ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
“เอ็งว่าลูกของพวกเราจะรักกันหรือยังวะ”
สุเมธยกแก้วไวน์ ในมือขึ้นมาดื่มก่อนจะถามเพื่อนรักอย่างคเชนทร์ด้วย รอยยิ้ม
“ไม่รักกันวันนี้วันหน้าก็ต้องรักกันอยู่ดีแต่ลูกข้าเนี่ยสิยังใจแข็งไม่ยอมอ่อนสักทีไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”
คเชนทร์ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกสาวจอมดื้อของตัวเองที่เขารู้นิสัยของเธอดี
“ตาจอมก็ใช่ย่อยที่ไหนเรื่องปากแข็งน่ะที่หนึ่งไม่รู้ว่าหนูอรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าคนทึ่มตรงหน้าปากไม่เคยตรงกับใจเลยสักครั้ง”
ทัศนีย์เอ่ยพูดขึ้นมาบ้างถึงลูกชายของตัวเองที่ดูเหมือนก็จะยังไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกัน
“เอาน่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่คงจะต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างนั่นแหละเรามาฉลองกันดีกว่า”
สิริวดีพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับทั้งสามคนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแผนการของตนเองอย่างมีความสุข
“นั่นสินั่นสิ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเป็นหลานสาวต้องมาให้มาอยู่กับข้านะโว้ยไอ้เมธ”
“ได้เลยๆ ถ้าเป็นหลานชายข้าจะยกสมบัติให้หมดไม่ให้พ่อมันสักชิ้นโทษฐานที่ทึ่มดีนัก”
“ฮ่าๆๆ”
แล้วทั้งสองครอบครัวก็หัวเราะชอบใจกับแผนการของตัวเองที่ดูจะค่อยๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นดี
“บ้านอื่นเขามีแต่ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้แต่บ้านนี้ดันเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีปัญหากันเองโอ้ยยยคิดแล้วก็ปวดหัว”
ทัศนีย์ยกแก้วขึ้นกระดกทีเดียวหมดก่อนจะพูดออกมา
“นั่นสิ่กว่าพวกเราจะเลี้ยงลูกให้โตมาจนป่านนี้ได้เลือดตาแทบกระเด็น แต่ดูลูกๆ เรานอกจากจะดื้อรั้นแล้ว ยังปีกกล้าขาแข็งใส่เราอีกต่างหาก”
สิริวดีทำหน้าน้อยใจแล้วตักอาหารเข้าปาก
“เอาน่าๆ ยังไงงานแต่งก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วเราเตรียมรับขวัญลูกเขยลูกสะใภ้กันดีกว่า ”
“เห้ยย ไอ้เมธกูมีแผนดัดหลังเผื่อว่าลูกๆ เรามันจะเล่นแง่ ”
“ยังไงวะ ไหนลองพูดมาสิ ”
“ก็เด็กสองคนไม่ได้รักกันตั้งแต่เริ่มใช่ไหมล่ะ เผื่อว่าแต่งกันไปแล้วคิดจะหย่ากันล่ะ มีให้เห็นเยอะแยะไปนี่หว่า”
“เออว่ะ ลูกกูมันยิ่งเจ้าเล่ห์อยู่ด้วยสิ แล้วแผนว่ายังไงวะไอ้เชนทร์ ”
“ถ้าใครหย่าอดได้มรดกแล้วถึงไม่หย่าก็ยังไม่ให้อยู่ดีต้องมีหลานก่อนถึงจะได้ ฮ่าๆ เป็นไงดีไหมๆ”
“เอ้อออ เข้าท่าดีๆ ”
“ดีค่ะดีๆ ชั้นเห็นด้วย”
