Share

ลา

last update Last Updated: 2025-05-16 23:24:54

“หลวงพี่ก็เลยมาบวชอะหรอ” เณรพ่ายถาม ใบหน้าเล็กแหงนมองหลวงพี่ด้วยสายตาที่ตั้งใจจดจ่อ ทำเอาคนเล่าอย่างจอมทัพเอ็นดูกับความตั้งใจฟังของคนตัวเล็กตรงหน้า

จอมทัพพยักหน้าตอบเบา ๆ

“ประมาณนั้น”

จอมทัพเล่าทั้งหมดให้แก่เณรพ่ายฟังเสร็จก็เดินไปหยิบไม้กวาดทางมะพร้าวที่วางทิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาหมายจะกวาดต่อ

เรื่องนี้มีแค่เพื่อน ๆ ของเขาเท่านั้นที่รู้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร เพราะตอนนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกรักเจนแล้วเหลือแต่ความรู้สึกว่างเปล่า

ต่อจากนี้…ต่างคนก็ต่างเดินบนทางของตัวเอง

“ไม่เป็นไรนะหลวงพี่ หล่อ ๆ อย่างหลวงพี่เณรเชื่อว่าสึกไปสาวติดตรึม” คำพูดและท่าทางแก่แดดของเจ้าตัวจ้อยทำเอาจอมทัพถึงกับถลึงตาดุคนตัวเล็กตรงหน้าทันที

“เณรสำรวม ระวังคำพูดด้วย” จอมทัพเอ่ยเสียงดุ ท่าทีจริงจังรวมกับสายตาที่ดุดันทำให้คนตัวเล็กหน้าหงอยลงทันตา

“ขอประทานโทษครับหลวงพี่” เสียงอ้อมแอ้มเอ่ยขอโทษเบา ๆ สีหน้าเจื้อนลงถนัดตาร่วมกับท่าทีสำนึกผิดของเณรพ่ายทำเอาจอมทัพถึงกลับใจอ่อน เด็กยังไงก็เป็นเด็ก จอมทัพปลอบตัวเองในใจ

“เฮ้อ เอาเถอะ เดี๋ยวไปช่วยกันกวาดศาลากัน”

“ครับหลวงพี่!” ใบหน้าหงอยกลับมายิ้มอีกครั้ง ท่าทีสดใสร่าเริงกลับคืนมาในพริบตา

คนตัวเล็กยืดอกอย่างภูมิใจพลางยิ้มมุมปาก หลังจากทำภารกิจพิชิตใจหลวงพี่ตรงหน้าสำเร็จ หลวงพี่ทัพน่ะแพ้อะไรแบบนี้ที่สุด แค่ทำท่าทีหางลู่ เปิดโหมดอ้อนเข้าหน่อยหลวงพี่ก็ใจอ่อนแล้ว

คนตัวเล็กยิ้มร่ารีบหยิบจับไม้กวาดทางมะพร้าวเดินตามหลวงพี่ทัพที่เดินนำหน้าไปแล้วทันที

แสงแดดอ่อนช่วงสายสาดผ่านเงาไม้ ลมเย็นปลายฝนพัดเอื่อยเข้าปะทะใบหน้าของจอมทัพขณะเดินเข้าสู่โบสถ์ใหญ่ ใจเขาสงบนิ่ง แต่ลึกลงไปข้างในกลับรู้สึกวูบโหวงคล้ายกำลังลาจากบางสิ่งที่มีค่าเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดเมื่อถึงวันที่เขาจะต้องกลับไปเป็นฆราวาสอีกครั้ง

สามเดือนในผ้าเหลืองสอนเขามากมาย มากกว่าหลายปีที่ผ่านมาเสียอีก

ชายหนุ่มหยุดลงตรงหน้าพระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่กลางโบสถ์ พระพักตร์ของพระพุทธรูปดูสงบ สว่างไสว ราวกับมองทะลุความคิดเขาได้หมดทุกอย่าง

