำลังแล่นออกจากห้างสรรพสินค้าพูดออกมาด้วยความไม่พอใจก็ภาพมันฟ้องซะขนาดนั้นจะให้เธอทนแบกความรู้สึกอึดอัดเหล่านี้ไว้คนเดียวได้ยังไง
“ผมก็แค่มีเรื่องอะไรให้คิดนิดหน่อยคุณอย่าคิดมากไปเลยนะอยากไปไหนอีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่แล้วค่ะปัดอยากกลับบ้าน”
ดูเหมือนทั้งสองคนจะคิดตรงกันหลังจากนั้นตลอดทางลูกปัดก็ไม่ได้พูดอะไรกับคนข้างๆ อีกเลยจนถึงบ้านแถมในระหว่างทางก็ยังคิดแผนการอะไรบางอย่างออกมาได้ก่อนจะหันหน้ามองออกนอกกระจกรถแล้ว แสยะยิ้ม ร้ายๆ มาไม่ให้คนข้างๆ ได้เห็น
ข้อความ
“ผมต้องขอโทษแทนลูกปัดด้วยที่ทำตัวเสียมารยาทในร้านไอศครีม”
มือหนานั่งคิดก่อนจะกดพิมพ์ข้อความส่งไปให้ว่าที่เจ้าสาวของตนเองเพื่อเป็นการขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อรฤดีได้อ่านข้อความแล้วก็เบะปากคว่ำมองบนแทบไม่ทัน..ได้แต่คิดว่าต่อไปคงจะไม่นั่งร้านนั้นแล้วแหละ
“คนที่ควรพูดขอโทษไม่ใช่คุณแต่ก็เอาเถอะ..ฉันไม่ได้ใส่ใจ”
“คุณก็ชอบทานไอศครีมร้านนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“พรุ่งนี้ต้องเข้าไปดูการ์ดแต่งงานกับของชำร่วยผมจะไปรับคุณแต่เช้านะ”
“ไปตอนบ่ายก็ได้ไม่เห็นจะต้องรีบเลย”
“ตอนบ่ายผมมีธุระ”
“ถ้างั้นฉันไปคนเดียวได้เดี๋ยวถ่ายรูปส่งให้ดู”
“พ่อกับแม่ผมเอาตายแน่นอนถ้าเกิดทำแบบนั้น”
ใบหน้าสวยพ่นลมหายใจออกอย่างแรงเมื่อไม่อาจจะปฏิเสธได้ สรุปว่านี่เค้าอยากจะแต่งมากเลยหรือยังไง ไหนบอกว่าไม่อยากแต่งพูดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตอนนี้กลับให้ความร่วมมือดีซะเหลือเกิน
อรฤดีนั่งยู่ปากมุ่ยหน้า คิดหาคำพูดที่จะทำให้ไม่ต้องได้เจอกับเขา
“เอาเป็นว่าเจอกันพรุ่งนี้มาฝันดี”
“เฮ้อเอาแต่ใจจริงๆ เลยคนบ้าอะไร”
วันรุ่งขึ้น
“เอาตามนั้นนั่นแหละค่ะ” “ เอาแบบนั้นเลยค่ะ” “ทำมาเลยค่ะ”
“เดี๋ยวๆ คุณ..คุณจะไม่เลือกให้ดีๆ หน่อยเหรอ”
“เลือกไปก็เท่านั้นแหละคุณยังไงเราก็ต้องยะ..”
“เอ่อเดี๋ยวผมขอตัวคุยกับเจ้าสาวของผมสักครู่นะครับ”
ไม่รอให้เธอได้พูดคำนั้นออกจอมทัพก็พูดแทรกขัดขึ้นมาทันทีก่อนจะคว้าข้อมือของหญิงสาวจับไว้แน่นแล้วพาเดินออกไปดูเหมือนวันนี้จะดื้อกว่าทุกวัน
“นี่คุณเป็นอะไรของคุณฮะ”
“เป็นคนที่ไม่อยากแต่งงานค่ะ ไหนๆ เราก็ต้องหย่ากันอยู่แล้วฉันไม่เห็นว่าจะต้องมาเสียเวลาเลือกอะไรแบบนี้เลยแบบไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้นแหละ”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะนะคุณ แต่ก็ต้องทำให้มันออกมาดีหน่อยสิ ทำส่งๆ แบบนี้เสียชื่อครอบครัวผมหมด”
จอมทัพพูดอึกอักดูไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่สายตาก็เลิกลั่กมองไปทางโน้นทีทางนี้ที
“เอาน่าคุณอย่างน้อยๆ พ่อกับแม่ของเราทั้งสองฝ่ายก็คาดหวังกับงานนี้เอาไว้มากนะ”
ชายหนุ่มพยายามพูดให้เป็นปกติมากที่สุดพยายามโน้มน้าวให้คนตรงหน้าใจเย็นซึ่งการเอาพ่อและแม่ของทั้งสองฝ่ายขึ้นมาเป็นเมนหลักในประโยคก็ดูได้ผลอยู่ไม่น้อยนอกจากเธอจะยอมเดินกลับเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มถึงแม้จะดูออกว่าจะเสแสร้งแต่ก็ยังให้ความร่วมมือในส่วนที่เหลือเป็นอย่างดี
“คุณอยากกินอะไรวันนี้เดี๋ยวผมพาไป”
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็กลายเป็นกิจวัตรไปแล้วว่าทั้งสองจะต้องไปทานข้าวด้วยกันก่อนถึงจะกลับบ้านได้ดูท่าแล้วแผนการกระชับความสัมพันธ์ของผู้มากประสบการณ์ชีวิตอย่างพ่อและแม่ของทั้งสองฝ่ายจะประสบความสำเร็จอย่างดี
“อันที่จริงชั้นไม่ได้หิวแล้วก็ไม่ได้อยากไปกับคุณด้วยถ้าคุณอยากไปใช้เวลากับคนรักของคุณชั้นไม่ได้ว่าอะไรนะเราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้”
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน
”อ้าวสวัสดีครับเจอกันอีกแล้ว“เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหูจากคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสองขาที่สาวเท้าก้าวเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอรฤดีด้วยท่าทางที่เป็นมิตรกว่าครั้งก่อนที่เจอ”วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ“ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับกวาดสายตามองรอบๆ ไปด้วยซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีเงาของจอมทัพหรือใคร“อรมากับเพื่อนค่ะ”“ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้นะ..””อย่าดีกว่าค่ะอรกำลังจะแต่งงานแล้วนะคะคงจะดูไม่ดี“”การแต่งงานปลอมๆ น่ะเหรอครับ“ทันทีที่เปรมพูดอย่างนั้นอรฤดีก็เงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาทันทีเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้จะรู้ความจริง“คุณรู้ได้ยังไงคะ”“ผมรู้ได้ยังไงไม่สำคัญหรอกครับ ที่สำคัญคือผมช่วยคุณได้ถ้าหากคุณต้องการ”ชายหนุ่มตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเขาถูกใจเธอตั้งแต่แรกพบแต่เมื่อเห็นว่าเธอนั่งอยู่กับคนรักของน้องสาวตนเองในวันนั้นก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่เธอเข้ามาเป็นบุคคลที่สามของชีวิตคู่คนอื่น แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากน้องสาวของตัวเองเขาก็มีแรงฮึดสู้ที่จะสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง แล้วตอนนี้เขาก็พร้อมลุยเดินหน้าเต็มที่เพื่อที่จะดึงผู้หญิงคนนี้
หลายวันต่อมา “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ขวัญจะคอยเคี่ยวเข็ญให้ยายอรทำตามที่คุณแม่พูดอย่างเคร่งครัดเลยค่ะ”กรองขวัญจีบปากจีบคอพูดรับปากสิริวดีแม่ของเพื่อนสนิทตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะในการรับหน้าที่พาอรฤดีไปเข้าคอร์สเจ้าสาวในวันนี้“ดีมากลูกถ้าเกิดว่ายายอรดื้อขึ้นมาโทรบอกแม่เลยนะ”“ได้เลยค่ะคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะขวัญจะดูแลอย่างดีเลยค่ะงั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”คนเป็นแม่โบกมือบ๊ายบายให้กับหญิงสาวทั้งสองที่รักปานดวงใจ เห็นลูกสาวของเธอมีเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันดีพร้อมให้ความช่วยเหลือกันแบบนี้คนเป็นแม่แบบเธอก็นอนตายตาหลับ แต่ดูเหมือนว่าที่เจ้าสาวจะหน้างอไม่พอยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่อีกต่างหาก “ไม่เห็นจำเป็นเลยคอร์สเจ้าทรงเจ้าสาวอะไรมันจะทำให้สวยขึ้นมาได้สักแค่ไหนกันเชียวก็แค่แผนการตลาดหาเงินเพิ่มเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ”อรฤดีขึ้นมาบนรถคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วก็นั่งกอดอกแล้วบ่นอุ๊บอิ๊บในทันที “จะบ้าเหรออรมันจำเป็นมากเลยนะ ไม่ว่าแกจะแต่งเล่นหรือแต่งจริงแต่งแล้วจะอยู่ทนหรือจะเลิกมันไม่สำคัญมันสำคัญตรงที่วันที่แกได้แต่งตัวแต่งหน้าแต่งชุดเจ้าสาวคนที่สวยที่สุดในงานก็คือแกทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่แก
