ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หมอเพชรเดินเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ความเหนื่อยล้าเริ่มก่อตัวจนรู้สึกเหมือนร่างกายหนักอึ้ง แต่เขาก็ไม่มีเวลาจะสนใจมัน เพราะเรื่องราวทุกอย่างกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ตอนแรกเขาเชื่อว่า เมื่อทุกอย่างถึงมือหมอน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแต่มันกลับผิดไปจากที่คาดไว้มาก ลูกชายของเขา กนกหมดสติไปมากกว่าหนึ่งวันแล้วและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น ดวงตาของเขายังคงปิดสนิท ร่างกายดูสงบเกินไปจนหมอเพชรรู้สึกหวั่นใจ
ส่วนภพ อาการของเขาหนักกว่ามาก กระดูกบริเวณใบหน้าหักจากแรงกระแทกและยังมีอาการบวมช้ำภายใน แพทย์ต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดแต่ปัญหาคือเครื่องมือของโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่พร้อมพอสำหรับการรักษาในระดับที่ภพต้องการ เมื่อญาติๆ ของภพได้รับข่าวว่าหลานชายของพวกเขาถูกทำร้ายจนอาการสาหัส พวกเขาก็ไม่รอช้า รีบขอให้มีการย้ายตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใหญ่ในตัวเมืองซึ่งมีเครื่องมือและทีมแพทย์ที่พร้อมกว่ามาก หมอเพชรเข้าใจดีว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแม้จะเป็นภาระหนักสำหรับแป้นก็ตาม
เขาช่วยจัดการเรื่องเอกสารการส่งตัวภพด้วยตัวเอง ทำเรื่องให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วที่สุดเพราะเวลาทุกวินาทีมีค่ากับผู้ป่วยวิกฤติแบบนี้ หลังจากนั้น เขาไปช่วยแป้นเก็บของที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องไปอยู่ในเมืองสักระยะเพื่อดูแลลูกชาย แม่ของภพมีสีหน้าอิดโรย มือที่เก็บเสื้อผ้าในกระเป๋าสั่นไหวเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้าแต่เป็นเพราะความรู้สึกที่แบกรับอยู่ในใจมันหนักหนาจนยากจะรับมือ
เรื่องของพ่อภพไม่ได้จบลงเพียงแค่การทำร้ายร่างกายลูกและภรรยา หลังจากที่ภพถูกส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลใหญ่ ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติม และสิ่งที่เปิดเผยออกมาก็ทำให้หลายคนต้องตกตะลึง พ่อของภพเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยและตัวเขาเองก็ติดยาเสพติดจนถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้
เขาไม่ได้เป็นแค่พ่อที่ใช้ความรุนแรง...แต่เป็นคนที่พาครอบครัวเข้าสู่วงจรอันตรายโดยไม่รู้ตัว วันเกิดเหตุ เขาอยู่ในอาการคุ้มคลั่งจากฤทธิ์ยา เสียงร้องไห้ของแป้นและเลือดของภพที่ไหลอาบพื้นอาจเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นในบ้านหลังนั้นแต่เมื่อตำรวจเข้าจับกุมและนำตัวมาควบคุม เขากลับคืนสติในที่สุด
ชายวัยกลางคนที่เคยถือไม้หน้าสามด้วยมือสั่นเทา บัดนี้กำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้ในห้องขัง ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว ขอโทษซ้ำๆ กับเจ้าหน้าที่ "ผมไม่ได้ตั้งใจ...ผมขอโทษ...ขอโทษภพ...ขอโทษแป้น..."
แต่คำขอโทษนั้นไม่อาจลบล้างสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เขาไม่สามารถขอประกันตัวได้ คดียาเสพติดเป็นความผิดร้ายแรง และการทำร้ายร่างกายกับคนในครอบครัวก็ถือเป็นคดีอาญาโดยสมบูรณ์ ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินคดีและฝากขังเพื่อรอการพิจารณาของศาล เมื่อหมอเพชรได้ข่าวเรื่องนี้ เขาตัดสินใจให้สามีของเขาไปช่วยดูแลแป้น คอยช่วยจัดการเรื่องต่างๆและพูดคุยกับตำรวจแทน
"แป้น เธอจะเอายังไงกับพ่อของภพ?" สามีของหมอเพชรถามเธอเมื่อได้พบกัน หญิงที่เคยอ่อนแอจากน้ำตาเพียงแค่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอไม่มีแววลังเลเลยสักนิด เธอนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมาสั้นๆด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ให้ตำรวจจัดการไปเลยค่ะ"
ไม่มีคำว่า "ฉันยังรักเขา"
ไม่มีคำว่า "เขาเป็นพ่อของลูก"
ไม่มีแม้แต่ความเสียใจหลงเหลืออยู่ในน้ำเสียง
มันเป็นเพียงเสียงของคนที่ตัดขาดจากอดีต จากชายที่เคยเป็นสามี จากพ่อของลูกที่เธอเคยหวังว่าเขาจะเป็นคนที่ดีกว่านี้
ตำรวจรับเรื่องและแจ้งว่า นอกจากดำเนินคดีอาญาแล้วยังต้องตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆ ของเขาด้วย พวกเขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขามีอยู่ที่ดินที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังอาจเกี่ยวข้องกับเงินจากการค้ายาหรือไม่
"ถ้าพบว่าเป็นทรัพย์สินจากการกระทำผิด จะต้องถูกยึดเป็นของกลาง" นายตำรวจแจ้ง
แป้นไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้ารับอย่างว่างเปล่า ในใจเธอไม่มีพื้นที่ให้ความสงสารอีกแล้ว เธอเหลือแค่สิ่งเดียวที่ต้องทำ คือดูแลลูกชายของเธอให้ดีที่สุด...ในวันที่เขาต้องเผชิญกับรอยแผลในใจไปตลอดชีวิต
"แป้น...ดูแลตัวเองด้วยนะ" หมอเพชรเอ่ยเบาๆ ขณะช่วยรูดซิปกระเป๋าเดินทางให้เธอ
แป้นเงยหน้ามองเขา ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้หลายวันติดกัน เธอพยายามจะยิ้มแต่ริมฝีปากกลับสั่นระริกแทน "หมอเพชร...ภพจะต้องปลอดภัยใช่ไหม?"
หมอเพชรมองเธออย่างหนักใจ เขาอยากตอบว่าใช่ อยากบอกว่า "ทุกอย่างจะดีขึ้น" แต่เขารู้ดีว่าในฐานะแพทย์ คำพูดเหล่านั้นไม่มีใครสามารถรับประกันได้
"ภพเข้มแข็ง เขาจะผ่านมันไปได้" เขาพูดออกไปในที่สุดแม้มันจะไม่ใช่คำสัญญาแต่มันคือความหวังที่เขาอยากให้เธอยึดมั่น
แป้นพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า เสียงล้อเตียงของภพที่ถูกเข็นออกไปจากห้องดังสะท้อนทั่วโถงทางเดิน หมอเพชรยืนมองจนร่างของภพถูกพาออกไปจากสายตา พร้อมกับแป้นที่เดินตามไปโดยไม่หันกลับมา
เขาถอนหายใจยาว การเดินทางของภพเพิ่งเริ่มต้น...แต่สำหรับกนก เรื่องราวยังไม่จบ
หมอเพชรหันหลังกลับ ก้าวไปยังห้องพักของลูกชาย ที่ยังคงหลับใหล...โดยไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่จะฟื้นขึ้นมา
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน