“ท่าน!”เวินเยวี่ยโมโหจนแทบหายใจไม่ออก หน้ามืดไปชั่วขณะ ก่อนจะล้มลงในอ้อมกอดของชุยเส้าเจ๋อด้วยสีหน้าซีดเผือด“เจ้าจะทำไม!”เวินหย่าลี่แค่นเสียงเย็น “เมื่อก้าวเข้าประตูจวนจงหย่งโหวของเราแล้ว ข้าขอเตือนเจ้าว่าทางที่ดีควรระมัดระวังคำพูดและการกระทำ หากต่อไปปากของเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก จนส่งผลกระทบใดๆ ต่อชื่อเสียงของจวนจงหย่งโหวของเรา ข้าจะสั่งให้เส้าเจ๋อหย่าขาดจากเจ้าอย่างแน่นอน!”เวินเยวี่ยถูกด่าทอจนสีหน้าเปลี่ยนเป็นเขียวทีขาวทีบางครั้งก็โกรธจนหน้าแดงก่ำ แค้นจนอยากจะลากเวินหย่าลี่ไปตายด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดเวินเยวี่ยพยายามสะกดกลั้นความโกรธ บนใบหน้าแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจ “พี่เส้าเจ๋อ ข้ายอมเป็นฮูหยินรองก็เพื่อท่าน ด้วยความรักความผูกพันเช่นนี้ ท่านจะหย่าขาดจากข้าจริงๆ หรือ?”เวินหย่าลี่มันก็แค่คนบ้า!แต่ก่อนเอาแต่จี้ให้ลูกชายตัวเองทำดีกับนาง แต่ตอนนี้นี่น่ะหรือคือ “ทำดีกับนาง” ที่เวินหย่าลี่กล่าว?สกุลเวินไม่มีคนดีสักคนจริงๆ !พวกเจ้าทุกคนคอยดูเถอะ!ไม่ว่าจะเป็นจวนจงหย่งโหวหรือจวนเจิ้นกั๋วกงนางจะไม่ปล่อยไปทั้งนั้น!โดยเฉพาะเวินซื่อ คนที่กล้าหยามเกียรตินางเวินเยวี่ย นางจะท
“นะ...นี่คืออะไร? นี่มันอะไรกัน?!”เวินเยวี่ยที่เดิมทีไม่ได้ใส่ใจ “ก้อนหิน” ก้อนนั้นเลย พอได้เห็น “ก้อนหิน” นั้นเปลี่ยนเป็นเถ้าธุลีสีเทาอมขาว ภายในชั่วพริบตา การคาดเดาอันน่าเหลือเชื่อบางอย่างก็ผุดขึ้นในใจนางโผเข้าไปตรงหน้ากองเถ้าถ่านนั้นทันที ยื่นมืออันสั่นเทาออกไปกอบมันขึ้นมา สัมผัสละเอียดอ่อนอันน่าประหลาดนั้นทำให้นางกรีดร้องสุดเสียงทันที เสียงร้องนั้นปานจะขาดใจ“อ๊าาาา!”“เวินซื่อ! ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!”นังสารเลวนั่น!นางกล้าดีอย่างไร!นางกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?!ธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้เมตตาอะไรกัน นักบวชอะไรกัน!นางเวินซื่อแท้จริงแล้วก็เป็นแค่คนชั่วช้าใจดำอำมหิต!“เป็นอะไรไปน้องเยวี่ยเอ๋อร์? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ชุยเส้าเจ๋อตกใจกับท่าทางสติแตกคลุ้มคลั่งของเวินเยวี่ย รีบเข้าไปกอดนางไว้พลางเอ่ยถาม “นี่มันคืออะไรกันแน่? เหตุใดจึงทำให้เจ้าตื่นตกใจถึงเพียงนี้?”พอได้ยินเสียงของเขา เวินเยวี่ยก็หันไปคว้าตัวเขาไว้แน่น ดวงตาเหมือนลูกกวางน้อยคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำตาแห่งความสิ้นหวังและความแค้นอันไร้ที่สิ้นสุด ร้องไห้ฟูมฟายพลางกล่าวออกมา “ฮือๆๆ พี่เส้าเจ๋อ เวินซื่อนาง...นางขุดกระดู