วันต่อมา รถยนต์คันหรูแล่นมาถึงเรือนหอหลังโตของทั้งสองคนที่อยู่แถวชานเมืองภายในรั้วกว้างใหญ่มีบ้านสองชั้นในสไตล์โมเดิร์น luxuryตั้งอยู่อย่างสวยงาม.. จะให้น้อยหน้าใครได้อย่างไรกันล่ะ จะให้เสียชื่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดได้ยังไงทุกอย่างต้องออกมาสวยงามและดีที่สุดเท่านั้นทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมเข้าอยู่ภายในถูกตกแต่งได้อย่างสวยงามหรูหราทั้งchandeliereและเฟอร์นิเจอร์พื้นที่ใช้สอยทุกอย่างลงตัว แต่ดูเหมือนว่าที่บ่าวสาวนั้นจะดูไม่ค่อยตื่นเต้นยินดีกันสักเท่าไหร่นะ…แน่ล่ะก็นี่มันเป็นงานแต่งงานปลอมๆ นี่นา “ต้องการปรับแก้ตรงไหนหรือต้องการเพิ่มเติมอะไรตรงส่วนไหนแจ้งผมได้เลยนะครับ”เลขาส่วนตัวของสุเมธเดินตามทั้งสองคนเพื่อคอยแนะนำและคอยดูแลบริการตั้งแต่ที่ว่าที่คู่บ่าวสาวมาถึง “คุณอยากปรับเปลี่ยนแก้ไขอะไรตรงไหนไหม”คนตัวสูงหันมาเอ่ยถามว่าที่เจ้าสาวของเขาที่กำลังเดินสำรวจดูห้องนั้นห้องนี้ไปทั่วทั้งที่ขาตัวเองก็สั้นนิดเดียว “ไม่นะคะ ดีมากสวยมากๆ เลยค่ะ ชั้นชอบ” คำตอบของเธอไม่เพียงแต่ทำให้เลขาของสุเมธยิ้มออกมาเท่านั้นจอมทัพเองก็เช่นกันยิ่งเห็นเธอชอบเ
“แกยังไม่เลิกกับผู้หญิงคนนั้นอีกเหรอตาจอม”ทัศนีย์แม่ของจอมทัพเดินดุ่มๆ มาเอ่ยถามเมื่อเรื่องที่ร้านอารวันนี้เข้าถึงหูเธอและก็รู้อีกด้วยว่าเรื่องนี้ทำให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอเสียความรู้สึกไปไม่น้อย“ปัดเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับคุณแม่ แล้วผมก็รักเธอ”“เห้อ..ลูกคนนี้ แกจะเคยรักเคยชอบกันน่ะแม่ไม่ว่าหรอกนะแต่แม่จะบอกเอาไว้อย่างนึงว่าคนที่เค้ารักกันจริงๆ นะลูกเค้าจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาดไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร” คนเป็นแม่ส่ายหัวมองลูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยแต่ก็ไม่ค่อยจะพอใจกับการกระทำของลูกชายตัวเองด้วยเหมือนกันจอมทัพก้มหน้าหลบสายตาของผู้หญิงที่ผ่านโลกมานานตรงหน้าด้วยความสับสนภาพในอดีตต่างๆ เริ่มไหลบ่าเข้ามาอีกครั้ง … “แม่รักและหวังดีกับลูกเสมอนะ”เธอยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายที่ดูกำลังสับสนและอ่อนแอเบาๆ ก่อนจะสวมกอดที่เต็มไปด้วยความรักของคนเป็นแม่อย่างสุดหัวใจ “ผมก็รักแม่ครับ”ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาสวมกอดตอบในทันที อ้อมกอดนี้ของเธอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมเสมอเลยจริงๆ …“อ่อ แม่มีอีกเรื่องสสำคัญจะบอกกับลูกนะ” “ครับแม่ ..”มือเล็กของคนเป็นแม่ลูบหลังของลูกชายตัวโตเบาด้
“ผมขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไป..” “อ้าวเร็วๆ สิคะทั้งสองคนจัดท่าตามในรูปได้เลยค่ะ ต้องออกมาสวยมากแน่ๆ”รูปที่พี่แมวยื่นให้ทั้งสองคนดูคือภาพที่เจ้าบ่าวนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่มีเจ้าสาวร่างเล็กนั่งอยู่บนตักของเขาพร้อมกับสองแขนที่โอบลำคอหนาของชายหนุ่มไว้มือข้างหนึ่งของเจ้าบ่าววางลงบนขาเรียวของเจ้าสาวส่วนอีกมือโอบประคองบั้นท้ายของเธอเอาไว้ราวกับว่าอยากจะกอดจะกลืนกินเธอเข้าไปเสียให้หมดทุกสัดส่วน..แล้วค่อยๆ โน้นใบหน้าเข้าแนบชิดประกบริมฝีปากจูบซับความหวานถ่ายทอดความอบอุ่นแผ่วเบาผ่านสัมอันแสนอ่อนโยนให้แก่กันและกัน.. อรฤดีหันไปมองหน้าพี่แมวอีกครั้งด้วยความลังเลทั้งที่ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว พี่แมวพยักหน้าหงึกๆ ให้เธอเป็นสัญญาณว่าให้เธอจูบกับเจ้าบ่าวได้แล้ว“เชื่อใจผมนะ”ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดออกมา แต่ทั้งน้ำเสียงและแววตาบวกกับอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกปลอกภัยนั้นทำให้อรฤดีคลายความกังวลใจลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปรับสัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากหนาของชายหนุ่มราวกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในห้วงมนต์สะกดของเขาอย่างง่ายดายมีเพียงลมหายใจแผ่วเบาของกันและกันเท่านั้นที่บอกไ