"เราจำตุ๊กตาตัวนี้ได้ไหม..."
พี่ภพค่อยๆ หยิบตุ๊กตาตัวนั้นมาให้กนก ตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเดิม
ผ้าขนหนูที่คลุมอยู่บนตักร่วงลงพื้น เขาหันหน้าหนีปิดตาแน่นไม่กล้ามองสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว มันเป็นอะไรที่เขาอธิบายไม่ได้แค่เห็นภาพนั้นกล้ามเนื้อก็เริ่มเกร็งหัวใจเต้นแรง และเริ่มหายใจหอบ
“น้องกนก...” พี่ภพเรียกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกังวล กนกไม่ตอบจนพี่ภพรีบขึ้นไปบนเตียง โอบกอดน้องไว้แน่น
“เราไม่ต้องกลัว...เราจะปลอดภัย”
“ผะ...ผม...ผมไม่อยากเห็นมัน...” หอบถี่และหนักหน่วง สะท้อนถึงความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอก มือที่กำเสื้อของพี่ภพไว้สั่นระริก ความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยึดเหนี่ยวเขาไว้ในตอนนี้
“เราจะไม่เป็นอะไร...พี่จะอยู่ข้างเรา...จะไม่มีใครทำอะไรเรา” เสียงกระซิบของพี่ภพนุ่มนวลและอบอุ่น ราวกับสายลมอ่อนที่พัดผ่านใจ เขาเผลอหลับตาลงปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาอย่างแผ่วเบา มันเหมือนมีมนต์สะกดค่อยๆปลดเปลื้องความตึงเครียดในอกไปทีละนิด ลมหายใจที่เคยติดขัดเริ่มผ่อนคลายขึ้น หัวใจที่เต้นรัวแรงก็คล้ายจะค่อยๆคืนจังหวะปกติ ความหวาดหวั่นที่เคยเกาะกินจิตใจค่อยๆจางลงเหลือเพียงไออุ่นจากอ้อมกอดของพี่ภพที่โอบล้อมเขาไว้
“พี่จะอยู่ข้างเรา...จะไม่มีใครทำร้ายกนก” พี่ภพพูดซ้ำอีกครั้ง
“จะไม่มีใครทำร้ายพี่...จะไม่มีใครทำร้ายพวกเรา”
กนกเงียบไปสักพัก ก่อนจะกระซิบกลับด้วยเสียงเบาๆ “ฝันร้าย...มันผ่านไปแล้วใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว เด็กดี...ฝันร้ายมันผ่านไปแล้ว ตื่นจากฝันร้ายได้แล้วนะ” พี่ภพยิ้มน้อยๆ กอดน้องไว้แน่น
แต่เพียงแค่ได้ยินคำว่า "ฝันร้าย" น้ำตาของกนกก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนที่พังทลาย หัวใจของเขาหนักอึ้งและความรู้สึกทั้งหมดที่เก็บกดไว้มันเอ่อล้นออกมาโดยไม่อาจห้ามได้ เสียงสะอื้นสั่นไหวสะท้อนถึงความอ่อนล้าที่เกาะกินหัวใจมานานเขาเหนื่อยเหลือเกิน... ไม่อยากเผชิญกับความกลัวนี้อีกต่อไป ไม่อยากติดอยู่ในวังวนของความทุกข์ทรมานที่ดูเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด
มือของเขากำเสื้อพี่ภพไว้แน่น ราวกับกลัวว่าหากปล่อยมือ ทุกสิ่งจะพังทลายลง พี่ภพไม่พูดอะไรเพียงแค่ดึงตัวเขาเข้าไปกอดแน่นขึ้น ปล่อยให้เขาร้องไห้ปล่อยให้น้ำตาชะล้างความเจ็บปวดในใจ
“ไม่เป็นไรนะครับ...เหนื่อยก็พักนะคนดี” พี่ภพประคองน้องไว้ในอ้อมกอดปล่อยให้น้องร้องไห้ออกมาจนหมดแรง
ถึงแม้พี่ภพจะมีเรื่องราวมากมายที่อยากบอกน้อง แต่เขารู้ว่าตอนนี้สภาพจิตใจของน้องยังเปราะบางเกินไปจึงเลือกที่จะกอดน้องไว้แน่น ปล่อยให้น้องหลับไปในอ้อมกอด
“พี่จะทำให้น้องจำพี่ให้ได้...”
“จำพี่คนเดิมให้ได้...”
บรรยากาศในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของกนกที่ค่อยๆแผ่วเบา ก้อมกอดยังคงปลอบโยนราวกับว่าการโอบกอดนี้จะช่วยปกป้องน้องจากทุกความกลัวที่เคยมี...และที่อาจจะมาถึงในอนาคต
15 ปีก่อน
“วันนี้ไม่เอาหมูเหลืองมาหรอ”
“เอามาสิ...หมูเหลืองเป็นเพื่อนกนกนะ” พี่ภพยิ้มกว้างมองตุ๊กตาหมูสีเหลืองในมือเด็กน้อย
“แล้วพี่เป็นใคร?”
“พี่ภพก็เป็นคนใจดีที่สุดในโลกเล้ยย!”
“ฮ่ะๆๆ” ภพพูดใจในคำตอบแสนซื่อของเด็กน้อย
“แล้วคนใจดีต้องได้รางวัลไหม” พี่ภพถามพลางยื่นแก้มไปใกล้ๆ
“แน่นอน!” กนกตอบด้วยความมั่นใจ แล้วก็หอมแก้มพี่ภพหนึ่งฟอด
“ชื่นใจจัง พรุ่งนี้พี่มีแรงไปโรงเรียนแล้ว”
“กนกอยากไปโรงเรียนบ้าง...” เขาไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนเป็นแบบไหนแต่อย่างน้อยก็คงเป็นสถาที่ที่มีเพื่อนๆ ให้เขาเล่นสนุกด้วย
“หรอ...ทำไมอ่าา?”
“ก็อยู่บ้านคนเดียวมันเหงาอ่ะ อยากไปเล่นโรงเรียนกับพี่ภพ”
“แต่เดี๋ยวพี่กลับมาจากโรงเรียนพี่ก็มาหาเราไง”
“ก็ได้...เย้ๆ!”
“วันนี้อยากเล่นอะไร?”
“อืมม...อยากเล่นวาดรูป” กนกตอบด้วยความตื่นเต้น
“โอเค งั้นกนกวาดรูป เดี๋ยวพี่ทำการบ้านนะ” พี่ภพพูดพลางหยิบสมุดการบ้านออกมา
“แล้วพี่ภพไม่เล่นวาดรูปหรอ...” น้ำเสียงของเด็กน้อยแสดงออกชัดเจนว่าเขาอยากจะต้องเล่นวาดรูปคนเดียว
“เล่นๆๆแต่พี่ทำการบ้านด้วยไง แล้วก็วาดรูปด้วย”
“ทำไมเก่งจัง ทำได้หลายอย่าง”
“พี่เก่งไง...ต้องได้รางวัลเนอะ” พี่ภพยิ้มแล้วยื่นแก้มไปให้กนกอีกครั้ง
“ขอรางวัลอีกแล้ว ยังไม่ได้ทำเลย!” พี่ภพหัวเราะเบาๆ แล้วขยี้หัวกนกน้อยเบาๆ
เขาพบเจอกับเด็กน้อยโดยบังเอิญ ตอนที่เขากลับมาจากโรงเรียนและได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ที่สวนสาธารณะ หมาตัวเล็กตัวหนึ่งกำลังยื้อแย้งตุ๊กตาหมีสีเหลืองกับเด็กน้อย กนกพยายามเอาไม้ตีเจ้าหมาแสนดื้อแต่หมาตัวนั้นก็ไม่ยอมปล่อยภพจึงเข้าไปช่วยใช้ไม้ไล่หมาตัวนั้นจนมันยอมปล่อยตุ๊กตาและวิ่งหนีไป
“ขอบคุณนะครับพี่ใจดี” กนกน้อยกอดตุ๊กตาหมีไว้แน่น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไร น้องชื่ออะไร”
“กนก!” เด็กน้อยตอบด้วยความภูมิใจ
“แล้วบ้านน้องอยู่ไหน?”
“บ้านกนกอยู่...” กนกชี้ไปทางซอยเล็กๆ ภพเลยอาสาเดินไปส่งน้อง
“อ้าว...บ้านเราอยู่หลังนี้หรอ?”
“ใช่ครับ!”
“บ้านพี่ถัดไปอีกซอยเอง...มีสวนใหญ่มากกก” พี่ภพบอกด้วยความปลื้มใจกับสวนมะพร้าวบ้านเขาที่กว้างขวาง
“ฮ่ะๆๆ บ้านกนกก็มีสวนใหญ่มากๆๆ!”
“ฮ่ะๆๆ โอเคๆ ไว้เจอกัน พี่ชื่อพี่ภพนะ”
“พี่ภพ...” กนกพูดชื่อช้าๆ
“ใช่ พี่ภพรัก”
“ชื่อเท่ห์จัง!”
“กนกก็เท่ห์”
“หรอ...กนกก็เท่ห์หรอ?”
“อืม”
“ไปละ” พี่ภพพูดพลางจะเดินจาก
“เดี๋ยวก่อน...”
“คนใจดีต้องได้รางวัล” กนกพูดบอกพี่ชายพร้อมรอยยิ้มสดใส เพราะจะได้มองรางวัลให้คนเก่งรอบๆตัวของเขา
“รางวัลไรอ่ะ?” พี่ภพถาม
“พี่ภพนั่งลง...” ภพจึงนั่งลงตามที่น้องบอก จากนั้นเด็กชายตัวเล็กก็หอมแก้มเขาหนึ่งฟอดใหญ่
“เฮ้ย! ทำไรอ่ะ?” ภพตกใจที่อยู่ๆเด็กน้อยก็เข้ามาหอมแก้มเขา
“อ่าว ก็พ่อบอกว่า คนเก่งต้องได้รางวัล...กนกให้รางวัลพ่อตลอดเลย แม่ก็ได้นะ ทุกวันเลย” กนกอธิบายด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
“อ่อ...โอเคๆๆ” พี่ภพตอบด้วยความเขินๆ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจ จากนั้นเขาจึงบอกลาเด็กน้อยและเดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่เพิ่งได้รับรางวัลจากเด็กน้อยที่เพิ่งรู้จักกัน...
หลังจากนั้น ภพก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของกนกน้อย เขาจะเจอเด็กน้อยตัวเล็กที่สวนสาธารณะทุกเย็น แม้ว่าจะเดินมากับเพื่อนๆแต่พอเห็นกนกก็จะรีบแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนเพื่อไปทักทายน้องก่อนเสมอและพวกเขาก็มักจะเดินกลับบ้านพร้อมกันทุกวัน
ความสัมพันธ์ระหว่างภพกับกนกค่อยๆสนิทขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ภพได้เจอกับแม่ของกนกเป็นครั้งแรก
“กนก!” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกจากทางเดิน ภพหันไปเห็นผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ไม่ไกล เธอยิ้มหวานและท่าทางใจดี
“แม่!” กนกวิ่งเข้าไปหาแม่ด้วยความดีใจ
“นี่คือ...”
“สวัสดีครับ ผมชื่อภพ”
“อ๋อ ภพเหรอ นี่คือคนที่ช่วยกนกเมื่อวันนั้นใช่ไหม” แม่กนกถาม
“ใช่ครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ช่วยเล็กๆ น้อยๆ”
“น้าชื่อเพชร เป็นสาธารณสุขตำบล ทุกคนเรียกฉันว่าน้าเพชร หรือหมอเพชรก็ได้”
“สวัสดีครับน้าเพชร”
“กนกเพื่อนน้อยและไม่ค่อยสนิทกับเด็กคนอื่นๆ เลย” น้าเพชรพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วง “แต่ดูเหมือนเขาจะชอบพี่ภพมาก”
“ผมก็ชอบน้องกนกครับ เขาน่ารักดี” พี่ภพตอบ
“ถ้าอย่างนั้น พี่ภพมาที่บ้านเราเล่นกับกนกได้นะ”
“ครับ”
ตั้งแต่นั้นมา พี่ภพก็กลายเป็นแขกประจำที่บ้านของกนก เขาจะไปเล่นกับกนกที่บ้านหลังเลิกเรียนหรือในวันหยุด บางครั้งก็ช่วยน้าเพชรดูแลกนกเวลาที่เธอต้องทำงานบรรยากาศในบ้านของกนกเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะและเช่นเคย พวกเขาก็ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข กนกรู้สึกว่าพี่ภพคือคนสำคัญคนนึงในชีวิตของเขา
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน