"เราจำตุ๊กตาตัวนี้ได้ไหม..."
พี่ภพค่อยๆ หยิบตุ๊กตาตัวนั้นมาให้กนก ตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเดิม
ผ้าขนหนูที่คลุมอยู่บนตักร่วงลงพื้น เขาหันหน้าหนีปิดตาแน่นไม่กล้ามองสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว มันเป็นอะไรที่เขาอธิบายไม่ได้แค่เห็นภาพนั้นกล้ามเนื้อก็เริ่มเกร็งหัวใจเต้นแรง และเริ่มหายใจหอบ
“น้องกนก...” พี่ภพเรียกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกังวล กนกไม่ตอบจนพี่ภพรีบขึ้นไปบนเตียง โอบกอดน้องไว้แน่น
“เราไม่ต้องกลัว...เราจะปลอดภัย”
“ผะ...ผม...ผมไม่อยากเห็นมัน...” หอบถี่และหนักหน่วง สะท้อนถึงความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอก มือที่กำเสื้อของพี่ภพไว้สั่นระริก ความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยึดเหนี่ยวเขาไว้ในตอนนี้
“เราจะไม่เป็นอะไร...พี่จะอยู่ข้างเรา...จะไม่มีใครทำอะไรเรา” เสียงกระซิบของพี่ภพนุ่มนวลและอบอุ่น ราวกับสายลมอ่อนที่พัดผ่านใจ เขาเผลอหลับตาลงปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาอย่างแผ่วเบา มันเหมือนมีมนต์สะกดค่อยๆปลดเปลื้องความตึงเครียดในอกไปทีละนิด ลมหายใจที่เคยติดขัดเริ่มผ่อนคลายขึ้น หัวใจที่เต้นรัวแรงก็คล้ายจะค่อยๆคืนจังหวะปกติ ความหวาดหวั่นที่เคยเกาะกินจิตใจค่อยๆจางลงเหลือเพียงไออุ่นจากอ้อมกอดของพี่ภพที่โอบล้อมเขาไว้
“พี่จะอยู่ข้างเรา...จะไม่มีใครทำร้ายกนก” พี่ภพพูดซ้ำอีกครั้ง
“จะไม่มีใครทำร้ายพี่...จะไม่มีใครทำร้ายพวกเรา”
กนกเงียบไปสักพัก ก่อนจะกระซิบกลับด้วยเสียงเบาๆ “ฝันร้าย...มันผ่านไปแล้วใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว เด็กดี...ฝันร้ายมันผ่านไปแล้ว ตื่นจากฝันร้ายได้แล้วนะ” พี่ภพยิ้มน้อยๆ กอดน้องไว้แน่น
แต่เพียงแค่ได้ยินคำว่า "ฝันร้าย" น้ำตาของกนกก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนที่พังทลาย หัวใจของเขาหนักอึ้งและความรู้สึกทั้งหมดที่เก็บกดไว้มันเอ่อล้นออกมาโดยไม่อาจห้ามได้ เสียงสะอื้นสั่นไหวสะท้อนถึงความอ่อนล้าที่เกาะกินหัวใจมานานเขาเหนื่อยเหลือเกิน... ไม่อยากเผชิญกับความกลัวนี้อีกต่อไป ไม่อยากติดอยู่ในวังวนของความทุกข์ทรมานที่ดูเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด
มือของเขากำเสื้อพี่ภพไว้แน่น ราวกับกลัวว่าหากปล่อยมือ ทุกสิ่งจะพังทลายลง พี่ภพไม่พูดอะไรเพียงแค่ดึงตัวเขาเข้าไปกอดแน่นขึ้น ปล่อยให้เขาร้องไห้ปล่อยให้น้ำตาชะล้างความเจ็บปวดในใจ
“ไม่เป็นไรนะครับ...เหนื่อยก็พักนะคนดี” พี่ภพประคองน้องไว้ในอ้อมกอดปล่อยให้น้องร้องไห้ออกมาจนหมดแรง
ถึงแม้พี่ภพจะมีเรื่องราวมากมายที่อยากบอกน้อง แต่เขารู้ว่าตอนนี้สภาพจิตใจของน้องยังเปราะบางเกินไปจึงเลือกที่จะกอดน้องไว้แน่น ปล่อยให้น้องหลับไปในอ้อมกอด
“พี่จะทำให้น้องจำพี่ให้ได้...”
