Share

เอาคืนตระกูลโจว

Auteur: zuey
last update Dernière mise à jour: 2025-08-05 12:06:20

พานเยว่หลานภายหลังเมื่อกลับมาจากวัดหลิงซาน นางก็ปิดประตูเก็บตัวเงียบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะนางคิดว่าถึงเวลาที่ตนต้องใช้ชีวิตให้ดีแล้ว ในเมื่ออดีตมิอาจแก้ไข นางเชื่อมั่นอย่างสุดใจว่าตนเองในชาติหน้าจักได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับบุรุษที่ตนรัก

ร่างบางแปรเปลี่ยนจากหญิงสาวที่ดูระทมทุกข์ บัดนี้กลายเป็นพานเยว่หลานคนใหม่ที่มีแต่ความมั่นใจ จากนี้นางมิยินยอมให้ผู้ใดมารังแกตนเองอีก แม้แต่แม่ของสามีหรือเฉิงหรงกุ้ยเฟย

“ถึงเวลาที่ข้าต้องทวงคืนความเป็นธรรมให้ตนเอง ต่อให้เป็นเฉิงหรงกุ้ยเฟยก็ไม่สามารถเอาครอบครัวมาข่มขู่ข้าได้

หญิงสาวนั่งรถม้าเข้าไปในวัง และยื่นป้ายหยกที่ฮองเฮาเคยมอบให้ไว้ก่อนที่จะได้รับพระราชทานสมรสกับโจวหานอี้

“มิได้พบกันเพียงพักเดียวเจ้าดูผ่ายผอมไปมาก ท่าทางตระกูล โจวจะเลี้ยงดูเจ้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร”

“เป็นเช่นนั้นเพคะ”

ซ่างกวนฮองเฮาไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะยอมรับออกมาตรงๆ เช่นนั้น ช่างดูแปลกและแตกต่างจากเด็กสาวขี้อายที่ตนได้พบเมื่อปีก่อน

“เช่นนั้นที่เจ้าต้องการพบข้าก็คงจะมีเรื่องกระมัง”

“เพคะ หม่อมฉันขอร้องฮองเฮาที่เป็นดั่งตัวแทนของสตรีทั่วหล้าโปรดให้ความเป็นธรรมแก่สตรีตัวเล็กๆ ที่ไร้ทางปกป้องตนเองด้วยเพคะ”

พานเยว่หลานคุกเข่าโขกหน้าผากกับพื้นเสียงดังมิยอมเงยหน้า หมายความว่านางนั้นได้รับความไม่เป็นธรรมและความทุกข์อย่างใหญ่หลวง

“เจ้าเงยหน้าขึ้นก่อน อย่าได้ทำเช่นนี้ มีอันใดก็ค่อยพูดค่อยๆ จา”

ซ่างกวนฮองเฮาสืบรู้มาว่าหญิงสาวตรงหน้าเคยมีคนรักในวัยเด็กคือคุณชายสามตระกูลเย่ นางถึงได้ปฏิเสธตนที่เอ่ยปากทาบทามให้มาเป็นหนึ่งในนางสนมของฮ่องเต้

ทว่าบัดนี้คนทั้งสองได้ถูกพรากออกจากกัน คนหนึ่งได้รับความทุกข์จากการกดขี่ของแม่สามี ส่วนอีกคนสละทางโลกปลงผมบวชเป็นหลวงจีนไปแล้ว เรื่องราวของพวกเขาสองคนช่างน่าเวทนานัก

เป็นเพราะตระกูลโจวเพียงตระกูลเดียวสามารถทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิงได้ถึงเพียงนี้

“เอาล่ะ เจ้าลองบอกมาสิว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่”

พานเยว่หลานเมื่อสงบสติอารมณ์ของตนลงได้ นางจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตน ทั้งยังไม่ลืมกล่าวถึงสิ่งที่เฉิงหรงกุ้ยเฟยเคยเอ่ยวาจาข่มขู่ตนเอง

“ช่างบังอาจนัก!! นางคิดว่าตนเองเป็นใครถึงได้อาจหาญข่มขู่ทายาทของผู้ที่เสียสละตนเองปกป้องชายแดนต้าเหลียงอย่างแม่ทัพพาน เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล่นๆ เจ้ายืนยันหรือไม่ว่านางกล่าวเช่นนั้นจริง”