จอมทัพค่อย ๆ ทรุดตัวลงกราบ ริมฝีปากเอ่ยบทลาสิกขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงความสงบนิ่ง

“ข้าพเจ้าขอลาสิกขา ขอท่านทั้งหลายจงจำข้าพเจ้าไว้ว่าเป็นคฤหัสถ์กลับออกไปครองเรือน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป…”

“…สิกขังปัจจักขามิ คิหิติ มัง ธาเรถะ

สิกขังปัจจักขามิ คิหิติ มัง ธาเรถะ

สิกขังปัจจักขามิ คิหิติ มัง ธาเรถะ…”

“ลาขอรับ…หลวงพ่อ”

ชายชราในจีวรสีหม่นตรงหน้าพยักหน้ารับช้า ๆ แววตาแห่งความเมตตาฉายประกายอ่อนโยน

“อืม…โชคดีนะโยม อาตมาขออวยพรให้เจอแต่สิ่งดี ๆ” น้ำเสียงแหบทุ้มของหลวงพ่อกล่าวอวยพรให้แก่ชายหนุ่ม

“ขอบพระคุณครับ” จอมทัพยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเตรียมจะเดินออกไป

ทันทีที่จอมทัพหันหลังก็เจอคนตัวเล็กช่างจ้อ เณรพ่าย ยืนมองเขาอยู่เงียบ ๆ แต่ดวงตาเล็ก ๆ เป็นประกายวาวน้ำ

“โยมพี่ทัพ…ไว้เจอกันใหม่นะ แวะมาหากันบ้างนะ” เสียงเล็กเอ่ยอย่างใจหาย ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้มีหลวงพี่ทัพเป็นเพื่อนตลอดมา แต่ก่อนวัดนี้มีแต่พระอายุมาก มีแค่เขาที่เด็กที่สุดทำให้บางครั้งก็รู้สึกเหงา พอหลวงพี่ทัพมาบวชเพิ่มก็รู้สึกดีใจที่ได้พูดคุยเล่นกับคนอายุรุ่นใกล้เคียงกันมากกว่า แล้วแบบนี้เขาก็ต้องกลับไปเหงาเหมือนเดิมอีกแล้วสินะ

ไหล่เล็กลู่ลงท่าทีห่อเหี่ยวของเณรน้อยตรงหน้าทำเอาใจของจอมทัพวูบไหว เพราะมีเณรพ่ายจึงทำให้ชีวิตการบวชพระของจอมทัพไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดไว้ เสียงพูดคุยช่างจ้อที่คอยซักถามเขาทุกวันทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ

“เช่นกันเณร…ไว้มีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก” เขายิ้มให้เบา ๆ อย่างจริงใจ พลางจะยื่นกระดาษสี่เหลี่ยมที่พับเอาไว้ส่งให้กับมือก่อนจะเดินออกไป

เณรพ่ายแสดงสีหน้าสงสัยก้มมองกระดาษสีขาวในมือสลับกับคนตัวใหญ่ที่ตอนนี้คงต้องเรียก โยมพี่ทัพ มือป้อมคลี่กระดาษออก ตัวหนังสือขนาดพอดีที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีน้ำเงินอย่างเป็นระเบียบฉายชัดตรงหน้า ก่อนใบหน้าเศร้าสร้อยอาลัยอาวรณ์เมื่อครู่จะหายไป เป็นรอยยิ้มกว้างที่ผุดขึ้นมาแทน ดวงตาสุกใสมองคนพี่จนลับสายตา

การจากลา…แม้น่าเสียดาย แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป คนเราเมื่อยังมีชะตาต้องกันแล้วไม่แคล้วไม่คลาดกันหรอก เดี๋ยวก็คงต้องวนมาเจอกันใหม่อยู่ดี จอมทัพคิดแบบนั้น

ชายหนุ่มหัวเงาวับพริ้มตาหลับพลางเงยหน้ารับสายลมเย็น ๆ ลูกใหญ่พัดเข้ามากระทบใบหน้า หยาดเหงื่อและความร้อนในอกถูกกล่อมด้วยสายลมอ่อน ดวงตาคมค่อย ๆ ลืมขึ้นอีกครั้ง รับกับท้องฟ้ากว้างอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ชีวิตใหม่…เริ่มต้นแล้ว

ชายหนุ่มร่างสูงหยิบกระเป๋าเป้ที่ไม่ได้แตะต้องมานานปัดฝุ่นออกเบา ๆ ยกขึ้นมาสะพายพาดบ่า ก่อนสาวเท้าเดินออกมารอยังโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าศาลาวัด โทรศัพท์ที่ใช้แค่ตั้งปลุกมานานถูกยกขึ้นมาในรอบ 3 เดือน

ตื๊อดึง!!!!

เสียงข้อความเข้าระรัวจนกลัวว่ามันจะค้างเข้าเสียให้ได้

ปี้น! ๆ

เสียงแตรรถยนต์คันหรูดึงความสนใจจอมทัพออกจากหน้าจอโทรศัพท์ ภาพตรงหน้าปรากฎเป็นรถยุโรปยี่ห้อดังสีดำสี่ประตู กระจกฝั่งคนขับค่อย ๆ เลื่อนลงมาเรื่อย ๆ จนเห็นใบหน้าผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวงมาลัย

ใบหน้าที่ติดไปทางลูกครึ่งเอเชียโผล่ลอดออกมาจากกระจก ตาเรียวถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดแบรนด์หรู หัวคิ้วเรียวกระตุกยักคิ้วอย่างกวนๆ ริมฝีบางเอ่ยตะโกนขึ้นมาอย่างคิดถึงเนื่องจากไม่ได้เจอกันมานาน

“ไงเพื่อนรัก พวกกูมารับแล้ว”

“หึ” จอมทัพส่ายหัวเบาๆ ให้แก่บรรดาแก๊งเพื่อนตัวแสบทั้งหลายที่ลงจากรถมาหาเขา ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางเดินตรงไปยังรถคันหรู

หมับ!!! ไม่ทันให้จอมทัพตั้งตัวปั้นสิบก็กระโดดกอดเอาขารัดเอวเหมือนลิงเกาะต้นมะพร้าว จอมทัพแทบเสียหลักล้ม ดีที่ทรงตัวได้ทัน มันคิดว่ามันตัวเบามากมั้ง

“ว่าไงเพื่อนยาก กูคิดถึงมึงม๊ากมาก รู้มั้ยกูกาปฏิทินรอมึงทู๊กวันเลยนะ” ปั้นสิบปั้นหน้าน่าสงสารพลางใช้น้ำเสียงกระซิก ๆ เรียกร้องความสนใจ

“มึงอย่าเว่อร์ เมื่อวานยังบอกกูอยู่เลยว่ามีนัดเดทกับสาวจนลืมวันสึกเพื่อน” เป็นสายฟ้าที่เฉลยความจริง

พรึ่บ!! ปั้นสิบกระโดดลงจากจอมทัพเพราะเกรงว่าท่าทางตนจะไม่สุภาพเนื่องจากยังอยู่ในวัด

“แหะๆ ก็มันลืมนี่หว่าลืมนิดลืมหน่อยบ้างจะเป็นไรไป เนอะ” พลางพยักหน้าขอแนวร่วมจากคินที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ด้านหลังอย่างเก๊กหล่อ

จอมทัพเบนสายตาไปมองเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่แทบไม่พูดอะไร ก่อนจะถูกเสียงสายฟ้าเอ่ยขัด

“ไป ๆ กลับกันทิดจอม” สายฟ้าตะโกนบอกแซว ๆ ยามมองไปที่ศีรษะเงาวับไร้ซึ่งทรงผมทูบล็อคเปิดข้างเหมือนแต่ก่อน

“ขอร้องเลย มึงกูเหมือนเดิมเถอะ” จอมทัพตอบกลับปนขบขันพลางส่ายหน้าอย่างอาย ๆ

“โห่กูอุตส่าห์ไปรีเสิร์ชมาเลยนะว่าจะเรียกมึงว่ายังไงดี” เสียงของสายฟ้าดังขึ้น ท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนๆ ที่มารับจอมทัพกลับกรุงเทพ เพราะอีกสองวันมอก็จะเปิดแล้ว

“ว่าแต่มึงดูผอมลงนะ หรือนี่คือผลของการทำไอเอฟ” ปั้นสิบแซวคนหัวโล้นเกือบโล้นไม่หยุด

“ไอ้สัสสิบ!นรกถามหาละ” สายฟ้าขู่ทะเล้น

“อ้าวละกูพูดผิดตรงไหน ไม่เคยบวชนี่หว่า”

“พอ ๆ ขึ้นรถกันได้ละกูร้อน” เสียงเหนื่อยใจของคิระพูดขึ้นขัด

“นี่ไงคนบาปคนแรกเข้าวันแปปเดียวร้อนจนทนไม่ไหว” ปั้นสิบแซวคิระอย่างขำขัน ยั่วยุความอดทนของคุณชายตระกูลนากาโมโตะจนอีกฝ่ายสะบัดหน้าออกอย่างแง่งอน

“กูร้อนแดดไอ้สัส เที่ยง ๆ แบบนี้มึงอยู่คนเดียวเหอะ” คินตอบกลับพลางหมุนตัวขึ้นรถไป มือขาวเปิดประตูหลังคนขับขึ้นก่อนจะแทรกตัวเข้าไป

“ไอ้คุณชายงอนกูละ งั้นขึ้นรถกัน” ปั้นสิบที่คุยกับคิระเสร็จก็หันไปพูดกับจอมทัพต่อ “เออจอมมึงนั่งหลังกับไอ้คินนะ กูจะให้ไอ้ฟ้าช่วยดูแมพ”

“อืม ได้”

ภายในรถ

เสียงเพลงสากลเปิดคลอเบาๆ ปั้นสิบที่เป็นคนขับรถสลับที่กับสายฟ้า ฮัมเพลงไปขับรถไป ส่วนสายฟ้า ปากก็พูดกับปั้นสิบแต่มือกลับพิมพ์หาสาวจนมือพัลวัน บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่ไม่ได้เจอมานาน เพราะอยู่กับความสงบมานานจึงไม่ค่อยชินกับเสียงพูดคุยนัก หูและตาของจอมทัพจึงไวต่อสิ่งเร้าที่มากระทบเป็นพิเศษ

เขาหลับตาลงครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ พยายามตัดขาดจาดเสียงพูดคุย ความเร็วของรถ และเสียงหัวเราะของเพื่อน แต่แล้ว…

พรึ่บ!!

ความหนักของท่อนขาของผู้โดยสารด้านหลังอีกคนที่เอาแต่นั่งเงียบก้มหน้ากดมือถือยุกยิกพาดลงมาที่หน้าตักของจอมทัพอย่างจัง

ดวงตาคมปรือขึ้นอย่างช้า ๆ กดตามองต่ำไปยังสิ่งที่วางพาดอยู่บนหน้าตัก ริมฝีปากเม้มแน่นขณะสายตาคมไล่มองตั้งแต่ข้อเท้าขาวเรียวขึ้นมาจนถึงโคนขา กางเกงขาสั้นสีอ่อนที่เลิกขึ้นอวดผิวเนื้อขาวเนียนใต้แสงแดดที่สาดส่องราง ๆ ลอดผ่านกระจกราวกับตั้งใจ