หลินเนี่ยนฉือพลันตวาดใส่ชุยเส้าเจ๋อ “ชื่อของท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ ใช่สิ่งที่เจ้าจะเรียกได้ตามใจชอบหรือ?”ชุยเส้าเจ๋อก็โมโหขึ้นมาทันที “เมื่อครู่เจ้าก็เรียกมิใช่หรือ?!”หลินเนี่ยนฉือยิ้มออกมาทันที “ก็ไม่ดูเสียหน่อยเล่าว่าข้ากับอาซื่อของข้ามีความสัมพันธ์เช่นไร ข้าน่ะเรียกได้ แต่เจ้าเรียกไม่ได้”รอยยิ้มนั้นดูลำพองใจยิ่งนักทำเอาอันหลันซินมองแล้วถึงกับกัดฟันกรอด รู้สึกขัดตาอย่างยิ่งชุยเส้าเจ๋อถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก เวินหย่าลี่ไม่อยากเห็นเรื่องวุ่นวายนี้อีกต่อไปแล้ว จึงเร่งเร้าเวินเยวี่ยโดยตรง “มัวเหม่ออะไรอยู่ ยังไม่รีบอีก”เวินเยวี่ยกัดฟันแน่น ดวงตาที่มองไปยังเวินซื่อเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงก่ำสุดท้ายแล้ว นางทำได้เพียงเอ่ยปากอย่างไม่เต็มใจ ก้มศีรษะลง “...ขอบคุณ...ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์”“อืม”เวินซื่อตอบรับเสียงเรียบ ราวกับว่านั่นคือความเมตตาที่ประทานให้แก่นางฉางเสี่ยวหานจึงค่อยปล่อยมือ หันกลับไปอยู่ข้างกายท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางไม่นานนัก นางก็ยกของสิ่งหนึ่งออกมาอีก แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเวินเยวี่ยเวินเยวี่ยที่คิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว พอเห็นฉางเสี่ยวหานยกของมาอีกครั้ง นา
เวินเยวี่ยดิ้นรนอย่างสุดชีวิตอยู่หลายครั้ง แต่คาดไม่ถึงว่าเรี่ยวแรงของเวินหย่าลี่จะมากมายถึงเพียงนั้น นางจึงถูกจับไว้จนไม่สามารถดิ้นหลุดได้“ปล่อยข้า!”เวินเยวี่ยตวาดอย่างเกรี้ยวกราดเวินหย่าลี่แค่นหัวเราะ “ข้าปล่อยเจ้าก็ได้ แต่เจ้าควรคิดให้ดีเสียก่อน หากปล่อยครั้งนี้แล้วเจ้ายังกล้าก่อเรื่องอีก เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะทำให้เจ้าถูกหามเข้ามาอย่างไร ก็จะถูกหามออกไปอย่างนั้น!”สีหน้าของเวินเยวี่ยพลันแข็งค้างไปทันที“ท่านแม่!”ชุยเส้าเจ๋อที่อยู่ข้างๆ เพิ่งจะคิดเอ่ยปาก ก็ถูกมารดาของเขาถลึงตาใส่อย่างดุร้าย “ถ้าเจ้าช่วยนางพูด เจ้าก็ออกไปพร้อมนางเสีย!”ชุยเส้าเจ๋อไม่กล้าทำให้มารดาของเขาโกรธ จึงทำได้เพียงส่งสายตาให้น้องเยวี่ยเอ๋อร์ของเขาเวินเยวี่ยด่าทอเขาในใจว่า “คนไร้ประโยชน์” พลางกัดฟัน ข่มความโกรธแล้วสะบัดมือของเวินหย่าลี่ออก “ข้ารู้แล้ว”ความอัปยศอดสูทั้งหลายในวันนี้ นางจะจดจำไว้ในใจทุกเรื่องราวรอก่อนเถอะพวกเจ้าทั้งหมดคอยดูให้ดีเถอะ!“รีบจัดการเรื่องเน่าๆ ที่เจ้าก่อขึ้นให้มันจบๆ ไปเสีย”ความไม่พอใจที่เวินหย่าลี่มีต่อเวินเยวี่ยในตอนนี้ได้มาถึงขีดสุดอย่างยิ่งแล้ว หลังจากเหลือบมองน
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา บรรดาแขกเหรื่อที่อยู่รอบข้างก็พลันเบิกตากว้าง จ้องมองไปยังเวินเยวี่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อดังนั้น ที่คุณชายใหญ่ผู้นั้นเกือบเสียชีวิตก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เพราะเกือบป่วยตาย แต่เกือบถูกวางยาพิษจนตายต่างหาก!ฮูหยินรองผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้วแม้แต่พี่ชายของตนเองก็ยังกล้าลงมือวางยาพิษแม้ว่าปากของเวินซื่อจะพูดว่าเป็นการพลั้งเผลอ แต่ผู้คนที่อยู่ที่นี่ก็หาใช่คนโง่เสียเมื่อไรแค่คิดเพียงครู่เดียว ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรประกอบกับคำพูดของเวินซื่อที่ยังไม่จบ“ได้ยินมาว่าตอนนี้ถึงแม้คุณชายใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงผู้นั้นจะรอดชีวิตมาได้ชั่วคราว แต่เพราะยังคงหายาถอนพิษไม่พบ แม้แต่ดอกไม้พิษสามต้นนั้นก็ยังถูกคนขโมยไปแล้ว จนเป็นเหตุให้คุณชายใหญ่สกุลเวินอยู่ได้อีกไม่นาน”“ถึงอย่างไรจวนเจิ้นกั๋วกงก็เป็นสถานที่ที่ข้าเคยอาศัยอยู่ก่อนที่จะออกบวช คุณชายใหญ่สกุลเวินก็เคยเป็นพี่ใหญ่ของข้า ดังนั้นไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร ข้าก็ควรจะช่วยเหลือในเรื่องนี้จึงจะถูกต้อง”“ดังนั้น หลังจากที่ข้าได้ยินว่าเจิ้นกั๋วกงกำลังส่งคนออกตามหายาถอนพิษกับดอกไม้พิษสามต้นที่หายไปทั่วทุกแห่งแล้ว
เวินเยวี่ยแค่ต้องการจะใช้เงินเล็กน้อยส่งๆ ไปให้เวินซื่อเพื่อจบเรื่องนี้เสียแต่เวินซื่อเพียงแค่มองนางด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความหยอกเย้า“ของที่เจ้าคิดว่าไม่มีอะไรแตกต่าง แต่สำหรับผู้อื่นแล้วกลับมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะเจ้าขโมยมัน...”“เอาไปๆๆ !”พอเวินซื่อเอ่ยคำนั้นออกมา เวินเยวี่ยก็รีบขึ้นเสียงสูงขัดจังหวะด้วยความตื่นตระหนกทันที ทำให้คนรอบข้างต่างมองนางอย่างประหลาดใจใบหน้าของเวินเยวี่ยแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเพราะร้อนใจอย่างไรก็ตาม พอเอ่ยปากนางก็ถลึงตาใส่เวินซื่ออย่างดุร้ายแวบหนึ่งก่อน แล้วจึงกล่าวอย่างไม่เต็มใจนัก “เหรียญอีแปะพวกนั้นไม่ได้อยู่ที่ข้า ของสกปรกพรรค์นั้น ข้ารังเกียจแม้แต่จะแตะต้อง ถูกโยนทิ้งลงคูน้ำเน่าหลังเรือนของเขาไปตั้งนานแล้ว หากท่านต้องการหา ก็จงไปที่คูน้ำเน่าแล้วค่อยๆ ควานหาเถิด”“นางผู้นี้ช่างน่าโดนตีนัก!”หลินเนี่ยนฉือฟังที่นางพูดแล้วกำหมัดแน่นทันทีหากไม่ใช่เพราะตอนนี้นางไม่ได้นำแส้เข้ามาด้วย นางจะต้องฟาดนังบุตรนอกสมรสไร้ยางอายคนนี้ให้ตายคามือเป็นแน่!ขโมยเงินคนอื่นไป นึกว่านางจะเอาไปใช้จ่าย ที่ไหนได้กลับกลายเป็นว่
เขาแย้มยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร เดิมทีจวนจงหย่งโหวของเราก็ติดค้างท่านอยู่แล้ว”ไม่ว่าจะเป็นเรื่องถอนหมั้นในตอนนั้น หรือสารพัดเรื่องราวหลังจากนั้น ล้วนเป็นจวนจงหย่งโหวของพวกเขาที่ทำเกินกว่าเหตุเวินซื่อไม่ได้ตอบรับคำพูดของเขา เพียงแต่กล่าวขึ้นอีกครั้ง “แต่เพื่อเป็นการชดเชย ข้าจะมอบข่าวสารอย่างหนึ่งให้ท่าน”“ข่าวหรือ? ข่าวสารอะไร?”จงหย่งโหวรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเวินซื่อแย้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบกระซาบถ้อยคำบางอย่างออกมา คนรอบข้างที่พยายามเงี่ยหูฟัง ก็ได้ยินไม่ชัดอยู่ดีเห็นเพียงจงหย่งโหวเหลือบมองชุยเส้าเจ๋ออย่างครุ่นคิดแวบหนึ่ง แต่ทิศทางนั้นก็อาจจะเป็นการมองไปยังเวินเยวี่ยที่สวมผ้าคลุมหน้าซึ่งอยู่ข้างกายเขาก็เป็นได้“แม่นางเวินเยวี่ย หรือควรจะเรียกท่านว่า ‘น้องหญิงห้า’ หรือว่า ‘ฮูหยินรอง’ ดีเล่า?”ในที่สุดก็ถึงตาเวินซื่อนางนั่งอยู่ที่เดิม สายตาจับจ้องไปที่เวินเยวี่ยอย่างเฉยเมย ก่อนจะเอ่ยถามประโยคนี้ออกมาเวินเยวี่ยที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าไม่รู้ว่าในตอนนี้ใครกำลังมองนางอยู่ และมองนางด้วยเหตุผลใด สรุปแล้วก็เป็นเพียงกลุ่มคนดูละครกับคนเล่นละครเท่านั้นเวลานี้ก็ถึงตาที่นางเวินซื่อจะขึ้น
หากคนที่เอ่ยคำพูดนี้ออกมาคือหลินเนี่ยนฉือ ชุยเส้าเจ๋อก็สามารถตำหนินาง ระเบิดอารมณ์ใส่นาง หรือแม้กระทั่งขับไล่นางออกไปจากตรงนั้นได้โดยตรงแต่ผู้ที่เอ่ยคำพูดนี้ออกมากลับเป็นบิดาของเขาไปเสียได้!สีหน้าของชุยเส้าเจ๋อนั้นราวกับกินอาจมเข้าไปถึงแม้เวินเยวี่ยจะไม่ได้เห็นภาพวาด แต่เพียงแค่ฟังพวกเขาพูดคุยกันก็พอจะเดาได้เจ็ดแปดส่วนแล้วนางหยิกชุยเส้าเจ๋ออย่างรุนแรง “บอกให้ท่านพ่อของท่านหยุดพูดได้แล้ว!”ชุยเส้าเจ๋อหมดหนทาง จึงทำได้เพียงส่งสายตาให้มารดาของตนเวินหย่าลี่ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง รีบก้าวไปข้างหน้า “พอแล้วท่านพี่ ก็แค่ภาพวาดภาพเดียวเองนี่นา รีบเก็บขึ้นมาเถิดเจ้าค่ะ ต่อไปยังมีของขวัญสมทบสินเดิมจากเวินซื่อ...จากท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกนะเจ้าคะ”จงหย่งโหวแค่นหัวเราะเย็นชาตอนนี้กลับรู้จักอับอายขายหน้าแล้วเขาไม่ได้กล่าวโทษหลินเนี่ยนฉือ แต่กลับลงมือเช็ดภาพวาดนั้นจนสะอาดด้วยตนเอง ก่อนจะเก็บมันขึ้นมาอย่างระมัดระวังจากนั้น เขาก็กล่าวกับเวินซื่อและหลินเนี่ยนฉือ “สมัยข้ายังเยาว์วัย เคยเห็นภาพนี้ที่บ้านสกุลหลาน จึงพอจะทราบความลับในภาพนี้อยู่บ้าง อันที่จริง ตอนนั้นก็ชอบภาพน
แน่นอนนี่ไม่ใช่สิ่งที่แขกเหรื่อคิด แต่เป็นความสงสัยของพวกเวินเยวี่ย“ตกลงหลินเนี่ยนฉือคิดจะทำอะไรกันแน่?”หรือนางไม่ได้มาก่อเรื่อง แต่มามอบของขวัญจริงๆ?เมื่อการคาดเดาเช่นนี้เกิดขึ้น ในใจเวินเยวี่ยปฏิเสธโดยไม่ลังเลนางไม่เชื่อว่าหลินเนี่ยนฉือจะใจดีขนาดนั้นภาพของอาจารย์หวังอะไรนี่ ต้องมีปัญหาแน่นอน“พี่เส้าเจ๋อ รีบรับภาพวาดมา อย่าให้นางเปิดออก...”เวินเยวี่ยรีบบอกชุยเส้าเจ๋อที่อยู่ข้างกันทันทีแต่ชุยเส้าเจ๋อในยามนี้ราวกับสังเกตเห็นบางสิ่ง น้ำเสียงอดกลั้นต่อไฟโกรธ กัดฟันเอ่ยออกมา “สายไปแล้ว”หลินเนี่ยนฉือคล่องแคล่วว่องไวมาตลอด ไม่ปล่อยให้เวินเยวี่ยปฏิเสธสักนิด สั่งให้คนกางภาพวาดนั้นออกทันทีแต่สุดท้ายด้านในกลับไม่ใช่ภาพกระเรียนล้อบุปผาในสระเหมันต์ แต่เป็นภาพนกยวนยางป่ากำลังเล่นน้ำอยู่ใต้ศาลาเดิมทีไม่มีอะไร แต่ยวนยางป่าในภาพวาดกลับคล้ายกับมนุษย์ โดยเฉพาะวาดได้เหมือนชายหญิงคู่หนึ่งมากบวกกับภาพพื้นหลังที่เป็นศาลา ชั่วขณะนั้นทำให้ผู้คนคิดเชื่อมโยงไปถึงบางสิ่ง ดังนั้นทุกคนจึงหันมองชุยเส้าเจ๋อสายตาที่มองมาจากทั่วสารทิศมีทั้งเยาะเย้ย ถากถาง ดูแคลน ดูละคร...เรียกได้ว่าแทบจะทำใ