ผมพยายามไม่รอเขา...แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาฬิกาบนมือถือทุกๆ สิบนาที ไม่ดูหรอก...ก็ตั้งใจอ่านหนังสือนิยายอยู่นะ วันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังสอบ ควรจะผ่อนคลายสักหน่อย แต่ไม่รู้ทำไม ตัวหนังสือที่เคยสนุกกลับกลายเป็นแค่ตัวอักษรที่เรียงกันไม่มีความหมาย หรือว่าผมกำลัง...
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที ใจเต้นแรงเหมือนเด็กน้อยที่รอคอยของขวัญ แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่พี่ภพ...
"คนเก่ง...ได้ท็อปเลยดิ ยังอ่านหนังสือทั้งที่วันนี้ก็วันศุกร์" มิวยืนอยู่หน้าประตู ยิ้มกว้างพร้อมกับชีทที่ถืออยู่ในมือ
ผมพยักหน้าเล็กน้อย พยายามเก็บความรู้สึกผิดหวังไว้ในใจ "ทำไมวันนี้มาหาเรา...ลืมอะไรหรือเปล่า"
"ลืม...ลืมชีทที่เราให้แกวันติวไว้"
"อ้าว แล้วไม้โทรมาบอก" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติ
"ก็ห้องอยู่แค่ชั้นเดียว เดินมาหากันก็ได้" มิวยักไหล่แล้วก็ส่งสายตามองผมอย่างสนใจ
"...ไม่ใช่หรอ หรือแกมีอะไร"
"มีอะไรล่ะ ไม่มี"
มิวหัวเราะเบาๆ "แล้วนี่ไม่กลัวแล้วหรอ...พี่ชายข้างบ้านยังมาหาอยู่ไหม"
"ก็มาบ้างแหละ เขาบอกว่าแม่ให้มาช่วยดู"
"น้าเพชรก็แปลกนะ...ให้คนมาคอยดูแต่ไม่ยอมบอก ส่วนพี่เขาก็ดูแปลกๆ ทำไมไม่มาหาดีๆ" มิวจ้องผมเหมือนจะล้วงความลับอะไรสักอย่าง
"แล้วนี่จะได้ท็อปอีกวิชาป่ะ"
"ได้ท็อปอะไรเล่า"
"ก็วิชาเสริม แกบอกว่าแกทำได้หมด"
"ก็มันไม่ยากขนาดนั้น" ผมตอบอย่างมั่นใจ
"อืมๆ" มิวยิ้มกว้าง "ก็สู้ๆ แล้วกัน อีก 2 ตัวก็จะได้กลับบ้านแล้ว"
"อืมๆ ...ถ้าจะมาหาก็โทรมานะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติ
"ไม่โทรอ่ะ...แต่ไม่มาแล้ว แค่มาเอาชีท ไปแล้วนะ" มิวยกมือโบกลา
"อืม...ไว้เจอกันมิว"
"เคๆ"
จากนั้นมิวก็ออกไปจากห้อง เหลือผมเพียงคนเดียวที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น มือยังจับที่มือประตูไว้แน่น ใจยังคงหวั่นไหวกับความรู้สึกที่รอคอยใครบางคน
ผมมองนาฬิกาอีกครั้ง...แล้วก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้ หนังสือนิยายที่วางอยู่ข้างหน้าดูเหมือนจะไม่มีความหมายอีกแล้ว เพราะใจของผมยังคงลอยไปที่พี่ภพ...คนที่ผมรอคอย แต่ยังไม่มาเสียที
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้...คนที่ผมรอคอยก็มาเสียที ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำให้พี่ภพแปลกใจ
"พี่ขอโทษนะครับ...พี่ติดงานนิดหน่อย เลยมาหาเราช้า" พี่ภพพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยแต่ยังอบอุ่นเหมือนเดิม
"มะ...มะเป็นไรครับ" ผมตอบด้วยความตื่นเต้นที่พยายามเก็บไว้ไม่ให้เกินเหตุ
"พี่ทานข้าว..."
"พี่ทานข้าวแล้ว แต่ขออาบน้ำห้องเราได้ไหม" เขายกกระเป๋าเสื้อผ้าโชว์ให้ดูว่าวันนี้เตรียมของมาพักกับผมแน่นอน
"คะ...ครับ" ผมตอบด้วยความตื่นเต้นที่แทบจะเก็บไม่อยู่
จากนั้นผมก็รีบเก็บของบนโต๊ะอ่านหนังสือให้เรียบร้อยแล้วหันกลับไปมองเตียงที่ผู้ชายสองคนต้องนอนด้วยกันในคืนนี้ เอาจริงๆ ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยนอนด้วยกันมาก่อนแต่ทุกครั้งที่ผ่านมา ผมมักจะหลับไปก่อนและน้อยครั้งมากที่พี่ภพจะนอนพักกับผมจนถึงเช้า วันนี้จึงเป็นวันที่ผมค่อนข้างตื่นเต้นและกังวลเล็กน้อย
ไม่นานนัก พี่ภพก็ออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นและหัวที่ยังเปียกชื้น
"เอ่อ..." ผมไม่กล้าสบตาพี่ภพเท่าไรเพราะไม่คิดว่าพี่ภพจะหุ่นดีขนาดนี้
"เป็นอะไรครับ..เขินพี่หรอ" พี่ภพพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ผมซะงั้น
"ปะ...เปล่าครับ แค่...เอ่อ...ทำไมพี่ไม่เช็ดผมให้แห้งครับ เดี๋ยวก็ไม่สบาย" ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง
"เช็ดให้พี่หน่อยสิ" พี่ภพพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนที่ทำให้ผมแพ้ทางทุกที
"...เหมือนที่เราเคยเช็ดให้พี่ไง"
"ผมหรอ..."
"ใช่...เราเคยเช็ดผมให้พี่ด้วย"
ผมพยายามคิดแต่ก็จำไม่ได้ "อ่า...ขอโทษทีครับ ผมจำไม่ได้"
พี่ภพไม่ได้ว่าอะไร แล้วค่อยๆ จับแขนผมให้นั่งลงบนเตียง เขายืนนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะย่อตัวเข้ามาใกล้ ทิ้งระยะห่างแค่พอสมควรแล้วก็ค่อยๆ นั่งลงตรงหว่างขาของผม ใบหน้าของเขาอยู่ในระยะที่สัมผัสได้ถึงอุ่นๆของลมหายใจ เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูที่เตรียมไว้แล้วยื่นให้ผม ชั่วขณะที่มือของเราสัมผัสกันผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ทำให้ใจผมเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
"นะครับ..." สีหน้าที่อ้อนๆ ของพี่ภพทำให้ผมปฏิเสธเขาไม่ได้ทุกที
"พี่ก็ชอบทำแบบนี้ทุกที" ผมบ่นเบาๆขณะที่เริ่มเช็ดผมให้พี่ภพ
"พี่เลียนแบบมาจากเราไง" พี่ภพพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขี้เล่น
"หืม...ผมไปทำหน้าแบบนี้ใส่พี่ตอนไหน"
ถึงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ภพพูดเท่าไร แต่ผมก็ยอมเช็ดผมให้เขาไปอย่างนั้น ห้องเงียบลงชั่วขณะมีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆของทั้งสองคนที่ดังก้องอยู่ในอากาศ
"เรารู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงมาอยู่ตรงนี้" พี่ภพพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเศร้าที่ยากจะอธิบาย
"ก็เพราะพี่เป็นห่วงเรามาก...ถึงรู้ว่าเราโตแล้ว แต่ก็ยังเป็นห่วง" พี่ภพพูดต่อโดยที่ผมยังคงนั่งนิ่งไม่รู้จะพูดอะไรดี
"..."
"คิดถึงเราตลอดที่ไม่ได้เจอกัน...ตอนนั้นพี่ตื่นขึ้นมา เราก็หายไปจากพี่แล้ว"
"..."
"แม่บอกว่า พี่คงไม่ได้เจอเราแล้ว แต่พวกเราก็ได้มาเจอกันอีก" พี่ภพมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
"..."ผมยังคงเงียบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร
"เราดีใจไหม..." พี่ภพถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงแต่ผมก็ยังไม่ตอบ เพราะทุกอย่างที่พี่ภพพูดมามันเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยรู้ไม่เคยจำได้
บทสนทนานี้เหมือนเป็นการพูดคุยเพียงคนเดียวเพราะทุกประโยคที่พี่ภพพูดมา ผมไม่เข้าใจ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเจอพี่ภพทั้งๆที่เขาบอกว่าเป็นพี่ชายข้างบ้านและความทรงจำหรือทุกอย่างที่พี่ภพพูดมา...ผมจำไม่ได้ และรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนเส้นบางๆระหว่างความจริงและความทรงจำที่หายไป ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและอะไรคือสิ่งที่พี่ภพเชื่อว่าเป็นจริง
"พี่..." ผมเรียกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสน "ผม...ผมจำไม่ได้" พี่ภพมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าแต่ก็ยังมีรอยยิ้มอ่อนๆส่งมาให้
"ไม่เป็นไร...พี่เข้าใจ"แต่ในใจของผมกลับรู้สึกหนักอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าความจริงคืออะไรและทำไมความทรงจำของผมถึงขาดหายไป...
"เฮ้ย ไอ้ภพ มึงกลับบ้านกับเด็กนั่นทุกวันเลยเหรอวะ"เสียงแซวของเพื่อนในห้องดังขึ้น ขณะที่ภพกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง"ทำไมหรอ?" เพื่อนยักไหล่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะว่าต่อ "ก็น้องชายมึงก็ไม่ใช่... มึงลองพามันไปบ้านมึงดิ๊"ภพหลุดหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า "มึงอยากให้กนกไปบ้านกูจริงดิ เดี๋ยวพ่อกูก็อาละวาดบ้านแตกหรอก""แม่มึงก็เก่งเนอะ อยู่กับพ่อมึงได้""แล้วกูไม่เก่งหรอวะที่อยู่กับพ่อแม่ได้""ไอ้เหี้ย มึงเป็นลูกมึงก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ป่ะวะ""มั้ง..."เสียงหัวเราะเบาๆ ปะปนกับการพูดคุยเล่นกันในห้องเรียนแต่ภพกลับไม่ได้สนใจนัก เขาเพียงแต่เงียบลงเมื่อนึกถึงกนกเด็กน้อยที่มักจะรอเขากลับจากโรงเรียนทุกวัน มันเป็นเรื่องจริง... เพราะเส้นทางที่เขากลับบ้านผ่านสำนักงานสาธารณสุขตำบลพอดี ทุกเย็นน้าเพชรจะพากนกมาทำงานด้วย และกนกก็มักจะมาเล่นอยู่ที่สวนข้างสำนักงานรอให้ภพพากลับบ้านด้วยกัน มันเป็นแบบนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกัน"พี่ภพ..."กนกน้อยจับเสื้อภพเขย่าเบาๆ ขณะที่พวกเขากำ
"เราจำตุ๊กตาตัวนี้ได้ไหม..."พี่ภพค่อยๆ หยิบตุ๊กตาตัวนั้นมาให้กนก ตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเดิมผ้าขนหนูที่คลุมอยู่บนตักร่วงลงพื้น เขาหันหน้าหนีปิดตาแน่นไม่กล้ามองสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว มันเป็นอะไรที่เขาอธิบายไม่ได้แค่เห็นภาพนั้นกล้ามเนื้อก็เริ่มเกร็งหัวใจเต้นแรง และเริ่มหายใจหอบ“น้องกนก...” พี่ภพเรียกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกังวล กนกไม่ตอบจนพี่ภพรีบขึ้นไปบนเตียง โอบกอดน้องไว้แน่น“เราไม่ต้องกลัว...เราจะปลอดภัย”“ผะ...ผม...ผมไม่อยากเห็นมัน...” หอบถี่และหนักหน่วง สะท้อนถึงความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอก มือที่กำเสื้อของพี่ภพไว้สั่นระริก ความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยึดเหนี่ยวเขาไว้ในตอนนี้“เราจะไม่เป็นอะไร...พี่จะอยู่ข้างเรา...จะไม่มีใครทำอะไรเรา” เสียงกระซิบของพี่ภพนุ่มนวลและอบอุ่น ราวกับสายลมอ่อนที่พัดผ่านใจ เขาเผลอหลับตาลงปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาอย่างแผ่วเบา มันเหมือนมีมนต์สะกดค่อยๆปลดเปลื้องความตึงเครียดในอกไปทีละนิด ลมหายใจที่เ
ผมพยายามไม่รอเขา...แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาฬิกาบนมือถือทุกๆ สิบนาที ไม่ดูหรอก...ก็ตั้งใจอ่านหนังสือนิยายอยู่นะ วันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังสอบ ควรจะผ่อนคลายสักหน่อย แต่ไม่รู้ทำไม ตัวหนังสือที่เคยสนุกกลับกลายเป็นแค่ตัวอักษรที่เรียงกันไม่มีความหมาย หรือว่าผมกำลัง...ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที ใจเต้นแรงเหมือนเด็กน้อยที่รอคอยของขวัญ แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่พี่ภพ..."คนเก่ง...ได้ท็อปเลยดิ ยังอ่านหนังสือทั้งที่วันนี้ก็วันศุกร์" มิวยืนอยู่หน้าประตู ยิ้มกว้างพร้อมกับชีทที่ถืออยู่ในมือผมพยักหน้าเล็กน้อย พยายามเก็บความรู้สึกผิดหวังไว้ในใจ "ทำไมวันนี้มาหาเรา...ลืมอะไรหรือเปล่า""ลืม...ลืมชีทที่เราให้แกวันติวไว้""อ้าว แล้วไม้โทรมาบอก" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติ"ก็ห้องอยู่แค่ชั้นเดียว เดินมาหากันก็ได้" มิวยักไหล่แล้วก็ส่งสายตามองผมอย่างสนใจ"...ไม่ใช่หรอ หรือแกมีอะไร""มีอะไรล่ะ ไม่มี"มิวหัวเราะเบาๆ "แล้วนี่ไม่กลัวแล้วหรอ...พี่ชายข้างบ้านยังมาหาอยู่ไหม""ก็มา
ช่วงสอบปลายภาค พี่ภพแวะมาหาเขาเกือบทุกวัน บางวันก็ขอแวะมานอนด้วยโดยอ้างว่า "หอพี่แอร์เสีย" หรือ "อยากติวหนังสือเป็นเพื่อน" แต่กนกรู้ดีว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างเพราะสุดท้ายแล้วพี่ภพก็ไม่ได้แตะหนังสือสักเท่าไหร่ มีแต่เขาส่วนพี่ภพก็นอนกลิ้งเล่นอยู่ข้างๆแรกๆ กนกยังรู้สึกเกร็งเวลาถูกพี่ภพจ้องมอง ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเขามักจะพบสายตาอบอุ่นคู่นั้นมองอยู่เสมอเป็นสายตาที่ทำให้ใจเต้นแปลกๆราวกับว่าพี่ภพเห็นบางสิ่งในตัวเขาที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป... ความรู้สึกพวกนั้นก็ค่อยๆจางหาย สายตาที่เคยหลบเลี่ยงหรืออาการประหม่าเมื่อต้องอยู่ใกล้พี่ภพเริ่มหายไปเช่นกันแทนที่ด้วย...ความสบายใจการมีพี่ภพอยู่ด้วยกลายเป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน ห้องที่เคยเงียบเหงาก็กลับมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของขนมที่พี่ภพชอบซื้อมาให้หัวใจที่เคยปิดกั้นเริ่มเปิดออกทีละนิด"ไงครับคนเก่ง วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม?"เสียงทุ้มที่ฟังแล้วอบอุ่นเสมอดังขึ้นจากด้านหลัง กนกเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะถอนหายใจยาว
ช่วงเวลาการสอบปลายภาคของปีหนึ่งผ่านไปอย่างแสนเหนื่อย เขาอดนอนมาหลายคืนเพื่ออ่านหนังสือทบทวนเนื้อหา ร่างกายอ่อนล้า แต่จิตใจกลับว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่รู้ว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาในชีวิตไม่ใช่ผี และยังเป็นคนรู้จักกับแม่ ความหนักอึ้งในใจกลับเบาลงและรู้สึกปลอดภัยขึ้นโดยไม่รู้ตัวแต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ พี่ภพยังมาหาเขาเป็นประจำบางวันมาตอนบ่าย พร้อมกับขนมของว่างวางไว้บนโต๊ะเรียนของเขาบางวันมาตอนเย็น ยืนรออยู่หน้าหอพักด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตากลับดูอ่อนโยน กนกพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับ เพราะกลิ่นหอมๆ นั้นทำให้ท้องร้องทุกทีและบางคืน...ชายคนนั้นมาเพียงเพื่อบอก "ฝันดีนะ"เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมมืออุ่นที่ลูบเบาๆ บนศีรษะ กนกมักจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมถึงดูแลเขาขนาดนี้ แต่พอรู้ตัวอีกที หัวใจของเขาก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อนแล้วแต่ที่ทำให้สับสนยิ่งกว่าคือ บางคืน...เขากลับเข้ามากอด อ้อมแขนนั้นแน่นหนา แข
หลังจากที่กนกได้รู้ความจริงว่า คนที่เขาเจอในฝันที่เหมือนจริงมาตลอดคือ พี่ภพ พี่ชายข้างบ้านที่เขาลืมไปแล้ว ความทรงจำในวัยเด็กของเขาหายไปเหมือนกระดาษหน้าหนึ่งที่ถูกฉีกทิ้ง ทุกครั้งที่พยายามนึกย้อนก็มักจบลงด้วยความสับสนจนปวดหัวแต่ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ภพถึงโผล่มาหาเขาแบบนี้ หรือเหตุผลอะไรที่ทำให้พี่ภพก้าวเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง…แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้คือ ความอบอุ่น เสมอเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนั้นช่วงนี้ พี่ภพมาหาเขาทุกเย็น เอาของอร่อยมาให้ กนกก็มักจะรับมันมาด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ อาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคย หรือเพราะเขายังไม่เข้าใจสถานะของพวกเขาในตอนนี้"เราแข็งแรงดีไหม?""ครับ""ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วสินะ""ครับ""ขนมที่พี่ซื้อมาถูกใจไหม?""ครับ"กนกตอบรับสั้นๆ ทุกคำถามโดยแทบไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วคำพูดต่อมาของพี่ภพกลับทำให้เขาสะดุด"เรานี่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ"กนกเผลอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบ "คะ...ครับ?"
มิวมาพักกับกนกได้ราวหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะต้องกลับไปอ่านหนังสือและติวให้เพื่อนกลุ่มอื่น คืนนี้จึงเป็นคืนแรกในรอบหลายวันที่กนกต้องนอนคนเดียวอีกครั้ง เขาปิดไฟและพลิกตัวซุกผ้าห่ม ตั้งใจจะข่มตานอน แต่แล้ว...แกร๊ก!เสียงของลูกบิดประตูที่หมุนเบาๆ ทำให้ร่างทั้งร่างแข็งค้างหัวใจเขาเต้นระรัวพร้อมลมหายใจที่ติดขัด ราวกับถูกพันธนาการด้วยความกลัวที่บีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออกใคร?น้ำตาค่อยๆไหลออกมาพร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่นสะท้าน สติเริ่มตีกันยุ่งเหยิง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาใกล้ๆจนกระทั่ง...อ้อมแขนอบอุ่นโอบกอดเขาไว้แน่น"ไม่ต้องกลัวนะ..." เสียงทุ้มกระซิบข้างหูนั้นแผ่วเบาและมั่นคง"ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้ว" กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากเสื้อตัวหนาของชายแปลกหน้า อ้อมแขนที่กอดแน่นนั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยจนน่าแปลกใจ กนกหอบหายใจหนักขึ้นและร่างกายยังคงสั่นสะท้านแต่สัมผัสจากคนตรงหน้ากลับช่วยให้หัวใจที่เต้นกระหน่ำเริ่มสงบลงทีละนิด"พี่ขอโทษ...พี่ขอโทษสำหรับท
วันนี้กนกเริ่มรู้สึกว่า…บางที คนที่ตามเขาอาจไม่ใช่ผีอย่างที่เขาคิด สายตาของใครบางคนเหมือนเฝ้าจับจ้องเขาจากที่ไกลๆ มันไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกวูบไหวหรือภาพหลอนที่เกิดจากความหวาดระแวง แต่มันชัดเจนจนทำให้ขนที่ต้นคอลุกชัน"หืม…มีอะไรเหรอ?" พราวถามขึ้นระหว่างกำลังตักข้าวเข้าปากในโรงอาหารกนกขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า "เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก" พราวเหลือบตามองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อช่วงบ่าย ขณะเดินไปห้องแล็บ มิวเข้ามากระซิบที่ข้างหูพราว เสียงของเขาเบาราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน พราวชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าตกใจแต่ก็พยายามเก็บอาการแล้วทั้งสองค่อยๆลดความเร็วในการเดินราวกับกำลังจับตาดูอะไรบางอย่างตรงข้ามกับพวกเขา กนกกลับเดินนำหน้าอย่างสบายใจ หูฟังเสียบอยู่กับหู ขยับปากร้องเพลงเบาๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่และมันก็เป็นอย่างที่คิด...เมื่อมิวกับพราวถอยห่างออกมา ก็เห็นชายคนหนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน สวมหมวกและผ้าปิดปาก เดินลอบเลียบเลาะตามกนกอย่างแนบเนียน ทว่า…มีบางอย่างผิดปกติวันนี้เขาใส่เสื้อแขนยาว
ห้วงความฝันเด็กชายตัวเล็กพยายามยื้อแย่งตุ๊กตาในอ้อมปากของเจ้าหมาจอมดื้อ"อื้ออ... อย่าเอาของน้อง! แงงง!"เขาร้องไห้สะอึกสะอื้น ดึงสุดแรงเกิด แต่แรงเด็กน้อยสู้หมาตัวโตไม่ไหว ตุ๊กตาหมีสีเหลืองยังคงถูกคาบแน่นในปากของมัน"แง... แงงง!" เสียงร้องดังลั่นไปทั่วสนามหญ้า จนเด็กอีกคนวิ่งเข้ามาพร้อมกับไม้ในมือ"ไอ้หมา! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!"...ฟาด!... ฟาด!เจ้าหมาสะดุ้งเฮือก ส่ายหัวไปมา ก่อนจะทนความเจ็บไม่ไหว ยอมคลายตุ๊กตาหมีสีเหลืองออกจากปาก"เย้ๆๆ!" เด็กน้อยกระโดดดีใจ เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้น พี่ชายใจดีที่ช่วยปกป้องเขาหยิบตุ๊กตาขึ้นมา"อันนี้ของเราสินะ แต่มันเปื้อนหมดเลย""ไม่เป็นไรครับ... หมูเหลืองไปซักได้"เด็กชายตัวน้อยยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย ก่อนภาพทุกอย่างจะเลือนหายไป…...วี๊วอ! วี๊วอ!เสียงไซเรนรถพยาบาลดังระงมไปทั่ว ความวุ่นวาย เสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่ เสียงวิทยุสื่อสารแทรกเป็นระยะมือของเขาเปื้อนเลือด...เลือด