Share

เรื่องราว

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-13 18:30:29

วันนี้เป็นอีกวันหยุดที่เขาพาน้องมาเล่นที่บ้านสวนแต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากบ้าน หลุดลอดมาถึงสวนมะพร้าวที่พวกเขาอยู่ ภพชะงักและหันไปสบตากับกนกที่กำลังเล่นสนุกกันอยู่

"พี่ภพ...เสียงอะไรน่ะ"

ภพไม่ได้ตอบแต่เขารู้สึกไม่ดีเลย มันไม่ใช่เสียงทะเลาะเบาๆ หรือแค่ใครทำของหล่น มันดูรุนแรงกว่านั้น

"ไปดูที่บ้านกัน" เขาตัดสินใจจูงมือน้องวิ่งกลับไป

แต่เมื่อไปถึงภาพที่เห็นทำให้เขาแทบหยุดหายใจ เมื่อเห็นพ่อยืนอยู่กลางบ้าน เขาคนนั้นร่างกายผอมซูบกว่าเดิม ดวงตาแดงก่ำคล้ายคนที่ไม่ได้หลับมาหลายวัน เสื้อผ้ายับยู่ยี่เหมือนไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวันด้วยซ้ำแต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าทุกอย่างคือ พ่อกำลังยื้อแย่งอะไรบางอย่างจากมือแม่จนทำให้ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด

"แม่!"

ภพตะโกนสุดเสียงจนพ่อชะงัก แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่เขาจะหันขวับมาทางแม่อีกครั้ง

"ทำไมไม่มี! เอาไปไว้ไหน! เงินมันอยู่ไหน!" พ่อตวาดใส่แม่เสียงดัง

"ฉันไม่มีแล้ว! พอเถอะนะ!" เสียงแม่สั่นเครือแต่พ่อไม่ฟัง เขากระชากตัวแม่แรงขึ้นก่อนจะเริ่มลงมือตี

"พ่อ! อย่าทำแม่! พ่อหยุดนะ!" ภพพุ่งเข้าไปห้ามแต่มือเล็กๆ ของเขาไม่มีแรงพอจะหยุดชายร่างใหญ่ที่กำลังโกรธจัด

"ไอ้เด็กเวร! ถอยไป!"

เสียงตวาดของพ่อดังก้องในบ้าน ราวกับแรงกระแทกที่ซัดเข้ามาเต็มอก ภพตัวสั่นหวาดกลัว มือของเขากำแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว

นี่คือพ่อของเขาจริงๆ ใช่ไหม...ชายที่เคยอุ้มเขาเล่นตอนเด็ก เคยลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู เวลาล้มก็เคยอุ้มขึ้นมาแล้วบอกว่า "ลูกพ่อเก่ง จะไม่ร้องไห้ใช่ไหม"แต่ตอนนี้ ภาพตรงหน้าไม่เหลือเค้าเดิมเลยสักนิด แค่ไม่ได้เจอกันห้าเดือน...ทำไมพ่อเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ทำไมแววตาที่เคยมองเขาด้วยความรักกลับกลายเป็นความขุ่นเคืองโกรธเกรี้ยว มือที่เคยอ่อนโยนถึงกลายเป็นมือที่กำลังทำร้ายแม่

"พ่อ..."เสียงของภพสั่นสะท้านออกมาเพียงแผ่วเบา แต่พ่อไม่ได้ยินหรืออาจจะไม่ได้สนใจอีกแล้ว หัวใจของเขาหนักอึ้งไปหมดความอบอุ่นในความทรงจำแตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยวที่ไม่มีวันต่อกลับมาได้เหมือนเดิม

แม่ร้องไห้เสียงสะอื้นขาดเป็นห้วงพยายามใช้แขนปกป้องตัวเองจากแรงทุบตีของพ่อ ภพใจสั่นเขาโถมตัวเข้าหาพยายามดันร่างของพ่อออกไป แต่แรงของเด็กสิบสองขวบไม่มีทางสู้แรงของผู้ชายเต็มวัยได้เลย

"พ่อ! หยุดเถอะ!"

พ่อผลักเขากระเด็นไปอีกทางเหมือนเขาเป็นแค่เศษฝุ่นไร้น้ำหนัก ภพล้มลงกับพื้นฝ่ามือเสียดกับไม้กระดานจนแสบไปหมดแต่เขาไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวด ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เสียงร้องของแม่ คนงานในสวนรีบกรูกันเข้ามา บางคนตะโกนเรียกให้ช่วยกันแยกพ่อออกไป ภพคิดว่าอย่างน้อยตอนนี้เขาไม่ได้สู้เพียงลำพังแล้ว...แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ทุกอย่างกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม พ่อขัดขืนดิ้นรนเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกต้อนจนมุม คนงานหลายคนช่วยกันฉุดรั้งร่างเขาออกไป พ่อเซถลาไปด้านหลังก่อนที่มือของเขาจะคว้าเอาไม้หน้าสามที่พิงอยู่ตรงเสาบ้านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เขาเห็นพ่อเงื้อไม้ขึ้นสูง ตั้งใจจะฟาดลงที่แม่

"แม่!!!"

ขาของภพพุ่งออกไปโดยไม่ต้องคิด สมองของเขาสั่งการเพียงอย่างเดียว ต้องปกป้องแม่

ไม้หน้าสามฟาดลงมาสุดแรง แต่แทนที่จะกระทบกับร่างของแม่ มันกระแทกเข้ากับศีรษะของเขาเต็มแรง

ผัวะ!

โลกทั้งใบสั่นสะเทือน เสียงกรีดร้องของแม่ดังลั่นแต่ภพแทบไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว แรงกระแทกจากไม้หน้าสามฟาดเข้าเต็มแรง ใบหน้าของเขาสะบัดไปตามแรงนั้นและทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งชั่วขณะ ก่อนที่ร่างของเขาจะปลิวไปกระแทกกับขอบโต๊ะอย่างแรง ความเจ็บแปลบแล่นพล่านไปทั่วร่าง อากาศในปอดเหมือนถูกบีบหายไปชั่วขณะ เลือดอุ่นไหลซึมผ่านหน้าผาก ลามลงมาตามข้างแก้มก่อนหยดลงบนพื้นไม้เก่าเป็นดวงสีแดง สายตาของเขาพร่าเลือน แต่ยังมองเห็นภาพทุกอย่างอยู่รางๆ

เสียงเอะอะเมื่อครู่เหมือนถูกกลืนหายไปกับอากาศ มีเพียงเสียงสะอื้นของแม่ที่แทรกเข้ามาเป็นระลอกและสติของเขาที่กำลังดับวูบลง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดำสนิท มีเพียงภาพสุดท้ายที่ติดตา

เด็กชายวัยสี่ขวบที่ยืนตัวสั่นริมเสาบ้าน ร่างเล็กนั้นแข็งค้างราวกับรูปปั้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างสะท้อนภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้นตรงหน้า

ไม่มีใครปิดบังเขา ไม่มีใครกันเขาออกจากภาพนรกนี้

ทุกความรุนแรง ทุกเสียงกรีดร้อง ทุกหยดเลือด ถูกบันทึกไว้ในดวงตาของเด็กคนนั้นตลอดไป ...ไม่ลบเลือนไปตลอดชีวิต

เสียงร้องไห้ระงมปะปนกับเสียงไซเรนของรถพยาบาลและรถตำรวจที่ขวักไขว่ไปมา ฝีเท้าของเจ้าหน้าที่เร่งรีบวุ่นวายสับสนไปหมด ทุกอย่างพร่าเลือนในสายตาของภพ มีเพียงความรู้สึกเย็นวูบจากเหล็กของเปลพยาบาลที่ไหลผ่านผิวกาย เลือดอุ่นๆ ยังคงไหลซึมลงมาตามข้างแก้ม กลิ่นคาวคลุ้งในจมูกทำให้รู้สึกคลื่นไส้แต่เขาไม่มีแรงพอจะขยับตัวหรือแม้แต่ลืมตาขึ้นมองรอบตัว

เสียงแม่ดังแว่วเข้ามาเป็นระยะ แฝงไปด้วยความเจ็บปวดและแตกสลาย ร้องขออะไรบางอย่างซ้ำๆ เสียงนั้นสั่นเครือจนภพแทบไม่อาจแยกแยะได้ว่าเป็นคำพูดหรือเพียงเสียงสะอื้น

ท่ามกลางความสับสน เขารู้สึกถึงมือเล็กๆ ที่กอบกุมมือของเขาไว้แน่น เสียงใสน้อยๆ สั่นระริก กระซิบอยู่ข้างหู

"ไม่ต้องกลัวนะพี่ภพ... จะไม่ทำร้ายพี่อีกแล้ว"

จากนั้นทุกอย่างก็ค่อยๆ เลือนหายไป เหมือนถูกกลืนลงสู่ความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด

บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึมครึมที่ยากจะอธิบาย ภายในห้องไอซียู ภพยังคงนอนหลับอยู่ในสภาพที่ไร้สติ เครื่องช่วยหายใจทำงานตามจังหวะ ทุกการเคลื่อนไหวของแพทย์และพยาบาลรอบตัวเขาดูเร่งรีบและเคร่งเครียด เสียงฝีเท้าที่เดินขวักไขว่แต่ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมดนี้ ภพยังคงนิ่งเงียบ ร่างกายเต็มไปด้วยสายสวนและเครื่องมือที่คอยจับสัญญาณชีวิตของเขา ความเจ็บปวดจากเมื่อคืนยังคงฝังลึก ทุกการเคลื่อนไหวในห้องนี้เหมือนจะย้ำเตือนถึงการต่อสู้กับเวลาที่ไม่มีใครรู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ และร่างเล็กของเด็กน้อยที่สลบไปหลังจากขึ้นรถพยาบาลมาด้วยกัน

ห้องโถงโรงพยาบาลเงียบสงัดท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด หมอเพชรเดินเร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องพักญาติของผู้ป่วยหนัก หัวใจของเขากระตุกวูบตั้งแต่ได้รับข่าวว่าภพ เด็กชายข้างบ้านถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจนต้องเข้าห้องไอซียู และลูกชายของเขา...กนกเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย แม้ได้รับแจ้งว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ความกังวลก็ยังถาโถม

เมื่อเดินมาถึง เขาพบแม่ของภพ แป้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าซีดเผือดเหมือนไร้ชีวิตชีวา แววตาว่างเปล่าของเธอทอดมองไปข้างหน้าเหมือนยังไม่สามารถตั้งสติได้เต็มที่

"แป้น..." เขาเรียกเบาๆ พลางนั่งลงข้างเธอ

ราวกับเสียงนั้นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เธอเกาะไว้ได้ หญิงกลางคนหันมามองหน้าเขาก่อนที่น้ำตาจะไหลพรากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงสะอื้นหนักหน่วงสั่นสะเทือนถึงหัวใจคนฟัง

"หมอเพชร...ภพของฉัน...ลูกของฉัน..."

หมอเพชรขยับเข้าไปโอบกอดเธอเบาๆ ปล่อยให้เธอร้องไห้ระบายความเจ็บปวดที่แบกรับมาตลอด มือของเขาลูบหลังเธอช้าๆ อย่างปลอบโยน

"ฉันรู้...ฉันรู้ แป้น เธอเข้มแข็งมากแล้ว" เขากระซิบเสียงเบา ค่อยๆ ใช้น้ำเสียงมั่นคงเพื่อช่วยให้เธอตั้งสติ

เมื่อเธอยังคงตัวสั่นสะอื้นอย่างไม่หยุด เขาจึงตัดสินใจพยักหน้าเรียกพยาบาลที่เดินผ่านไปมา "ช่วยพาคุณแป้นไปพักที่ห้องพักฟื้นหน่อยนะ ให้เธอได้พักผ่อนและขอยาคลายเครียดให้ด้วย"

พยาบาลพยักหน้าเข้าใจและพยุงแป้นไปยังห้องพัก หมอเพชรมองตามไปด้วยความเป็นห่วงก่อนจะถอนหายใจยาว เขาต้องการให้เธอได้พักบ้าง เพราะเขารู้ดีว่าแม่ที่ต้องเห็นลูกตัวเองบาดเจ็บสาหัส มันเจ็บปวดเกินกว่าจะรับไหว

เขาหันไปหาพยาบาลคนหนึ่งที่เดินออกมาจากโซนห้องไอซียู "ภพเป็นยังไงบ้างครับ?"

พยาบาลเหลือบมองเขา ก่อนตอบด้วยสีหน้าหนักใจ "อาการของคุณภพยังทรงตัวค่ะ เขาถูกทำร้ายด้วยไม้หน้าสาม กระแทกเข้าที่ใบหน้าเต็มแรง ตอนนี้ยังต้องเฝ้าระวังอาการใกล้ชิด คุณหมอหลายท่านกำลังดูแลเขาอยู่"

หมอเพชรพยักหน้ารับ ริมฝีปากเม้มแน่น แม้เขาจะพยายามควบคุมอารมณ์ แต่หัวใจกลับหนักอึ้งไปหมด

"แล้วลูกชายฉันล่ะ...กนก?"

"คุณกนกไม่ได้รับอันตรายค่ะ แต่สลบไปจากอาการช็อก ตอนนี้พักฟื้นอยู่ในอีกห้องหนึ่ง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่"

คำพูดนั้นทำให้หมอเพชรผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกไปเล็กน้อย แม้กนกจะปลอดภัย แต่เขาก็รู้ดีว่าจิตใจของลูกชายต้องได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้แน่

ภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพที่ทำงานเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

หมอเพชรก้าวเข้ามาในห้อง ร่างสูงของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจ ดวงตาคมทอดมองไปยังเตียงที่ลูกชายนอนอยู่ กนกยังคงหลับสนิท ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวาบัดนี้กลับซีดเซียวจนเขารู้สึกเจ็บไปทั้งอก

พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเตียงกล่าวเบาๆ "คุณกนกหมดสติไประหว่างทางมาโรงพยาบาล อาจเป็นเพราะความเครียดและอาการช็อก ตอนนี้สัญญาณชีพคงที่แล้วค่ะ ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เพียงแต่จิตใจอาจต้องใช้เวลา"

หมอเพชรพยักหน้ารับ ฟังทุกคำพูดอย่างเงียบงัน ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้เตียง

มือใหญ่ของเขาเอื้อมไปลูบศีรษะของลูกเบาๆ สัมผัสเส้นผมนุ่มที่เคยยุ่งเหยิงเพราะเจ้าตัวชอบซุกหน้าอยู่กับหนังสือ กลับกลายเป็นผมที่แนบไปกับหมอนราวกับไร้ชีวิตชีวา

"ลูก..." เสียงของเขาเบาหวิวแทบเป็นเพียงเสียงลมหายใจ

ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาจนหัวใจแทบแตกสลาย เขาคิดว่าตัวเองเป็นแม่ที่เข้มแข็งพอที่จะปกป้องลูกจากทุกสิ่ง แต่วันนี้...เขากลับปล่อยให้กนกต้องเผชิญกับความโหดร้ายของโลกใบนี้ตามลำพัง

"แม่ขอโทษ..."

หยดน้ำใสไหลซึมออกจากหางตา เขาสูดหายใจเข้าลึก พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกอัดอั้นเหล่านั้นไว้ เพราะเขารู้ดีว่า ตอนนี้ลูกต้องการความเข้มแข็งจากเขา ไม่ใช่น้ำตา

มือของเขาลูบเส้นผมของลูกเบาๆ อย่างอ่อนโยน "ตื่นขึ้นมาเถอะนะกนก แม่อยากเห็นรอยยิ้มของลูกอีกครั้ง"

เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเสียงเครื่องช่วยหายใจที่ยังคงทำงานเป็นจังหวะ

แต่ก่อนที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับลูกนานกว่านี้ ประตูห้องพักก็เปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ พ่อของกนกเดินเข้ามา สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลจับจ้องไปยังร่างของลูกชายบนเตียง

"กนก...ลูกของพ่อ"

หมอเพชรหันไปมองคนรักของเขา ทั้งสองสบตากันโดยไม่มีคำพูดใดๆ แต่ความรู้สึกที่แบกรับอยู่ในใจของพวกเขากลับหนักอึ้งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เปลี่ยน

    เสียงร้องไห้ของเด็กชายวัยห้าขวบดังสนั่นไปทั่วห้องพักพิเศษ เสียงนั้นแหลมสูงและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ราวกับคนที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายที่กัดกินจิตใจไปนานแสนนาน พยาบาลที่เข้าเวรอยู่รีบกดโทรศัพท์ไปยังสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเพื่อแจ้งข่าว"คุณหมอเพชรคะ! ลูกชายคุณฟื้นแล้วค่ะ แต่เขาร้องไห้หนักมากจนตัวสั่น เราต้องการให้คุณมาดูแลด่วน"ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ หมอเพชรรู้สึกเหมือนหัวใจหลุดออกจากอก "กนก...ลูกฟื้นแล้ว" เขาพึมพำกับตัวเองอย่างแทบไม่เชื่อหูเพราะลูกชายสลบไปถึงสามวันเขารีบคว้าโทรศัพท์โทรหาสามีที่ทำงานอยู่ในสวนมะพร้าว "คุณคะ กนกฟื้นแล้วค่ะ" น้ำเสียงของเขาสั่นไหว ทั้งดีใจ ทั้งเป็นห่วง"เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้!" อีกฝ่ายตอบทันทีจากนั้น หมอเพชรก็รีบจัดการลางานเร่งด่วนและตรงดิ่งไปหาลูกโดยไม่รอช้าทว่าเมื่อไปถึง เขาก็พบว่ากนกยังคงร้องไห้ไม่หยุดร่างเล็กของลูกนอนอยู่บนเตียง แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วจากการสะอื้น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เสียงร้องของเขาสั่นระริก ไม่ใช่เพียงเพราะตกใจที่ตื่นขึ้นมาเจอสถานที่แปลกตา แต่เป็นเพราะสิ่งที่เขาเผชิญในความมืดตลอดสามวันที

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ช่วงเวลาของเราสองคน

    ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หมอเพชรเดินเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ความเหนื่อยล้าเริ่มก่อตัวจนรู้สึกเหมือนร่างกายหนักอึ้ง แต่เขาก็ไม่มีเวลาจะสนใจมัน เพราะเรื่องราวทุกอย่างกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ตอนแรกเขาเชื่อว่า เมื่อทุกอย่างถึงมือหมอน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแต่มันกลับผิดไปจากที่คาดไว้มาก ลูกชายของเขา กนกหมดสติไปมากกว่าหนึ่งวันแล้วและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น ดวงตาของเขายังคงปิดสนิท ร่างกายดูสงบเกินไปจนหมอเพชรรู้สึกหวั่นใจส่วนภพ อาการของเขาหนักกว่ามาก กระดูกบริเวณใบหน้าหักจากแรงกระแทกและยังมีอาการบวมช้ำภายใน แพทย์ต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดแต่ปัญหาคือเครื่องมือของโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่พร้อมพอสำหรับการรักษาในระดับที่ภพต้องการ เมื่อญาติๆ ของภพได้รับข่าวว่าหลานชายของพวกเขาถูกทำร้ายจนอาการสาหัส พวกเขาก็ไม่รอช้า รีบขอให้มีการย้ายตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใหญ่ในตัวเมืองซึ่งมีเครื่องมือและทีมแพทย์ที่พร้อมกว่ามาก หมอเพชรเข้าใจดีว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแม้จะเป็นภาระหนักสำหรับแป้นก็ตามเขาช่วยจัดการเรื่องเอกสารการส่งตัวภพด้วยตัวเอง ทำเรื่องให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เรื่องราว

    วันนี้เป็นอีกวันหยุดที่เขาพาน้องมาเล่นที่บ้านสวนแต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากบ้าน หลุดลอดมาถึงสวนมะพร้าวที่พวกเขาอยู่ ภพชะงักและหันไปสบตากับกนกที่กำลังเล่นสนุกกันอยู่"พี่ภพ...เสียงอะไรน่ะ"ภพไม่ได้ตอบแต่เขารู้สึกไม่ดีเลย มันไม่ใช่เสียงทะเลาะเบาๆ หรือแค่ใครทำของหล่น มันดูรุนแรงกว่านั้น"ไปดูที่บ้านกัน" เขาตัดสินใจจูงมือน้องวิ่งกลับไปแต่เมื่อไปถึงภาพที่เห็นทำให้เขาแทบหยุดหายใจ เมื่อเห็นพ่อยืนอยู่กลางบ้าน เขาคนนั้นร่างกายผอมซูบกว่าเดิม ดวงตาแดงก่ำคล้ายคนที่ไม่ได้หลับมาหลายวัน เสื้อผ้ายับยู่ยี่เหมือนไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวันด้วยซ้ำแต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าทุกอย่างคือ พ่อกำลังยื้อแย่งอะไรบางอย่างจากมือแม่จนทำให้ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด"แม่!"ภพตะโกนสุดเสียงจนพ่อชะงัก แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่เขาจะหันขวับมาทางแม่อีกครั้ง"ทำไมไม่มี! เอาไปไว้ไหน! เงินมันอยู่ไหน!" พ่อตวาดใส่แม่เสียงดัง"ฉันไม่มีแล้ว! พอเถอะนะ!" เสียงแม่สั่นเครือแต่พ่อไม่ฟัง เขากระชากตัวแม่แรงขึ้นก่อนจะเริ่มลงมือ

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   พ่อ

    "เฮ้ย ไอ้ภพ มึงกลับบ้านกับเด็กนั่นทุกวันเลยเหรอวะ"เสียงแซวของเพื่อนในห้องดังขึ้น ขณะที่ภพกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง"ทำไมหรอ?" เพื่อนยักไหล่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะว่าต่อ "ก็น้องชายมึงก็ไม่ใช่... มึงลองพามันไปบ้านมึงดิ๊"ภพหลุดหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า "มึงอยากให้กนกไปบ้านกูจริงดิ เดี๋ยวพ่อกูก็อาละวาดบ้านแตกหรอก""แม่มึงก็เก่งเนอะ อยู่กับพ่อมึงได้""แล้วกูไม่เก่งหรอวะที่อยู่กับพ่อแม่ได้""ไอ้เหี้ย มึงเป็นลูกมึงก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ป่ะวะ""มั้ง..."เสียงหัวเราะเบาๆ ปะปนกับการพูดคุยเล่นกันในห้องเรียนแต่ภพกลับไม่ได้สนใจนัก เขาเพียงแต่เงียบลงเมื่อนึกถึงกนกเด็กน้อยที่มักจะรอเขากลับจากโรงเรียนทุกวัน มันเป็นเรื่องจริง... เพราะเส้นทางที่เขากลับบ้านผ่านสำนักงานสาธารณสุขตำบลพอดี ทุกเย็นน้าเพชรจะพากนกมาทำงานด้วย และกนกก็มักจะมาเล่นอยู่ที่สวนข้างสำนักงานรอให้ภพพากลับบ้านด้วยกัน มันเป็นแบบนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกัน"พี่ภพ..."กนกน้อยจับเสื้อภพเขย่าเบาๆ ขณะที่พวกเขากำ

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   อดีต

    "เราจำตุ๊กตาตัวนี้ได้ไหม..."พี่ภพค่อยๆ หยิบตุ๊กตาตัวนั้นมาให้กนก ตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเดิมผ้าขนหนูที่คลุมอยู่บนตักร่วงลงพื้น เขาหันหน้าหนีปิดตาแน่นไม่กล้ามองสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว มันเป็นอะไรที่เขาอธิบายไม่ได้แค่เห็นภาพนั้นกล้ามเนื้อก็เริ่มเกร็งหัวใจเต้นแรง และเริ่มหายใจหอบ“น้องกนก...” พี่ภพเรียกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกังวล กนกไม่ตอบจนพี่ภพรีบขึ้นไปบนเตียง โอบกอดน้องไว้แน่น“เราไม่ต้องกลัว...เราจะปลอดภัย”“ผะ...ผม...ผมไม่อยากเห็นมัน...” หอบถี่และหนักหน่วง สะท้อนถึงความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอก มือที่กำเสื้อของพี่ภพไว้สั่นระริก ความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยึดเหนี่ยวเขาไว้ในตอนนี้“เราจะไม่เป็นอะไร...พี่จะอยู่ข้างเรา...จะไม่มีใครทำอะไรเรา” เสียงกระซิบของพี่ภพนุ่มนวลและอบอุ่น ราวกับสายลมอ่อนที่พัดผ่านใจ เขาเผลอหลับตาลงปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาอย่างแผ่วเบา มันเหมือนมีมนต์สะกดค่อยๆปลดเปลื้องความตึงเครียดในอกไปทีละนิด ลมหายใจที่เ

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ความทรงจำที่ขาดหาย

    ผมพยายามไม่รอเขา...แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาฬิกาบนมือถือทุกๆ สิบนาที ไม่ดูหรอก...ก็ตั้งใจอ่านหนังสือนิยายอยู่นะ วันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังสอบ ควรจะผ่อนคลายสักหน่อย แต่ไม่รู้ทำไม ตัวหนังสือที่เคยสนุกกลับกลายเป็นแค่ตัวอักษรที่เรียงกันไม่มีความหมาย หรือว่าผมกำลัง...ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที ใจเต้นแรงเหมือนเด็กน้อยที่รอคอยของขวัญ แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่พี่ภพ..."คนเก่ง...ได้ท็อปเลยดิ ยังอ่านหนังสือทั้งที่วันนี้ก็วันศุกร์" มิวยืนอยู่หน้าประตู ยิ้มกว้างพร้อมกับชีทที่ถืออยู่ในมือผมพยักหน้าเล็กน้อย พยายามเก็บความรู้สึกผิดหวังไว้ในใจ "ทำไมวันนี้มาหาเรา...ลืมอะไรหรือเปล่า""ลืม...ลืมชีทที่เราให้แกวันติวไว้""อ้าว แล้วไม้โทรมาบอก" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติ"ก็ห้องอยู่แค่ชั้นเดียว เดินมาหากันก็ได้" มิวยักไหล่แล้วก็ส่งสายตามองผมอย่างสนใจ"...ไม่ใช่หรอ หรือแกมีอะไร""มีอะไรล่ะ ไม่มี"มิวหัวเราะเบาๆ "แล้วนี่ไม่กลัวแล้วหรอ...พี่ชายข้างบ้านยังมาหาอยู่ไหม""ก็มา

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   รัก

    ช่วงสอบปลายภาค พี่ภพแวะมาหาเขาเกือบทุกวัน บางวันก็ขอแวะมานอนด้วยโดยอ้างว่า "หอพี่แอร์เสีย" หรือ "อยากติวหนังสือเป็นเพื่อน" แต่กนกรู้ดีว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างเพราะสุดท้ายแล้วพี่ภพก็ไม่ได้แตะหนังสือสักเท่าไหร่ มีแต่เขาส่วนพี่ภพก็นอนกลิ้งเล่นอยู่ข้างๆแรกๆ กนกยังรู้สึกเกร็งเวลาถูกพี่ภพจ้องมอง ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเขามักจะพบสายตาอบอุ่นคู่นั้นมองอยู่เสมอเป็นสายตาที่ทำให้ใจเต้นแปลกๆราวกับว่าพี่ภพเห็นบางสิ่งในตัวเขาที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป... ความรู้สึกพวกนั้นก็ค่อยๆจางหาย สายตาที่เคยหลบเลี่ยงหรืออาการประหม่าเมื่อต้องอยู่ใกล้พี่ภพเริ่มหายไปเช่นกันแทนที่ด้วย...ความสบายใจการมีพี่ภพอยู่ด้วยกลายเป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน ห้องที่เคยเงียบเหงาก็กลับมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของขนมที่พี่ภพชอบซื้อมาให้หัวใจที่เคยปิดกั้นเริ่มเปิดออกทีละนิด"ไงครับคนเก่ง วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม?"เสียงทุ้มที่ฟังแล้วอบอุ่นเสมอดังขึ้นจากด้านหลัง กนกเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะถอนหายใจยาว

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เด็กชายคนนั้น

    ช่วงเวลาการสอบปลายภาคของปีหนึ่งผ่านไปอย่างแสนเหนื่อย เขาอดนอนมาหลายคืนเพื่ออ่านหนังสือทบทวนเนื้อหา ร่างกายอ่อนล้า แต่จิตใจกลับว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่รู้ว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาในชีวิตไม่ใช่ผี และยังเป็นคนรู้จักกับแม่ ความหนักอึ้งในใจกลับเบาลงและรู้สึกปลอดภัยขึ้นโดยไม่รู้ตัวแต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ พี่ภพยังมาหาเขาเป็นประจำบางวันมาตอนบ่าย พร้อมกับขนมของว่างวางไว้บนโต๊ะเรียนของเขาบางวันมาตอนเย็น ยืนรออยู่หน้าหอพักด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตากลับดูอ่อนโยน กนกพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับ เพราะกลิ่นหอมๆ นั้นทำให้ท้องร้องทุกทีและบางคืน...ชายคนนั้นมาเพียงเพื่อบอก "ฝันดีนะ"เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมมืออุ่นที่ลูบเบาๆ บนศีรษะ กนกมักจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมถึงดูแลเขาขนาดนี้ แต่พอรู้ตัวอีกที หัวใจของเขาก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อนแล้วแต่ที่ทำให้สับสนยิ่งกว่าคือ บางคืน...เขากลับเข้ามากอด อ้อมแขนนั้นแน่นหนา แข

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   พี่ภพ

    หลังจากที่กนกได้รู้ความจริงว่า คนที่เขาเจอในฝันที่เหมือนจริงมาตลอดคือ พี่ภพ พี่ชายข้างบ้านที่เขาลืมไปแล้ว ความทรงจำในวัยเด็กของเขาหายไปเหมือนกระดาษหน้าหนึ่งที่ถูกฉีกทิ้ง ทุกครั้งที่พยายามนึกย้อนก็มักจบลงด้วยความสับสนจนปวดหัวแต่ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ภพถึงโผล่มาหาเขาแบบนี้ หรือเหตุผลอะไรที่ทำให้พี่ภพก้าวเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง…แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้คือ ความอบอุ่น เสมอเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนั้นช่วงนี้ พี่ภพมาหาเขาทุกเย็น เอาของอร่อยมาให้ กนกก็มักจะรับมันมาด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ อาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคย หรือเพราะเขายังไม่เข้าใจสถานะของพวกเขาในตอนนี้"เราแข็งแรงดีไหม?""ครับ""ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วสินะ""ครับ""ขนมที่พี่ซื้อมาถูกใจไหม?""ครับ"กนกตอบรับสั้นๆ ทุกคำถามโดยแทบไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วคำพูดต่อมาของพี่ภพกลับทำให้เขาสะดุด"เรานี่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ"กนกเผลอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบ "คะ...ครับ?"

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status