“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย”
ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ
แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …
“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด”
เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง
“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!”
“ปัดคิดจะทำอะไร ..”
“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ”
“ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”
“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม”
“เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”
คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น
ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น
คิดอย่างนั้นแล้วก็ยิ่งเพิ่มไฟแค้นในใจให้ลุกโชน ปกป้องกันให้ได้ตลอดเถอะ คอยดู…
ปัง!!
เปรมปิดประตูกระแทกเสียงดังลั่นจนลูกปัดสะดุ้ง เฮือก! ด้วยความตกใจ สองมือของเธอกำแน่นในหัวคิดแต่ต้องการจะกำจัดเสี้ยน หนาม ความรักของเธอ ให้พ้นทาง
และยิ่งคนรักของเธอติดต่อไม่ได้ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ยิ่งทำให้ในอกของเธอราวกับมีไฟสุมอยู่จนร้อนรนไปหมด
. . .
“เป็นไงบ้างอร ทำไมถึงไม่บอกอะไรกันเลย นี่ก็เพิ่งรู้จากปากคุณแม่ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ฮะ”
กรองขวัญตรงปรี่เข้ามาหาเพื่อนสนิทของเธอแล้วรีบเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความห่วงสองมือก็จะตัวของเพื่อนสาวหันไปหันมาเพื่อเช็คดูร่างกายเธอคร่าวๆ ว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกแต่ในใจมันกลัวมากเลยคนที่เจ็บมากคือคุณจอมทัพมากกว่า”
“ดีแล้วไม่เป็นไรก็ดีแล้ว..แล้วพอจะจะรู้ไหมว่าคนร้ายเป็นใคร”
“คิดไม่ออกจริงๆ”
นั่นสิเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กจนโตถ้ามีศัตรูที่ไหนฉันก็ต้องรู้บ้างสิแต่นี่”…”
กรองขวัญเองก็นึกไม่ออกว่าเพื่อนของตนจะไปมีศัตรูที่ไหนได้ นอกจากจะเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวแล้วก็ยังไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไหนอีกต่างหากแถมเพื่อนที่มีนอกจากเธอก็ไม่ใช่คนไทยเป็นเพื่อนที่เรียนไฮสคูลด้วยกันที่ต่างประเทศทั้งหมด
“เอ๊ะ! เดี๋ยวนะแต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“อะไรเหรอ อะไรเหรอขวัญ”
“ก็คนที่ดูจะไม่ชอบขี้หน้าเธอที่สุดช่วงนี้จะเป็นใครไปได้นอกจากแม่ลูกปัดลูกผู้ดีไฮโซแฟนของว่าที่สามีเธอไง”
อรฤดีนิ่งเงียบไปชั่วครู่จะว่าไปก็จริงมีแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่ออกตัวและท่าทางชัดเจนว่าไม่ชอบขี้หน้าของเธอ
“เค้าจะกล้าทำแบบนั้นเหรอจะกล้าทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
อรฤดีไม่อยากจะกล่าวหาลอยๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีคำถามเหล่านั้นเกิดขึ้นในหัวอยู่ไม่น้อย
“โอ้ยนี่มันชีวิตจริงนะอร เพื่อ ของรักของหวง คนเราเวลาหน้ามืดตามัวมันก็ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละช่วงนี้ก็ระวังตัวไว้ดีๆ แล้วกันมีอะไรก็โทรมาเข้าใจไหมอย่าไปไหนคนเดียวอีกถ้าใช่นางนั่นจริงมัน คงไม่ยอมจบง่ายๆ แน่”
อรฤดีพยักหน้ารับกับคำเตือนคำแนะนำของเพื่อนเอาจริงๆ แล้วเธอไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นเลยมีเพียงกรองขวัญที่เติบโตมาในแวดวงสังคมเดียวกันก็พอจะรู้รู้จักหน้าตานิสัยใจคอกันอยู่บ้างไม่มากก็น้อยเมื่อเพื่อนแนะนำให้ระวังแบบนี้เห็นทีผู้หญิงคนนั้นคงจะไม่ใช่เล่นๆ แน่นอน
“ขวัญจะไปเยี่ยมคุณจอมหน่อยไหม”
“โอ้ยไม่ล่ะยิ่งถ้าแม่นั่นเป็นสาเหตุด้วยแล้วนะยิ่งไม่อยากจะเห็นไม่งั้นอดโมโหไม่ได้เดี๋ยวขวัญได้จัดชุดใหญ่ให้แน่นอนเดี๋ยวจะถึงเวลานัดกับลูกค้าแล้วขวัญกลับก่อนแล้วกันเอาไว้เจอกันดูแลตัวเองดีๆ”
“บ๊ายบาย”
อรฤดียืนส่งเพื่อนจนเดินหายลับสายตาไปแล้วจึงเดินกลับขึ้นไปที่ห้องของคนป่วยที่ป่านนี้คงจะหลับปุ๋ยไปเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดที่เพิ่งกินยาเข้าไป