“จำพี่คนเดิมให้ได้...”
บรรยากาศในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของกนกที่ค่อยๆแผ่วเบา ก้อมกอดยังคงปลอบโยนราวกับว่าการโอบกอดนี้จะช่วยปกป้องน้องจากทุกความกลัวที่เคยมี...และที่อาจจะมาถึงในอนาคต
15 ปีก่อน
“วันนี้ไม่เอาหมูเหลืองมาหรอ”
“เอามาสิ...หมูเหลืองเป็นเพื่อนกนกนะ” พี่ภพยิ้มกว้างมองตุ๊กตาหมูสีเหลืองในมือเด็กน้อย
“แล้วพี่เป็นใคร?”
“พี่ภพก็เป็นคนใจดีที่สุดในโลกเล้ยย!”
“ฮ่ะๆๆ” ภพพูดใจในคำตอบแสนซื่อของเด็กน้อย
“แล้วคนใจดีต้องได้รางวัลไหม” พี่ภพถามพลางยื่นแก้มไปใกล้ๆ
“แน่นอน!” กนกตอบด้วยความมั่นใจ แล้วก็หอมแก้มพี่ภพหนึ่งฟอด
“ชื่นใจจัง พรุ่งนี้พี่มีแรงไปโรงเรียนแล้ว”
“กนกอยากไปโรงเรียนบ้าง...” เขาไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนเป็นแบบไหนแต่อย่างน้อยก็คงเป็นสถาที่ที่มีเพื่อนๆ ให้เขาเล่นสนุกด้วย
“หรอ...ทำไมอ่าา?”
“ก็อยู่บ้านคนเดียวมันเหงาอ่ะ อยากไปเล่นโรงเรียนกับพี่ภพ”
“แต่เดี๋ยวพี่กลับมาจากโรงเรียนพี่ก็มาหาเราไง”
“ก็ได้...เย้ๆ!”
“วันนี้อยากเล่นอะไร?”
“อืมม...อยากเล่นวาดรูป” กนกตอบด้วยความตื่นเต้น
“โอเค งั้นกนกวาดรูป เดี๋ยวพี่ทำการบ้านนะ” พี่ภพพูดพลางหยิบสมุดการบ้านออกมา
“แล้วพี่ภพไม่เล่นวาดรูปหรอ...” น้ำเสียงของเด็กน้อยแสดงออกชัดเจนว่าเขาอยากจะต้องเล่นวาดรูปคนเดียว
“เล่นๆๆแต่พี่ทำการบ้านด้วยไง แล้วก็วาดรูปด้วย”
“ทำไมเก่งจัง ทำได้หลายอย่าง”
“พี่เก่งไง...ต้องได้รางวัลเนอะ” พี่ภพยิ้มแล้วยื่นแก้มไปให้กนกอีกครั้ง
“ขอรางวัลอีกแล้ว ยังไม่ได้ทำเลย!” พี่ภพหัวเราะเบาๆ แล้วขยี้หัวกนกน้อยเบาๆ
เขาพบเจอกับเด็กน้อยโดยบังเอิญ ตอนที่เขากลับมาจากโรงเรียนและได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ที่สวนสาธารณะ หมาตัวเล็กตัวหนึ่งกำลังยื้อแย้งตุ๊กตาหมีสีเหลืองกับเด็กน้อย กนกพยายามเอาไม้ตีเจ้าหมาแสนดื้อแต่หมาตัวนั้นก็ไม่ยอมปล่อยภพจึงเข้าไปช่วยใช้ไม้ไล่หมาตัวนั้นจนมันยอมปล่อยตุ๊กตาและวิ่งหนีไป
“ขอบคุณนะครับพี่ใจดี” กนกน้อยกอดตุ๊กตาหมีไว้แน่น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไร น้องชื่ออะไร”
“กนก!” เด็กน้อยตอบด้วยความภูมิใจ
“แล้วบ้านน้องอยู่ไหน?”
“บ้านกนกอยู่...” กนกชี้ไปทางซอยเล็กๆ ภพเลยอาสาเดินไปส่งน้อง
“อ้าว...บ้านเราอยู่หลังนี้หรอ?”
“ใช่ครับ!”
“บ้านพี่ถัดไปอีกซอยเอง...มีสวนใหญ่มากกก” พี่ภพบอกด้วยความปลื้มใจกับสวนมะพร้าวบ้านเขาที่กว้างขวาง
“ฮ่ะๆๆ บ้านกนกก็มีสวนใหญ่มากๆๆ!”
“ฮ่ะๆๆ โอเคๆ ไว้เจอกัน พี่ชื่อพี่ภพนะ”
“พี่ภพ...” กนกพูดชื่อช้าๆ
“ใช่ พี่ภพรัก”
“ชื่อเท่ห์จัง!”
“กนกก็เท่ห์”
“หรอ...กนกก็เท่ห์หรอ?”
“อืม”
“ไปละ” พี่ภพพูดพลางจะเดินจาก
“เดี๋ยวก่อน...”
“คนใจดีต้องได้รางวัล” กนกพูดบอกพี่ชายพร้อมรอยยิ้มสดใส เพราะจะได้มองรางวัลให้คนเก่งรอบๆตัวของเขา
“รางวัลไรอ่ะ?” พี่ภพถาม
“พี่ภพนั่งลง...” ภพจึงนั่งลงตามที่น้องบอก จากนั้นเด็กชายตัวเล็กก็หอมแก้มเขาหนึ่งฟอดใหญ่
“เฮ้ย! ทำไรอ่ะ?” ภพตกใจที่อยู่ๆเด็กน้อยก็เข้ามาหอมแก้มเขา
“อ่าว ก็พ่อบอกว่า คนเก่งต้องได้รางวัล...กนกให้รางวัลพ่อตลอดเลย แม่ก็ได้นะ ทุกวันเลย” กนกอธิบายด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
“อ่อ...โอเคๆๆ” พี่ภพตอบด้วยความเขินๆ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจ จากนั้นเขาจึงบอกลาเด็กน้อยและเดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่เพิ่งได้รับรางวัลจากเด็กน้อยที่เพิ่งรู้จักกัน...
หลังจากนั้น ภพก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของกนกน้อย เขาจะเจอเด็กน้อยตัวเล็กที่สวนสาธารณะทุกเย็น แม้ว่าจะเดินมากับเพื่อนๆแต่พอเห็นกนกก็จะรีบแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนเพื่อไปทักทายน้องก่อนเสมอและพวกเขาก็มักจะเดินกลับบ้านพร้อมกันทุกวัน
ความสัมพันธ์ระหว่างภพกับกนกค่อยๆสนิทขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ภพได้เจอกับแม่ของกนกเป็นครั้งแรก
“กนก!” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกจากทางเดิน ภพหันไปเห็นผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ไม่ไกล เธอยิ้มหวานและท่าทางใจดี
“แม่!” กนกวิ่งเข้าไปหาแม่ด้วยความดีใจ
“นี่คือ...”