“เพคะ เพียงแต่หม่อมฉันไร้หลักฐาน ทุกครั้งที่เฉิงหรงกุ้ยเฟยเรียกหม่อมฉันเข้ามาในวัง ก็มักให้หม่อมฉันคุกเข่าอยู่ที่หน้าตำหนักกว่านจี”

พานเยว่หลานนิ่งตรึกตรองถึงบรรยากาศรอบๆ เมื่อตนเองเข้ามาภายในวัง

“อ้อ...ท่านขันทีจางเป่าเคยเห็นเพคะ หม่อมฉันแต่งเข้าจวนตระกูลโจวหนึ่งเดือนถูกเรียกเข้าวังถึงหกครั้ง และทุกครั้งท่านขันทีจางเป่าจะเป็นผู้เห็นว่าหม่อมฉันถูกสั่งให้คุกเข่าท่ามกลางแดดร้อนอย่างไร้ความปรานี”

ในอดีตฮองเฮาที่เป็นพระชายารัชทายาท แม้จะเป็นสตรีใจกว้างไม่เคยคิดเรื่องหยุมหยิมกับเหล่าชายาน้อยๆ แต่เพราะตอนนั้นตนเองไร้วาสนามิอาจตั้งครรภ์พระโอรสได้ ทำให้เฉิงหรงที่เป็นชายารองได้ใจ เพราะนางได้คลอดทายาทคนแรกออกมาเป็นองค์ชาย

ทว่าบัดนี้พระนางเองก็มีพระโอรสแล้ว ถึงเวลาที่ต้องชำระแค้นที่เฉิงหรงกุ้ยเฟยเคยทำเอาไว้เมื่อครั้งอดีต

“เจ้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับข้า”

ขบวนเสด็จของฮองเฮาตรงไปยังตำหนักเฉียนชิงทันที นางกำนัลที่จับตาดูตำหนักคุนหนิงบัดนี้รีบวิ่งกลับไปรายงานเฉิงหรงกุ้ยเฟยนายของตน

“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! นางแพศยานั่นมาเข้าเฝ้าฮองเฮา ตอนนี้พวกเขากำลังไปหาฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ พวกมันคิดจะทำอันใดกันแน่”

เพราะสร้างเรื่องเอาไว้มากมาย จึงไม่รู้ว่าฮองเฮาจะนำเรื่องใดมาเล่นงานตน ร่างอรชรลุกขึ้นเดินไปเดินมาภายในตำหนักอย่างเป็นกังวล

“ไม่ได้การ!! เจ้าให้คนไปตามท่านพ่อของข้ามาที่นี่ ไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น หรือต่อให้ฝ่าบาททรงพิโรธเพราะตัวข้า ท่านพ่อที่มีผลงานจะต้องจัดการได้แน่”

“เพคะ”

เฉิงหรงกุ้ยเฟยสั่งนางกำนัลข้างกาย ก่อนจะหันมาแต่งกายให้ตนเองอย่างงดงามเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้และขัดขวางแผนการของฮองเฮา

ณ ตำหนักเฉียนชิง

“ฮองเฮามาพบเราที่นี่มีธุระอันใดหรือ”

ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีทองปักดิ้นลวดลายมังกรที่กำลังอ่านฎีกาอยู่ภายในห้องทรงงานเงยหน้าขึ้น มองภรรยาที่ตนผูกผมมาสิบกว่าปีด้วยสีหน้าแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นนางมาหาตนที่นี่ด้วยตนเอง

ร่างบางยอบกายให้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งต้าเหลียง ก่อนจะเอ่ยถึงความประสงค์ของตนที่มาในวันนี้

“ฝ่าบาทเพคะ วันนี้ฮูหยินน้อยตระกูลโจวมาขอเข้าเฝ้าหม่อมฉัน นางกล่าวว่าตนเองได้รับความไม่เป็นธรรมจากพระราชทานสมรสของพระองค์ หม่อมฉันจึงได้พานางมาที่นี่เพื่อเรียกร้องสิทธิของบุตรสาวขุนนางผู้ภักดี”

“ใครหรือฮูหยินน้อยโจว”

เซี่ยฮ่องเต้มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย เพราะทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตนเองมากว่าหนึ่งปี จึงจำไม่ได้ว่าตนเองพระราชทานสมรสไปแล้วกี่คู่