ช่วงระหว่างที่จอมทัพนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอรฤดีมาเฝ้าอยู่เป็นเพื่อนในตอนกลางวันทุกวัน ส่วนตอนกลางคืนจะเป็นคนจากบ้านของเขาที่พ่อและแม่จัดให้มาเฝ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเอาไว้
เมื่อขึ้นมาถึงห้องก็จริงอย่างที่คิดจอมทัพนอนหลับสนิทเห็นอย่างนั้นเธอจึงหยิบผลไม้ที่เขาชอบทานออกมาล้างและปอกเปลือกแช่ตู้เย็นเอาไว้เผื่อว่าตอนตื่นมาแล้วอยากดูซีรี่ย์จะได้มีอะไรเคี้ยวเล่น
“.. คุณเห็นมือถือผมไหม”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าป่านนี้คนรักของเขาคงจะกำลังร้อนใจที่ติดต่อเขาไม่ได้แน่ๆ
“นี่ค่ะ”
อรฤดีเปิดลิ้นชักใต้ทีวีแล้วหยิบยื่นให้ชายหนุ่มตรงหน้า เขารับไว้แล้วนอนกดโทรศัพท์ในมือยุกยิกๆ ก่อนที่จะหันมามองอรฤดีอยู่บ่อยๆ จนเธอรู้สึกได้
“ชั้นลืมของไว้ที่รถ เดี๋ยวชั้นมานะคุณ”
เมื่อเห็นอาการของชายหนุ่มก็พอจะเดาออกว่าเขาคงต้องการเวลาส่วนตัวเธอจึงบอกไปแบบนั้น
“ของสำคัญหรือเปล่าลงไปคนเดียวจะดีเหรอ”
“แหม ที่นี่โรงพยาบาลนะคุณ คนเยอะแยะแล้วนี่ก็ใจกลางเมืองไม่มีอะไรหรอก”
พูดจบแล้วเธอก็รีบลุกเดินออกไปทันทีไม่รอให้เขาได้พูดอะไรต่อ
จริงๆ แล้วไม่ได้ลืมอะไรทั้งนั้นแหละ ลงมาแล้วก็ไม่รู้จะไปไหนมองซ้ายมองขวาแล้วใบหน้าสวยก็เดินตรงไปที่ร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลพอดี แต่คนไม่ชอบกาแฟแบบเธอจะสั่งเครื่องดื่มอะไรได้ล่ะนอกจาก.. น้ำผลไม้ตามฤดูกาล
อีกแค่เดือนกว่าๆ ก็จะถึงกำหนดวันแต่งงานแล้วนี่ขนาดยังไม่แต่งชีวิตที่เคยสงบสุขของเธอก็วุ่นวานไปหมดถ้าหากแต่งงานกันแล้วมันจะขนาดไหนคิดแล้วหญิงสาวก็ส่ายหัวไปมาให้กับชีวิตช่วงนี้ของตัวเอง
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเล็กๆ ติดผนังกระจกนั่งมองออกไปข้างนอกนั่น
“มาคนเดียวเหรอครับ ..”
“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย” ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด” เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!” “ปัดคิดจะทำอะไร ..”“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ” “ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม” “เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น คิดอย่
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!… เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณอรฤดีหยุดชะงัก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจเธอตอนนี้มันเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยในทันที ร่างของคนร้ายล้มหงายลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแน่นิ่ง จอมทัพเองก็ทิ้งตัวนอนลงไปด้วยความเหนื่อยหมดแรงหายใจหอบตัวโยน แล้วเสียงตำรวจก็วิ่งกรูกันเข้ามา ให้ตายเถอะนี่แค่จะมารับสาวเองไม่ใช่เหรอทำไมเกือบได้เอาชีวิตมาทิ้งซะอย่างนั้นดูจากการต่อสู้แล้วต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ ถ้าตำรวจมาช้าอีกนิดคงเป็นเขาแน่ๆ ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ตรงนี้ “ฮึก ..ฮึก คุณ คุณ เป็นอะไรมากไหมคุณ “อรฤดีรีบวิ่งมาหาจอมทัพที่นอนเลือดอาบไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง แก้มใสๆ อาบชุ่มไปด้วยน้ำตาแต่เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้วสติการรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป.. “คุณ อย่าเป็นอะไรไปนะคุณ ฟื้นสิ.. ฟื้นสิคุณ ฮึก ฮึก..”สองมือของเธอเขย่าร่างชายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด .….“ลูกไม่เป็นอะไรหรอกคุณ อย่าเป็นกังวลไปเลย”คนเป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาที่นั่งเฝ้าลูกชายไม่ห่างจากเตีย
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”“ไม่ได้โกรธค่ะก็เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชั้นแค่ไม่อยากถูกใครมากล่าวหามาว่าชั้นอีก”มันก็จริงของเธออย่างที่เธอว่า..เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในเมื่อควรเป็นเค้าเองที่จะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดี ต่อให้เอ่ยคำขอโทษไปอีกกี่ครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเช่นกันเขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างทางเพียงแต่ขับรถตรงไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่คิดว่าเธอน่าจะชอบเพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดีหญิงสาวนั่งตรงสายตาจ้องมองไปยังเส้นทางด้านหน้าเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเธอนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี“คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง..”คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อยเค้าเองก็หันมามองหน้าเธอเช่นเดียวกันเพราะ ไม่คิดว่าเธอเองก็จะรู้จักร้านนี้เช่นกัน“คุณก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ”“นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมากับคุณปู่บ่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่คุณปู่เสียไปฉันก็ไม่ค่อยได้มาอีก”สายตาของเธอไหววูบลงเมื่อนึกถึงคนที่จะไปอยู่บนสรวงสวรรค์และยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เธออยู่ไห
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน
”อ้าวสวัสดีครับเจอกันอีกแล้ว“เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหูจากคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสองขาที่สาวเท้าก้าวเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอรฤดีด้วยท่าทางที่เป็นมิตรกว่าครั้งก่อนที่เจอ”วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ“ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับกวาดสายตามองรอบๆ ไปด้วยซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีเงาของจอมทัพหรือใคร“อรมากับเพื่อนค่ะ”“ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้นะ..””อย่าดีกว่าค่ะอรกำลังจะแต่งงานแล้วนะคะคงจะดูไม่ดี“”การแต่งงานปลอมๆ น่ะเหรอครับ“ทันทีที่เปรมพูดอย่างนั้นอรฤดีก็เงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาทันทีเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้จะรู้ความจริง“คุณรู้ได้ยังไงคะ”“ผมรู้ได้ยังไงไม่สำคัญหรอกครับ ที่สำคัญคือผมช่วยคุณได้ถ้าหากคุณต้องการ”ชายหนุ่มตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเขาถูกใจเธอตั้งแต่แรกพบแต่เมื่อเห็นว่าเธอนั่งอยู่กับคนรักของน้องสาวตนเองในวันนั้นก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่เธอเข้ามาเป็นบุคคลที่สามของชีวิตคู่คนอื่น แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากน้องสาวของตัวเองเขาก็มีแรงฮึดสู้ที่จะสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง แล้วตอนนี้เขาก็พร้อมลุยเดินหน้าเต็มที่เพื่อที่จะดึงผู้หญิงคนนี้
หลายวันต่อมา “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ขวัญจะคอยเคี่ยวเข็ญให้ยายอรทำตามที่คุณแม่พูดอย่างเคร่งครัดเลยค่ะ”กรองขวัญจีบปากจีบคอพูดรับปากสิริวดีแม่ของเพื่อนสนิทตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะในการรับหน้าที่พาอรฤดีไปเข้าคอร์สเจ้าสาวในวันนี้“ดีมากลูกถ้าเกิดว่ายายอรดื้อขึ้นมาโทรบอกแม่เลยนะ”“ได้เลยค่ะคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะขวัญจะดูแลอย่างดีเลยค่ะงั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”คนเป็นแม่โบกมือบ๊ายบายให้กับหญิงสาวทั้งสองที่รักปานดวงใจ เห็นลูกสาวของเธอมีเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันดีพร้อมให้ความช่วยเหลือกันแบบนี้คนเป็นแม่แบบเธอก็นอนตายตาหลับ แต่ดูเหมือนว่าที่เจ้าสาวจะหน้างอไม่พอยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่อีกต่างหาก “ไม่เห็นจำเป็นเลยคอร์สเจ้าทรงเจ้าสาวอะไรมันจะทำให้สวยขึ้นมาได้สักแค่ไหนกันเชียวก็แค่แผนการตลาดหาเงินเพิ่มเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ”อรฤดีขึ้นมาบนรถคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วก็นั่งกอดอกแล้วบ่นอุ๊บอิ๊บในทันที “จะบ้าเหรออรมันจำเป็นมากเลยนะ ไม่ว่าแกจะแต่งเล่นหรือแต่งจริงแต่งแล้วจะอยู่ทนหรือจะเลิกมันไม่สำคัญมันสำคัญตรงที่วันที่แกได้แต่งตัวแต่งหน้าแต่งชุดเจ้าสาวคนที่สวยที่สุดในงานก็คือแกทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่แก