“ใช่ๆ ชั้นเอาด้วย”
เสียงหัวเราะชอบใจดังลั่นแค่อรฤดีเป็นคนเฝ้าจอมทัพคนเป็นแม่อย่างทัศนีย์ก็หายห่วงมาทานข้าวกับครอบครัวเพื่อนสนิทได้อย่างสบายใจ
“นี่คุณหลายวันแล้วนะ ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเป็นฝีมือใคร ”
ทัศนีย์นึกขึ้นได้ถึงแม้ตอนนี้ เธอจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแต่ก็ไม่ลืมเรื่องที่ลูกชายของเธอและว่าที่ลูกสะใภ้ถูกทำร้ายจนต้องนอนพักรักษาตัวอยู่หลายวัน
คำถามของเธอทำให้คนเป็นสามีน่าเปลี่ยนสีลงไป จริงๆ เค้ารู้แล้วว่าเป็นฝีมือใครแต่ไม่อยากจะบอกคนเป็นเมียก็เท่านั้นเพราะคิดว่าถ้าเธอรู้รับรองมีหวังเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตแน่นอน
“ทำหน้าแบบนี้อย่าบอกนะว่าคุณรู้แล้วแต่ไม่บอกฉันน่ะ”
”รู้แล้วเอ็งก็บอกมาสิ่ว่าไอ้เมธ จะเก็บเงียบไว้ทำไมนี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะโว้ย“
”ก็เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น่ะสิว่ะข้าถึงยังไม่อยากจะพูดไปตอนนี้“
“คุณจะพูดตอนนี้หรือจะให้ฉันโมโหก่อนดีคะคุณสุเมธ”
ทัศนีย์เปลี่ยนทั้งสีหน้าเปลี่ยนน้ำเสียงจ้องมองคนเป็นสามีตาไม่กระพริบ แน่นอนแหละเพราะว่าเธอดื่มไปหลายแก้วแล้วถึงแม้ว่าเธอจะดูเป็นคนใจดียิ้มหวานแต่มีไม่กี่คนหรอกที่พอจะรู้ว่าอย่าทำให้เธอโมโหเป็นอันขาดเชียว
ที่เธอยอมปล่อยเรื่องลูกชายนั้นก็เพราะว่าสามีของเธอรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้แน่นอนเธอถึงยอมวางใจ
“เอ่อคือคือว่าคุณ.. “
“พูดมาสิคะฉันรอฟังอยู่”
“คนที่ทำร้ายหนูอรกับเจ้าจอมก็คือหนูปัด”
“อะไรนะคะ คุณพูดว่าหนังผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำร้ายลูกของเราอย่างนั้นเหรอ”
ตอนนี้ทัศนีย์เลือดขึ้นหน้าของจริงแล้วเดิมทีเธอก็ไม่ชอบหน้าผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้วแล้วยิ่งมาทำร้ายว่าที่ลูกสะใภ้และลูกชายของเธอแบบนี้รับรองได้เห็นดีกันแน่ๆ
“จริงๆ แล้วหนูปัดไม่ได้จะทำร้ายลูกของเราหรอกตอนนี้เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าจอมต้องเจ็บตัวเพราะการกระทำของเธอ”
สุเมธพยายามอธิบายให้เมียฟังซึ่งไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอจะได้ยินหรือเปล่า
“หนูปัดนี่คือใครกันคะ”
“หนูปัดคือคนรักของเจ้าจอมที่เคยมีปัญหากันอย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ”
“กูนึกว่าเลิกรากันไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วซะอีก”
“ไม่หรอก ไม่รู้ไปปรับความเข้าใจกันยังถึงยังคบกันมาได้ยาวนานขนาดนี้”
“ก็ตาจอมนั่นแหละที่ยอมใจอ่อนให้ผู้หญิงคนนั้น คอยดูเถอะได้เลิกกันจริงๆ แน่นอน!”