“สวัสดีครับ ผมชื่อภพ”
“อ๋อ ภพเหรอ นี่คือคนที่ช่วยกนกเมื่อวันนั้นใช่ไหม” แม่กนกถาม
“ใช่ครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ช่วยเล็กๆ น้อยๆ”
“น้าชื่อเพชร เป็นสาธารณสุขตำบล ทุกคนเรียกฉันว่าน้าเพชร หรือหมอเพชรก็ได้”
“สวัสดีครับน้าเพชร”
“กนกเพื่อนน้อยและไม่ค่อยสนิทกับเด็กคนอื่นๆ เลย” น้าเพชรพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วง “แต่ดูเหมือนเขาจะชอบพี่ภพมาก”
“ผมก็ชอบน้องกนกครับ เขาน่ารักดี” พี่ภพตอบ
“ถ้าอย่างนั้น พี่ภพมาที่บ้านเราเล่นกับกนกได้นะ”
“ครับ”
ตั้งแต่นั้นมา พี่ภพก็กลายเป็นแขกประจำที่บ้านของกนก เขาจะไปเล่นกับกนกที่บ้านหลังเลิกเรียนหรือในวันหยุด บางครั้งก็ช่วยน้าเพชรดูแลกนกเวลาที่เธอต้องทำงานบรรยากาศในบ้านของกนกเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะและเช่นเคย พวกเขาก็ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข กนกรู้สึกว่าพี่ภพคือคนสำคัญคนนึงในชีวิตของเขา
"เฮ้ย ไอ้ภพ มึงกลับบ้านกับเด็กนั่นทุกวันเลยเหรอวะ"เสียงแซวของเพื่อนในห้องดังขึ้น ขณะที่ภพกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง"ทำไมหรอ?" เพื่อนยักไหล่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะว่าต่อ "ก็น้องชายมึงก็ไม่ใช่... มึงลองพามันไปบ้านมึงดิ๊"ภพหลุดหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า "มึงอยากให้กนกไปบ้านกูจริงดิ เดี๋ยวพ่อกูก็อาละวาดบ้านแตกหรอก""แม่มึงก็เก่งเนอะ อยู่กับพ่อมึงได้""แล้วกูไม่เก่งหรอวะที่อยู่กับพ่อแม่ได้""ไอ้เหี้ย มึงเป็นลูกมึงก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ป่ะวะ""มั้ง..."เสียงหัวเราะเบาๆ ปะปนกับการพูดคุยเล่นกันในห้องเรียนแต่ภพกลับไม่ได้สนใจนัก เขาเพียงแต่เงียบลงเมื่อนึกถึงกนกเด็กน้อยที่มักจะรอเขากลับจากโรงเรียนทุกวัน มันเป็นเรื่องจริง... เพราะเส้นทางที่เขากลับบ้านผ่านสำนักงานสาธารณสุขตำบลพอดี ทุกเย็นน้าเพชรจะพากนกมาทำงานด้วย และกนกก็มักจะมาเล่นอยู่ที่สวนข้างสำนักงานรอให้ภพพากลับบ้านด้วยกัน มันเป็นแบบนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกัน"พี่ภพ..."กนกน้อยจับเสื้อภพเขย่าเบาๆ ขณะที่พวกเขากำ
"เราจำตุ๊กตาตัวนี้ได้ไหม..."พี่ภพค่อยๆ หยิบตุ๊กตาตัวนั้นมาให้กนก ตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเดิมผ้าขนหนูที่คลุมอยู่บนตักร่วงลงพื้น เขาหันหน้าหนีปิดตาแน่นไม่กล้ามองสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว มันเป็นอะไรที่เขาอธิบายไม่ได้แค่เห็นภาพนั้นกล้ามเนื้อก็เริ่มเกร็งหัวใจเต้นแรง และเริ่มหายใจหอบ“น้องกนก...” พี่ภพเรียกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกังวล กนกไม่ตอบจนพี่ภพรีบขึ้นไปบนเตียง โอบกอดน้องไว้แน่น“เราไม่ต้องกลัว...เราจะปลอดภัย”“ผะ...ผม...