บรรยากาศด้านหลังต่างจากด้านหน้าอย่างลิบลับ ความเย็นของแอร์ไม่อาจทำให้เหงื่อของจอมทัพหายไปได้ ลำคอแห้งผากส่งผลให้ลูกกระเดือกเคลื่อนลงตามจังหวะการกลืนน้ำลาย

“เออเดี๋ยวแวะปั๊มก่อนนะปวดเยี่ยวว่ะ” เสียงดังของสายฟ้าฉุดสติของจอมทัพกลับมา

“เออ กูอยากกินกาแฟพอดี ไม่เข้าเส้นแล้วง่วงชิบ…” พูดจบปั้นสิบก็โชว์หาวหวอดไปหนึ่งที

อึก!

ขาขาวที่อยู่บนตักจอมทัพเริ่มขยับอีกครั้ง ครั้งนี้อีกฝ่ายยกขาอีกข้างขึ้นมาพาดตักเขาเช่นขาแรก ข้อเท้าขาวหมุนกดลงไปยังส่วนสำคัญใจกลางกาย ความเป็นชายถูกกระตุ้นด้วยเท้าเรียวผ่านถุงเท้ากีฬายี่ห้อหนึ่งที่เป็นกระแส

ท่อนขาส่วนบนแน่นหนุบหนับน่าจับมาตีให้ขึ้นสี จอมทัพคิดในใจพลางส่ายหัว นึกถึงวิชาความรู้ที่เขาได้ร่ำเรียนมาตลอดปิดเทอมที่ผ่านมานี้ จู่ ๆ บทนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ พุทธ โธ พุทธ โธ ก็แวบเข้ามาในหัว

‘หายใจเข้า…พุทธ’

‘หายใจออก…โธ’

เขาท่องมันซ้ำ ๆ ในใจราวกับคนหมดสติ

‘หายใจเข้า…พุทธ’

‘หายใจออก…โธ’

แต่ว่านะ…

บทสวดนี้ไม่ช่วยอะไรเขาเลย…แม่งไม่ช่วยเลยสักนิด

แม่งเอ้ยไม่ไหวละ! ความอดทนของจอมทัพหมดลง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ความลับเปิดเผย

    ค่ำคืนนี้ก็เป็นเช่นดังเดิมเหมือนกับทุก ๆ คืนที่ผ่านมา ห้องที่มักอยู่คนเดียวกลายเป็นว่ามีรูมเมทเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เสียงเครื่องปรับอากาศยังคงดังอย่างต่อเนื่องไม่ขาดจังหวะภาพตรงหน้าปรากฏเป็นชายหนุ่มสองคนนั่งเคียงข้างกันที่โซฟากำมะหยี่เนื้อนุ่ม อิงแอบชิดใกล้กันจนไหล่กระทบ อุณหภูมิลดต่ำลง อากาศเย็นลอดไล้ผ่านผ้าห่มผืนหนา มีเพียงไอความร้อนจากร่างกายเท่านั้นที่ช่วยแบ่งเบาความอบอุ่นให้แก่กันได้ ร่างทั้งสองแนบชิดใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะเกยตัก ไม่เพียงแค่อากาศที่หนาวเย็น ในห้องตอนนี้ไร้ซึ่งแสงไฟที่สาดส่อง มีเพียงแสงจากหน้าจอโทรทัศน์ขนาด 60 นิ้ว ที่สาดส่องให้เห็นภายในห้องลาง ๆ เท่านั้น “ไอ้เชี่ยย!!”ใครบางคนที่ไม่ถูกกับสิ่งลี้ลับสะดุ้งตัวโยนระคนตื่นตกใจกับฉากในภาพยนตร์หมวดระทึกขวัญตรงหน้า ร่างสมส่วนสั่นเป็นลูกนก กอดเข่าก้มหน้าลง“บอกแล้วว่าเรื่องนี้มีJump Scareเยอะ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหัวหลังจากที่เอื้อมมือเพื่อหยิบรีโมตกดออกจากหน้าจอ“ก็ไม่คิดว่าจะน่ากลัวขนาดนี้นี่”“หึ งั้นเปลี่ยนเรื่องมั้ย”“ไม่เอา จะสู้!”“ไหวแน่นะ” จอมทัพเอ่ยถามเพื่อความชัวร์อีกครั้ง หัวทุยพยักหน้าขึ้นล

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   พิซซ่า

    คอนโดของสายฟ้าพื้นห้องนั่งเล่นเหมาะสำหรับการติวกลุ่มเล็ก ตรงสี่เหลี่ยมหน้าทีวีเหมาะสำหรับนำมาใช้นั่งติว คิระ จอมทัพ สายฟ้า และปั้นสิบ นั่งล้อมรอบโต๊ะโดยนั่งบนพื้น เอนหลังพิงโซฟาตัวใหญ่ ที่เขาบอกว่าคนไทยชอบนั่งพื้นแทนที่จะนั่งโซฟาเห็นทีจะเป็นเรื่องจริง“เข้าใจกันใช่มั้ยที่สอนไปเมื่อกี้นี้”“เข้าใจ แต่ขอพักก่อนได้มั้ยปวดหมองไปหมดแล้ววว”“อืม งั้นพัก 15 นาที”“โอ้ยยย เมื่อยตัวไปหมดแล้ว ไอ้ฟ้าห้องมึงมีไรกินบ้างวะ” นอกจากจะเมื่อยแล้วก็ยังหิวอีกด้วย ปั้นสิบลุกขึ้นถามเจ้าของห้องที่นอนสลับอยู่ที่โซฟา ก่อนจะสาวเท้าเดินไปทางห้องครัว“มีเบียร์อยู่” สายฟ้าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงยานคาง พักสายตาด้วยการหลับตาพูด ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าปั้นสิบจะทำหน้ายังไง“ไอ้ห่า กูหิวข้าวไม่ได้เสี้ยนเหล้านะ” ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าห้องสายฟ้าคงไม่มีอาหารอุดมสมบูรณ์เหมือนห้องจอมทัพก็ตาม แต่ความหิวก็อดไม่ได้ที่ปั้นสิบจะถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วออกมา“กูทำกับข้าวเป็นซะที่ไหน มีน้ำเปล่าให้พวกมึงกินก็ดีเท่าไหร่แล้ว”“หาไรกินกันก่อนมั้ยล่ะ” จอมทัพที่ทนฟังน้ำเสียงหิวโหยของปั้นสิบไม่ไหวพูดขึ้นมาก่อน สั่งไว้ก่อนแล้วติว

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ติว

    “ช่วงนี้เบื่อ ๆ เนอะพวก เราไปตี้กันหน่อยดีกว่าว่ะ”เสียงเบื่อหน่ายยานคางของปั้นสิบดังขึ้นกลางวง ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วด้วยความรำคาญเล็ก ๆ ปั้นสิบฟุบหน้าลงกับต้นแขนของตนเองก่อนจะเอียงคอมาทางกลุ่มเพื่อนที่กำลังทำโปรเจ็ควิชาในสาขากันอยู่อย่างจริงจัง“ก่อนจะไปตี้มึงมาช่วยพวกกูทำกันก่อนเลยไอ้สัดอย่ากินแรง” สายฟ้ากระแทกเสียงขึ้นมา พลางเหล่มองปั้นสิบที่กำลังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้“อะไรกูก็ทำเหอะพึ่งได้พักเนี่ย ดนัยสั่งเมื่อวานจะเอาวันนี้เจริญล่ะ” ปั้นสิบพึมพำตอบกลับ“เออคิดว่านิสิตเก่งกันขนาดไหนกันเชียว เก่งมากผมไม่เรียนกันหรอกค้าบบบ” สายฟ้าประชดประชันด้วย ลากคำยาวเสียงสูง“พูดอีกก็ถูกอีกเพื่อนรัก เพื่อนสิบคิดว่าเราควรพักสมองลงบ้างว่ะ วันนี้เราเคร่งเครียดกันมาทั้งวันแล้วนะเว้ย” “งานส่งพรุ่งนี้แล้วนะสัดสิบมึงชิวไปไหนของมึง” สายฟ้าตะโกนด่าอย่างหมดความอดทนกับความขี้เกียจสันหลังยาวของไอ้สิบ นอกจากไม่ช่วยยังชวนเที่ยวอีก มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำอีกนะมึง สายฟ้าทดไว้ในใจพลางหันมาทำงานในมือต่อ“เรามีไอ้คิน ท๊อปเซคจะห่วงไรวะ เพื่อนเราเก่งสุดแล้วนะเว้ยมึงไม่เชื่อใจเพื่อนเราหรอวะเพื่อนฟ้า” “พูดไ

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ของโปรด

    เวลาสองชั่วโมงผ่านไปไวราวกับโกหก คาบเรียนมาราธอนสุดโหดกผ่านพ้นไป เสียงบ่นโหยหวนเจ้าประจำอย่างปั้นสิบก็ลอยเข้ามา แต่คิระไม่ได้สนใจ หนุ่มลูกครึ่งจัดการเตรียมเก็บของเข้ากระเป๋าก่อนระหว่างนั้นหูไม่รักดีก็ได้ยินเสียงพูดคุยไม่ดังไม่เบาจากด้านหลังตาเรียวเหลือบตามองไปยังต้นเสียง ภาพตรงหน้าเป็นหญิงสาวสวมเสื้อเอวลอยคลุมด้วยเสื้อช็อปทับอีกที ใบหน้าขาวนวลจิ้มลิ้มแย้มยิ้มกว้าง พูดคุยอย่างออกรสออกชาติกับหนุ่มตัวสูงใหญ่ผู้ที่ไร้ความยาวของเส้นผมปรกคลุมศีรษะอย่างจอมทัพท่าทางสนิทชิดเชื้ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาคนตัวขาวหายใจแรงกว่าปกติอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะยกมือเสยผมหน้าที่ปิดบังวิสัยทัศน์ของตนเองขึ้น พอดีกับคนหัวเกรียนที่หันมาสบตาพอดี“งั้นเราไปก่อนนะแพร ถ้าจะให้ช่วยอะไรก็ทักมาได้นะ” จอมทัพหันไปพูดลาเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อ แพร ก่อนจะหันมาหาคิระคนตัวสูงเดินมาใกล้พลางจับข้อมือคิระไว้ก่อนจะกระตุกดึงเบา ๆ เป็นสัญญาณให้เดินตามมา คนตัวขาวไม่ได้ขัดขืนอะไร ยอมเดินตามโดยง่าย โดยที่จอมทัพไม่รู้เลยว่าคนข้างกายคิดไปไกลแค่ไหนกับเรื่องเมื่อครู่และทั้งคู่ก็ไม่รู้เลยว่า หญิงสาวที่อยู่เบื้องหลังนั้นอดกลั้นรอยยิ

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ชดใช้?

    ครืด ๆเสียงสั่นของเครื่องมือสื่อสารใต้หมอนปลุกเจ้าของออกจากการหลับใหล ร่างแกร่งพลิกตัวเบา ๆ เปลือกตาสีอ่อนค่อย ๆ ลืม ภาพเพดานสีขาวเรียบที่ไม่คุ้นเคยส่งผลให้ลืมตาตื่นทันทีด้วยความตกใจ แต่ไม่นานก็โล่งใจเมื่อจำได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดปั้นสิบไม่ใช่กุฎิวัดต่างจังหวัดอีกต่อไป ตาคมเหลือบตามองคนด้านข้างที่เป็นเหตุให้นอนไม่หลับเมื่อคืน ใบหน้าขาวใสไร้ที่ติ จมูกโด่งเป็นสัน ปลายเชิ่ดขึ้นระคนดื้อรั้น ริมฝีปากอมชมพูกระจับ ทุกองค์ประกอบผสมอย่างลงตัว ไหนจะขี้แมลงวันจุดเล็กถ้าไม่สังเกตใกล้ ๆ ก็จะมองไม่เห็นเม็ดน้ำตาลที่เกาะลงใต้ตาข้างขวาส่งผลให้ดูเจ้าเล่ห์กว่าเดิมเสียงสั่นของโทรศัพท์เงียบไปสักพัก ก่อนจะสั่นขึ้นอีกครั้ง มือแกร่งยกขึ้นกดแนบหู น้ำเสียงใจดีดังลอดออกมา ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเขานั่นเอง“ฮัลโหลครับแม่” เสียงทุ้มนุ่มตอบรับปลายสายเบา ๆ“ทัพลูกเป็นยังไงบ้าง แม่โทรมากวนหรือป่าว”“อื้อ…” คนข้างกายขยับตัว คนนอนดิ้นตวัดมือมาพาดที่เอวหนา ลมหายใจอุ่นๆรินรดเบาๆ ร่างแกร่งเกร็งค้างจนตัวแข็ง จอมทัพเผลอกลั้นหายใจไปหลายจังหวะ เมื่อสำรวจว่าอีกคนมีท่าทีจะตื่นก็โล่งใจ จอมทัพไล่สายต

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   หายใจเข้าพุทธ

    แปะๆ“ไม่นะเพื่อนรัก มึงอย่าเศร้าไปเลย” เสียงตบบ่าให้กำลังใจของสายฟ้าเรียกสติจอมทัพให้หลุดจากภวังค์ตอนแรกจอมทัพตัดสินใจจะไม่เล่าเรื่องที่เขาอกหักให้ปั้นสิบกับสายฟ้าฟัง“เออ คนไม่รักดีแบบนั้นอย่าไปเสียใจให้นานเลย เอางี้คืนนี้ฉลองกันดีกว่า!”“ร้านพี่ยักษ์มั้ย ไม่ได้เจอพี่แกนานละตั้งแต่มีเมียไป” สายฟ้าเสนอชื่อร้านพี่ยักษ์ พี่ชายคนสนิทขึ้นมา “เออไปกินเหล้าให้เมาย้อมใจกันดีกว่าเพื่อน” ปั้นสิบพูดก่อนจะยกมือพาดคอคนอกหักอย่างแนบแน่นคำว่า เมา ที่ดังขึ้นข้างหู ส่งผลให้ก้อนเนื้อด้านซ้าที่่อกบีบรัดแน่นขึ้น ลมหายใจสะดุด จนหัวใจจอมทัพเต้นผิดจังหวะ เหงื่อผุดขึ้นตามกรอบหน้าคม ดวงตาสั่นระริกค่อย ๆ เหลือบมองไปยังคนที่นั่งกอดอกอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างช้า ๆ อีกฝ่ายมองหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว สายตานิ่งเรียบยากที่จะอ่านความคิดได้ จังหวะที่จอมทัพสบตากับคิระเหมือนโลกหยุดหมุน บรรยากาศอึมครึมกดทับจนแทบหยุดหายใจใบหน้าของจอมทัพออกอาการเลิ่กลั่กจนคนสบตาต้องยิ้มอ่อนให้พลางส่ายหัวไปมา เป็นการส่งสัญญาณว่า ‘กูไม่ได้คิดอะไร มึงอย่าคิดมาก’ทันใดนั้นบรรยากาศที่กดทับตัวของจอมทัพก็มลายหายไป เหมือนท้องฟ้าที่สดใสหลังฝน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status