“เฮ่ยลูกพีช พก ของเล่น มาด้วยเหรอ?”
วายุเอ่ยปากแซว ทำลูกพีชตกใจ ส่งนิ้วเรียวยาวกวาดมือรวบของทุกอย่างที่อยู่บนพื้นใส่กระเป๋าด้วยความเร่งรีบจนตัวสั่น
“ยังไม่ถึงวาเลนไทน์เลย พกกุหลาบสีน้ำเงินมาทำไมเนี่ย?”
ทว่าดีหน่อยที่วายุ และเพทายเข้าใจว่ามันคือโมเดลของดอกไม้ จึงไม่มีใครสงสัยว่าเธอพกของเล่นผู้หญิงสุดโปรดปรานเหมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกายติดกระเป๋ามาด้วย
“มองอะไรอีอ้วน?”
เว้นเสียแต่คนหน้าเนิร์ดเท่านั้นที่ยังคงกดตาคมคู่นั้นแน่นิ่ง พลางจ้องมองกันด้วยความสงสัยกับสิ่งที่เจอ จึงทำให้สถานการณ์ตรงหน้ามันเริ่มตึงเครียดขึ้นมาดื้อ ๆ
ราวกับว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับของเล่นชิ้นนั้น ทั้งที่ไม่มีใครรู้ความลับของเธอ นอกเสียจากพี่กะเทยทั้งสามที่เป็นคนชวนลูกพีชเข้าวงการของเล่นชิ้นโปรดนี้ด้วยตัวเอง
“ลูกพีชชนะไอ้เจย์แล้ว ขอรางวัลเลย”
แต่กระนั้นความสงสัยและความกระวนกระวายใจต้องชะงัก ครั้นเสียงของเพทายแทรกขึ้นกลางวงสนทนา เพื่อคะยั้นคะยอให้ลูกพีชรับรางวัลจากหนุ่มหน้าใส ด้วยการขอเข้าห้องเกียร์สีแดงดั่งที่ได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม
“ฉันอยากดูหนัง พาไปดูหน่อย”
“อะ อ้าว?”
ทว่าคำขอของเธอดันผิดคาด ทำให้เพทายและวายุถึงกับงง ครั้นคนตัวเล็กเปลี่ยนเรื่องไวกว่ากิ้งก่าผลัดสี
“ไปเร็ว”
“ไอ้วายุส่วนที่ต้องแก้ส่งมาเลยนะ เดี๋ยวกูเอาไปแก้ที่ห้อง”
สองหนุ่มเกาหัวแกรก ๆ เมื่อลูกพีชลากแขนเจอาร์ออกจากเก้าอี้ไป ทั้งที่ทั้งสามคนยังแก้โปรเจคจบไม่เสร็จด้วยซ้ำ อะไรมันจะรีบขนาดนั้นก่อนไม่ทราบ
2 ชั่วโมงผ่านไป
ต่อให้หนังเล่นไปในทิศทางไหน ยัยหมากระเป๋านี่ไม่เคยรับรู้ เพราะมัวแต่เสด็จไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก่อนชาวบ้านชาวช่องเขา ตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ กระทั่งหนังจบยังไม่อยากจะแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาอีก
“สรุปเรื่องมันเป็นไงอะ ฉันหลับไม่รู้เรื่องเลย”
ไม่ต้องบอกเขาก็รู้กันทั้งบางแล้วว่าเธอหลับในโรงหนัง คนหน้าเนิร์ดถึงกับอมยิ้มกริ่มด้วยความนึกเอ็นดู
ทั้งที่เธอเป็นคนชวนเขามาดูหนังแท้ ๆ แต่มานอนหลับให้หนังดูตัวเองจนจบ สภาพแบบนี้มันอยากดูหนังหรืออยากนอนกันแน่ โธ่เอ๊ย
“คู่นั้นอะได้กัน”
“คู่ไหน?”
“คู่เรา”
“ฮะ?”
เห็นหน้าเธอดูเมาขี้ตา เจอาร์ก็อดขำไม่ได้ ไม่รู้ทำไมลูกพีชถึงดูน่ารัก น่าหยิกขนาดนี้กันนะ คนเนิร์ดเลยนึกอยากแกล้งขึ้นมาซะงั้น
“ล้อเล่น”
“แหม ทุกวันนี้มีหยอดเก่งนะไอ้เนิร์ด”
ปากแซวขนาดนี้มีที่ไหนหนุ่มตี๋จะไม่เขิน แต่ก็ได้แค่เขินนั่นแหละเพราะเขาก็ทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี
“ไง คิดจะกลายร่างจากหนุ่มเนิร์ด เป็นหนุ่มฮอตสุดร้อนแรงแล้วเหรอ?”
“เปล่า เจย์เป็นผู้ชายอบอุ่นเหมือนเดิมแหละพีช”
“แล้ว…ถ้าผู้ชายอบอุ่นนี่ต้องอุณหภูมิเท่าไหร่? ห้าสี่ หรือ ห้าหก?”
ทำมาเป็นกระแซะถาม คิดอยากจะแกล้งเขาเถอะดูออก แต่เสียใจด้วยครับกูรู้ทัน ไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกคนสวย
“หกสิบ”
ประโยคสั้น ๆ จุก ๆ ได้ใจความ ทำเอายัยหมากระเป๋าถึงกับยืนนิ่ง อ้าปากค้าง อีกนิดเดียว แมลงวันจะบินเข้าปากแล้วเถอะ
“จริงดิ?"
เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ยอมรับตรง ๆ ว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย ใครจะไปรู้วะไม่ได้แก้ผ้าเอากันสักหน่อย ถึงจะรู้ว่าเจ้าไดโนเสาร์คอยาว ของหนุ่มตี๋ใส่เสื้อไซซ์ไหนกันแน่
แต่ทว่าเจอาร์กลับไม่ตอบได้เพียงอมยิ้มกริ่ม พลางก้มหน้าเงียบแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง จึงทำให้สถานการณ์เริ่มตึงกว่าเก่า
“พาฉันไปดูลิปสติกหน่อยสิ”
เมื่อความเขินอาย ชวนจั๊กจี้หัวใจ ลูกพีชจึงรีบหันหนี ทว่าดวงตากลมคู่นั้นดันหันมองเห็นร้านขายเครื่องสำอางและคอสเมติก นิ้วบางเร่งจูงข้อมือของหนุ่มเนิร์ดเดินตรงเข้ามา
ทว่าหูกลับดี เจอาร์ดันจะได้ยินเสียงพนักงานซุบซิบกันดังอยู่ข้างหลัง ถึงความโดดเด่นของเธอ และความโชคดีของเขา ที่ได้แฟนสวยอย่างกับดารา ทั้งที่ความจริงนั่นหนาเราเป็นแค่เพื่อนกันครับคุณผู้ชม
“ขอยืมหน่อย”
ทว่าความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นในใจของเจอาร์กับดับวูบลง เมื่อได้ยินเสียงหวานของคนตัวเล็กแทรกขึ้นดึงสติเขาออกห่างจากความคิดและจินตนาการทั้งหมดที่ก่อเกิดอยู่ในจิตใจ
“ตังค์เหรอ?”
“ไม่ใช่”
ใจจริงเธอต้องการอะไรกันแน่ เล่นมองหน้ากันแบบนั้นด้วยสายตาออดอ้อนเหมือนที่ลูกพีชเคยทำมาตั้งแต่เด็กจนโต ทรงนี้อยากได้อะไรแน่ เหมือนวันอ้อนจับไข่กูเป๊ะ เห็นแล้วขนลุกฉิบหาย
ก่อนดวงตากลมสดใส จะเหลือบลงต่ำไปที่บริเวณข้อมือของเขาอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไร หากไม่ใช่แขนของหนุ่มตี๋คนดีคนเดิมคนนี้เองจ้า
“หลังมืออะ ขอยืมเทสต์สีลิปสติกหน่อย”
“เอาจริงดิ?”
“อืม”
“ใครมันจะยอม แฟนกันก็ไม่ใช่นะพีช”
“ไม่ให้เหรอ?”
พูดขนาดนี้งั้นเชิญเลย เอาเลยอยากเทสต์สีไหน อยากทำอะไรก็เชิญครับ
แม้ในใจจะมีคำถามว่าทำไมเธอถึงไม่เทสต์ที่หลังมือของตัวเอง แต่สุดท้ายกูก็ยื่นมือให้ยัยหมากระเป๋านี่ลองลิปสติกแทบทุกสีอยู่ดี รู้ตัวอีกทีก็ลามขึ้นมาข้อพับแขน เป็นทางม้าลายเสียแล้ว
“ลองเยอะขนาดนี้ เอาสักแท่งไหมพีช?”
เอาจริง ๆ เขาก็รู้สึกอายนะ เป็นผู้ชายทั้งแท่งมายืนรอให้ลูกพีชลองลิปสติกที่แขน โดยที่เราทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นแฟนว่าไปอย่างนี่เป็นเพื่อนกัน เพื่อนแบบไหนก่อนกูไม่เข้าใจ
“เอาดิ จะเอาสีนี้สวยไหม?”
“ดูไม่ออก พีชลองทาที่ปากตัวเองดูสิ ทาที่มือมันมองไม่ออกอะว่าสวยหรือเปล่า”
“จริงด้วย”
เห็นแบบนั้น หลังจากคิดตามคำพูดของเขา นิ้วมือบางจึงค่อย ๆ แตะลงยังเนื้อลิปสติก และเกลี่ยออกมาอย่างละเอียด
ก่อนจะหันกลับมามองคนหน้าเนิร์ดที่ยังคงลุ้นการกระทำของเธออยู่ใกล้ ๆ เสร็จแน่ไอ้ตี๋จอมลึกลับ
“อ๊ะ! พีช”
“เถอะน่า สีสวยมาก”
เผลอเป็นไม่ได้ นิ้วบางที่เกลี่ยลิปสติกอยู่เพียงครู่ ก็ยกขึ้นทาที่ริมฝีปากของเขา
เพื่อตรวจดูว่าสีมันเป็นยังไง ระหว่างอยู่บนปากของคน และหลังมือ โธ่เอ๊ยเห็นกูเป็นตุ๊กตายางหรือไง อายไม่เป็นเลยมั้ง?
ทำเอาคนหน้าเนิร์ดยืนอึ้ง ทั้งยังเขินจนแก้มทั้งสองข้างแดงแจ๋ เมื่อดวงตาคมเหลือบไปเจอพนักงานและลูกค้าคนอื่นในร้านจ้องมองมาเป็นตาเดียว
“สวยมากเลยเจอาร์ เหมือนพี่กะเทยของฉันเลยอะ”
“เหอะ!”
ไม่มีอะไรจะพูด ต้องมายืนให้ลูกพีชทาลิปสติกกลางร้านไม่พอ เธอยังทรีตกันแบบเพื่อนสาวคนสนิทอีก นี่กูผู้ชายทั้งแท่งนะเว้ย แท่งหกสิบอะเข้าใจปะ?
“มันอยู่บนปากเจย์สวยก็จริง แต่มันอาจจะไม่เหมาะเวลาอยู่บนปากพีชก็ได้นะ”
“ใช่ไหมอะ? สีผิวคนเราไม่เหมือนกันนี่เนาะ สีนี้อาจจะเหมาะกับนาย แต่อาจจะไม่เหมาะกับฉันก็ได้ นายพูดถูกวะอ้วน”
ได้ยินแบบนั้น ทั้งท่าทางทำมาเป็นพูดดีมีหลักการของเธอ ทำคนเนิร์ดเหลือกตามองบนสิบตลบ
ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นอมยิ้มกริ่ม จ้องหน้าคนตัวเล็กนิ่ง เมื่อเธอหันมาขอความเห็นจากเขา
ทว่าเวลายัยหมากระเป๋านี่ทำหน้าตาสงสัย มันดูอ่อนต่อโลกยังไงไม่รู้ ทั้งยังดูน่ารัก น่าขย้ำเสียเหลือเกิน จนเขาละสายตาออกไม่ได้
“งั้น...เดี๋ยวช่วย ให้เจย์ลองทาที่ปากพีชเองนะ”
“ก็ได้ เอาสวย ๆ นะ”
ลิปสติกถูกดึงออกจากนิ้วมือเรียวของคนตัวเล็ก ก่อนเจอาร์จะบรรจง ละเลงลงบนริมฝีปากของตัวเองช้า ๆ
ทำให้ลูกพีชถึงกับงง ไหนบอกจะทาให้เธอ แต่ไอ้ตี๋นี่กับเอาไปทาที่ปากตัวเอง คือยังไงวะ?
“อ้าว? ไหนบอกว่า...”
จุ๊บ!!
ประโยคนั้นไม่ทันจบ ความตื่นตกใจก็เข้ามาเยือนครั้นเรียวปากหยักประกบจูบยังกลีบนุ่มสุดอวบอิ่มอย่างรวดเร็ว ราวกับเดอะแฟลช
มิหนำซ้ำยังกดหนัก ๆ แช่ทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้สีของลิปสติกที่อยู่บนเรียวปากของเขาทาบทับลงที่เนื้อนุ่มหยุ่นบนริมฝีปากของลูกพีชได้สำเร็จ
“อ๊ะ!! จะ เจอาร์!!”
หัวใจดวงน้อยสั่นรัว มือเรียวเร่งผลักหน้าอกแกร่งออกห่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกนิ้วขึ้นสัมผัสที่ริมฝีปากของตัวเอง
พร้อมกับความสับสน มึนงง ในขณะยืนจ้องหน้าของเจอาร์ที่กำลังฉายความเจ้าเล่ห์โชว์บนดวงตาคมเฉี่ยวใต้แว่นหนาอย่างเห็นได้ชัด
พอได้สติลูกพีชจึงหันมองคนรอบข้างที่กำลังจับจ้องมาหาทั้งคู่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและความขัดเขิน จนคนตั้งรับทำตัวไม่ถูก
“ทำอะไรเนี่ย? ทำแบบ...”
“มันคือการทาลิปสติกที่ถูกต้องไงพีช”
ถูกยังไงถูกแบบไหนไม่รู้ แต่ขอถูกไว้ก่อน เพราะตอนนี้วิธีของเขาถูกที่สุดแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย กูแม่งหาทำมาก
“ฮะ?”
“เจย์เคยอ่านเจอ ในงานวิจัย”
คำตอบของเขาทำลูกพีชงงหนักยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เขาพึ่งจูบเธอเหรอ มันคือการลองลิปสติกแบบไหนก่อนวะ
แล้วงานวิจัยที่ไอ้ตี๋นี่แอบอ้างนั้นเชื่อถือได้จริงหรือเปล่า ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ นักฉวยโอกาสมือทองมาก
“วิจัยอะไร?”
“เขาบอกการทาลิปสติกที่ถูกต้อง จะต้องใช้ความอุ่นเพื่อละลายสารเคมี และสีให้เข้ากับเนื้อปากไง”
เขาบอก เขาคนไหนก่อน? ยิ่งเจอาร์พยายามอธิบายถึงสิ่งที่เขาเผลอตัวและเผลอใจทำลงไป
ยิ่งทำให้ลูกพีชงงหนักเกิดมาพึ่งจะเคยได้ยิน ทั้งยังตกใจที่เขาจู่โจมจูบเธอต่อหน้าทุกคนในร้าน ทั้งที่เรามีสถานะเป็นแค่ เพื่อนกัน
“นายพึ่งจูบฉันเจอาร์”
“เปล่า มันคือการลองลิปสติกเฉย ๆ พีช”
หน้าด้านหน้ามึนตอบออกมาดื้อ ๆ พาให้ร่างเล็กปุ๊กปิกทำตัวไม่ถูก งงหนักสุด ๆ ในชีวิตแล้วงานนี้
“งั้นไม่ลองแล้ว ฉันจะเอาแท่งนี้ ไปจ่ายเงินเลย”
จบประโยคนั้นจึงเดินนำหน้าเขาไปอย่างด่วนจี๋ พร้อมกับแก้มสองข้างแดงแจ๋ราวกับมะเขือเทศสุก ยอมรับตรง ๆ ว่าเธอเขินอาย
หัวใจทั้งดวงเต้นสั่นรัวเร็ว ไม่ต่างจากคนหน้าเนิร์ดที่กำลังมองตามหลังด้วยความตื่นเต้นและเขินอายไม่แพ้กัน อยากจะบ้าตาย กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย?