ผมไม่อยากเห็นมัน...” หอบถี่และหนักหน่วง สะท้อนถึงความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอก มือที่กำเสื้อของพี่ภพไว้สั่นระริก ความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยึดเหนี่ยวเขาไว้ในตอนนี้“เราจะไม่เป็นอะไร...พี่จะอยู่ข้างเรา...จะไม่มีใครทำอะไรเรา” เสียงกระซิบของพี่ภพนุ่มนวลและอบอุ่น ราวกับสายลมอ่อนที่พัดผ่านใจ เขาเผลอหลับตาลงปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาอย่างแผ่วเบา มันเหมือนมีมนต์สะกดค่อยๆปลดเปลื้องความตึงเครียดในอกไปทีละนิด ลมหายใจที่เ
ผมพยายามไม่รอเขา...แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาฬิกาบนมือถือทุกๆ สิบนาที ไม่ดูหรอก...ก็ตั้งใจอ่านหนังสือนิยายอยู่นะ วันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังสอบ ควรจะผ่อนคลายสักหน่อย แต่ไม่รู้ทำไม ตัวหนังสือที่เคยสนุกกลับกลายเป็นแค่ตัวอักษรที่เรียงกันไม่มีความหมาย หรือว่าผมกำลัง...ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที ใจเต้นแรงเหมือนเด็กน้อยที่รอคอยของขวัญ แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่พี่ภพ..."คนเก่ง...ได้ท็อปเลยดิ ยังอ่านหนังสือทั้งที่วันนี้ก็วันศุกร์" มิวยืนอยู่หน้าประตู ยิ้มกว้างพร้อมกับชีทที่ถืออยู่ในมือผมพยักหน้าเล็กน้อย พยายามเก็บความรู้สึกผิดหวังไว้ในใจ "ทำไมวันนี้มาหาเรา...ลืมอะไรหรือเปล่า""ลืม...ลืมชีทที่เราให้แกวันติวไว้""อ้าว แล้วไม้โทรมาบอก" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติ"ก็ห้องอยู่แค่ชั้นเดียว เดินมาหากันก็ได้" มิวยักไหล่แล้วก็ส่งสายตามองผมอย่างสนใจ"...ไม่ใช่หรอ หรือแกมีอะไร""มีอะไรล่ะ ไม่มี"มิวหัวเราะเบาๆ "แล้วนี่ไม่กลัวแล้วหรอ...พี่ชายข้างบ้านยังมาหาอยู่ไหม""ก็มา
ช่วงสอบปลายภาค พี่ภพแวะมาหาเขาเกือบทุกวัน บางวันก็ขอแวะมานอนด้วยโดยอ้างว่า "หอพี่แอร์เสีย" หรือ "อยากติวหนังสือเป็นเพื่อน" แต่กนกรู้ดีว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างเพราะสุดท้ายแล้วพี่ภพก็ไม่ได้แตะหนังสือสักเท่าไหร่ มีแต่เขาส่วนพี่ภพก็นอนกลิ้งเล่นอยู่ข้างๆแรกๆ กนกยังรู้สึกเกร็งเวลาถูกพี่ภพจ้องมอง ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเขามักจะพบสายตาอบอุ่นคู่นั้นมองอยู่เสมอเป็นสายตาที่ทำให้ใจเต้นแปลกๆราวกับว่าพี่ภพเห็นบางสิ่งในตัวเขาที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป... ความรู้สึกพวกนั้นก็ค่อยๆจางหาย สายตาที่เคยหลบเลี่ยงหรืออาการประหม่าเมื่อต้องอยู่ใกล้พี่ภพเริ่มหายไปเช่นกันแทนที่ด้วย...ความสบายใจการมีพี่ภพอยู่ด้วยกลายเป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน ห้องที่เคยเงียบเหงาก็กลับมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของขนมที่พี่ภพชอบซื้อมาให้หัวใจที่เคยปิดกั้นเริ่มเปิดออกทีละนิด"ไงครับคนเก่ง วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม?"เสียงทุ้มที่ฟังแล้วอบอุ่นเสมอดังขึ้นจากด้านหลัง กนกเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะถอนหายใจยาว
ช่วงเวลาการสอบปลายภาคของปีหนึ่งผ่านไปอย่างแสนเหนื่อย เขาอดนอนมาหลายคืนเพื่ออ่านหนังสือทบทวนเนื้อหา ร่างกายอ่อนล้า แต่จิตใจกลับว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่รู้ว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาในชีวิตไม่ใช่ผี และยังเป็นคนรู้จักกับแม่ ความหนักอึ้งในใจกลับเบาลงและรู้สึกปลอดภัยขึ้นโดยไม่รู้ตัวแต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ พี่ภพยังมาหาเขาเป็นประจำบางวันมาตอนบ่าย พร้อมกับขนมของว่างวางไว้บนโต๊ะเรียนของเขาบางวันมาตอนเย็น ยืนรออยู่หน้าหอพักด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตากลับดูอ่อนโยน กนกพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับ เพราะกลิ่นหอมๆ นั้นทำให้ท้องร้องทุกทีและบางคืน...ชายคนนั้นมาเพียงเพื่อบอก "ฝันดีนะ"เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมมืออุ่นที่ลูบเบาๆ บนศีรษะ กนกมักจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมถึงดูแลเขาขนาดนี้ แต่พอรู้ตัวอีกที หัวใจของเขาก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อนแล้วแต่ที่ทำให้สับสนยิ่งกว่าคือ บางคืน...เขากลับเข้ามากอด อ้อมแขนนั้นแน่นหนา แข
หลังจากที่กนกได้รู้ความจริงว่า คนที่เขาเจอในฝันที่เหมือนจริงมาตลอดคือ พี่ภพ พี่ชายข้างบ้านที่เขาลืมไปแล้ว ความทรงจำในวัยเด็กของเขาหายไปเหมือนกระดาษหน้าหนึ่งที่ถูกฉีกทิ้ง ทุกครั้งที่พยายามนึกย้อนก็มักจบลงด้วยความสับสนจนปวดหัวแต่ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ภพถึงโผล่มาหาเขาแบบนี้ หรือเหตุผลอะไรที่ทำให้พี่ภพก้าวเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง…แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้คือ ความอบอุ่น เสมอเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนั้นช่วงนี้ พี่ภพมาหาเขาทุกเย็น เอาของอร่อยมาให้ กนกก็มักจะรับมันมาด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ อาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคย หรือเพราะเขายังไม่เข้าใจสถานะของพวกเขาในตอนนี้"เราแข็งแรงดีไหม?""ครับ""ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วสินะ""ครับ""ขนมที่พี่ซื้อมาถูกใจไหม?""ครับ"กนกตอบรับสั้นๆ ทุกคำถามโดยแทบไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วคำพูดต่อมาของพี่ภพกลับทำให้เขาสะดุด"เรานี่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ"กนกเผลอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบ "คะ...ครับ?"
