Share

เรื่องราว

last update Last Updated: 2025-05-13 18:30:29

วันนี้เป็นอีกวันหยุดที่เขาพาน้องมาเล่นที่บ้านสวนแต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากบ้าน หลุดลอดมาถึงสวนมะพร้าวที่พวกเขาอยู่ ภพชะงักและหันไปสบตากับกนกที่กำลังเล่นสนุกกันอยู่

"พี่ภพ...เสียงอะไรน่ะ"

ภพไม่ได้ตอบแต่เขารู้สึกไม่ดีเลย มันไม่ใช่เสียงทะเลาะเบาๆ หรือแค่ใครทำของหล่น มันดูรุนแรงกว่านั้น

"ไปดูที่บ้านกัน" เขาตัดสินใจจูงมือน้องวิ่งกลับไป

แต่เมื่อไปถึงภาพที่เห็นทำให้เขาแทบหยุดหายใจ เมื่อเห็นพ่อยืนอยู่กลางบ้าน เขาคนนั้นร่างกายผอมซูบกว่าเดิม ดวงตาแดงก่ำคล้ายคนที่ไม่ได้หลับมาหลายวัน เสื้อผ้ายับยู่ยี่เหมือนไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวันด้วยซ้ำแต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าทุกอย่างคือ พ่อกำลังยื้อแย่งอะไรบางอย่างจากมือแม่จนทำให้ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด

"แม่!"

ภพตะโกนสุดเสียงจนพ่อชะงัก แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่เขาจะหันขวับมาทางแม่อีกครั้ง

"ทำไมไม่มี! เอาไปไว้ไหน! เงินมันอยู่ไหน!" พ่อตวาดใส่แม่เสียงดัง

"ฉันไม่มีแล้ว! พอเถอะนะ!" เสียงแม่สั่นเครือแต่พ่อไม่ฟัง เขากระชากตัวแม่แรงขึ้นก่อนจะเริ่มลงมือตี

"พ่อ! อย่าทำแม่! พ่อหยุดนะ!" ภพพุ่งเข้าไปห้ามแต่มือเล็กๆ ของเขาไม่มีแรงพอจะหยุดชายร่างใหญ่ที่กำลังโกรธจัด

"ไอ้เด็กเวร! ถอยไป!"

เสียงตวาดของพ่อดังก้องในบ้าน ราวกับแรงกระแทกที่ซัดเข้ามาเต็มอก ภพตัวสั่นหวาดกลัว มือของเขากำแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว

นี่คือพ่อของเขาจริงๆ ใช่ไหม...ชายที่เคยอุ้มเขาเล่นตอนเด็ก เคยลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู เวลาล้มก็เคยอุ้มขึ้นมาแล้วบอกว่า "ลูกพ่อเก่ง จะไม่ร้องไห้ใช่ไหม"แต่ตอนนี้ ภาพตรงหน้าไม่เหลือเค้าเดิมเลยสักนิด แค่ไม่ได้เจอกันห้าเดือน...ทำไมพ่อเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ทำไมแววตาที่เคยมองเขาด้วยความรักกลับกลายเป็นความขุ่นเคืองโกรธเกรี้ยว มือที่เคยอ่อนโยนถึงกลายเป็นมือที่กำลังทำร้ายแม่

"พ่อ..."เสียงของภพสั่นสะท้านออกมาเพียงแผ่วเบา แต่พ่อไม่ได้ยินหรืออาจจะไม่ได้สนใจอีกแล้ว หัวใจของเขาหนักอึ้งไปหมดความอบอุ่นในความทรงจำแตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยวที่ไม่มีวันต่อกลับมาได้เหมือนเดิม

แม่ร้องไห้เสียงสะอื้นขาดเป็นห้วงพยายามใช้แขนปกป้องตัวเองจากแรงทุบตีของพ่อ ภพใจสั่นเขาโถมตัวเข้าหาพยายามดันร่างของพ่อออกไป แต่แรงของเด็กสิบสองขวบไม่มีทางสู้แรงของผู้ชายเต็มวัยได้เลย

"พ่อ! หยุดเถอะ!"

พ่อผลักเขากระเด็นไปอีกทางเหมือนเขาเป็นแค่เศษฝุ่นไร้น้ำหนัก ภพล้มลงกับพื้นฝ่ามือเสียดกับไม้กระดานจนแสบไปหมดแต่เขาไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวด ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เสียงร้องของแม่ คนงานในสวนรีบกรูกันเข้ามา บางคนตะโกนเรียกให้ช่วยกันแยกพ่อออกไป ภพคิดว่าอย่างน้อยตอนนี้เขาไม่ได้สู้เพียงลำพังแล้ว...แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ทุกอย่างกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม พ่อขัดขืนดิ้นรนเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกต้อนจนมุม คนงานหลายคนช่วยกันฉุดรั้งร่างเขาออกไป พ่อเซถลาไปด้านหลังก่อนที่มือของเขาจะคว้าเอาไม้หน้าสามที่พิงอยู่ตรงเสาบ้านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เขาเห็นพ่อเงื้อไม้ขึ้นสูง ตั้งใจจะฟาดลงที่แม่

"แม่!!!"

ขาของภพพุ่งออกไปโดยไม่ต้องคิด สมองของเขาสั่งการเพียงอย่างเดียว ต้องปกป้องแม่

ไม้หน้าสามฟาดลงมาสุดแรง แต่แทนที่จะกระทบกับร่างของแม่ มันกระแทกเข้ากับศีรษะของเขาเต็มแรง

ผัวะ!

โลกทั้งใบสั่นสะเทือน เสียงกรีดร้องของแม่ดังลั่นแต่ภพแทบไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว แรงกระแทกจากไม้หน้าสามฟาดเข้าเต็มแรง ใบหน้าของเขาสะบัดไปตามแรงนั้นและทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งชั่วขณะ ก่อนที่ร่างของเขาจะปลิวไปกระแทกกับขอบโต๊ะอย่างแรง ความเจ็บแปลบแล่นพล่านไปทั่วร่าง อากาศในปอดเหมือนถูกบีบหายไปชั่วขณะ เลือดอุ่นไหลซึมผ่านหน้าผาก ลามลงมาตามข้างแก้มก่อนหยดลงบนพื้นไม้เก่าเป็นดวงสีแดง สายตาของเขาพร่าเลือน แต่ยังมองเห็นภาพทุกอย่างอยู่รางๆ

เสียงเอะอะเมื่อครู่เหมือนถูกกลืนหายไปกับอากาศ มีเพียงเสียงสะอื้นของแม่ที่แทรกเข้ามาเป็นระลอกและสติของเขาที่กำลังดับวูบลง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดำสนิท มีเพียงภาพสุดท้ายที่ติดตา

เด็กชายวัยสี่ขวบที่ยืนตัวสั่นริมเสาบ้าน ร่างเล็กนั้นแข็งค้างราวกับรูปปั้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างสะท้อนภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้นตรงหน้า

ไม่มีใครปิดบังเขา ไม่มีใครกันเขาออกจากภาพนรกนี้

ทุกความรุนแรง ทุกเสียงกรีดร้อง ทุกหยดเลือด ถูกบันทึกไว้ในดวงตาของเด็กคนนั้นตลอดไป ...ไม่ลบเลือนไปตลอดชีวิต

เสียงร้องไห้ระงมปะปนกับเสียงไซเรนของรถพยาบาลและรถตำรวจที่ขวักไขว่ไปมา ฝีเท้าของเจ้าหน้าที่เร่งรีบวุ่นวายสับสนไปหมด ทุกอย่างพร่าเลือนในสายตาของภพ มีเพียงความรู้สึกเย็นวูบจากเหล็กของเปลพยาบาลที่ไหลผ่านผิวกาย เลือดอุ่นๆ ยังคงไหลซึมลงมาตามข้างแก้ม กลิ่นคาวคลุ้งในจมูกทำให้รู้สึกคลื่นไส้แต่เขาไม่มีแรงพอจะขยับตัวหรือแม้แต่ลืมตาขึ้นมองรอบตัว

เสียงแม่ดังแว่วเข้ามาเป็นระยะ แฝงไปด้วยความเจ็บปวดและแตกสลาย ร้องขออะไรบางอย่างซ้ำๆ เสียงนั้นสั่นเครือจนภพแทบไม่อาจแยกแยะได้ว่าเป็นคำพูดหรือเพียงเสียงสะอื้น

ท่ามกลางความสับสน เขารู้สึกถึงมือเล็กๆ ที่กอบกุมมือของเขาไว้แน่น เสียงใสน้อยๆ สั่นระริก กระซิบอยู่ข้างหู

"ไม่ต้องกลัวนะพี่ภพ... จะไม่ทำร้ายพี่อีกแล้ว"

จากนั้นทุกอย่างก็ค่อยๆ เลือนหายไป เหมือนถูกกลืนลงสู่ความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด

บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึมครึมที่ยากจะอธิบาย ภายในห้องไอซียู ภพยังคงนอนหลับอยู่ในสภาพที่ไร้สติ เครื่องช่วยหายใจทำงานตามจังหวะ ทุกการเคลื่อนไหวของแพทย์และพยาบาลรอบตัวเขาดูเร่งรีบและเคร่งเครียด เสียงฝีเท้าที่เดินขวักไขว่แต่ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมดนี้ ภพยังคงนิ่งเงียบ ร่างกายเต็มไปด้วยสายสวนและเครื่องมือที่คอยจับสัญญาณชีวิตของเขา ความเจ็บปวดจากเมื่อคืนยังคงฝังลึก ทุกการเคลื่อนไหวในห้องนี้เหมือนจะย้ำเตือนถึงการต่อสู้กับเวลาที่ไม่มีใครรู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ และร่างเล็กของเด็กน้อยที่สลบไปหลังจากขึ้นรถพยาบาลมาด้วยกัน

ห้องโถงโรงพยาบาลเงียบสงัดท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด หมอเพชรเดินเร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องพักญาติของผู้ป่วยหนัก หัวใจของเขากระตุกวูบตั้งแต่ได้รับข่าวว่าภพ เด็กชายข้างบ้านถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจนต้องเข้าห้องไอซียู และลูกชายของเขา...กนกเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย แม้ได้รับแจ้งว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ความกังวลก็ยังถาโถม

เมื่อเดินมาถึง เขาพบแม่ของภพ แป้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าซีดเผือดเหมือนไร้ชีวิตชีวา แววตาว่างเปล่าของเธอทอดมองไปข้างหน้าเหมือนยังไม่สามารถตั้งสติได้เต็มที่

"แป้น..." เขาเรียกเบาๆ พลางนั่งลงข้างเธอ

ราวกับเสียงนั้นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เธอเกาะไว้ได้ หญิงกลางคนหันมามองหน้าเขาก่อนที่น้ำตาจะไหลพรากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงสะอื้นหนักหน่วงสั่นสะเทือนถึงหัวใจคนฟัง

"หมอเพชร...ภพของฉัน...ลูกของฉัน..."

หมอเพชรขยับเข้าไปโอบกอดเธอเบาๆ ปล่อยให้เธอร้องไห้ระบายความเจ็บปวดที่แบกรับมาตลอด มือของเขาลูบหลังเธอช้าๆ อย่างปลอบโยน

"ฉันรู้...ฉันรู้ แป้น เธอเข้มแข็งมากแล้ว" เขากระซิบเสียงเบา ค่อยๆ ใช้น้ำเสียงมั่นคงเพื่อช่วยให้เธอตั้งสติ

เมื่อเธอยังคงตัวสั่นสะอื้นอย่างไม่หยุด เขาจึงตัดสินใจพยักหน้าเรียกพยาบาลที่เดินผ่านไปมา "ช่วยพาคุณแป้นไปพักที่ห้องพักฟื้นหน่อยนะ ให้เธอได้พักผ่อนและขอยาคลายเครียดให้ด้วย"

พยาบาลพยักหน้าเข้าใจและพยุงแป้นไปยังห้องพัก หมอเพชรมองตามไปด้วยความเป็นห่วงก่อนจะถอนหายใจยาว เขาต้องการให้เธอได้พักบ้าง เพราะเขารู้ดีว่าแม่ที่ต้องเห็นลูกตัวเองบาดเจ็บสาหัส มันเจ็บปวดเกินกว่าจะรับไหว

เขาหันไปหาพยาบาลคนหนึ่งที่เดินออกมาจากโซนห้องไอซียู "ภพเป็นยังไงบ้างครับ?"

พยาบาลเหลือบมองเขา ก่อนตอบด้วยสีหน้าหนักใจ "อาการของคุณภพยังทรงตัวค่ะ เขาถูกทำร้ายด้วยไม้หน้าสาม กระแทกเข้าที่ใบหน้าเต็มแรง ตอนนี้ยังต้องเฝ้าระวังอาการใกล้ชิด คุณหมอหลายท่านกำลังดูแลเขาอยู่"

หมอเพชรพยักหน้ารับ ริมฝีปากเม้มแน่น แม้เขาจะพยายามควบคุมอารมณ์ แต่หัวใจกลับหนักอึ้งไปหมด

"แล้วลูกชายฉันล่ะ...กนก?"

"คุณกนกไม่ได้รับอันตรายค่ะ แต่สลบไปจากอาการช็อก ตอนนี้พักฟื้นอยู่ในอีกห้องหนึ่ง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่"

คำพูดนั้นทำให้หมอเพชรผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกไปเล็กน้อย แม้กนกจะปลอดภัย แต่เขาก็รู้ดีว่าจิตใจของลูกชายต้องได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้แน่

ภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพที่ทำงานเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

หมอเพชรก้าวเข้ามาในห้อง ร่างสูงของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจ ดวงตาคมทอดมองไปยังเตียงที่ลูกชายนอนอยู่ กนกยังคงหลับสนิท ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวาบัดนี้กลับซีดเซียวจนเขารู้สึกเจ็บไปทั้งอก

พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเตียงกล่าวเบาๆ "คุณกนกหมดสติไประหว่างทางมาโรงพยาบาล อาจเป็นเพราะความเครียดและอาการช็อก ตอนนี้สัญญาณชีพคงที่แล้วค่ะ ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เพียงแต่จิตใจอาจต้องใช้เวลา"

หมอเพชรพยักหน้ารับ ฟังทุกคำพูดอย่างเงียบงัน ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้เตียง

มือใหญ่ของเขาเอื้อมไปลูบศีรษะของลูกเบาๆ สัมผัสเส้นผมนุ่มที่เคยยุ่งเหยิงเพราะเจ้าตัวชอบซุกหน้าอยู่กับหนังสือ กลับกลายเป็นผมที่แนบไปกับหมอนราวกับไร้ชีวิตชีวา

"ลูก..." เสียงของเขาเบาหวิวแทบเป็นเพียงเสียงลมหายใจ

ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาจนหัวใจแทบแตกสลาย เขาคิดว่าตัวเองเป็นแม่ที่เข้มแข็งพอที่จะปกป้องลูกจากทุกสิ่ง แต่วันนี้...เขากลับปล่อยให้กนกต้องเผชิญกับความโหดร้ายของโลกใบนี้ตามลำพัง

"แม่ขอโทษ..."

หยดน้ำใสไหลซึมออกจากหางตา เขาสูดหายใจเข้าลึก พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกอัดอั้นเหล่านั้นไว้ เพราะเขารู้ดีว่า ตอนนี้ลูกต้องการความเข้มแข็งจากเขา ไม่ใช่น้ำตา

มือของเขาลูบเส้นผมของลูกเบาๆ อย่างอ่อนโยน "ตื่นขึ้นมาเถอะนะกนก แม่อยากเห็นรอยยิ้มของลูกอีกครั้ง"

เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ มีเพียงเสียงเครื่องช่วยหายใจที่ยังคงทำงานเป็นจังหวะ

แต่ก่อนที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับลูกนานกว่านี้ ประตูห้องพักก็เปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ พ่อของกนกเดินเข้ามา สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลจับจ้องไปยังร่างของลูกชายบนเตียง

"กนก...ลูกของพ่อ"

หมอเพชรหันไปมองคนรักของเขา ทั้งสองสบตากันโดยไม่มีคำพูดใดๆ แต่ความรู้สึกที่แบกรับอยู่ในใจของพวกเขากลับหนักอึ้งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ไม่สมบูรณ์แต่เข้าใจ

    หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เผชิญหน้า

    วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ความสุข

    ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ครอบครัว

    "อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   กำลังใจของกันและกัน

    หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   สวนมะพร้าวบ้านพี่ภพ

    เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status