1 สัปดาห์ผ่านไปหลังจากวันนั้นที่ลูกพีชพยายามร้องตามหลังของเจอาร์ออกมา ทว่าเขากลับไม่หยุดฟัง ก้าวขาเดินหนีออกจากห้องของเธอไปดื้อ ๆกระทั่งถึงตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ที่เราไม่เจอหน้ากันอีกเลย แม้ลูกพีชจะพยายามรวบรวมความกล้า ทำหน้าหนา ๆ เข้าไว้ ด้วยการทักไปหา เพื่อขอบคุณเรื่องช่วยดูแลกันในวันที่ไม่สบาย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ…“อ่านแล้วไม่ตอบด้วยนะ ไอ้ตี๋บ้าเอ๊ย ฉันไม่ง้อนายแล้วก็ได้”ในใจเกิดความสับสนหลาย ๆ อย่าง ยิ่งเห็นเขาไม่ตอบยิ่งทำให้ลูกพีชคิดไปต่าง ๆ นานา พาให้เธอไม่กล้าทักหาหนุ่มเนิร์ด อีก“หรืออาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเราใกล้ชิดกันมากเกินไปวะ?”คนตัวเล็กบ่นพึมพำ นั่งหน้ามุ้ยเข้าหากันเพราะกำลังสับสนกับความรู้สึกในใจ ไม่รู้ว่าแท้จริงเธอคิดแบบไหนกับเจอาร์กันแน่ ระหว่าง เพื่อน? หรือ คนรัก?แต่ถ้าคิดแบบเพื่อนกัน แล้วเพื่อนแบบไหน? พูดแล้วรู้สึกกระด้างปากตัวเองยังไงไม่รู้ เฮ้อ!“อีแคระ ทำไมวันนี้มึงหน้ามะระจังวะ”“อะไรคือหน้ามะระ?”“หน้าเละ หน้ายับไงอีดอก”“อีเดย์มึงอย่าไปแซวมัน ลูกสาวพึ่งหายจากไข้หวัดใหญ่มา”ไบร์กี้เห็นสีหน้าของน้องดูไม่ค่อยดีจึงอาจจะคิดว่าเป็นเพราะลูกพีชเมายาต
หลังจากพาลูกพีชไปโรงพยาบาล แพทย์ก็วินิจฉัยว่าเธอเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B และจัดยาให้มาเป็นกระสอบ ปล่อยคนไข้กลับบ้านมาพักผ่อนตามสเต็ปส่วนคนป่วยทั้งโดนจิ้มจมูก ทั้งโดนเจาะที่ข้อพับแขนสองข้าง อีกทั้งฉีดยากระทั่งกลับคอนโดมานั่งซึมเป็นลูกหมาหน้าหงอยตัวน้อยตัวนิดน่าสงสาร ทำสองแก้มเคลือบไปด้วยหยดน้ำตาไหลพราก พากายบางสั่นเครือเพราะพิษไข้อยู่บนเตียงนอน“หนาวอะ พะ พอแล้วเจย์ ไม่ต้องเช็ดตัวแล้ว”ผ้าชุบน้ำอุ่น ถูกวางลงที่กะละมังหลังจากเขาเห็นว่าร่างเล็กกำลังตัวสั่นด้วยความหนาวจากพิษไข้ จึงรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมลูกพีชเอาไว้ ด้วยความเป็นห่วง สุดจะทะนุถนอม“ขอกอดหน่อยสิ”แม้จะรู้ว่าลูกพีช ลูกนี้ไม่ดีต่อใจ แถมยังอันตรายกับเขาอีก ครั้นก่อนนั้นเธอวอนจะจับไข่กู แต่ตอนนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอนทว่าเพราะความสงสาร ความเป็นห่วง และความรู้สึกในใจที่มีมากกว่า เจอาร์จึงต้องยอมทำตามคำขอกอดของเธอในคราแรกเพียงแค่นอนกอดเขาเฉย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างมันเงียบสงบลง เจอาร์จึงคิดว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้วจริง ๆ ร่างใหญ่ค่อย ๆ ขยับตัวออกห่าง หวังให้ลูกพีชสบายขึ้นหมับ!!“อ๊ะ!! พีช!!”แต่ที่ไหนได้ มือน้อยคว้ากอดเขาในคราแร
2 ชั่วโมงผ่านไปตลอดทั้งคืนลูกพีชไข้สูงมาก เรือนร่างหนาวสั่นยิ่งกว่าลูกนกตกน้ำ มาพร้อมกับอาการคัดแน่นจมูก และปวดศีรษะอย่างรุนแรงทำให้เจอาร์ต้องคอยอยู่ใกล้ ๆ ช่วยเช็ดตัวลดไข้ให้ทั้งเหงื่อไหลไคลย้อย เนื่องจากแอร์ไม่ได้เปิดกลัวคนตัวเล็กจะหนาวแต่ทุก ๆ อย่างที่ยอมทำให้เธอ มันออกมาจากความรู้สึกในใจของเขาล้วน ๆ และแน่นอนว่าเจอาร์ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อนเลยสักครั้ง“เจอาร์”“ว่าไงครับ?”“มานอนเป็นเพื่อนหน่อย”ในคราแรกใจไม่ค่อยกล้า ทว่าพอเห็นคนตัวเล็กนอนซมเพราะพิษไข้ก็สงสาร จึงล้มตัวลงยังพื้นเตียงข้าง ๆ ร่างของเธอ“อือ เพลียร่างจัง”กระนั้นลูกพีชกลับรีบซุกเรียวหน้าสวยลงหัวไหล่ของเขา พร้อมกับอ้อมแขนเรียวยาวยื่นมากอดร่างใหญ่เอาไว้แน่นปล่อยให้ไออุ่นจากเจอาร์ และความร้อนจากกายของเธอได้โอบกอดเรือนร่างของเราเอาไว้ด้วยกัน“หนาวเข้าไปในกระดูกยังไงไม่รู้อะ”“ห่มผ้าแล้วนะ เอาอีกผืนไหม?”“ไม่เอา มันไม่อุ่นเลยสักนิด มันทรมานอะเจย์ ฮึก”น้ำเสียงไหวหวั่น ไปพร้อมกับร่างบางสั่นเครือ หยาดน้ำตาไหลพรากลงกระทบกับลานหัวไหล่ของเขา ทำให้เจอาร์สงสารลูกพีชจับใจนิ้วยาวจึงรีบซับน้ำตาให้ วันนี้เขาก็พึ่งเข้าใจความรู
“ฮ่า ๆ”เสียงขำขันดังลั่นที่ได้แกล้งน้องเล็ก ก่อนออเดย์จะชักมือออกจากการปิดกลีบปากนุ่มของลูกพีชด้วยความโคตรจะสะใจ สุด ๆ“พี่ ๆ เขาล้อเล่นกันเฉย ๆ นะเนิร์ด น้องอย่าไปฟังพวกบ้านี่เลย”ไบร์กี้รีบแก้ต่างให้น้องรัก เพราะเห็นทีว่าลูกพีชคงเอาชนะกะเทยสองคนนี้ไม่ได้ ตัวเองเป็นพี่ใหญ่จึงมีน้ำหนักมากกว่า“ครับ”คำตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ เข้าใจตรงกัน ตรงกันกับผีอะไรก่อน? แทนที่จะปฏิเสธช่วยกัน หนุ่มเนิร์ดหน้าใสได้เพียงแค่พยักหน้าให้คนพี่ ก่อนจะก้มลงจ้องมองหน้าจอมือถืออีกครั้งถามจริงจะนิ่งอีกนานไหม ลูกพีชก็อยากรู้ มันปฏิเสธคนเป็นหรือเปล่า หรือทำเป็นแค่กับเพื่อนตัวเองก่อนพ่อเอ๊ย“เห็นไหม? ไอ้ตี๋นั่นมันไม่เห็นปฏิเสธเหมือนมึงเลยอีแคระ เพราะมันไม่คิดกับมึงแค่เพื่อนไง”“โอ๊ยอยากจะบ้าตาย จะให้หนูพูดยังไงเนี่ยว่าเราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ แม่”ทั้งสี่คนกระซิบกระซาบกันอยู่ปลายเตียง ก่อนจะค่อย ๆ เบือนหันไปมองไอ้เนิร์ดหน้าใสหัวใจสี่ดวงที่ยังคงนั่งดูการ์ตูนโดราเอมอนในมือถือ เหมือนเด็ก ๆทรงนี้ไม่ได้เป็นหรอกผัวอีแคระ ทรงนี้ได้เป็นลูกชายมากกว่า กูฟันธงเลย“หนูจะกลับแล้วนะ ถ้ายังแซวกันแบบนี้อะ”“เออกลับไปเลย อีช้างมึงพาอี
หลังจากอาสาจ่ายเงินค่าลิปสติกให้สาว หนุ่มเนิร์ดก็เดินตามลูกพีชออกมาจากร้าน ความเผลอไผลไปจูบเธอเมื่อครู่ พาให้เจอาร์ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันแต่ก็ยังคงห่วงและเดินตามแผ่นหลังของคนตัวเล็กเงียบๆ ไม่ยอมห่าง แม้ว่าต่างคนต่างไม่พูดอะไรกันก็ตามไม่ต่างจากเธอ ใจดวงน้อยเอาแต่เต้นรัว ท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนมีผีเสื้อร้อยตัวบินวนไปวนมา รู้สึกหวั่นไหวจนกายสาวสั่นเครือไปด้วยทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น เพราะเจอาร์เป็นแค่เพื่อน เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อนที่เธอไว้ใจ และไม่กล้าแม้แต่จะคิดอะไรเกินเลยกับเขาด้วยซ้ำครืดดด~แต่ความคิดทั้งหมดที่กำลังโถมเข้ามา ถูกตีแตะกระจายไปครั้นมือถือเครื่องหรูในกระเป๋าสั่นเครืออย่างรุนแรง"ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วเหรอแม่ โอเคหนูจะไปแล้วตอนนี้เลย"สิ้นสายนั้นใบหน้าสวยค่อยๆ เบือนกลับมามองหน้าคนตัวสูงกว่า ด้วยท่าทางขัดเขิน ไม่กล้าแม้จะสบตาเขาด้วยซ้ำ"ฉันจะไปโรงพยาบาลแล้ว นายจะกลับเลยก็ได้นะแยกกันตรงนี้""เดี๋ยวเจย์ไปเป็นเพื่อน พีชจะได้ไม่เหงาไง"คนตัวเล็กยืนนิ่ง เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจว่าจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไงดี เพราะตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมกับเขาแล้ว"ไม่เป
“เฮ่ยลูกพีช พก ของเล่น มาด้วยเหรอ?”วายุเอ่ยปากแซว ทำลูกพีชตกใจ ส่งนิ้วเรียวยาวกวาดมือรวบของทุกอย่างที่อยู่บนพื้นใส่กระเป๋าด้วยความเร่งรีบจนตัวสั่น“ยังไม่ถึงวาเลนไทน์เลย พกกุหลาบสีน้ำเงินมาทำไมเนี่ย?”ทว่าดีหน่อยที่วายุ และเพทายเข้าใจว่ามันคือโมเดลของดอกไม้ จึงไม่มีใครสงสัยว่าเธอพกของเล่นผู้หญิงสุดโปรดปรานเหมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกายติดกระเป๋ามาด้วย“มองอะไรอีอ้วน?”เว้นเสียแต่คนหน้าเนิร์ดเท่านั้นที่ยังคงกดตาคมคู่นั้นแน่นิ่ง พลางจ้องมองกันด้วยความสงสัยกับสิ่งที่เจอ จึงทำให้สถานการณ์ตรงหน้ามันเริ่มตึงเครียดขึ้นมาดื้อ ๆราวกับว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับของเล่นชิ้นนั้น ทั้งที่ไม่มีใครรู้ความลับของเธอ นอกเสียจากพี่กะเทยทั้งสามที่เป็นคนชวนลูกพีชเข้าวงการของเล่นชิ้นโปรดนี้ด้วยตัวเอง“ลูกพีชชนะไอ้เจย์แล้ว ขอรางวัลเลย”แต่กระนั้นความสงสัยและความกระวนกระวายใจต้องชะงัก ครั้นเสียงของเพทายแทรกขึ้นกลางวงสนทนา เพื่อคะยั้นคะยอให้ลูกพีชรับรางวัลจากหนุ่มหน้าใส ด้วยการขอเข้าห้องเกียร์สีแดงดั่งที่ได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม“ฉันอยากดูหนัง พาไปดูหน่อย”“อะ อ้าว?”ทว่าคำขอของเธอดันผิดคาด ทำให้เพทายแล