มิวมาพักกับกนกได้ราวหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะต้องกลับไปอ่านหนังสือและติวให้เพื่อนกลุ่มอื่น คืนนี้จึงเป็นคืนแรกในรอบหลายวันที่กนกต้องนอนคนเดียวอีกครั้ง เขาปิดไฟและพลิกตัวซุกผ้าห่ม ตั้งใจจะข่มตานอน แต่แล้ว...แกร๊ก!เสียงของลูกบิดประตูที่หมุนเบาๆ ทำให้ร่างทั้งร่างแข็งค้างหัวใจเขาเต้นระรัวพร้อมลมหายใจที่ติดขัด ราวกับถูกพันธนาการด้วยความกลัวที่บีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออกใคร?น้ำตาค่อยๆไหลออกมาพร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่นสะท้าน สติเริ่มตีกันยุ่งเหยิง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาใกล้ๆจนกระทั่ง...อ้อมแขนอบอุ่นโอบกอดเขาไว้แน่น"ไม่ต้องกลัวนะ..." เสียงทุ้มกระซิบข้างหูนั้นแผ่วเบาและมั่นคง"ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้ว" กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากเสื้อตัวหนาของชายแปลกหน้า อ้อมแขนที่กอดแน่นนั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยจนน่าแปลกใจ กนกหอบหายใจหนักขึ้นและร่างกายยังคงสั่นสะท้านแต่สัมผัสจากคนตรงหน้ากลับช่วยให้หัวใจที่เต้นกระหน่ำเริ่มสงบลงทีละนิด"พี่ขอโทษ...พี่ขอโทษสำหรับท
วันนี้กนกเริ่มรู้สึกว่า…บางที คนที่ตามเขาอาจไม่ใช่ผีอย่างที่เขาคิด สายตาของใครบางคนเหมือนเฝ้าจับจ้องเขาจากที่ไกลๆ มันไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกวูบไหวหรือภาพหลอนที่เกิดจากความหวาดระแวง แต่มันชัดเจนจนทำให้ขนที่ต้นคอลุกชัน"หืม…มีอะไรเหรอ?" พราวถามขึ้นระหว่างกำลังตักข้าวเข้าปากในโรงอาหารกนกขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า "เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก" พราวเหลือบตามองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อช่วงบ่าย ขณะเดินไปห้องแล็บ มิวเข้ามากระซิบที่ข้างหูพราว เสียงของเขาเบาราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน พราวชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าตกใจแต่ก็พยายามเก็บอาการแล้วทั้งสองค่อยๆลดความเร็วในการเดินราวกับกำลังจับตาดูอะไรบางอย่างตรงข้ามกับพวกเขา กนกกลับเดินนำหน้าอย่างสบายใจ หูฟังเสียบอยู่กับหู ขยับปากร้องเพลงเบาๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่และมันก็เป็นอย่างที่คิด...เมื่อมิวกับพราวถอยห่างออกมา ก็เห็นชายคนหนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน สวมหมวกและผ้าปิดปาก เดินลอบเลียบเลาะตามกนกอย่างแนบเนียน ทว่า…มีบางอย่างผิดปกติวันนี้เขาใส่เสื้อแขนยาว
ห้วงความฝันเด็กชายตัวเล็กพยายามยื้อแย่งตุ๊กตาในอ้อมปากของเจ้าหมาจอมดื้อ"อื้ออ... อย่าเอาของน้อง! แงงง!"เขาร้องไห้สะอึกสะอื้น ดึงสุดแรงเกิด แต่แรงเด็กน้อยสู้หมาตัวโตไม่ไหว ตุ๊กตาหมีสีเหลืองยังคงถูกคาบแน่นในปากของมัน"แง... แงงง!" เสียงร้องดังลั่นไปทั่วสนามหญ้า จนเด็กอีกคนวิ่งเข้ามาพร้อมกับไม้ในมือ"ไอ้หมา! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!"...ฟาด!... ฟาด!เจ้าหมาสะดุ้งเฮือก ส่ายหัวไปมา ก่อนจะทนความเจ็บไม่ไหว ยอมคลายตุ๊กตาหมีสีเหลืองออกจากปาก"เย้ๆๆ!" เด็กน้อยกระโดดดีใจ เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้น พี่ชายใจดีที่ช่วยปกป้องเขาหยิบตุ๊กตาขึ้นมา"อันนี้ของเราสินะ แต่มันเปื้อนหมดเลย""ไม่เป็นไรครับ... หมูเหลืองไปซักได้"เด็กชายตัวน้อยยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย ก่อนภาพทุกอย่างจะเลือนหายไป…...วี๊วอ! วี๊วอ!เสียงไซเรนรถพยาบาลดังระงมไปทั่ว ความวุ่นวาย เสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่ เสียงวิทยุสื่อสารแทรกเป็นระยะมือของเขาเปื้อนเลือด...เลือด