“นางคือหญิงสาวที่ขึ้นร่ายรำในวันเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชสมบัติของพระองค์ เด็กสาวตระกูลพานผู้นั้น”

เมื่อเอ่ยถึงสตรีที่ต้องใจตนเพียงแรกพบ เซี่ยฮ่องเต้ก็จดจำนางได้ในทันที และเป็นเขาที่มอบนางให้กับบุตรชายของตระกูลเสนาบดีโจวด้วยตนเอง

“เป็นนางเองหรือ”

ดวงตาคมสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงสตรีนางนั้น ภรรยาคู่ยากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาเนิ่นนานอย่างซ่างกวนฮองเฮา มีหรือจะไม่สามารถจับสังเกตอาการและน้ำเสียงของสามีได้

“เพคะ เป็นนาง หนึ่งเดือนที่หญิงสาวตระกูลพานแต่งเข้าไปยังตระกูลโจว นางถูกแม่สามีกระทำข่มเหงราวกับมิใช่บุตรสาวจากตระกูลใหญ่ ทั้งยังถูกผู้มีอำนาจในวังหลังข่มขู่ ทว่าตอนนี้นางมิสามารถทนแบกรับความไม่เป็นธรรมได้อีก จึงได้เข้าวังมาขอความช่วยเหลือจากหม่อมฉัน”

เซี่ยฮ่องเต้ตรึกตรองอีกครั้ง อย่างไรก็เป็นตนที่เขียนพระราชโองการนี้ เช่นนั้นก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางสักครั้ง ภายในใจยังนึกกล่าวโทษตนเอง วันนั้นเขาน่าจะบอกปัดเสนาบดีโจวไปเสีย แล้วให้เขาเลือกบุตรสาวจากตระกูลอื่นแต่งเข้าแทน

“นางอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่”

“เพคะ”

“เช่นนั้นก็ให้นางมาพบเราเถิด”

ขันทีจางเข่อที่รับใช้ข้างพระวรกายรับเดินออกไปตามพานเยว่หลานให้มาเข้าเฝ้าทันที

“หม่อมฉันพานเยว่หลานถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

ร่างบางในชุดขาวเรียบง่ายบนหัวประดับปิ่นหยกเพียงหนึ่งอัน คุกเข่าลงตรงหน้าเซี่ยฮ่องเต้ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

“ไม่ต้องมากพิธี เจ้าลุกขึ้นพูดต่อหน้าเราเถิด”

หญิงสาวหันไปมองซ่างกวนฮองเฮาเล็กน้อย เมื่อพระนางพยักหน้าพานเยว่หลานจึงได้ลุกขึ้นยืน

“เราได้ยินว่าเจาเข้าวังมาเพื่อทวงความเป็นธรรมให้ตนใช่หรือไม่”

ร่างสูงสง่านัยน์ตาคมประดุจเหยี่ยวจ้องใบหน้างามหยดย้อยของสตรีตรงหน้าไม่ว่างตา ภายในใจนึกเสียดายอยู่ครามครันที่ตนด่วนตัดสินใจยกนางให้กับตระกูลโจว

“เป็นเช่นนั้นเพคะ”

เสียงใสกังวานเอ่ยตอบ แม้นางจะยืนก้มหน้าทว่าท่าทางกลับดูบอบบางน่าทะนุถนอม ใบหน้างามที่ดูอมทุกข์ราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน หากไม่มีฮองเฮาอยู่ภายในห้องนี้ด้วยตนเองคงกระโจนเข้าไปโอบกอดปลอบประโลมหญิงสาวให้คลายจากความทุกข์ระทมเป็นแน่

เซี่ยฮ่องเต้รีบสลัดความคิดนั้นออกจากหัว แล้วหันมาสนใจหญิงงามตรงหน้าแทน

“อะแฮ่ม...เจ้าเล่าให้เราฟังหน่อยสิว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ในเมื่อเราเป็นผู้พระราชทานเจ้าให้กับตระกูลโจวเช่นนั้นเราก็จะเป็นผู้ให้ความเป็นธรรมกับเจ้าเอง”

พานเยว่หลานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเช่นเดียวกับที่เล่าในตำหนักคุนหนิงของฮองเฮาแบบไม่มีตกหล่น ภายหลังเมื่อนางเล่าเสร็จสิ้นเสียงพระหัสถ์หนาตบลงไปยังโต๊ะทรงงานเสียงดังสนั่น ทำเอาขันทีจางเข่อสะดุ้งจนตัวโยน

“นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร ตระกูลโจวทำเช่นนี้ได้อย่างไร เราหรืออุตส่าห์ไว้ใจพวกเขา นี่ถึงกลับกล้าใช้อำนาจในทางมิชอบข่มขู่บุตรีของแม่ทัพเชียวหรือ ใครก็ได้ไปตามเฉิงหรงกุ้ยเฟยมาพบเราที”

ขันทีน้อยที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าห้องทรงงานเมื่อเห็นโทสะของผู้เป็นนายเหนือหัว เขาก็รีบพุ่งตัวไปยังตำหนักกวานชิงทันที ทว่าเฉิงหรงกุ้ยเฟยกลับเดินนำขบวนบ่าวรับใช้ตรงมายังตำหนักเฉียนชิงราวกับรู้ล่วงหน้า

“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเห็นว่าบ่ายแล้วอากาศร้อนอบอ้าวนัก จึงได้ต้มน้ำถั่วเขียวมาถวาย”

เฉิงหรงกุ้ยเฟยเดินนวยนาดเข้ามาภายในห้อง แสร้งมองไม่เห็นอีกสองชีวิตที่อยู่ในนั้นด้วย เซี่ยฮ่องเต้เห็นสิ่งที่นางกระทำต่อฮองเฮา โทสะที่มีอยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งพุ่งทะยานสูงขึ้นกว่าเดิม

ปั้ง!

“ดี! ดียิ่งนัก! นี่คือท่าทีของเจ้าเมื่ออยู่ต่อหน้าฮองเฮาอย่างนั้นหรือ เราคิดว่าเจ้าคงได้รับความโปรดปรานจากเรามากเกินไปแล้วกระมัง ถึงได้มองไม่เห็นหัวภรรยาของเราเช่นนี้”

เสียงตบโต๊ะของฮ่องเต้ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม ทั้งขันทีและนางกำนัลผู้ติดตามเฉิงหรงกุ้ยเฟยต่างก็รีบหมอบกราบลงไปที่พื้นด้วยท่าทางสั่นกลัว หญิงสาวที่ไม่เคยถูกเซี่ยฮ่องเต้ขึ้นเสียงใส่เช่นนี้ จึงแสดงสีหน้าน้อยใจออกมา ใบหน้างามแดงก่ำ ดวงตาหวานหยดหลั่งน้ำใสออกมา

ทว่าท่าทางที่ดูเสแสร้งของนางเทียบมิได้กับการร้องไห้อย่างระทมทุกข์ของพานเยว่หลานเลยสักนิด

เซี่ยฮ่องเต้เหลือบมองใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมจนหนาเตอะเทียบกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเด็กสาวแรกรุ่นอย่างพานเยว่หลานแล้ว...

“เลิกเสแสร้งต่อหน้าเราเสียที บอกมาว่าเจ้าได้ข่มขู่บุตรสาวของแม่ทัพพานหรือไม่ เจ้าได้เรียกนางเข้ามาทำโทษในวังหลวงหรือไม่”

“นั่น...”

เฉิงหรงกุ้ยเฟยแจ้งแก่ใจแล้วว่าพานเยว่หลานเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฮองเฮาด้วยเรื่องใด

“นั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะเพคะ หม่อมฉันเห็นนางไร้ความอดทนจึงต้องการฝึกฝนนางเท่านั้น มิได้มีเจตนาอื่น ก็แค่คุกเข่าเพียงครั้งเดียวเหตุใดต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่”

เฉิงหรงกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงเบาด้วยท่าทีประหม่า

“จางเข่อจางเป่าคือลูกบุญธรรมของเจ้าใช่หรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เซี่ยฮ่องเต้ถามขันทีคนสนิทที่รับใช้ข้างกายครั้งยังเป็นเพียงองค์ชายน้อย

“ดีเช่นนั้นก็ไปตามเขามาพบเรา”

จางเข่อค้อมกายก่อนเดินออกจากห้องทรงงานไป เฉิงหรงกุ้ยเฟยถลึงตาใส่ร่างบางที่ยืนก้มหน้าด้วยท่าทีเดือดดาล ไม่คิดว่าสตรีตัวเล็กอย่างนางจะกล้าเข้าวังมาฟ้องร้องเรื่องที่ถูกตนกลั่นแกล้ง

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   บทส่งท้าย

    พานเยียนหลิงและเย่เสวียนจื่อมีบุตรชายหญิงด้วยกันถึงสี่คน พานจื่อหยวนแต่งงานกับหลานสาวแม่ทัพเจิ้งมีบุตรชายหญิงฝาแฝดด้วยกันสองคน ส่วนพานซืออวิ๋นได้แต่งงานกับเย่อิ่งเจินมีบุตรีสองคนและชายหนึ่งคน ชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดของสามพี่น้องบัดนี้ดีพร้อมเกินกว่าจิตนาการในทุกฤดูใบไม้ผลิหญิงสาวจะพาครอบครัวและเจ้าเสือดำพี่น้องนั่งเรือกลับไปยังหมู่บ้านมู่โถวเพื่อเยี่ยมเยียนท่านย่าจวงปีต่อมาหลวงจีนอันคงในวัยสี่สิบห้าได้เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคประหลาด กล่าวคือเขานอนหลับแล้วสิ้นลมไปอย่างเงียบๆ ภายในห้องพัก ไม่สามารถตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิตได้สิบห้าปีต่อมาท่านย่าจวงในวัยชราได้จากไปเช่นกัน ถึงกระนั้นพานเยียนหลิงก็ยังกลับไปที่หมู่บ้านมู่โถวเพื่อรำลึกถึงสิ่งที่ย่าจวงเคยมอบให้แก่ตนและน้องทั้งสองนางไม่มีสิ่งใดตอบแทนหญิงชรามีเพียงการดูแลหลานชายของนางให้มีชีวิตที่ดี เพื่อเป็นการกตัญญูต่อนางพานเยียนหลิงได้มอบจวนที่อยู่ในอำเภอตงผิงให้แก่จวงอี้ซิงและครอบครัว ทุกปีนางจะแบ่งเสบียงที่ได้รับจากที่ดินพระราชทานบางส่วนให้แก่พวกเขาณ ถนนเส้นหลักใจกลางเมืองหลวง“ตีมันให้ตาย!!เจ้าขอทานสกปรกตัวเหม็น”เสียงร้องโอดโอยด้

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน    ผลกรรมที่ควรได้รับ

    “เจ้ากลับมาแล้วหรือ ก่อนหน้านี้เกิดอันใดขึ้นกันแน่บอกเจิ้นมาให้หมด”เซี่ยฮ่องเต้มองไปยังเจ้าเสือดำสองพี่น้องที่นอนหมอบอยู่อย่างสงบด้วยท่าทีหวาดๆ ความจริงหลังจากที่ได้รับคำร้องขอเข้าเฝ้าพร้อมเสือดำสองตัวที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วเมืองหลวง พระองค์ก็ทรงอยากเห็นด้วยตาตนเองสักครั้ง ไม่คิดว่าจะมีขนาดใหญ่โตเช่นนี้พานเยียนหลิงเมื่อได้ยินเสียงความคิดของเซี่ยฮ่องเต้นางก็ลอบยิ้มให้กับตนเอง นี่เป็นทางเดียวที่นางจะสามารถนำเสี่ยวเจี่ยและเสี่ยวเกอมาอยู่ที่นี่ได้ คือต้องผ่านความเห็นชอบของเจ้าของแผ่นดิน“ความจริงเสือดำทั้งสองเป็นครอบครัวของหม่อมฉันเองเพคะ เมื่อครั้งยังเยาว์พวกเราเติบโตมาด้วยกัน หม่อมฉันกำพร้าแม่ส่วนแม่ของพวกมันก็ถูกพรากชีวิตไปเช่นกัน”“เจ้า...หมายความว่าอย่างไร”“แม่ของพวกมันถูกองค์ชายใหญ่ระดมคนมากมายตามสังหารเมื่อหลายปีก่อน ในช่วงเวลานั้นหม่อมฉันเองก็อยู่ที่นั่นด้วย”“นั่น!!..”พานเยียนหลิงเข้าใจว่าเซี่ยฮ่องเต้อาจรู้สึกผิดทว่าเรื่องนั้นก็ผ่านมานานแล้ว จึงไม่ควรเอ่ยถึงอีก“พวกมันไม่ถือสาเรื่องในอดีตแล้วเพคะ ทว่าหม่อมฉันยังมีเรื่องต้องกราบทูลพระองค์”หญิงสาวหยุดไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยถึงเร

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   เสี่ยวเจี่ยเสี่ยวเกอช่วยเหลือ

    หลังจากที่ได้พบเสือดำสองพี่น้อง ชายหนุ่มก็ได้ติดตามพวกมันไปจนกระทั่งพบร่างของพานเยียนหลิงและฟู่อี้ที่นอนหมดสติอยู่ในหลุมดักสัตว์ คนทั้งสองถูกช่วยเหลือขึ้นมา ส่วนฟู่อี้ที่บาดเจ็บสาหัสถูกมัดติดกับหลังของเสี่ยวเกอวิ่งไปยังโรงหมอที่ใกล้ที่สุดเพื่อช่วยชีวิตเขาผู้ติดตามสองคนใช้วิชาตัวเบาทะยานตามไปมองภาพนั้นด้วยสีหน้าอึ้งงัน ไม่คิดว่าพวกตนที่มีวิชาตัวเบาที่ดีที่สุดกลับไม่สามารถตามเสือดำตัวนั้นได้ทันย้อนกลับมายังปัจจุบันคนของเย่เสวียนจื่อจัดการนักฆ่าที่เหลือที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือต่อให้ปล่อยเอาไว้คนเหล่านั้นก็คงไม่สามารถมีทางรอดชีวิต แต่ละคนไม่แขนขาดก็ขาขาดเพราะถูกเสี่ยวเกอและเสี่ยวเจี่ยจัดการ“เสี่ยวเจี่ยเด็กดี”หญิงสาวดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มหลังจากที่รู้ว่าตนมิได้กำลังฝันไป แม้จะแต่งงานกับเขาแล้วพานเยียนหลิงก็ยังรู้สึกเขินอายทุกครั้งเมื่อต้องอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสี่ยวเจี่ยที่นอนอยู่ด้านข้างใช้หัวดุนดันร่างของนางจนพานเยียนหลิงล้มลง ร่างบางกอดมันเอาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับหลับตาซึมซับความคิดถึง“มันพาข้ามาพบเจ้าที่นี่”ร่างบางผินไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ“จริงหรือ ได้อย่างไรก

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   ตกลงไปในหลุมดักสัตว์

    ท่ามกลางหุบเขาลึกพานเยียนหลิงแบกร่างที่แทบหมดสติของชายหนุ่มเอาไว้บนหลัง เสียงหอบหายใจของคนทั้งสองถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกย่างก้าวของนางมีเลือดของฟู่อี้ไหลหยดเป็นทางท้องฟ้ายามนี้กำลังอัสดง เสียงนกกาที่กำลังบินกลับรังกู่ร้องก้องสะท้านไปทั่วหุบเขา หญิงสาวที่กำลังหมดแรงแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า นางอยากจะภาวนาต่อสวรรค์ของให้ปล่อยพวกตนไปแต่ดูเหมือนคำร้องขอของนางจะถูกปฏิเสธ เมื่อร่างบางก้าวไปด้านหน้า พลันนางสัมผัสได้ถึงความเวิ้งว้างที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า สองร่างร่วงหล่นลงในหลุมขนาดใหญ่ พานเยียนหลิงหวีดร้องจนสุดเสียงฟู่อี้ทับอยู่บนร่างเล็กทว่ามิอาจขยับกายได้ หญิงสาวดิ้นรนอยู่นานกว่าจะนำร่างตนเองออกมาได้เป็นอิสระร่างบางมองขึ้นไปด้านบนด้วยสีหน้าซับซ้อน บัดนี้คนทั้งสองกำลังติดอยู่ในหลุมดักสัตว์ของนายพราน นางไม่คิดว่าในหุบเขาลึกเช่นนี้จะมีคนมาขุดหลุมใหญ่เอาไว้เสียได้ ทั้งนางและฟู่อี้ตอนนี้ถูกขังโดยสมบูรณ์ หากนักฆ่าเหล่านั้นตามมาทันพวกนางไม่มีทางรอดไปได้แน่กว่าสองชั่วยามที่หญิงสาวพยายามปีนป่ายออกจากหลุมลึก ไม่มีน้ำไม่มีอาหารหากต้องติดอยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากการเฝ้ารอความตาย หญิงสาวมองชายหนุ่มที่บัดนี้นอนหายใจรว

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   วางแผนหลบหนี

    ทหารในเมืองหลวงถูกระดมกำลังพลออกตามหาหญิงสาวอย่างลับๆ รถม้าทุกคันเรือทุกลำต่างถูกตรวจค้นอย่างเข้มงวด ทว่าเรือลำที่พวกเขาโดยสารมีตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์จึงได้ถูกปล่อยผ่านพานเยียนหลิงและฟู่อี้ถูกขังเอาไว้ภายในห้องโดยสารหลายวันแล้ว อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นมากจากการดูแลของหญิงสาว นางฟังความคิดของคนที่เป็นหัวหน้าทำให้รู้ว่าพวกตนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใดที่แท้จริงคนมากมายเหล่านี้ที่แต่งกายเลียนแบบทหารต้าเหลียงคือคนของตระกูลโจวที่เลี้ยงดูเอาไว้ และพวกเขายังเป็นพวกเดียวกับโจรป่าที่ถูกกำจัดไปเมื่อปีก่อนพานเยียนหลิงไม่คิดว่าจะยังหลงเหลือมากมายเพียงนี้ เป็นนางที่พลาดเองที่ไม่ตรวจสอบให้แน่ชัด หรือไม่บางทีคนเหล่านี้ก็ถูกแยกออกจากคนกลุ่มนั้นเพื่อคอยทำงานสกปรกให้กับตระกูลโจว“ฟู่อี้ อีกเพียงไม่นานก็จะถึงจุดหมายแล้ว แม้เจ้าจะยังบาดเจ็บภายในแต่เราคงรอนานกว่านี้ไม่ได้ เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่”ชายหนุ่มมองดวงตาดำขลับเปล่งประกายราวกับดวงดาวยามค่ำคืนของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่านางรู้เรื่องทุกอย่างนี้ได้อย่างไร แต่เขาเชื่อใจหญิงสาวตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยมภาพเด็กน้อยเมื่อหลายปีก่อนผุดขึ้นมาในหัว เด็กสาวที่ต่อสู้ดิ้นรนเ

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   พานซืออวิ๋นพูดได้แล้ว

    “เร็วเข้า!!รีบไปช่วยพี่สาวของข้า!!”“นี่!...อวิ๋นเอ๋อ!!เจ้าพูดได้แล้วหรือ”ชายหนุ่มตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาวเป็นครั้งแรก“พี่เสวียนจื่อรีบไปช่วยพี่ใหญ่เร็วเข้า นางกำลังถูกพาตัวมุ่งหน้าไปทางอำเภอตงผิง”“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”เด็กน้อยได้รับสารมาเพียงเท่านี้ ยังไม่รู้ว่าพี่สาวถูกพาตัวไปทางบกหรือทางน้ำ ตอนนี้ก็ผ่านไปหลายชั่วยามแล้วพวกเขาจะต้องนำหน้าไปห่างไกล“ไม่ต้องถามแล้ว! แม้แต่พี่ฟู่อี้ตอนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสท่านต้องรีบไปช่วยพวกเขาโดยด่วน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะสายเกินไป”เย่เสวียนจื่อสงสัยว่าเด็กน้อยรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรในเมื่อนางนอนป่วยไม่ได้สติมาตั้งแต่เมื่อคืน ทว่าเรื่องช่วยพานเยียนหลิงและฟู่อี้นั้นสำคัญยิ่งกว่าจึงมิได้ซักถามให้มากความ ชายหนุ่มรีบพาคนออกจากจวนเพื่อไปช่วยพวกเขาย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วยามก่อนพานเยียนหลิงนั่งรถม้ามุ่งหน้าไปยังตำหนักองค์หญิงใหญ่ที่อยู่นอกเมือง เมื่อถึงช่วงเส้นทางเปลี่ยวร้างไร้ผู้คน มือสังหารมากมายได้พุ่งเข้าปิดล้อมรถม้าของนางภายในเวลาเพียงไม่นานความโกลาหลก็เกิดขึ้น องครักษ์เงาทั้งหกรวมถึงฟู่อี้ได้ช่วยสกัดมือสังหารเหล่านั้น ทว่าคนน้อ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status