“คือจริงๆ แล้วเท่าที่รู้มาหนูปัดไม่พอใจที่ตาจอมจะแต่งงานกับหนูอรก็เลยคิดจะจับตัวหนูอรไปให้งานแต่งล่มนั่นแหละ แต่พอดีว่าวันนั้นตาจอมตามหนูอรไปเจอตอนที่หนูอรถูกทำร้ายพอดี”
“หึ ไม่ว่านังเด็กคนนั้นจะเป็นลูกเต้าเหล่าใครชั้นไม่สน มาทำแบบนี้เจอดีแน่ๆ ต่อไปหนูอรต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ หนังเด็กนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นเดี๋ยวส่วนที่เหลือฉันจะเป็นคนจัดการเอง”
ทุกคนพยักหน้ารับรู้และเข้าใจก่อนจะพากันลืมเรื่องเครียดๆ แล้วหันมาชนแก้วดื่มฉลอง ให้กับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น
สามวันต่อมา
“ยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าคุณ แผล ตามตัวก็หายดีจนแทบจะไม่มีร่องรอยแล้วยังเหลือที่ใบหน้าอีกนิดนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
ปากกระจับ เอ่ยพูด พร้อมกับสองมือที่ทายาไปตามแผลช้ำให้ชายหนุ่มจนตอนนี้เรียกได้ว่าจวนจะหายดีร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
“ไม่เจ็บแล้วแหละแต่แผลเป็นนี่หลงเหลือบ้างก็ไม่เป็นไรธรรมดาของลูกผู้ชาย”
ใบหน้าหล่อคมคายที่แม้จะมีแผลแตกที่หัวคิ้วเพิ่มมาและที่คางนิดหน่อยก็ดูจะไม่ทำให้ความหล่อลดลงได้เลยพูดยักคิ้วหลิวตาออกมาด้วยความภูมิใจ
“งั้นเอาอีกสักสองแผลไหมล่ะเดี๋ยวฉันทำให้”
“โถ่คุณก็ให้ผมเล่นหน่อยอยู่โรงบาลตั้งหลายวันเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
“คุณกลับบ้านได้ตั้งนานแล้วนะหรืออยากกลับวันนี้เลยไหมฉันจะไปบอกหมอให้”
ถึงลึกๆ อรฤดีจะรู้สึกผิดอยู่แต่การที่ต้องมาใกล้ชิดกันทุกวันแบบนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นผลดีสักเท่าไหร่
“ใจเย็นก่อนคุณ.. ใจเย็นๆ ก่อนนะผมอ่ะไม่มีปัญหาแต่แม่ผมน่ะสิ”
เมื่อได้ยินคนตรงหน้าพูดอย่างนั้นใบหน้าหล่อก็รีบอ้างบุพการีขึ้นมาทันที่จริงๆ การได้ตื่นมาแล้วเห็นหน้าเธอทุกๆ วันอย่างนี้กลายเป็นความเคยชินและความรู้สึกคุ้นเคยที่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกจะบอกว่าไม่ต้องการก็ดูจะยังไม่พร้อมคงต้องเอาคำพูดของแม่มาอ้างเพื่อยื้อเวลาไว้ก่อนอีกสักหน่อยก็ยังดี
“ทาตรงนี้ให้ด้วยสิคุณ ผมเห็นเหมือนจะเป็นรอยดำๆ ใช่มั้ย”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นชี้ตรงบริเวณสันกรามของตัวเองที่ไม่แน่ใจว่าแผลอยู่ตรงไหนได้แต่เอียงหน้าให้อีกคนดู
“มาสิ่ แต่เป็นจุดนิดเดียวเองไม่ใช่แผลใหญ่เดี๋ยวก็หาย”
“ผมต้องหล่อให้ทันวันแต่งงานสิ”
ไม่รู้ทำไม คำพูดนี้พาให้สองสายตามาบรรจบสอดประสานกันโดยอัตโนมัติแล้วหัวใจดวงน้อยๆ ในอกของคนทั้งสองอยู่ๆ ก็เต้นแรงผิดจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น…
ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง“เอ็งว่าลูกของพวกเราจะรักกันหรือยังวะ”สุเมธยกแก้วไวน์ ในมือขึ้นมาดื่มก่อนจะถามเพื่อนรักอย่างคเชนทร์ด้วย รอยยิ้ม“ไม่รักกันวันนี้วันหน้าก็ต้องรักกันอยู่ดีแต่ลูกข้าเนี่ยสิยังใจแข็งไม่ยอมอ่อนสักทีไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”คเชนทร์ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกสาวจอมดื้อของตัวเองที่เขารู้นิสัยของเธอดี“ตาจอมก็ใช่ย่อยที่ไหนเรื่องปากแข็งน่ะที่หนึ่งไม่รู้ว่าหนูอรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าคนทึ่มตรงหน้าปากไม่เคยตรงกับใจเลยสักครั้ง”ทัศนีย์เอ่ยพูดขึ้นมาบ้างถึงลูกชายของตัวเองที่ดูเหมือนก็จะยังไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกัน“เอาน่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่คงจะต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างนั่นแหละเรามาฉลองกันดีกว่า”สิริวดีพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับทั้งสามคนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแผนการของตนเองอย่างมีความสุข“นั่นสินั่นสิ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเป็นหลานสาวต้องมาให้มาอยู่กับข้านะโว้ยไอ้เมธ” “ได้เลยๆ ถ้าเป็นหลานชายข้าจะยกสมบัติให้หมดไม่ให้พ่อมันสักชิ้นโทษฐานที่ทึ่มดีนัก”“ฮ่าๆๆ”แล้วทั้งสองครอบครัวก็หัวเราะชอบใจกับแผนการของตัวเองที่ดูจะค่อยๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นดี “
“มาคนเดียวเหรอครับ ..” เสียงที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักแต่ก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงใครดังขึ้นดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด“เอ่อ ค่ะ” “ผมขอนั่งด้วยได้ไหม” “หืมม ค่ะ” คนที่ยังเบลอๆ ตอบอึกอักออกไปไม่ทันได้ใช้ความคิดคนตัวสูงที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่นก็หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ เรียบร้อย“คุณอรมีธุระแถวนี้เหรอครับ” ที่ผ่านมาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเธอไม่ค่อยอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาสักเท่าไหร่แต่แล้วยังไงล่ะในเมื่อเธอยังไม่มีเจ้าของเขาก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือไง“ใช่ค่ะ ทำธุระเสร็จแล้วอรว่ากำลังจะกลับอยู่พอดีเลยค่ะ”ถึงเพิ่งจะลงมาเพราะต้องการให้อีกคนมีเวลาส่วนตัวแต่เมื่อพูดออกไปแล้วแบบนี้ก็คงต้องไปเดินเตร่อยู่ในโรงพยาบาลก่อนก็แล้วกัน“อย่าตัดสัมพันธ์ผมขนาดนั้นเลยครับคุณอรผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณอรได้ไหม”เปรมรีบพูดความในใจออกมาเมื่อเห็นท่าทีว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้งความรู้สึกที่เขามีให้เธอตั้งแต่วินาทีแรกมันออกมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานแต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอนั
“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย” ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด” เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!” “ปัดคิดจะทำอะไร ..”“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ” “ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม” “เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น คิดอย่
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!… เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณอรฤดีหยุดชะงัก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจเธอตอนนี้มันเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยในทันที ร่างของคนร้ายล้มหงายลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแน่นิ่ง จอมทัพเองก็ทิ้งตัวนอนลงไปด้วยความเหนื่อยหมดแรงหายใจหอบตัวโยน แล้วเสียงตำรวจก็วิ่งกรูกันเข้ามา ให้ตายเถอะนี่แค่จะมารับสาวเองไม่ใช่เหรอทำไมเกือบได้เอาชีวิตมาทิ้งซะอย่างนั้นดูจากการต่อสู้แล้วต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ ถ้าตำรวจมาช้าอีกนิดคงเป็นเขาแน่ๆ ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ตรงนี้ “ฮึก ..ฮึก คุณ คุณ เป็นอะไรมากไหมคุณ “อรฤดีรีบวิ่งมาหาจอมทัพที่นอนเลือดอาบไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง แก้มใสๆ อาบชุ่มไปด้วยน้ำตาแต่เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้วสติการรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป.. “คุณ อย่าเป็นอะไรไปนะคุณ ฟื้นสิ.. ฟื้นสิคุณ ฮึก ฮึก..”สองมือของเธอเขย่าร่างชายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด .….“ลูกไม่เป็นอะไรหรอกคุณ อย่าเป็นกังวลไปเลย”คนเป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาที่นั่งเฝ้าลูกชายไม่ห่างจากเตีย
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”“ไม่ได้โกรธค่ะก็เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชั้นแค่ไม่อยากถูกใครมากล่าวหามาว่าชั้นอีก”มันก็จริงของเธออย่างที่เธอว่า..เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในเมื่อควรเป็นเค้าเองที่จะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดี ต่อให้เอ่ยคำขอโทษไปอีกกี่ครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเช่นกันเขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างทางเพียงแต่ขับรถตรงไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่คิดว่าเธอน่าจะชอบเพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดีหญิงสาวนั่งตรงสายตาจ้องมองไปยังเส้นทางด้านหน้าเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเธอนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี“คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง..”คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อยเค้าเองก็หันมามองหน้าเธอเช่นเดียวกันเพราะ ไม่คิดว่าเธอเองก็จะรู้จักร้านนี้เช่นกัน“คุณก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ”“นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมากับคุณปู่บ่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่คุณปู่เสียไปฉันก็ไม่ค่อยได้มาอีก”สายตาของเธอไหววูบลงเมื่อนึกถึงคนที่จะไปอยู่บนสรวงสวรรค์และยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เธออยู่ไห
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน